ความคิดเห็นที่ 1 |
“มนตรามินตรา”
เช้าวันใหม่ที่ไม่ค่อยแจ่มใสมาเยือนอีกครั้ง จริง ๆ ไม่ใช่ว่าตอนเช้าวันจันทร์ที่ต้องไปทำงานนั้นไม่แจ่มใสสำหรับ ‘มินตรา เทพาพิทักษ์กุล’ สาววัยยี่สิบเก้าผู้มีหน้าที่การงานเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ ของบริษัทพานิชย์ไพศาลที่ทำธุรกิจส่งออกอุปกรณ์อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เพียงแต่ช่วงนี้เธอรู้สึกว่าอะไร ๆ ในกรุงเทพเมืองฟ้าอำไพดูจะไม่สดใสนัก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ หรือกีฬาสีเหลืองแดงที่เธอชอบบอกกับเพื่อนชาวต่างชาติว่าเป็นการทะเลาะกันของคนไทยที่ชอบไก่ย่างกับไก่ทอด มันทำให้เธออยากจะหลบไปนอนกลิ้งที่ไหนไกล ๆ อย่างยิ่ง
มินตราลุกขึ้นจากที่นอนในเวลาตีห้าเศษ ๆ ภายในคอนโดหรูใจกลางเมืองซึ่งเธอซื้ออยู่เพียงลำพังคนเดียว ใจจริงเธออยากอยู่กับครอบครัวเสียมากกว่า แต่เพราะหน้าที่การงานที่ต้องทำในกรุงเทพ เธอจึงต้องมาอยู่เพียงลำพังคนเดียวเช่นนี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องบอกว่าเธอถูกครอบครัวบีบให้มาทำงานในกรุงเทพ และมาอยู่ในเมืองหลวงที่เธอแสนจะอึดอัดเสียมากกว่า
เธอลุกจากเตียงเกาศีรษะที่ดูกระเซอะกระเชิงของเธอเดินมายังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนที่จะมาหวีผมของเธอที่ยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนที่เกิดจากการย้อมซึ่งทำให้เธอดูเด่นพอสมควรเวลาเดินไปไหนต่อไหน ด้วยผมที่ยาวจนเลยแผ่นหลังทำให้เธอเสียเวลาในการหวีมากกว่าคนอื่น ๆ แต่เธอก็พอใจที่จะไว้ผมยาวเช่นนี้ ไม่ได้รู้สึกร้อนหรือรำคาญเหมือนเช่นคนอื่น ๆ แต่อย่างใด หลังจากนั้นเธอจึงหอบเอาตัวเองในชุดนอนสีแดงดูเซ็กซี่ลงมายังชั้นล่าง มันคงเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับเธอ แต่คนในคอนโดแห่งนี้ชินเสียแล้วกับภาพของเธอในชุดนอนที่เดินลงมาหาอะไรทานในตอนเช้า มันออกจะเป็นอาหารตาสำหรับผู้ชายที่ได้ดูสาวสวยในชุดนอนเดินไปมาในคอนโด
บริเวณหน้าคอนโดของเธอมีร้านโจ๊กที่ขายโดยป้าวัยกลางคนซึ่งตัวเธอเป็นลูกค้าประจำ ในแทบทุกเช้าเธอจะมานั่งทานโจ๊กพลางอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่นี่โดยไม่สนใจสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เว้นแต่วันไหนที่เธอต้องไปทำงานยังต่างประเทศนั่นล่ะที่ทุกคนจะไม่ได้เห็นภาพเช่นนี้
“เป็นไงบ้างหนูมิ้นท์ไม่เห็นตั้งสองวัน วันนี้สีแดงสดมาเชียว ระวังโดนเหมาะว่าเป็นพวก นปช. นะจ๊ะ”
คำทักทายด้วยการเรียกชื่อเล่นของเธอเป็นสิ่งที่แสดงความสนิทสนมของเธอและป้าร้านขายโจ๊กได้เป็นอย่างดี แต่คำทักทายของของป้าร้านขายโจ๊กในวันนี้ช่างเป็นหนึ่งในสิ่งที่ชวนให้เธอหงุดหงิด ด้วยในช่วงนี้เจอคำทักเช่นนี้บ่อยมาก เธอก็แค่ชอบสีแดง แล้วไงชอบแดงแล้วต้องเป็น นปช. รึยังไงกัน แม้เธอจะไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็เข้าใจว่าป้านั้นหวังดีกับเธอ เธอจึงทำได้แต่ยิ้มแหย ๆ ไปนั่งที่เก้าอี้แล้วสั่งโจ๊กไปเฉกเช่นปกติทุกวัน
“โจ๊กหมูใส่ตับบด วันนี้ไม่ใส่ใข่นะคะป้า”
“จ้า ๆ” ป้ารับคำก่อนที่จะหันไปตักโจ๊กใส่ถุงให้คนที่มาสั่งก่อนหน้า
มินตราหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางไว้ข้าง ๆ ขึ้นมาอ่าน ข่าวแรกที่เธอสนใจไม่ใช่ข่าวเศรษฐกิจหรือการเมือง ก็เหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปที่อยากรู้ว่าวันนี้ละครเรื่องโปรดจะดำเนินไปเช่นไร แน่นอนครูกุ๊กจะถูกคุณนายอลินทำอะไรบ้างในคืนนี้ มันดูน่าสนใจกว่าเรื่องของ ปชป. และ พท. ตบตีเป็นไหน ๆ
“สวัสดีครับคุณมิ้นท์” ชายหนุ่มผมสั้นสวมแว่นตาเอ่ยทักเธอด้วยน้ำเสียงที่มีอัธยาศัยอันดีต่อเธอ ทำให้มินตราต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง หากแต่ท่าทางของเธอดูจะไม่ได้ตอบรับอย่างมิตรสักเท่าไหร่ เธอมองเขาด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ เล็กน้อยก่อนที่จะก้มลงมาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อพร้อมทั้งเอ่ยออกไป “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณสิญจน์”
