ความคิดเห็นที่ 1 |
บทที่ 25
มุจลินท์ไม่สบายใจเลย สิ่งที่ชานนท์กำลังทำนั้น ขัดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอเป็นอย่างยิ่ง แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคัดค้านแล้วไม่เป็นผล การตัดสินใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่เขา
หญิงสาวรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก จะปรึกษาหรือแค่ระบายกับใครก็ไม่ได้ เพราะสถานการณ์อาจเลวร้ายลงไปอีกหากรู้ความกันในวงกว้าง แม้แต่กับสรัลเพื่อนสนิท เธอยังได้แค่เพียงกล่าวตัดบทสั้นๆ เมื่อเขาถาม
อย่าให้ฉันพูดอะไรเลย เอาเป็นว่ามันเป็นอย่างที่แกคิด
สรัลเองก็เข้าใจในความลำบากใจของเพื่อนสาว ถ้าเธอเป็นนักเขียนอย่างเดียวคงไม่ต้องเก็บมาคิดให้ปวดหัวอย่างนี้
ทว่าคนที่กระจายข่าวกลับเป็นจิตตา หนึ่งในต้นเหตุนั่นเอง เพียงแค่ครึ่งวันบ่าย คอลัมน์ใหม่โดยนักเขียนอิสระก็กลายเป็นหัวข้อหลักในการจับกลุ่มคุยของบรรดาพนักงานไปแล้ว และที่สำคัญ จิตตาเน้นย้ำว่าผลงานนี้มาจากความคิดสร้างสรรค์ของมุจลินท์
มิไยที่เจ้าตัวจะปฏิเสธจนเหนื่อย หากไม่มีใครเชื่อ ทุกคนพร้อมใจกันคิดว่ามุจลินท์ถ่อมตัวอีกตามเคย
อย่าเลยเมี่ยง พวกพี่รู้หรอกน่า เพราะมีความสามารถอย่างนี้ไง บอกอถึงได้สนับสนุนนักหนา
แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเมี่ยงจริงๆ นะคะ
โอ๊ย ลองจิตตาพูดชมถึงขนาดนี้ น้องเมี่ยงจะไม่เกี่ยวได้ยังไงคะ ร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นจิตตาชมใครเลย มีแต่ไม่จิกก็กัด
ทุกคนรู้อย่างที่มุจลินท์รู้ ไม่ใช่ว่าจิตตาจะไม่เคยชมใคร เพียงแต่คำชมของเธอนั้น ล้วนแฝงไปด้วยการกระแนะกระแหน บางทีคนฟังแล้วยังแยกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเป็นคำชมหรือคำติเตียน
ระวังตัวด้วยนะเมี่ยง ฉันว่ามันยังไงๆ อยู่นะ
สรัลแอบมากระซิบเตือน ซึ่งมุจลินท์ก็เห็นตามนั้น เธอรับทราบในความห่วงใยของเพื่อนชาย ยิ่งจิตตาทำดีกับเธอมากเท่าไร เธอก็ต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น
สามวันผ่านไป เรวัตก็กลับมาสำนักพิมพ์พร้อมกับต้นฉบับ แต่แทนที่เขาจะส่งงานที่บรรณาธิการหรือผู้ช่วยบรรณาธิการ เขากลับตรงไปยังฝ่ายศิลปกรรม
ดีมากจ้ะ น้องเรวัต
จิตตากล่าวขณะที่เธอพลิกกระดาษอ่านบทความแนะนำที่พักและร้านอาหารโดยคร่าวๆ สลับกับดูภาพถ่ายที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
เรวัตไม่รู้ว่าคำชมของจิตตาหมายถึงอะไร ผลงานดี หรือการกระทำดี แต่ที่แน่ๆ เขาทั้งสงสัยและไม่เข้าใจว่า ทำไมจิตตาถึงย้ำนักย้ำหนาให้มาส่งงานให้เธอตรวจก่อน
ผมนึกว่าต้องส่งให้บอกอหรือผู้ช่วยเสียอีก
แม้แต่รูปภาพ ควรจะให้บรรณาธิการฝ่ายภาพคัดสรร จิตตาก็เจ้ากี้เจ้าการเป็นคนเลือกเอง
หัดถ่ายรูปให้เก่งๆ ไว้บ้างก็ดีนะ จะได้ทำงานคนเดียว ไม่ต้องพึ่งพาช่างภาพ ฉบับหน้าเห็นบอกอเปรยๆ ว่าจะให้ช่างภาพไปกับน้องเรวัตด้วย แต่ถ้าเธอถ่ายรูปได้ดี พี่จะบอกบอกอเองว่าไม่ต้อง น้องก็จะได้เบี้ยเลี้ยงเต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อย ทำสองหน้าที่ ปีเดียวเท่านั้นน้องเอ๋ย รวยเป็นกอบเป็นกำ เผลอๆ บอกอชอบใจในฝีมือ อาจมีงานเขียนอื่นให้ทำอีก
เรวัตจึงฝันไกลไปในอนาคต เขาอยากเป็นนักเขียนมานานแล้ว ทว่ายังไม่มีโอกาส ได้แต่เขียนเล่นๆ ลงอินเตอร์เน็ต จนกระทั่งจิตตาซึ่งพอคุ้นเคยกันอยู่บ้างติดต่อมา เขาจึงรับงานนี้โดยไม่ลังเล และทำท่าจะไปได้ด้วยดี ถ้าเป็นอย่างที่จิตตากล่าว
พี่จิตแน่ใจนะครับว่า ผมไม่ต้องส่งงานที่บอกอ ผมเกรงว่า...
