Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไฟรักเชลยสีคราม - 1  

บทที่ 1

'สีคราม สุรัจวีย์' ทายาทคนเล็กของ 'คุณน้ำเงิน' และ 'คุณนีรนุช'

ปรากฏตัวกลางดึกในโรงพยาบาลของ 'คุณหมอวีรภาพ เกียรติกีรนิจย์'

หลังจากที่ทราบข่าวร้ายไม่คาดฝันเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน

ร่างสูงโปร่งยังสวมชุดนอนสีเขียวอ่อน ทับด้วยเสื้อคลุมสีเดียวกัน

ใบหน้าคมสันแลกระวนกระวายแกมฉงน ขณะก้าวผ่านกลุ่มนักข่าวที่มาทำข่าวตามแบบฉบับหูไวตาไว

เขาโบกมือเป็นเชิงสะกดคำถาม เพราะในเวลานี้ เขายังไม่พร้อมจะแจกจ่ายข้อกระจ่างให้นักข่าวค่ายไหนทั้งนั้น

"เกิดอะไรขึ้น"

เขาเข้ามาถึงห้องพักพิเศษ แล้วถามเพื่อนรักทันที ร่างสูงปราดไปหยุดหน้าเตียงรวดเร็วเช่นกัน

"ไม่รู้สิ ยังหาสาเหตุไม่พบเลย แต่ที่แน่ๆ เวลานี้น้องแหวนเหมือนเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว"

"เจ้าหญิงนิทรา"

สีครามหลุดเสียงทุ้มแบบไม่เชื่อหู

"แกว่าอีกทีซินายหมอ ฉันหายง่วงแล้วนะ หวังว่าฉันหูไม่ฝาด แกจะบอกว่า.. "

"เออ แกฟังไม่ผิดหรอก เวลานี้น้องแหวนเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว ทุกอย่างปกติดี บาดแผลไม่มีเลย"

"เกิดอะไรขึ้น"

ร่างในชุดนอนทรุดนั่งงงๆ คิ้วดกขมวดแน่น ขณะจ้องมองร่างสงบบนเตียง

คุณหมอวีรภาพถอนใจเฮือก ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งด้วย ทั้งสองหันมองตากันหลายครั้ง

ห้องพักพิเศษถูกโอบล้อมด้วยความเงียบ

ตาฉงนสองคู่แข่งกันจับจ้องและสำรวจขึ้นลงบนร่างใต้ผ้าห่มของคนนอนสงบ

"น้องแหวน"

สีครามไม่อยากเชื่อว่า ตนจะต้องมาเจอเรื่องพิสดารกลางดึก เขาลองเขย่าแขนพร้อมกับปลุกเบาๆ

ทำอย่างนั้นอยู่หลายครั้ง จนคุณหมอหนุ่มกระแอมเป็นเชิงห้าม ทำนองว่า 'เปล่าประโยชน์'

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่เข้าใจเลยนายหมอ แกแน่ใจนะว่าตรวจดีแล้ว"

"เออ ดีแล้ว"

คนฟังไม่อยากยอมแพ้ต่อข้อคลางแคลงใจของตัวเอง จึงลองลุกไปยื่นนิ้วอังปลายจมูก

ก็พบว่าลมหายใจที่แผ่วออกมา ยังอุ่นปกติ และระบายอย่างสม่ำเสมอดี

แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ 'ปวิชา อัมรินทร์ประทาน' จะกลายเป็น 'เจ้าหญิงนิทรา'

ตามข้อสรุปประหลาดของเพื่อนรัก

"ผู้ใหญ่ไปไหนกันหมด"

"อาสองพาอาชื่นกลับบ้าน ท่านเป็นลมไปสองสามรอบ อาสองเลยไม่อยากให้มาเฝ้า ท่านอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากร้องห่มร้องไห้ ดีไม่ดีจะพานทรุดไปอีกคน อาสองจะยุ่งไปกันใหญ่"

สีครามผงกศีรษะ เขาไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม นอกจากนั่งฉงนกับเหตุไม่คาดฝันไปเงียบๆ

คิ้วดกเข้มขมวดแน่นอยู่นานแล้ว ตอนนี้ปากหยักก็พลอยเม้มเหมือนครุ่นคิดหนักหน่วงตามมาอีกหนึ่งกิริยา

คุณหมอวีรภาพปลีกตัวกลับออกไปชงกาแฟครู่หนึ่ง แล้วค่อยย้อนกลับเข้ามา พร้อมกับบ่นเบาๆ 'นักข่าวเยอะแยะ'