ออกจะเป็นคำทักทายเรียบ ๆ เรียบเกินไปจนสิญจน์ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมคอนโดของเธอได้แต่ยิ้มแหย ๆ ก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามกับมินตราแล้วหันไปสั่งกับป้าร้านโจ๊ก “ป้าครับ ขอโจ๊กหมูใส่ไข่หนึ่งชามครับ”
“ขอเฉย ๆ ป้าไม่ให้นะ” ป้าร้านโจ๊กแหย่สิญจน์กลับไปซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกขบขันได้พอสมควรทีเดียว แต่มินตราที่นั่งฟังอยู่รู้สึกจะเฉย ๆ เธอพับแล้ววางหนังสือพิมพ์ไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ ก่อนที่จะมองหน้าสิญจ์อยู่นาน
สายตาของเธอที่มองนั้นทำให้สิญจน์รู้สึกประหลาด ๆ ด้วยมันไม่ใช่สายตาของคนที่มองเฉย ๆ แน่นอน เพราะเขาเคยชินเสียแล้วกับการถูกมองแบบปกติทั่วไป หรือมองอย่างสนใจเนื่องจากสิญจน์นั้นทำงานเป็นอาจารย์และนักวิจัยเขาจึงเผชิญกับสายตาของลูกศิษย์และผู้เข้าร่วมฟังงานวิจัยของเขาจดจ้องเป็นประจำ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นต่อสายตาของมินตราแม้แต่น้อย
“...” มินตราที่นั่งจ้องสิญจน์อย่างเงียบ ๆ เพ้งพินิจเขาอยู่ครู่หนึ่ง จนป้าเอาโจ๊กมาวางที่โต๊ะเธอจึงได้กลับมามองโจ๊กที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้าเธอ
“คุณสิญจน์จะไปหาข้อมูลทำงานวิจัยเหรอคะวันนี้” มินตราเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนสิญจน์แปลกใจ แต่เขาก็ตอบเธอไปด้วยไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องประหลาดอันใด
“ครับ งานผมถูกเร่งมากทีเดียว นี่กะว่าจะหาผู้ช่วยนักวิจัยมาทำงานด้วยสักคนน่ะครับ”
“งั้นก็...กำลังจะได้วันนี้ล่ะค่ะ ห้องคุณออกจะกว้างรับสาวมาดูแลสักคนคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ” มินตรากล่าวพลางเริ่มทานโจ๊กท่ามกลางความงุนงงของสิญจน์ต่อสิ่งที่เธอกล่าว ปกตินั้นมินตราก็เป็นคนแปลก ๆ สำหรับคนที่รู้จักเธออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยใจคอ หรือบุคลิก แต่ไม่ใช่ว่าน่ากลัวหรือไม่ดีแต่อย่างใด เธอดูเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจสูง ไม่สนใจใครถ้าสิ่งที่เธอทำนั้นถูกต้องแต่ก็เป็นคนประนีประนอมพอสมควร สิ่งที่ทำให้เธอแปลกก็คงเป็นข่าวลือที่ว่าเธอมี ‘องค์’ ไม่รู้ใครเป็นต้นข่าว บางคนถึงขั้นจะมาขอหวยกับเธอ ซึ่งก็โดนเธอด่ายับเลยทีเดียว
สิญจน์ส่ายศีรษะเล็กน้อย ด้วยสิ่งที่เธอพูดอาจจะเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้นซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนักก็ได้ สักครู่ป้าก็เอาโจ๊กมาให้เขาซึ่งกว่าที่เขาจะเริ่มลงมือทาน มินตราก็จ้วงโจ๊กในชามของตนเองจนหมดไปเสียก่อนแล้ว “ป้าคะ เงินอยู่ตรงนี้นะคะ” มินตรากล่าวพลางวางธนบัตรยี่สิบไว้ใต้ชามโจ๊กก่อนที่จะหันกลับมามองสิญจน์แล้วเอ่ยบางอย่างออกไป
“อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วคุณจะรอดนะคะคุณสิญจน์”
สิญจน์ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ แล้วพยักหน้ารับอย่างงง ๆ ด้วยไม่เข้าใจว่ามินตรานั้นต้องการสื่ออะไร แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรเธอก็เดินจากเขากลับไปยังคอนโดเสียแล้ว
“เป็นอะไรล่ะสิญจน์ โดนหนูมิ้นท์ทักเอารึไง”
“อา...ครับ ผมจะมีเคราะห์เหรอครับ?” สิญจน์หันไปตอบป้าร้านโจ๊กพร้อมกับยิงคำถามออกไป
ป้าร้านโจ๊กนิ่งเงียบไปชั่วครู่จึงตอบเขาพร้อมกับรอยยิ้ม “ถ้าหนูมิ้นท์บอกทางแก้ก็ไม่ต้องกลัวไปหรอก ทำตามที่แม่หนูบอกก็คงไม่มีปัญหาล่ะมั้ง” สิญจน์ได้แต่ปั้นหน้ายุ่ง เพราะไอ้ที่มินตราพูดกับเขาในเช้านี้ดูจะน่าปวดหัวยิ่งกว่างานวิจัยที่เขาทำอยู่ซะอีกด้วยเพราะสิ่งที่เธอกล่าวนั้นไม่มีทั้งเหตุผลที่มาที่ไป และไม่มีรายละเอียดอันใดที่เขาจะเข้าใจได้เลย
---------------------------
จากคุณ |
:
joyka
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ค. 53 22:34:58
|
|
|
|