Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คุณพ่อกับเวทย์มนต์เสื่อมๆ  

พ่อกับเวทย์มนต์เสื่อมๆ  

        "พ่อบ้านหลังนี้สวยจัง" ผู้พ่อวัย 45 ละสายตาจากถนนหันมองขวาตามเสียงแจ๋วๆ ของสาวน้อยวัย 9 ขวบที่นั่งเบาะหลังรถกระบะ 4 ประตูยอดรถใฝ่ฝันของชนชั้นกลางระดับล่าง
           "ไหนๆ โหยพ่ออ้นก็ชอบคับ" ไอ้ตัวเล็กนี่ย่าง 6 ขวบลุกขึ้นจากเบาะผู้โดยสารด้านคนขับชะโงกตัวข้ามหน้า จนผู้พ่อต้องเอี้ยวมองถนนข้างหน้า เพื่อชะลอรถจอดข้างทาง จะได้ดูกันเต็มๆตา และไม่เกิดอันตราย
           บ้าน หรือถ้าเรียกให้ถูกต้องก็คฤหาส์หรูย่อมๆ อยู่ระหว่างตกแต่งทาสี ประดับประดาให้มีรูปแบบทันสมัย แต่คงไว้ด้วยความอลังการงานสร้าง มันเตะตาเด็กทั้งสอง ไม่ซิ ผู้เป็นพ่อถึงกับเข้าเกียร์ว่าง ดึงเบรคมือ ลดกระจกลงเพื่อมองมันด้วยความชื่นชมในความใหญ่โตงดงาม มันเหมือนมีกลิ่นของอีกระดับที่ไม่คุ้นเคยลอยมากระทบโสต
           "โอ้โห นี่คงไม่ต่ำกว่า 10 ล้านแน่พ่อว่าน่ะ"
           นี่คือหนึ่งในพันหลัง ของหมู่บ้านย่านรังสิตคลอง 2 ลำดับต้นๆ ที่พักอาศัยท๊อปเทนของคนกรุงเทพมหานคร วันนี้วันอาทิตย์ที่ 1 ญาติฝ่ายภรรยาขอให้ไปรับหนังสือธรรมะ เพื่อแจกจ่ายให้พุทธศาสนิกชน ซึ่งผู้เป็นพ่อเห็นไม่เหลือบ่ากว่าแรง และเป็นกุศล จึงดั่งด้นขับรถพา 2 ลิงน้อยจากทาวเฮ้าส์มือสอง 17 ตารางวา ย่านบึงกุ่มมาที่รังสิตคลองสอง จากย่านที่คนชั้นกลางๆ ระดับลงล่างมาสู่ชนชั้นสูงไฮโซ
           ตรงบ้านหลังนี้ อยู่พอดีกลางจุดศูนย์รวมของหมู่บ้าน เพราะถัดไปเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ข้างๆ นั้นก็คลับเฮาส์ สนามเทนนิส และสระว่ายน้ำตามลำดับ
          ผู้พ่อตัดใจดึงกระจกขึ้น ก่อนเข้าเกียร์ ถอนเบรคมือเดินรถเพื่อจัดการภารกิจให้เสร็จไปให้เร็วที่สุด แต่เสียงเด็กสองคนยังแจ้วๆ ข้างหูตลอด
           "อ้นๆ " คนโตเรียกน้อง "ดูซิบ้านนั้นก็สวย หลังเล็กกว่าเมื่อกี้ แต่พี่ก็ชอบน่ะ"
           "อ้นก็ชอบ มีสนามหญ้าด้วย"
           "พี่ขอ 1 ห้องคนเดียวน่ะ พ่อให้อ้นอีกห้องนึงน่ะ" เอาแล้วผู้พ่อคิด ไปกันใหญ่แล้ว "พ่อหนูกับน้องขอแบ่งอยู่กันคนละห้องน่ะค่"คนพี่ไม่อยากคุยกับน้อง แต่หันมากดดันพ่อบ้างแล้ว
            "พ่อเอาหลังนี้ก็ได้นะน่ะ" นั่นไง ว่าแล้วต้องเจอลูกนี้
           "พ่อว่าน่ะ หลังนี้อย่างน้อยก็ 5 ล้าน" ผู้พ่อเริ่มอธิบายความจำเป็นบ้าง ตอนนั้นกำลังเลี้ยวซ้ายเข้าซอยบ้านญาติอย่างช้าๆ
           "ลูกๆ ฟังพ่อน่ะ ลำพังบ้านที่เราอยู่ เหลือผ่อนธนาคาร 6 แสนเรายังต้องผ่อนอีกตั้ง 15 ปี ดูซิขนาดรถของเรา คนธรรมดาผ่อน 3 ถึง 4 ปีก็หมดแล้ว แต่เราต้องผ่อน 6 ปีเลยน่า"