สีครามรับถ้วยกาแฟมาถือ เขาหัวเราะในลำคอเหมือนเบื่อๆ ตอนได้ยิน

แต่ก็เข้าใจดีว่า มันเป็นอาชีพ ก็เหมือนเขา ที่มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ เป็นเจ้าของบริษัทการเงินสุรัจวีย์

มีหุ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเพื่อนสนิทอีกสองสามแห่ง

ตอนนี้ ก็ถูกทาบทามให้ลงหุ้นเปิดผับใหญ่ในย่านบันเทิงของเมืองหลวง

"แล้วเราต้องทำยังไง ดูน้องแหวนนอนไม่ไหวติงอยู่แบบนี้น่ะหรือ"

สีครามถาม หลังจากที่ดื่มกาแฟไปอึกใหญ่

"รอดูจนถึงพรุ่งนี้เถอะ ฉันภาวนาให้ตัวเองสรุปโรคผิดก็แล้วกัน"

สีครามเม้มปาก คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ของเพื่อนรัก ไม่ได้ก่อให้เกิดความเบาใจคลายกังวลลงแม้แต่น้อย

ปลายปีนี้ เขากับปวิชาก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่จู่ๆ มาเกิดเรื่องพิสดารแบบนี้ขึ้น

แม้อีกใจจะรู้สึกโล่งอกวูบหนึ่ง ที่เวลาของความโสดถูกยื้อออกไป

แต่หากว่ามันต้องแลกกับการโรคพิสดารแบบนี้ เขาก็ยินดีไม่เต็มร้อยล่ะ

"แกคิดอะไร"

คุณหมอวีรภาพถาม พลางรับถ้วยกาแฟที่เพื่อนรับดื่มหมดแล้วไปวางบนโต๊ะข้างหลัง

"คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ น้องแหวนไม่ตื่น แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น"

"ฉันก็คิด แต่อาจจะคิดมากกว่าแกนิดหน่อย หรือต้องบอกว่ากำลังเดาใจแกอยู่ ตามประสาเพื่อนนะเว้ย ฉันก็พอรู้ว่าแกต้องโล่งใจอยู่บ้างล่ะ ที่การแต่งงานอาจต้องเลื่อนออกไป"

"นายหมอ"

สีครามไม่เชิงเถียง แต่เสียงท้วงก็หนัก

"พูดแบบนี้เหมือนแช่งล่วงหน้าพิลึก ถ้าการแต่งงานเลื่อนออกไปจริง ก็แสดงว่าพรุ่งนี้คู่หมั้นฉันจะไม่ตื่นสิวะ"

คนโดนท้วงก็ค่อยเพิ่งฉุกคิด จึงหัวเราะแห้งๆ แล้วถอนใจเฮือกยาวอีก

ร่างสูงในชุดลำลองสีขาวเดินอ้อมไปหยุดหน้าเตียงอีกฟาก

สองมือล้วงกระเป๋า เอียงหน้าสำรวจคนนอนสงบผ่านแว่นสายตาสั้นอีกชั้นอย่างพินิจพิเคราะห์

พยายามนึกทบทวนย้อนกลับไปเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้

ซึ่งมันเป็นวินาทีแรกที่เขาเจอปวิชานอนไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน

แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ได้บอกสีครามไปทั้งหมด

ปวิชาปกติดี หล่อนมีสภาพเหมือนคนนอนหลับ เพียงแต่ปลุกยังไงก็ไม่รู้สึกตัวตื่นเท่านั้นเอง

ยามเหลือบมองอากัปกิริยาของเพื่อนหนุ่มแวบหนึ่ง

ก็พบว่าในดวงตาดำคมคู่นั้น เกลื่อนไปด้วยความวิตกทุกข์ร้อน

เขาก็พอเข้าใจว่า หนุ่มสาวคู่นี้ รู้จักมักคุ้นกันมาแต่เล็กแต่น้อย

ผู้ใหญ่สองฝ่ายจึงเห็นดีเห็นงาม จับคลุมถุงชน เพราะหวังจะเกี่ยวดองสองตระกูลให้แน่นแฟ้น

ปวิชาหลงรักสีครามหมดหัวใจ เรื่องนี้เขาก็ทราบมานานแล้ว

แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่เคยกล้าบอกไปตามตรงว่า สีครามไม่เคยมีใจแบบนั้น

ในสายตาของชายหนุ่ม ปวิชาเป็นเพียงน้องสาวที่เจ้าตัวเรียกติดปากว่า 'น้องแหวน' มาตั้งแต่เล็กจนโต

