ความคิดเห็นที่ 1   ท่องตะวันออกกลาง โอมานตอนที่ 2 ตื่นหกโมงเช้าตามเวลาของโอมาน เมื่อคืนนอนหลับ ๆตื่น ๆด้วยเวลาที่ต่างกันของสองประเทศ แค่สามชั่วโมงก็มีผลต่อความเคยชินของร่างกาย เวลาสามทุ่มของโอมานแต่เรากลับง่วงนอนจนลืมตาแทบไม่ขึ้นเพราะมันเป็นเวลาเที่ยงคืนในเมืองไทย นี่ขนาดเวลาแตกต่างกันแค่สามชั่วโมงเท่านั้นนะ ยังต้องมีการปรับตัว ปรับความเป็นอยู่กันเลย หากไปประเทศที่กลับเวลาจากวันเป็นคืน คืนเป็นวันก็ไม่ต้องพูดถึงกันเลย ที่รีสอร์ทนี้มีแถมอาหารเช้ารวมอยู่ในค่าที่พัก ต้องเดินไปกินที่ภัตตาคารของรีสอร์ท ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก เป็นบุฟเฟ่หน้าตาแบบอเมริกัน เพราะดูจากคนที่มาทานอาหารเช้า ล้วนแล้วแต่เป็นชาวต่างชาติแทบทั้งสิ้น มีเอเชียปะปนอยู่ไม่มาก อย่างน้อยก็สองคนที่ยินตักอาหารหัวดำอยู่นี่ละ อาหารเป็นพวกไส้กรอก ขนมปัง น้ำผลไม้ รสชาติจืด ๆตามเคยมองหาเครื่องปรุงก็เห็นแต่เกลือกับพริกไทย แล้วคนไทยที่ชอบทานอาหารรสจัดอย่างเราจะไปอร่อยได้ไงกัน หลังอาหารก็กะจะเดินเล่นดูวิวทิวทัศน์ในรีสอร์ท แต่เห็นแสงแดดแล้วต้องเปลี่ยนใจ แดดแปดโมงเช้าแต่แรงราวกับเที่ยงวัน หลบกลับมานั่ง ๆนอน ๆรอในห้องพักดีกว่า ถนอมตัวไว้ก่อนเพราะยังต้องอยู่สู้แดดอีกหลายวัน กอมร่าโทรมาบอกว่าจะมารับไปเที่ยวนอกเมืองตอนบ่ายโมง เรารีบบอกขอย้ายที่อยู่เพราะที่นี่ดีและแพงเกินไป ขอที่พักแบบธรรมดา ราคาปานกลางก็พอแล้ว กลางเมืองหน่อยก็ดี จะได้เดินดูอะไรเล่นได้ ไม่ใช่นั่งดูใบไม้ ฟังเสียงนกร้องอยู่อย่างนี้ ในใจอยากจะบอกว่าวิวรีสอร์ทที่มีแต่ต้นไม้ก็ไม่ได้แตกต่างจากบ้านฉันที่เมืองไทยเลย เพียงแต่บ้านฉันไม่มีห้องหรูขนาดนี้ให้พักเท่านั้นเอง แถมต้นไม่ใบหญ้าแถวบ้านฉันออกจะดกรกครึ้มกว่าที่นี้แยะกลัวกอมร่าขัดใจพาไปปล่อยทิ้งไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ เลยเงียบไว้ดีกว่า กอมร่าบอกได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเปลี่ยนโรงแรมให้แต่วันนี้อยากให้พักที่นี่ไปอีกคืนหนึ่งก่อน วางหูจากกอมร่าก็มีพนักงานหนุ่มน้อยชาวอินเดียสองนายมากดกริ่งขอทำความสะอาดห้อง คิดผิดจริง ๆที่ปล่อยให้หนุ่มสองนายเข้ามาในห้อง เพราะขณะทำความสะอาดไป สองหนุ่มก็ปล่อยกลิ่นกายที่หอมตลบอบอวลอยู่ในห้องแอร์ไป จนแทบสำลัก ขนาดทำความสะอาดเสร็จไปตั้งนานแล้ว แต่กลิ่นอันเป็นอมตะก็ยังกระจายอยู่ภายในห้องให้ได้คิดถึงเจ้าของกลิ่นไปอีกนานแสนนาน จากคุณ : nuruddeen (nuruddeen) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 13:36:58