            ผู้พ่อใจหายวาบ เพราะเมื่อสิ้นเสียงอธิบาย ลูกทั้งสองก็นิ่งฟ่อลงทันที ต่างหันหน้าออกนอกหน้าต่างรถแต่ละด้าน เฝ้ามองบ้านหรูที่เลื่อนไหลผ่านไป ผ่านไป พวกเขาโตพอจะรู้ว่าเงิน 100 บาทที่พวกเขามี ค่ามันต่างจากแสน ที่พ่อต้องแบกรับ และเงินล้านที่ต้องหามา เหมือนใกล้ตาแต่จับต้องไม่ได้
           "แต่พ่อว่าน่า" ผู้พ่อต้องเริ่มเป็นฝ่ายคุย เพื่อไม่ให้พวกเขาจมอยู่กับความผิดหวังนานเกินไป  
            "ถ้าลูกๆ ขยันเรียนหนังสือ ขยันอ่านหนังสือ แล้วสอบได้คะแนนดีๆ ก็จะได้มีอาชีพดีๆ มีเงินมากๆ มาซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ ไงครับ"
            จริงดังคาด ทั้งสองพูดพร้อมกัน "แล้วต้องทำอาชีพอะไรถึงมีเงินมากๆ"
            "ก็เอ่อ อย่างเป็นหมอไงครับ พี่ก็เป็นหมอ ส่วนน้องก็เป็นสถาปนิกไง พวกออกแบบบ้าน ออกแบบตึก แป๊ปเดียวเก็บเงินซื้อบ้านหลังโตๆ ได้แล้ว อย่าลืมเอาพ่อไปอยู่ด้วยละกัน"
             แต่นั่นมันอีกตั้งนาน นี่คือคำอุทธรณ์ของสาวน้อย
             "เอาน่า เชื่อพ่อเถอะ ถ้าหนูอยากได้อะไร ต้องพยายามให้มากเข้าไว้ อยากได้สิ่งไหนยิ่งยาก ก็ต้องยิ่งพยายามมากยิ่งขึ้นไปอีก จำไว้น่ะค่ะ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกในชีวิตจริงนี้" ผู้พ่อสอนสัจธรรมเสียเลย และก็ถึงบ้านญาติ 3 พ่อลูกช่วยกันขนหนังสือธรรมะขึ้นรถ จนเสร็จภารกิจที่หมู่บ้านนั้น
             ปรากฎเรื่องยังไม่จบ เมื่อความคิดซื้อบ้านใหม่ยังวนเวียนอยู่เช่นเดิม แต่ไม่ใช่ของคนต่างวัย เด็กๆ อาจจบแค่นั้น หลังจากภาพพ้นห่างจากสายตา และไปสนใจสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แทน แต่สำหรับผู้ใหญ่ ผู้เป็นพ่อ รู้สึกเหมือนมันยังวิ่งไปกับเส้นเลือดไปทั่วร่างกาย พาลให้เร่าร้อนผิดปกติไม่เหมือนวันหยุดที่ผ่านๆ มา
             ระหว่างทางกลับบ้าน เขาหักรถยนต์แวะจอดข้างทางย่านการค้าขายที่คึกคัก มีร้านรวงน้อยใหญ่หลากหลาย ก่อนหันบอกลูก 2 คน
             "ลูกๆ รอพ่อแป๊ปหนึ่งน่ะ เดี๋ยวพ่อมา" เขาไม่ลืมลดกระจกลงให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ไม่ดับเครื่องยนต์ จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าประจำตัวคล้องไหล่ ออกจากรถ ล็อคประตู ก่อนออกเดินเขาก็มองไปรอบๆ ตัวเมื่อเห็นว่าปลอดโปร่งจึงรีบวิ่งหายไป ปล่อยให้ลูกทั้งสองนั่งงงๆ อยู่ภายในรถยนต์
              ครู่เดียวลูกคนโต เห้นผู้พ่อวิ่งหน้าตื่นมาที่รถที่จอดทิ้งไว้ ตามติดด้วยเสียงปรี๊ดๆ ยาวของตำรวจไล่หลังมาอย่างกระชั้น ก่อนเข้านั่งในรถเร่งเครื่องออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งตำรวจยืนบ่นกระปอดกระแปดอยู่บริเวณที่จอดรถไว้
             "มีอะไรหรือพ่อ วิ่งหนีตำรวจทำไม" ลูกสาวยังไม่หายตกใจ ยื่นหน้าเข้ามาถามพร้อมกับน้องเล็กที่อยากรู้เช่นกัน
