เนื้อคู่ในกระจกเงา (ปรับปรุง)
|
|
เนื้อคู่ในกระจกเงา
...ใกล้เที่ยงคืนแล้ว...
ฉันนั่งอยู่ในห้องนอนหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มือข้างหนึ่งถือผลแอปเปิ้ลขนาดเหมาะมือ ในขณะที่อีกมือกำด้ามมีดปอกผลไม้อันคมกริบ
ไฟทั้งห้องถูกปิดจนหมด แสงสีเหลืองนวลอันน้อยนิดที่ได้จากเปลวเทียนไขทำให้ห้องถูกฉาบด้วยสีแปลกตา
ฉันมองแววตาไม่แน่ใจของตัวเองในกระจกเงาและพบว่ามันฉายความลังเลออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แสงสว่างมัวๆ และบรรยากาศอันเงียบกริบผลักดันให้ฉันรู้สึกขนหัวลุกอย่างไม่มีสาเหตุ บ่อยครั้งที่ฉันตกใจเงาที่พลิ้วไหวอันเกิดจากการไหวเอนของเปลวเทียน
ขณะนี้ห้องนอนอันแสนคุ้นเคยในเวลาปกติกลับไม่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเลย ราวกับว่ามันมีอะไรบางอย่างแฝงเร้นอยู่ในเงามืด และคอยจับตาการกระทำของฉันอยู่
แม้แต่ใบหน้าของฉันเองในกระจกเงาก็ตามที ใบหน้าที่ถูกแรเงาเข้มด้วยเงาที่เกิดจากแสงเทียนดูลึกลับไม่คุ้นตาและสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ฉันได้ไม่น้อย
...ล้มเลิกตอนนี้ดีมั้ยนะ...หยุดตอนนี้แล้วเดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ ดีกว่ามั้ย...
หลายวันก่อนหน้านี้ฉันและกลุ่มเพื่อนอีกหลายคนจับกลุ่มคุยกันตามประสาสาวโสดประจำออฟฟิศ และหนึ่งในเรื่องยอดนิยมของพวกเราก็คือเรื่องของฉันเอง
ฉันแอบชอบเพื่อนร่วมงานต่างแผนกคนหนึ่ง เขาทั้งสุภาพและดูดีมาก มากจนทำให้ฉันเองเลิกล้มความตั้งใจกลางคันเสียทุกครั้งที่คิดจะเข้าไปคุยด้วย
และหลังจากคุยไปคุยมาอยู่พักหนึ่ง คนใดคนหนึ่งในกลุ่มก็เกิดความคิดแผลงๆ ขึ้นมา
...วิธีดูเนื้อคู่...
คำซึ่งใช้เป็นหัวข้อในการค้นหาถูกพิมพ์ลงไปในเวบไซต์ที่ใช้สำหรับหาข้อมูล และเพียงเวลาไม่ถึงส่วนเสี้ยววินาทีชื่อเวบไซต์จำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ หลังจากคลิกเข้าไปที่ชื่อหนึ่งจากจำนวนหลายๆ ชื่อนั้น ข้อความจำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ
...วิธีดูเนื้อคู่ที่เป็นที่นิยมและแม่นจริง...
...ก่อนเริ่มให้ดับไฟให้หมดและจุดเทียนไขที่หน้ากระจกเงาเพื่อให้ความสว่างแทน...แสงสว่างนวลอันน้อยนิดของเทียนไขจะทำให้เกิดสมาธิและจิตใจแน่วแน่...
...นำแอปเปิ้ลและมีดปอกผลไม้มา...นั่งอยู่หน้ากระจกเงา...ตาจ้องมองเปลวเทียนไขตรงหน้าและตั้งจิตอธิษฐานถึงสิ่งที่เราปรารถนา...เนื้อคู่ของเรา...
...เมื่อถึงเที่ยงคืน ให้เริ่มปอกเปลือกแอปเปิ้ล โดยหันคมมีดเข้าหาตัว...ปอกช้าๆ อย่าให้เปลือกแอปเปิ้ลขาด...จิตใจยังคงอธิษฐาน...
...ขอให้เห็นเนื้อคู่...ขอให้เห็นเนื้อคู่...
...อย่าละสายตาจากกระจกเงา...
...ถ้าจิตใจแน่วแน่และอธิษฐานด้วยความจริงใจ...ภาพของเราในกระจกเงาจะค่อยๆ เลือนราง...และ...ภาพเนื้อคู่ของเราก็จะปรากฏขึ้นแทนที่...