โอ๊ย... ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ส่งให้พี่ตรวจก่อนน่ะดีแล้ว เผื่อผิดพลาดหรือบกพร่องอะไรพี่จะได้ช่วยแก้ไขให้ ถ้าน้องเรวัตส่งตรงไปที่บอกอเลย พี่ว่ามันอันตราย งานอาจจะไม่ผ่าน บอกอชานนท์น่ะค่อนข้างเข้มงวดนะ บางทีถ้าไม่ถูกใจ แกให้รื้อทำใหม่หมดเลย
แล้วผู้ช่วยบอกอล่ะครับ
เรวัตยังไม่ค่อยวางใจ ถึงเขาจะเป็นมือใหม่ แต่ก็พอรู้ว่าสายงานที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร
เฮ้อ... จิตตาทำเป็นถอนหายใจหนักหน่วง รายนั้นยิ่งแล้วใหญ่ น้องเมี่ยง... เอ่อ... ผู้ช่วยบอกอน่ะ เธอก็เป็นนักเขียนเหมือนกัน เพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ อิจฉาริษยาละเป็นที่หนึ่ง ไม่ผ่านงานให้ใครง่ายๆ หรอก เธอคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นทั้งหมด
มิน่าเล่า วันนั้นตอนที่เจอผม ผู้ช่วยบอกอถึงมีท่าทางไม่ค่อยจะพอใจ เพราะอย่างนี้นี่เอง
พอเห็นว่าจุดติด จิตตาก็เร่งเติมเชื้อไฟ
น้องเรวัตมาใหม่ ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ หลายๆ คนเจอฤทธิ์แม่ผู้ช่วยบอกอคนเก่งจนขยาดกันหมดแล้ว ที่ทนไม่ไหวก็ลาออกไป แต่น้องเรวัตไม่ต้องกังวล...
จิตตายิ้มปลุกปลอบสร้างความเชื่อมั่นให้คนฟังหลังจากขู่มาได้สักพัก
มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ปรึกษาพี่ เรามันพวกเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกันเต็มที่อยู่แล้ว
เรวัตรู้สึกตื้นตันใจและนับถือจิตตายิ่งนัก เธอทั้งชักจูงเขาให้มาทำงานที่นี่ แล้วยังปกป้องคอยช่วยเหลือทุกอย่าง จะหาใครที่มีน้ำใจอย่างนี้ในปัจจุบันคงยากเต็มทน
จิตตาตรวจทาน ติติง รวมทั้งแนะนำแก้ไขข้อบกพร่องบทความของเรวัต ราวกับเธอเป็นบรรณาธิการเสียเอง ส่วนเรวัตก็พอใจ เพราะอย่างน้อยประสบการณ์ของเธอน่าจะทำให้งานของเขาผ่านการพิจารณาได้โดยไม่มีอุปสรรคหนักหนาใดๆ
จิตตามองตามหลังคนที่เพิ่งขอบคุณเธอแล้วขอบคุณเธออีกเดินถือต้นฉบับออกไปจากสำนักพิมพ์แล้วยิ้มอย่างพออกพอใจ เธอได้ฐานกำลังมาแล้วหนึ่งคน และคงจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ในอนาคต หากมีคนเก่าลาออกไปและรับคนใหม่เข้ามา
น่าเสียดายที่พนักงานส่วนมากคอยแต่จับกลุ่มคอยนินทาคนโน้นทีคนนี้ที ไม่มุ่งมั่นในการงานเหมือนเรวัต เธอจึงไม่นับรวมเข้าเป็นพรรคพวก คนแบบนี้เอนลู่ไปตามลม ไม่มีจุดยืนที่แน่ชัด เห็นใครมีอำนาจวาสนาเข้าหน่อยก็ประจบประแจง ทั้งๆ ที่ลับหลังนินทาว่าร้ายเสียมากมาย
มีฐานกำลังแบบนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางหนุนเธอให้สู่เป้าหมายได้
วันนี้เธอต่ำต้อยเป็นเพียงพนักงานฝ่ายศิลปกรรมธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น จึงไม่อยู่ในสายตาของคนแบบนี้ แต่คอยดูเถอะ หากวันหนึ่งวันใด เธอก้าวขึ้นสูงโดยมีพรรคพวกที่สร้างขึ้นมาเองกับมือหนุนหลัง คนเหล่านี้จะเปลี่ยนสีราวกับจิ้งจกคืบคลานเข้ามาประจบประแจงเธอทันที...