ความคิดเห็นที่ 2   นั่งรอ นอนรอดูทีวีจนเบื่อ บ่ายแก่ ๆกอมร่าก็ขนเอาครอบครัวมาอันประกอบไปด้วย แม่ พี่ชายและน้อง ๆ หลาน ๆมารู้จักกับมิตรชาวไทย พร้อมกับบอกว่าที่ให้พักอีกคืนก็เพราะเธอกับครอบครัวก็ได้จองบ้านพักในรีสอร์ทนี่ไว้และจะมาพักด้วย  หลังจากกอมร่าจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาพาเพื่อนชาวไทยออกไปท่องเมืองโอมาน โดยมีแผนพาไปเมืองเก่าที่อยู่ห่างออกไปจากที่พัก กว่า 100 กิโล กว่าไปเท่าไรไม่รู้ด้วยถามแล้วก็ลืม รู้แต่นั่งรถไปไกลพอสมควร สารถีคนขับรถเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ไปในตัวเป็นพี่ชายกอมร่าชื่อคอลิต มีภรรยาสาวสวยหน้าหวานหุ่นเฮฟวี่เวทชื่ออามัลนั่งคู่ไปด้วย ที่เหลือก็เป็นอคันตุกะชาวไทยสองคน กอมร่ากับน้องสาวตัยมูร่าและแม่กอมร่าพ่วง ไปด้วย ดูท่าแม่กอมร่าคงชอบเที่ยวอยู่เหมือนกัน แถมมีอัธยาสัยดีเหลือเกิน ชี้ชวนชมสองข้างทางอยู่เป็นระยะ    ก่อนเดินทางมาอ่านเจอในข้อมูลว่าโอมานใช้การคมนาคมด้วยถนนเป็นหลัก เพราะเป็นประเทศที่มีภูเขาแยะ ถนนในโอมานเลยมีคุณภาพดี เป็นถนนสี่เลนเป็นส่วนใหญ่ ลาดยางเรียบ ไม่มีหลุมบ่อหรือรอยปะบนผิวถนนให้ดูระคายตา ไม่มีรถมอร์เตอไซขับปาดหน้าปาดหลังให้คนขับรถตกใจเล่น   คงเป็นเพราะถนนหนทางดีหรือด้วยนิสัยอะไรก็ไม่ทราบได้ แต่ดู ๆไปแล้วการขับรถของคนโอมานนี่ ต้องขอบอกว่าตีนผีตัวพ่อเลยละ ขับรถเร็ว ใจร้อน บีบแตรไล่  ขับบี้จ่อท้ายกันจนน่าหวาดเสียว เลี้ยวโค้งทีก็กวาดคนนั่งไปกองรวมกันอยู่มุมหนึ่งของรถ ฉะนั้นผู้โดยสารคนไทยก็เลยต้องนั่งรถด้วยใจเต้นระทึก ลุ้นเกร็งไปตลอดทาง กลัวเหลือเกินว่าจะลงไปกองอยู่ข้างทางริมถนนโอมานให้คนได้ชมกัน เห็นกอมร่ากับน้องและมาม่านั่งเฉยก็คิดว่าคงชินหรือไม่ก็เป็นการขับรถปกติทั่วไปและด้วยการขับรถกันเร็วนี่เองเลยเห็นอุบัติเหตุ และรถเสีย รถจอดอยู่ริมทางไปตลอดสาย บางก็ยืนเถียงกันเรื่องใครถูก ใครผิด ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีให้ชมไปตลอดทุกเส้นทาง จากคุณ : nuruddeen (nuruddeen) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 13:41:27