...อย่าตกใจ...ปอกเปลือกแอปเปิ้ลต่อไปจนกระทั่งหมดผล...ทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเอง...
...คำเตือน...วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากแต่ค่อนข้างจะน่ากลัว คนขวัญอ่อนห้ามทำโดยเด็ดขาด...
...และ...ห้ามให้เปลือกแอปเปิ้ลขาดเป็นอันขาด...
เฮ้ย น่าสนุกนะ แกลองดูสิ ดูว่าเขาจะใช่เนื้อคู่แกรึเปล่า
คำพูดของเพื่อนคนหนึ่งดึงความสนใจของฉันออกจากข้อความบนหน้าจอ
บ้า...แกเนี่ย...นี่มันเรื่องหลอกเด็ก...แกเชื่อเข้าไปได้ยังไง
ไป...เที่ยงแล้ว...ไปหาอะไรกินกันดีกว่า
ฉันพูดเปลี่ยนเรื่องแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ในขณะที่หัวสมองของฉันจดจำวิธีการไปเรียบร้อยแล้ว
นี่ฉันบ้ารึเปล่าเนี่ย ทั้งๆ ที่บอกพวกนั้นเองแท้ๆ ว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก
...แต่...จะลองดูหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง อีกอย่างฉันก็เสียเงินซื้อแอปเปิ้ลมาหัดปอกตั้งหลายเงินแล้วด้วย
สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างๆ เทียนไข
...ใกล้เที่ยงคืนแล้ว...
...ตึ่กตั่ก...ตึ่กตั่ก...
หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาจากอก
...เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ...เงาในกระจกเงาบอกฉันแบบนั้น
...แกร๊ก...
เข็มยาวและเข็มสั้นชี้ที่เลขสิบสอง
ความลังเลทั้งหมดหยุดลง ฉันกดคมมีดลงบนผิวแอปเปิ้ลโดยอัตโนมัติ ลูกแอปเปิ้ลในมือถูกหมุนให้สอดคล้องกับจังหวะกดคมมีดอย่างชำนาญ ตาจ้องไม่กระพริบขณะที่ในใจนึกถึงเขาคนนั้น
...คนที่อาจจะเป็นเนื้อคู่ของฉัน...
ราวกับลมเย็นไม่มีที่มาลูบไล้ต้นคอ ฉันขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ เปลวเทียวไหวเกิดเงาอันสั่นคลอนประสาทเป็นอย่างยิ่ง มือเผลอกดคมมีดลึกลงไปไม่รู้ตัว
จังหวะแกว่งไปเล็กน้อยก่อนที่คมมีดจะถูกประคับประคองให้อยู่ในระดับและจังหวะการปอกตามเดิม เปลือกแอปเปิ้ลสีขุ่นๆ อันเกิดจากการบิดเบือนจากแสงเทียน ค่อยๆ คลายและทิ้งตัวเป็นเส้นยาวๆ ลงสู่พื้นเบื้องล่าง
แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ รู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ด้านหลัง บรรยากาศช่างน่าหวาดระแวง
ในกระจกเงา ภาพของฉันค่อยๆ เลือนราง และในนั้นดูเหมือนจะมีเค้าโครงหน้าของใครบางคนแทรกขึ้นมาแทนที่
...ตึ่กตั่ก...ตึ่กตั่ก...
ทั้งๆ ที่อยากรู้ แต่ทำไมในเวลานี้ฉันกลับไม่อยากเห็นดื้อๆ เสียอย่างนั้น
...ใช่เขาหรือเปล่านะ...ใช่...ต้องใช่สิ...แล้ว...ถ้าไม่ใช่ล่ะ...ถ้าคนในกระจกไม่ได้เป็นอย่างที่คิดล่ะ...ไม่ๆๆ...มันต้องใช่สิ...ต้องเป็นเขา...
ภาพในกระจกที่ถูกแทรกขึ้นมาเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นจากเมื่อสักครู่ ความตั้งใจ ความตื่นเต้น ความลังเล ทำให้สมาธิฉันแตกกระเจิง และเป็นอีกครั้งที่คมมีดถูกกดลึกและเร็วกว่าที่มันควรจะเป็น
ฉันเพ่งมองภาพที่ปรากฏแทรกขึ้นมาในกระจกตรงหน้าอย่างตั้งใจ ร่างกายและใบหน้าโน้มเข้าไปหากระจกอย่างไม่รู้ตัว...