เหมือนอย่างที่มุจลินท์กำลังได้รับอยู่ในขณะนี้
วันรุ่งขึ้น เรวัตกลับมาสำนักพิมพ์อีกครั้งในสภาพย่ำแย่ ขอบตาดำคล้ำจากการอดหลับอดนอนทั้งคืนเพื่อแก้ไขต้นฉบับ หากเพราะความมุ่งมั่นจึงฝืนสังขารตัวเองนำงานมาส่ง
เขาทั้งชะเง้อและเหลียวมองหาจิตตา ทว่าโต๊ะทำงานของเธอว่างเปล่า ไม่มีวี่แววว่าเจ้าของจะอยู่แถวๆ นี้
คุณจิตลาค่ะ วันนี้ไม่มาทำงาน
ใครคนหนึ่งบอก เรวัตถอนหายใจด้วยความเสียดาย เป็นความผิดของเขาเอง เพราะจิตตาย้ำแล้วย้ำอีกว่าอีกสองวันค่อยเอางานมาส่งใหม่ แต่ด้วยความใจร้อน และอยากให้เธอเซอร์ไพรซ์ จึงรีบเร่งทำงานหามรุ่งหามค่ำ สุดท้ายแล้วก็เหนื่อยฟรี
เอาต้นฉบับมาส่งหรือเปล่าคะ
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเงอะๆ งะๆ อยู่ก็มีเสียงพูดอ่อนโยนดังขึ้นมา พอหันหน้าไปก็ใจหายวาบ เขาไม่อยากเจอหญิงสาวผู้นี้เลย
เอาต้นฉบับมาส่งใช่ไหมคะ
มุจลินท์ถามซ้ำอีกครั้ง เธอเห็นอยู่แล้วว่าชายหนุ่มถือซองสีน้ำตาลใส่เอกสาร แต่การหันรีหันขวางของเขาทำให้เธอต้องช่วยถามนำทางให้
เอ่อ... มือที่ถือต้นฉบับกระชับแน่นโดยอัตโนมัติ ภาพลักษณ์ของผู้ช่วยบรรณาธิการสาวตามที่จิตตาเคยเล่าปรากฏขึ้นในใจ
อิจฉาริษยาเป็นที่หนึ่ง ไม่ผ่านงานให้ใครง่ายๆ เธอคิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครทั้งหมด
เขาจะทำอย่างไรดี เพราะใครๆ ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าตนเองถืออะไรอยู่ ครั้นจะโกหกไปดื้อๆ ก็ผิดวิสัย
ถ้าเป็นต้นฉบับ ส่งที่... ดิฉันได้นะคะ
มุจลินท์ทำหน้าแปลกๆ หลังจากพูดจบ เธอเคยใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า เมี่ยง มาตลอดด้วยความที่อายุน้อยกว่าทุกคนในสำนักพิมพ์ หรืออย่างมากก็ใช้คำว่า ฉัน กับสรัลที่เป็นเพื่อนสนิท แต่กับนักเขียนอิสระคนนี้ซึ่งอายุน้อยกว่า จึงจำเป็นต้องใช้สรรพนามที่ไม่เคยพูดมาก่อน
และเพราะหน้าแปลกๆ นี้เองที่ทำให้เรวัตยิ่งหวั่นเกรง เผลอตัวถอยกรูดมือไม้อ่อนจนต้นฉบับพลัดตกลงพื้นหลุดออกจากซองกระจาย
นงลักษณ์อยู่ใกล้ๆ จึงช่วยเก็บ
ต้นฉบับจริงๆ ด้วย ส่งที่ผู้ช่วยบอกอได้เลยค่ะ
ด้วยความหวังดี นงลักษณ์จึงรวบรวมแล้วส่งให้มุจลินท์ เรวัตถึงกับเหงื่อซึมกลัวว่าต้นฉบับที่เขาอุตส่าห์เร่งเขียนเร่งแก้จะไม่ผ่านการพิจารณา
กรุณาผมด้วยนะครับ
เขาโค้งอย่างงดงามสองสามครั้งก่อนผลุนผลันออกจากสำนักพิมพ์ไป ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองตามไปอย่างงุนงง
เขาเป็นอะไรของเขาน่ะ
นงลักษณ์ถาม มุจลินท์ได้แต่สั่นศีรษะ มองออกไปข้างนอกสลับกับต้นฉบับในมือด้วยความไม่เข้าใจ
มีต่อ ----->
จากคุณ |
:
นายตั๋ม เจ้าสำราญ (คั่วกลิ้ง)
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเข้าพรรษา 53 20:15:58
|
|
|
|