๐๐ ..... กมโลภิกขุ .. ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ..... ๐๐ ... เรื่องสั้นหลายตอนจบ ...
|
|
.
กมโลภิกขุ ... ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ
บทที่ 1
พระภิกษุองค์หนึ่งหิ้วถุงโอเลี้ยงเดินสำรวจเจดีย์เก่าแก่ของวัด อีกมือถือนิตยสารหน้าปกสาวสวย...เป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ เวลาลมพัดมาทีผ้าสบงปลิวเพยิบ อังสะผืนน้อยไม่ได้ช่วยปิดบังอะไร...พระภิกษุองค์นั้นคือผมเอง ผมพลอยบวชตามญาติคนหนึ่งซึ่งเป็นคุณหนูไม่กล้าบวชคนเดียวเพราะกลัวผี กลัววัด กลัวอยู่ตามลำพัง หารู้ไม่ว่าเมื่อเป็นพระแล้วต้องอยู่กุฏิองค์ละห้องอยู่ดี
ผมเพิ่งครบบวชหมาดๆ บวชกะทันหันรู้ตัวล่วงหน้าเพียงสองสามวัน แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย ขานนาคก็ไม่เป็นต้องให้พระองค์หนึ่งช่วยบอกบท
แน่ใจว่าต้องเป็นพระแน่เมื่อสัมผัสแรกของคมมีดโกนบนหนังศีรษะ นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวโล่งโจ้งเป็นเป้าสายตาของญาติมิตรและผองเพื่อนที่มาร่วมงาน
ใจคอไม่ดีเมื่อถูกแบกอยู่บนบ่าของผู้ขอร่วมบุญที่สับเปลี่ยนทุกรอบเวียนอุโบสถ ไม่ใช่อะไรมันจะตกนะซี ไม่แบกเปล่าเขย่าตัวตามจังหวะแตรวงซะอีก นาคสมาธิเตลิดเปิดเปิง
จนแม่และญาติๆ ช่วยกันอุ้ม ยก ผลักข้ามธรณีโบสถ์จึงเริ่มซึมซ่านแรงอนุโมทนาและพิธีกรรม จากนั้นแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ใครบอกให้ทำอะไรพูดอะไรก็ทำตาม..ก้มหัวลงให้พระอุปัชฌาย์สวมอังสะและกล่าวว่า ต่อไปนี้เป็นลูกของพระพุทธเจ้าแล้ว..ผมน้ำตาซึม
อดสะดุ้งไม่ได้เมื่อโยมแม่ยกมือไหว้ กราบผ้าเหลืองที่ครองอยู่ รวมทั้งญาติผู้ใหญ่และคนอื่นๆ...ในที่สุดผมก็เป็นพระสงฆ์สมความตั้งใจของท่านเหล่านั้น (ของผมหรือเปล่า?) มีฉายาว่า กมโล ภิกขุ ตามลักษณะของผม..ตัวแดงๆ
ผมและญาติร่วมบวชอยู่กุฏิห้องติดกัน..เป็นเรือนไทยทรงยาว ศาลาใหญ่ ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ด้านข้างตลอดความยาวยกเป็นแท่นพอนั่ง ถัดไปเป็นห้องเล็กๆ สำหรับพระสงฆ์ มีประตูหน้าต่างแบบเรือนไทย จะเข้าห้องต้องยกขาก้าวข้ามธรณีที่อยู่สูงขึ้นมาประมาณหนึ่งฟุต เปิดปิดประตูทีเสียงดังแอ๊ดได้ยินไปทั่ว เสียงนี้แหละเวลากลางคืนเสียวสยองดีนัก...แอ๊ด ด ด ด ด
เมื่อทุกอย่างเงียบสงบลง อยู่ตามลำพังในกุฏิ สิ่งแรกที่ทำคือเปิดฝาบาตรออกดู ในนั้นเต็มไปด้วยปัจจัยที่ญาติมิตรใส่ให้ มันมากเหมือนกัน ธนบัตรและเหรียญราคาต่างๆ..ผมจะทำอย่างไรดี พระสงฆ์จับต้องเงินได้หรือ เก็บสะสมไว้ได้ไหม..จะรู้ได้อย่างไร ขนาดอาหารยังห้ามกักตุน..แล้วเงินตั้งเยอะ
จีวรที่ห่มอยู่เริ่มคลายเกลียวหลวมหลุด..เออนะ ผมยังใส่ไม่เป็นเลย
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้อง
ชัยหรือ.. ผมเปิดประตูให้ญาติ อ้าว!
ผมเอง หลวงพี่อาจ.. ในอ้อมแขนหลวงพี่มีผ้าเหลืองหอบใหญ่ ออกมาหน่อยสิคุณ เขาไม่ให้อยู่กันสองต่อสองในที่ลับตานะ
มีอย่างนี้ด้วยหรือครับ? พระนี่นะ
เป็นระเบียบวินัยของสงฆ์..ออกมาครับ ผมนำจีวรมาให้ คุณมีอยู่ชุดเดียวไม่ใช่หรือ? หลวงพี่อาจยืนทะมึนเกือบเต็มกรอบประตู ผิวคล้ำตัวใหญ่
ครับ ผมจำต้องออกจากห้องตามกฎระเบียบ
จะสอนวิธีห่มผ้าให้ด้วย เรานั่งบนลานศาลา หลวงพี่อาจเริ่มสอนวิธีห่มจีวรแบบต่างๆ
คนกรุงเทพฯ ใช่ไหม มาบวชเสียไกล สำเนียงห้วนๆ มีเมตตา
ญาติผมเขาศรัทธาชื่อเสียงและเกจิอาจารย์ที่วัดนี้..ผมบวชเป็นเพื่อนครับ
อื้อ..ตรงดีนะเรา มิน่าตอนทำพิธีในโบสถ์แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แล้วผมจะทราบอย่างไรว่าพระต้องทำอะไรบ้าง สวดอย่างไรเมื่อไหร่ และชีวิตแต่ละวัน? ไม่ใช่อยากจะเป็นคนดีมีระเบียบวินัยอย่างไร แต่การเป็นพระย่อมมีวิธีการดำรงชีวิตที่แตกต่างจากคนธรรมดา จะกินอยู่หลับนอนตามสบายไม่ได้
คุณคงบวชไม่กี่วัน ไม่ต้องเคร่งนักก็ได้..แต่ละนะถึงไม่กี่วันคุณก็เป็นพระอยู่ดี.. หลวงพี่อาจให้ผมลองหมุนลูกบวบหลายๆ เที่ยวเพื่อความมั่นใจ พรุ่งนี้เช้าห่มผ้าลูกบวบแบบนี้ออกบิณฑบาตนะ
พรุ่งนี้เลยหรือครับ? ค่อนข้างตกใจ
ถูกต้อง.. หลวงพี่หยิบสิ่งหนึ่งออกมา ผิดระเบียบนิดหน่อย..แต่ถ้าคุณปฏิบัติได้แม่นยำแล้วเลิกใช้เสียนะ กลัดเข็มกลัดซ่อนปลายตรงตำแหน่งที่ยึดไม่ให้จีวรหลุด
มีหลายสิ่งที่ต้องกังวล..หลวงพี่ช่วยบรรเทาไปได้หนึ่ง ขอบคุณมากครับ ผมยกมือไหว้
ยังไงก็ลองหัดห่มให้แน่นๆ แล้วกัน..เวลาลงโบสถ์ตอนเช้าต้องห่มแบบมีผ้ากราบด้วยจำได้ไหม..