ความคิดเห็นที่ 3   เมืองที่มุ่งหน้าไปเป็นเมืองเก่าในหุบเขาชื่อเมืองรอสตาก  ถามว่าเก่าขนาดไหนก็ไม่มีใครตอบให้กระจ่างได้ คิดเอาเองว่าเก่ายังไงก็คงไม่เท่าอยุธยาบ้านเราเป็นแน่  ความต่างอยู่ที่อยุธยาเป็นอุทธยานประวัติศาสตร์ไปเลย ไม่ได้มีสิ่งก่อสร้างใหม่มาปะปน แต่ที่เมืองรอสตากเป็นเมืองที่มีซากบ้านเมืองเก่า ปะปนไปกับสิ่งก่อสร้างใหม่แยะมากมายกระจายอยู่ทั่วตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นซากบ้านดิน,ป้อมปราการเก่า,กำแพงเมืองเก่า ทุกอย่างล้วนสร้างจากดินทั้งสิ้น  น่าจะมีวัสดุอื่นผสมลงไปในดินให้เกิดความแน่นและความคงทนของเนื้อดิน ถามใครก็ไม่มีใครรู้   ไกด์ราชองครักษ์เดินนำชมซากบ้านตามที่ต่าง ๆ ยิ่งเห็นเพื่อนชาวไทยสนใจจริงจัง ส่งเสียงร้องตื่นเต้นอยู่ตลอดทางก็คงดีใจ ยิ่งทำหน้าที่ไกด์ผีสุดฝีมือ ภายในซากบ้านเก่ายังคงเหลือร่องรอยการอยู่อาศัย แต่พุพังไปตามกาลเวลา พื้นภายในบ้านเป็นดินทุบแข็งให้เรียบแล้วปูพรมทับปิด ถามว่ารู้ได้ยังไง ไม่ยากหรอกเพราะมีเศษพรมเก่าหลงเหลืออยู่บนพี้นแทบทุกหลัง ผนังด้านข้างเจาะดินลึกเข้าไปแล้วเอาไม้วางเป็นชั้นวางของริมผนังไปในตัว สวยและดูเป็นภูมิปัญญาของการตกแต่งภายในของชนรุ่นเก่าชาวโอมานได้เป็นอย่างดี บางหลังเป็นบ้านสองชั้นมีบันไดดินขึ้นไปยังชั้นสองได้ ดูน่าจะเป็นบ้านคนมีฐานะ ถึงมีบ้านสองชั้นได้ แต่บันไดไม่อยู่ในสภาพให้แน่ใจว่าขึ้นไปแล้วจะถึงชั้นสองหรือไม่ หรืออาจขึ้นไปแล้วบันไดดินเกิดพังลงด้วยความเก่าทำเอาลงมาไม่ได้ ต้องนั่งให้ชาวโอมานแถบนั้นสมน้ำหน้าที่ตะกายขึ้นไปทำไม   นอกจากบันไดขึ้นชั้นบนแล้วทุกบ้านยังมีบันได้แคบ ๆ ลงไปใต้ดินอีกด้วย ใต้ดินของบ้านทุกหลังมีการสร้างทางน้ำด้วยปูนเป็นทางแคบ ๆ มีน้ำใสไหลผ่านอยู่ตลอด ที่น่าสนใจมากก็คือน้ำที่ไหลผ่านเป็นธารน้ำร้อนด้วยเมืองนี้มีบ่อน้ำร้อนอยู่บนเขา แล้วมีการทำทางให้น้ำไหลผ่านไปทั่วเมือง   ชมบ้านเก่าเสร็จก็ขับรถขึ้นเขาไปดูบ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่มีการสร้างสุเหร่าหินอ่อนสีขาวสวยไว้ข้างบ่อน้ำ ด้านหลังสุเหร่าเป็นเขาหินสูงต่ำไล่ลดหลั่นกันไป  บ่อน้ำร้อนที่เมืองนี้เป็นบ่อกว้างลึกเห็นหินที่อยู่เบื้องล่าง น้ำใสสีเขียวสวยมีควันกรุ่นขึ้นมาเป็นสาย มุมหนึ่งของบ่อเจาะเป็นทางให้น้ำไหลผ่านไปตามบ้านตามที่บอกไปแล้ว แต่ทางน้ำผ่านข้างบ่อมีการก่อเป็นห้องเล็ก ๆเรียงกันไปตามยาว ห้องเล็กพอนั่งได้ข้างละคน ไว้ให้เอาขาห้อยแช่น้ำอุ่น หรือใครจะลงไปแช่ทั้งตัวก็ได้ตามใจชอบ แบ่งห้องเป็นชายหญิงไว้เรียบร้อยชัดเจน ลองเอาเท้าลงไปแช่ดูตามคำแนะนำของไกด์จำเป็น ร้อนมากจนต้องรีบชักเท้ากลับขึ้นมา คอลิตไกด์หนุ่มตีนผีบอกว่าคนที่นี่เชื่อกันว่าถ้ามาแช่น้ำร้อนนี้แล้วจะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ได้โดยไม่ต้องไปพึ่งพาหมอให้เสียเงิน   