...ใครกันนะ...ใครกัน...ใช่เขาหรือเปล่า...
...ทันใดนั้น...
อ๊ากกกกกก.........กกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เสียงแสดงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน ฉันตกใจดึงตัวกลับโดยทันที ภาพรางๆ ในกระจกเงานั้นแสดงอาการบ้าคลั่ง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องอยู่ในโสตประสาท
สมองมึนงงนั้นไม่อาจสั่งการให้ฉันละสายตาจากสิ่งที่ปรากฏในกระจกเงา
...อะไร...เกิดอะไรขึ้น...ทำไมเป็นแบบนี้...ฉับพลันที่สมองเริ่มตั้งคำถาม สายตาก็เริ่มมองเปะปะไปทั่ว
และที่พื้นบ้าน สิ่งที่อยู่ตรงนั้นทำเอาใจฉันหล่นวูบ เปลือกแอปเปิ้ลที่ถูกปอกเป็นเส้นยาวๆ อยู่ที่ตรงนั้น มันหล่นอยู่ใกล้ๆ กับเท้าของฉัน
...เมื่อไหร่...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...มัน...มันขาดตั้งแต่เมื่อไหร่...
ในขณะที่กำลังตั้งคำถามต่างๆ นานา สายตากลับมามองที่กระจกอีกครั้ง ภาพรางๆ ตรงหน้าหายไปแล้ว เสียงเงียบหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทันได้สังเกต
ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในกระจกเงาเหลือเพียงภาพในหน้าของฉันซึ่งแสดงอาการตื่นตระหนกออกมาอย่างชัดเจน ทั้งห้องเงียบกริบราวกับเรื่องราวและเสียงกรีดร้องเมื่อสักครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
...หัวใจเต้นแรง...หายใจหอบถี่...สมองอันมึนงงสั่งให้มืออันสั่นเทาเลื่อนไปทางกระจกเงาตรงหน้าเหมือนต้องการจะตรวจสอบเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อสักครู่อีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
...พรึ่บ...
เปลวเทียนไขดับลงอย่างไม่มีสาเหตุ ปล่อยให้ฉันนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดทะมึนอันน่าหวาดหวั่น
...ความกลัวแล่นเข้าขั้วหัวใจ...ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ...
ฉันเหวี่ยงมีดและแอปเปิ้ลทิ้งอย่างร้อนรนก่อนจะกระโดดขึ้นคลุมโปงบนเตียงอย่างรวดเร็ว
...หูทั้งสองข้างคอยรับฟังเสียงผิดปกติจากบรรยากาศอันเงียบสงัดรอบตัว...ตากรอกไปมาอยู่ใต้ผ้าห่ม...ประสาทตึงเครียดตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา...
..................................
ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันเดินทอดน่องออกมาอย่างใจเย็น และที่หน้าประตูออฟฟิศแผนกที่ฉันประจำอยู่
เขายืนอยู่ตรงนั้น เขาคนนั้นที่ฉันแอบรัก ฉันเดินเข้าไปใกล้
ผมรอคุณอยู่นานแล้วครับ...
ฉันเหลียวมองรอบตัวและพบว่าฉันเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นั่น
รอฉัน...เหรอคะ
ฉันพูดจาทำหน้าเหรอหราและชี้นิ้วมาที่ใบหน้าตัวเอง
ใช่ครับ ผมรอคุณอยู่ ผมมีเรื่องที่ต้องบอกกับคุณ
เขาค่อยๆ เคลื่อนกายเข้ามาหาด้วยท่าทางอันคุ้นเคย ฉันก้มหน้าไม่กล้าสบตา หรือจะใช่เขาจริงๆ นะ
...เนื้อคู่ของฉัน...
ใช่ครับ...ผมเป็นเนื้อคู่ของคุณ
...เอ๋...!!!...เมื่อสักครู่เขาพูดว่ายังไงนะ...
ใบหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาคมกริบค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นมองไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เขารู้ความคิดของฉันอย่างนั้นเหรอ ก็เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปนี่
ผมหลงรักคุณมานานแล้วครับ แต่ผมไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยกับคุณ
เขาเดินเข้ามาประชิดตัวฉัน มือและท่อนแขนอันแข็งแกร่งโอบกอดร่างของฉัน
คุณจะรับรักผมได้ไหมครับ
ฉันหลบตาลงจากดวงตาคมเข้มของเขาอย่างเขินอาย สองมือค่อยๆ เลื่อนจากเอว สร้างความรู้สึกวูบไหวให้ฉันไม่น้อย
ไปอยู่กับผมนะครับ
ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างหลงใหล ดวงตาเป็นประกาย
ค่...
ก่อนที่ฉันจะตอบตกลงออกไป ฉับพลันมืออันทรงพลังทั้งสองของเขาก็โอบรัดอยู่รอบคอของฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันตาค้างอย่างนึกไม่ถึง...จ้องตาของเขาอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เสียงโหยหวนเหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด ใบหน้าเข้มเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว บริเวณคอปรากฏรอยปริเป็นทางยาวก่อนที่เลือดแดงฉานจะไหลทะลักออกจากรอยปรินั้น
เขาเลื่อนใบหน้าอันบิดเบี้ยวผิดรูปเข้ามาใกล้ แววตาอาฆาตจ้องมาที่ฉันไม่กระพริบ ปากแสยะยิ้มพูดเสียงยานน่ากลัว เลือดไหลทะลักออกมาตามจังหวะการพูด
...ไป...อยู่...กับ...ผม...นะ...ครับ...ที่...รัก...ของ...ผม...
................................
...ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝันอันน่าขนลุก...เหงื่อผุดเต็มใบหน้าและแผ่นหลัง...
...เฮ้อ...ฝันไปหรือนี่...เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...เมื่อคืนคงกลัวมากเลยเก็บไปฝันเสียเป็นตุเป็นตะเลย...ไม่ไหว...ไม่กล้าเล่นอีกแล้วเรา...
ฉันลุกขึ้นจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวด้วยอาการงัวเงียแต่เร่งร้อนเนื่องด้วยนาฬิกาที่โต๊ะเครื่องแป้งบอกว่าฉันจะไปสายหากทำอะไรอืดอาดกว่านี้
ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันก้าวเดินฉับๆ อย่างรวดเร็ว ในออฟฟิศหลายคนกำลังจับกลุ่มคุยกันสีหน้าเคร่งเครียด
มีอะไรกับเหรอพวกเธอ...จับกลุ่มคุยกันแต่เช้าเชียวนะ
ฉันเข้าไปทักทายกลุ่มเพื่อนอย่างคุ้นเคยก่อนที่เพื่อนฉันทั้งกลุ่มจะเบนความสนใจมายังฉัน
นี่...แกไม่รู้เรื่องเลยเหรอ
เรื่องอะไร
ฉันถามอย่างงุนงง...เกิดอะไรขึ้น
ก็...เจ้าหนุ่มแผนกข้างๆ ที่แกแอบชอบอยู่น่ะ...ตายแล้ว
...ตายแล้ว...
คำพูดสุดท้ายเหมือนดังก้องอยู่ในหัวสมองอันมึนงงของฉัน
เที่ยงคืนกว่าเมื่อคืนนี้น่ะ เพื่อนที่อยู่ห้องพักข้างๆ ได้ยินเสียงร้อง เลยตัดสินใจออกมาดู แต่กว่าจะพังประตูเข้าไปได้ก็ตายเสียแล้ว ถูกของมีคมปาดคอ แผลเหวอะหวะเลยแก...เนี่ย...ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้เลย...บรื๋อ...น่ากลัวชะมัด
...ถูกของมีคมปาดคอ...นอนจมกองเลือด...
...ตึ่กตั่ก...ตึ่กตั่ก...
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกำลังจะหยุดได้ทุกขณะ น้ำตาปริ่มๆ ว่าจะไหล สันหลังเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นมารด
...เป็นไปไม่ได้...ไม่จริง...
สายตาเลื่อนลอยของฉันจับภาพเบลอๆ ของใบหน้าเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้ฉัน
เอ๊ะ...นี่คอแกไปโดนอะไรมา...รอยแดงเป็นจ้ำๆ เลยเนี่ย
เสียงสุดท้ายเหมือนลอยตามลมมาจากที่ไกลแสนไกลสักแห่ง ความคิดสุดท้ายของฉันก่อนที่สติจะเลอะเลือนและภาพทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าดับวูบไป
...คืนนี้...ฉันจะทำยังไง...
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ค. 53 23:13:49
|
|
|
|