แต่เป็นเพราะหัวใจดวงนั้นมันว่างสนิทต่างหาก

สีครามจึงไม่เดือดร้อนกับการแต่งงานอยู่กินกันสาวบ้านใกล้เรือนเคียง

ที่รู้จักนิสัยใจคอกันแบบทะลุปรุโปร่ง ไม่ต้องเสียเวลาไปศึกษาหรือปรับตัวให้เหนื่อยหลังแต่งงานอีก

"รอดูพรุ่งนี้ หากไม่ตื่นจริงๆ คงต้องโทรบอกอาสาม"

คุณหมอวีรภาพเหลือบไปมองคนพูดที่เปล่งเสียงเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะหารือ

แล้วค่อยผงกศีรษะเห็นด้วย ก่อนจะหารือเสียเองว่า

"แกจะตอบนักข่าวว่ายังไง แล้วไหนจะละครการกุศลที่น้องแหวนรับปากเป็นนางเอกให้อีก จะทำยังไง "

"เรื่องนั้นฉันจัดการเอง คุณหญิงโก้คงจะเข้าใจเหตุผล อีกอย่างน้องแหวนก็ไม่เคยมีประวัติเหลวไหลมาก่อน ฉันจะออกไปคุยกับนักข่าวนะ ทางแกก็กันไว้ให้ดี อย่าให้เข้ามาในนี้ ฉันไม่ต้องการให้ภาพของน้องแหวนหลุดออกไปแม้แต่ภาพเดียว แกเข้าใจไหม"

เพื่อนรักรีบพยักหน้า สีครามปรายตามองวงหน้ากระจ่างที่ล้อมแพผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อน

เจ้าตัวนอนหลับตาพริ้มราวกับมีความสุขในห้วงนิทราประหลาด

หากหน้าเผือดไร้เลือดเสียบ้าง ก็ยังพอให้เกิดกังวลอย่างมีทิศมีทาง

แต่ว่าที่เห็น มันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า หล่อนแค่ 'หลับ'




ความคาดหวังของสีครามกับคุณหมอวีรภาพต้องพังทลายลง

เมื่อวันรุ่งขึ้นมาเยือนพร้อมกับการหลับสนิทอย่างสงบของปวิชา

ทั้งสองถอยมายืนปลายเตียง มอง 'คุณภีมสิทธิ์' กับ 'คุณชื่นฤทัย' ไม่ย่อท้อต่อการปลุกหลานสาวให้ตื่น

คุณชื่นฤทัยร้องไห้ฟูมฟายน่าสงสาร ร่างท้วมสั่นระริกอยู่บนร่างใต้ผ้าห่ม

สีครามส่ายหน้าเวทนา เพราะตระหนักว่า ปวิชาเปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของคุณชื่นฤทัย

ท่านแต่งงานกับคุณภีมสิทธิ์มาหลายปี แต่ไม่มีลูกด้วยกันสักคน

ซึ่งก็ช่างเป็นความบังเอิญที่พี่ชายคนโตของสามีเสียชีวิตในระหว่างเดินทางไปราชการต่างจังหวัด

ตั้งแต่ปวิชายังแบเบาะ ส่วนมารดาของหล่อน ก็ตรอมใจจนโรครุมเร้า กระทั่งลาโลกไปอีกคน

ตอนนั้น ปวิชาก็เพิ่งจะเจ็ดเดือนเศษเท่านั้น ภาระในการเลี้ยงดูหลานกำพร้าคนนี้ ก็เลยเหมือน 'บุญหล่นทับ'

"นายหมอ นี่เราไม่มีทางทำอะไรได้มากไปกว่ารอจริงๆ หรือ"

"ครับ อาสอง สภาพของน้องแหวนปกติดีเหมือนคนนอนหลับครับ เราคงทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากรอ อาจไม่ต้องตื่นในทันที แค่ขยับหรือกระดุกกระดิกอวัยวะสักส่วน เราก็ยังพอมีความหวังครับ"

คุณภีมสิทธิ์ถอนใจเฮือก ใบหน้ากลัดกลุ้มผินไปยังสีคราม ที่นั่งเคร่งขรึมบนเก้าอี้ยาว

ท่านผละจากหน้าเตียง เดินไปนั่งด้วย ตบต้นขาคนหนุ่ม แล้วถามเหมือนหารือว่า

"จะเอายังไงกันดีนายคราม"

"ผมโทรบอกอาสามแล้วนะครับ แต่เลขาบอกว่าท่านไปเดินป่าที่ต่างประเทศ กว่าจะกลับก็อีกสองเดือน"

"ไอ้เรื่องนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก อาจะพยายามติดต่อนายสามเองทีหลัง ว่าแต่เรื่องน้องเถอะ แกจะเอายังไง"

"ผมก็ไม่ทราบ"

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:30:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com