ฟังดูแล้วก็เหมือนความเชื่อในเรื่องของบ่อน้ำร้อนของคนทั่วโลก นึกอยู่ว่านี่ถ้าเป็นบ่อน้ำร้อนในอยู่ญี่ปุ่น คงมีกิจการออนเซ็นเกิดขึ้นที่เมืองรอสตากเป็นดอกเห็ดแน่ เพราะทั้งความใหญ่ของบ่อน้ำร้อนและความสวยงามของภูมิประเทศวิวทิวทัศน์ช่างอำนวยให้เสียเหลือเกิน   ถนนในเมืองเก่าก็ต้องเป็นถนนดินแดงแข็งแคบ ๆเก่าไปตามเมือง แต่พ่อไกด์หนุ่มราชองค์รักก็สามารถพารถบุกตลุยผ่านไปได้ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของผู้โดยสารชาวไทย กลัวว่ากระจกรถหรือข้างรถจะไปครูด กับผนังบ้านให้เป็นรอยเสียโฉมรถหมด แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อย่างที่คิดเกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษนอกเหนือจากอาชีพราชองค์รักจริง ๆ หรือจะลาออกมาเอาดีทางขับรถก็คงรุ่งอยู่ จากคุณ : nuruddeen (nuruddeen) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 13:47:44

ความคิดเห็นที่ 4   กอมร่ากับพวกพาเที่ยวเมืองเก่าจนหนำใจแล้วจึงขับรถออกออกจากเมืองไปแวะทานอาหารระหว่างทางกลับที่พัก อาหารริมทางมื้อนี้เป็นภัตตาคารเล็ก ๆ มีการแบ่งซอยข้างในเป็นห้องย่อยสำหรับครอบครัว มีม่านปิดกั้นเป็นสัดส่วนเหมือนร้านอาหารทั่วไปในตะวันออกกลาง   ภายในปูพรม มีเบาะยาวและหมอนอิงติดผนังให้นั่ง เมื่อสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้วพนักงานแน่นอนที่ต้องเป็นคนชาวอินเดียคงแบบเดียวพม่าที่ทะลักเข้ามาทำงานในเมืองไทย ก็จะเอาผ้าพลาสติกบางมาปูบนพรม แล้วทยอยเสริฟอาหารในถาดใหญ่ เป็นข้าวและไก่ย่างชิ้นใหญ่กองพูนอยู่ในถาด เป็นการกินแบบออริจิเนลของชาวตะวันออกกลางจริง ๆคือใช้มือ รับประทานและกินรวมกันในถาดใหญ่ กอมร่าไปเมืองไทยบ่อยจึงรู้วัฒนธรรมการกินอยู่ของคนไทยดีพอ เธอจึงสั่งแยกถาดเล็กมาให้เรากินรวมกันสองคน ขนาดถาดเล็กยังทำเอาเราอึ้งเมื่อได้เห็น รู้ทันทีว่าถึงกินกันสองคนยัง ๆก็ไม่หมดแน่ คนแถบตะวันออกกลางกินเก่ง กินทีแยะ ๆ และแบ่งซอยอาหารเป็นหลายมื้อมาก ดึก ๆสามสี่ทุ่มเพิ่งกินข้าวเย็นกัน อาหารก็อุดมไปด้วยเนย ครีม หุ่นสาว ๆเมืองนี้จึงค่อนข้างอุดมด้วยเนื้อหนัง  แต่ที่ผอมสวยเอวกิ่วหุ่นนางแบบก็มีให้เห็นอยู่แยะ คงเป็นสาวจำพวกรักสวยรักงามไดเอ็ทกันสุดฤทธิ์แน่ ๆ  ดูแต่กอมร่าซิ สวยหน้าหวานเป็นถึงชายาเจ้าชายขนาดนี้ ยังมีลอนเนื้อหน้าท้องพองามให้ประจักษ์แก่สายตาเลย มิน่าละไปเมืองไทยผ่านพวกร้านลดน้ำหนัก สลายไขมันดูเธอถึงสนใจเอาจริง ๆจัง ๆ ถามมาหลายรอบแล้วแต่มันต้องทำเป็นชุดใหญ่ใช้เวลาต่อเนื่องนานแผนการกลับมาสลิมอัปของเธอจึงต้องพับไป กอมร่าสั่งช้อนมาให้เราเพราะคิดว่าเราคงไม่ถนัดการกินกับมือเป็นแน่ แต่เราถือสุภาษิตว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เลยทำเมินเฉยกับช้อนที่มาวางให้แล้วลงมือเปิบมือตามพวกเขาไป ได้อารมณ์ประหนึ่งเล่นหนังแผลเก่าหรือสี่แผ่นดินปานนั้น อาหารอร่อยมากรสชาติดีกว่าอาหารอาหรับที่กินในเมืองไทยบ่อย ๆมาก ทั้ง ๆเป็นอาหารอย่างเดียวกัน มีสลัดที่ต้องบีบน้ำมะนาวลูกใหญ่ลงไปก่อนกิน ผักสดกรอบเพิ่มรสได้ดีทีเดียว มีน้ำจิ้มขาวข้นไว้ราดเนื้อไก่และปลาประมาณ คงเหมือนน้ำพริกบ้านเราละ   อร่อยจนเปิบมือสองคนปาเข้าไปครึ่งถาด แต่ไม่สามารถกินมากไปกว่านี้ได้ เพราะไม่อยากกลายเป็นชูชกมาท้องแตกตายที่โอมานให้ขายหน้า ที่เหลือเลยขอห่อกลับที่พักไปตามระเบียบ เสร็จจากมื้ออาหารเมื่อเดินทางถึงที่พัก กอมร่าบอกให้เวลาหนึ่งชั่วโมงล้างหน้าล้างตา เดี๋ยวจะมารับไปลุยราตรีโอมานต่อ เหนื่อยก็เหนื่อยนะ แต่สู้ตายครับกอมร่า  ขอให้บอกมาเหอะ ไปไหนไปกัน หลังหกโมงกอมร่ากับพวกมารับ พาขึ้นรถนั่งไปไกลพอสมควรอีก สารถีก็คือไกด์ราชองครักษ์คนเดิม ขับรถซิ่งเหมือนเดิม เรียกว่าฝีมือขับรถเข้าฝัก คงเส้นคงวาแล้ว บริเวณที่พาไปเป็นร้านริมทะเล  ด้านหนึ่งของถนนเป็นหาดยาวทอดไปตามถนน อีกด้านก็เป็นร้านค้า ร้านอาหาร กอมร่าบอกแถบนี้น่าจะเป็นพัทยาบ้านเรา ดู ๆก็ใกล้เคียง ขาดแต่เสียงเพลง ผับบาร์และหญิงบริการยืนเรียกแขกหน้าร้านเท่านั้น กอมร่าบอกว่าโรงแรมใหม่ที่จองไว้ให้อยู่ในละแวกนี้  พรุ่งนี้เราก็จะมาอยู่แถวนี้นั้นละ มองไปรอบ ๆก็น่าจะสนุก คงไม่เงียบเหงานั่งกินลมชมธรรมชาติแบบอยู่ที่รีสอร์ทสุดหรูราคาแพงนั้นเป็นแน่ จอดรถแล้วกอมร่าก็พาไปศูนย์ชุดวิวาห์ เป็นศูนย์การค้าที่รวมร้านชุดวิวาห์ไว้แยะมาก เรียกว่าถ้าเป็นเจ้าสาวเดินเข้าไปคงงงเป็นไก่ตาแตกไม่รู้จะเลือกใส่ชุดร้านไหนดี ด้วยมันอลังการงานสร้าง ทั้งปัก ทั้งเลื่อมแพรวพราวเต็มที่ ดู ๆไปให้นึกถึงชุดหางเครื่องหรือนักร้องบ้านเรา รสนิยมแบบนี้มันเป็นของแต่ละชนชาติจริง ๆจะไปว่าใครเชยหรือติเตียนไม่ได้เลย กอมร่าบอกว่าอุซามะน้องชายก็ลงทุนเปิดร้านชุดวิวาห์อยู่ในศูนย์นี้เหมือนกัน ฟังแล้วก็ชื่นชมคนหนุ่มอนาคตไกล ขยันทำมาหากิน ใครได้ไปเป็นสามีคงจะสบายไปด้วย เห็นแบบนี้ก็ต้องถามว่ากิจการชุดวิวาห์ทำรายได้ดีหรือในประเทศนี้ กอมร่าบอกดีมาก งานแต่งงานถือเป็นงานใหญ่ จัดงานหลายวัน งานเฉพาะฝ่ายหญิง