ครับ.. หน้างงๆ
แล้วจะมาดูให้อีกทีแล้วกัน..อ้อ..เวลาอยู่ในห้องหรือทำงานในวัดแค่นุ่งสบงและใส่อังสะก็พอ
เอ่อ.. ผมมองไปที่ประตูห้องของชัย
ผมเคาะหลายหนแล้วไม่ขานรับ สงสัยจำวัดเพลิน..เดี๋ยวค่อยมาเรียกใหม่แล้วกัน ผมต้องทำงานอย่างอื่นอีก หลวงพี่อาจลงจากศาลาไป
ตกบ่ายท้องเริ่มร้อง ดีที่ญาติโยมประเคนกาน้ำชาไว้ให้ ผมรินดื่มจนหมด..กว่าจะถึงเย็น กว่าจะค่ำ กว่าจะพรุ่งนี้เช้ากลับจากบิณฑบาตถึงจะได้กิน..เอ๊ย!..ฉันข้าว..ผมมิตายก่อนหรือ
รู้ว่าหลังจากมื้อเพลแล้วจะขบเคี้ยวอะไรไม่ได้ แต่ผมจะตายเอา...ไม่เข้าใจแล้วว่าจะถูกหรือผิด ผมหยิบธนบัตรจำนวนหนึ่งออกจากห้อง ลงจากศาลา
วัดที่ผมบวชนี้มีบริเวณกว้างขวาง ด้านหน้าเป็นโรงเรียนชื่อเดียวกับวัด ตรงกลางค่อนไปทางด้านหลังเป็นตลาด..ไม่น่าเชื่อว่ามีตลาดสดในวัด แต่คงมีแค่ช่วงเช้าเพราะมันหายไปทั้งที่ตอนเช้าเห็นชาวบ้านแน่นขนัดทั้งคนซื้อคนขาย
โชคดีที่มีเพิงขายของเล็กๆ หลบอยู่แถวหมู่เจดีย์ ขายสารพัด หนึ่งในนั้นคือกาแฟ โอเลี้ยง เครื่องดื่ม ของกินง่ายๆ ผมตัดสินใจเอ่ยขอซื้อโอเลี้ยง คนขายทำหน้างงนิดหน่อยแต่ก็จัดการให้
พระอ่านหนังสือได้ไหมครับ? ถามโง่ๆ ออกไป
ดะ..ได้..ครับ.. ตอบตะกุกตะกัก..คงเห็นผมกำลังมองนิตยสารหน้าปกสาวสวย..ไม่ใช่อะไร ก่อนมาบวชผมติดนิยายเรื่องหนึ่งอยู่ พระกรุงเทพฯ เพิ่งบวชวันนี้ใช่ไหมครับ
ผมยิ้มแทนคำตอบ ยื่นธนบัตรให้ รับถุงโอเลี้ยงขึ้นดูด..ซู๊ด!..หยิบหนังสือเดินออกมาหน้าตาเฉย..ไม่นึกว่าทำผิดอะไร
วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ มีโบราณสถาน ศาลาเก่าๆ ที่สวยงามมากมาย หมู่เจดีย์เป็นชั้นเชิงชวนให้เดินสำรวจดู ผมซึ่งอยู่ในชุดสบงและอังสะผืนน้อยดูดโอเลี้ยงพลางเดินชมวัดพลาง ลมแม่น้ำพัดพาให้ชื่นใจ สบงอังสะปลิวไสว
หลวงพี่ๆ.. เด็กวัดคนหนึ่งวิ่งร้องมาแต่ไกล
หือ?.. นิ้วจิ้มอกตัวเองเป็นคำถาม
หลวงพี่นั่นแหละ หลวงตาใบให้มาตามไปพบ เด็กหยุดหอบแฮ่กตรงหน้า
หลวงตาไหน..ทำไม.. ไม่ได้ถาม เหมือนบ่นคนเดียวมากกว่า..ดูดโอเลี้ยงอีกพรื้ด ทำท่าจะโยนถุงทิ้งข้างทาง
อย่าพี่!.. หลวงหายไป อาจเพราะพูดเร็ว อาจเพราะผมหูไม่ดี หรืออาจเพราะผมทำตัวไม่เหมือนหลวง เอามานี่ เด็กวัดดึงถุงโอเลี้ยงที่ผมแกว่งเล่นไปถือเสียเอง..คงได้รับการอบรมมาดี
.
จากคุณ |
:
ดาเรน
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ค. 53 18:04:45
|
|
|
|