             "ไม่มีอะไรหรอกลูก พ่อจอดในที่ห้ามจอด ถ้ามาไม่ทันโดนใบสั่งแน่ ดีไม่ดียึดใบขับขี่ที่นี้แย่เลย" ลูกสาวเห็นพ่อยังไม่หายเหนื่อยจึงไม่ถามต่อ
             เวลา 15 นาฬิกา 45 นาที ผู้พ่อหยุดการกระทำทุกอย่าง ใจจดจ่อกับวิทยุเครื่องเก่าที่งัดจากใต้ถุนบันได ลมหายใจแรงแต่ไม่เป็นจังหวะ ทั้งที่โฆษกรายการพยายามปรับน้ำสียงให้เรียบเอื่อยชวนง่วงหาวนอน
             "รางวัลที่หนึ่ง ประจำงวดวันที่ 1 สิงหาคม พุทธศักราช 2553 เลขที่ออก 2-1-0-0-0-8 " แต๊ดๆ
              เขาเผยกลั้นหายใจร่ายเวทย์มนต์และอธิฐานให้เลขที่ออกเป็นเลขเดียวกับล็อตเตอรี่ที่เขาถือไว้ แต่ก็เพียงไม่กี่วินาที เขาได้พิสูจน์แล้วว่า เวทย์มนต์และคำอธิฐานมันเสื่อมลงไปแล้ว
            ฝันที่สร้างด้วยสายลมบางๆ จากบ้านหรูย่านไฮโซ ก็พังทลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อลมที่พัดผ่านเช่นกัน และไอ้ที่เสี่ยงใบสั่งตำรวจจราจร ไปซื้อ นั่นชุดใหญ่ 10 คู่ ชุดละพันสองร้อยบาทเชียวน่ะ ไม่เฉียดใกล้กับรางวัลไหนๆ สักแห่งกระทั่งเลขท้าย 2 ตัว เป็นการลงทุนที่ขาดทุนที่สุดในชีวิต
             ผู้พ่อทำใจได้เดินไปกอดลูกทั้งสองที่กำลังฝึกเขียนหนังสือ และระบายสีการ์ตูนเล่มโปรด
             "เอายังงี้น่ะ วันนี้เราสามคนมาช่วยกันเก็บบ้านเล็กๆ ของเราให้สะอาดเรียบร้อย เมื่อสะอาดเรียบร้อยแล้ว บ้านก็จะกว้างขวางน่าอยู่เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ๆ เลยล่ะ" ถึงจะยังงงกับผู้เป็นพ่อ แต่ทั้งหมดก็ช่วยกันเก็บข้าวของ สิ่งละอันละน้อยรกบ้านเข้าที่ทาง
              ขณะแม่ผู้กลับมาจากจ่ายตลาด ยังมองด้วยความชื่นชมระคนสงสัยว่าเป็นอะไรกันถึงขยันเช่นนี้ ผู้พ่อเงยหน้ามอง แต่ก็ต้องอุบเรื่องซื้อล็อตเตอรี่ชุดใหญ่ไว้ต่อไป เพราะมันคือเงินสำหรับค่าใช้จ่าย ที่สูงเอาการสำหรับพนักงานออฟฟิศเล็กๆ ที่ควบตำแหน่งแม่บ้านเล็กๆ คนหนึ่ง
              ช่วงค่ำแม่ยิ่งแปลกใจ เมื่อพ่อหันหน้าเข้าหาจอคอมพิวเตอร์ แทนการพักผ่อนกับลูกๆ และเก็บแรงไว้ทำงานประจำอันแสนวุ่นวาย เห็นเขาเร่งพิมพ์ต้นฉบับเรื่องสั้น เรื่องยาวของตัวเอง หลังลามือละทิ้งความฝันเป็นนักเขียนมาครึ่งปี  
              "พวกเธอจะรู้ไหมว่า มีแต่วิธีนี้ละ วิธีที่เริ่มจากความจริง และต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก พยายามซ้ำไปซ้ำมา จนบ่มเพาะความสำเร็จที่ละน้อยๆ พ่อจะพยายาม จะพยายามเป็นนักเขียนให้ได้ พ่อสัญญา"
               เขารำพึงเบาๆ กับจอคอมพิวเตอร์ ไม่กล้าหันไปมองเมียและลูก กลัวว่าน้ำตาที่เอ่อจะไหลบ่าเมื่อหันมาหา ก่อนจะเร่งปั่นต้นฉบับ เขียนแล้ว เขียนอีก แล้วเขียนอีก

 
 

จากคุณ : จ.นันทภาคย์
เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 10:40:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com