งานเฉพาะฝ่ายชาย งานรวมสองฝ่ายอีก ใช้ชุดหลายชุดมาก ทั้งเจ้าสาวและญาติ ต้องแต่งชุดสู้กันแบบไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร พูดจบกอมร่าก็เดินไปหยิบชุดมาจากราวแขวนบอกนี่เป็นชุดที่เธอใส่วันแต่งพี่ชาย ในวันฉลองที่มีแต่หญิงล้วน ชุดเปรี้ยวเซ็กซี่แบบชุดราตรีหรู จนนึกภาพเวลาใส่ไม่ออกเพราะเห็นแต่คลุมดำโผล่แค่ใบหน้ากับมือกันทั้งเมือง นี่ดีนะที่สาวโอมานไม่นิยมปิดหน้าโผล่แต่ลูกตาแบบสาวซาอุดี้ โอมานดูน่าจะเป็นประเทศค่อนข้างทันสมัยในกลุ่มอาหรับด้วยกัน เพระนอกจากจะไม่คลุมหน้าแล้วก็เห็นผู้หญิงชาวโอมานทำงานนอกบ้านตามสถานที่ต่าง ๆแยะมาก ทั้งขับรถเองด้วย ซึ่งเราจะไม่มีวันเห็นภาพแบบนี้ในประเทศซาอุดี้เลย จากคุณ : nuruddeen (nuruddeen) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 13:57:35

ความคิดเห็นที่ 5   ชมร้านไป คุยกันไป กอมร่าก็พาแวะไปซื้ออาหารอีก ทั้ง ๆที่อาหารมื้อเก่ายังอัดแน่นอยู่ในกระเพาะ คราวนี้คงเป็นอาหารกินเล่น เพราะเป็นโรตีแผ่นแป้งนิ่มอร่อยกว่าโรตีบ้านเราแยะ โรตีนี้ห่อหุ้มเนื้อเสียบไม้ปิ้งปรุงรสต่าง ๆหน้าตาเหมือนลูกชิ้นปิ้งบ้านเราไม่ผิดเพี้ยน ก็อร่อยอีกนั้นละ เจริญอาหารจนกลัวว่าสิ้นสุดการเดินทางน้ำหนักคงพุ่งขึ้นหลายกิโลเป็นแน่   กินเนื้อปิ้งกับโรตีไปในรถระหว่างทางกลับที่พัก ก่อนแยกกันไปนอน ห้องใครห้องมัน กอมร่าบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปเที่ยวเมืองหลวงเก่าของโอมาน สวยกว่ารอสตากที่ไปมาวันนี้อีก กอมร่านำเสนอ แต่ต้องนั่งรถไปทางตะวันตกของเมืองมัสกัตนานกว่าสองชั่วโมง ชื่อเมืองนิสวะมีชื่อโด่งดัง ใครมาถึงโอมานแล้วก็ต้องไปเมืองนี้ให้ได้ ไอ้เรื่องไปเที่ยวก็อยากไปอยู่หรอก  พอนึกถึงฝีมือขับรถของไกด์หนุ่มแล้วก็อดกลัวอยู่ลึก ๆไม่ได้ แต่มานึกอีกทีว่าอะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด คิดไปให้ปวดหัวทำไม สู้นอนเอาแรงไว้คอยลุ้นเวลารถเข้าโค้งในวันพรุ่งนี้ดีกว่า จากคุณ : nuruddeen (nuruddeen) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 14:03:49

ความคิดเห็นที่ 6 สนุกดีค่ะ เสียดายน่าจะมีรูปให้ดูด้วย น่าจะเว้นบรรทัดระหว่างย่อหน้าบ้างนะคะ เพิ่งรู้เรื่องวันหยุดพฤหัส-ศุกร์ ความรู้ใหม่มากๆ จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 20:23:13

ความคิดเห็นที่ 7 อยากได้ภาพ+เว้นวรรคและย่อหน้าเยอะๆ จากคุณ : ย่ำต๊อก เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 11:05:00