"ย่า" เพราะว่าคิดถึง
|
|
เข้าพรรษา วันพระใหญ่ที่ผ่านมา ใครๆที่เป็นพุทธศาสนิกชนคงได้เข้าวัดทำบุญ อีกทั้งได้หยุดยาวสามวันสี่วัน ได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องคนในครอบครัว ทั้งอาจได้พบหน้าญาติในเชื้อสายตระกูลที่ห่างหายไม่ได้พบหน้ากันมานาน ที่ต่างก็มีเส้นทางเดินดำเนินชีวิตของแต่ละคนต่างกันไป อาจเหมือนวันรวมญาติกลายๆเลยทีเดียวก้ได้
วันนั้นเมื่อหลายปีก่อน บ้านผมก็คล้ายๆวันรวมญาติเช่นกัน ย่า ญาติผู้ใหญ่ที่สุดผู้เป็นเสาหลักและเป็นที่เคารพของพวกเรา ทำให้ลูกๆหลานๆได้มารวมกัน ย่าที่อยู่กับเพียงลูกหลานหลังจากปู่ชิงจากโลกนี้ไปก่อน ลูกชายหญิงของย่าที่มีกันเก้าคน กระจัดกระจายแตกหน่อออกหลานมีเหลนอีกเป็นสิบ นับญาติกันแทบไม่หวาดไม่ไหวนั้น นานๆจึงจะได้กลับมารวมกันสักทีนึง เพราะต่างคนต่างก็อยู่กันคนละที่กระจัดกระจาย อาจมีบ้างบางคนบางครอบครัวที่อยู่ใกล้ๆได้เห็นหน้าคร่าตากันบ่อยๆ
ผมคนนึงที่เป็นหลานของย่า ที่มีพ่อเป็นลูกคนที่ห้าในจำนวนลูกเก้าคนนั้น ลูกบางคนของย่าจากพวกเราไปแล้วรวมทั้งพ่อผม หลานบางคนจากย่าไปแล้วก็มีหลายคน แต่ในวันนั้น ย่า ก็ยังแข็งแรงเดินเหินไปวัดทำบุญได้สบายๆ
หลายสิบชีวิตกราบสวัสดี ของฝากเล็กๆน้อยๆคนละไม้ละมือ เงินนิดๆหน่อยๆที่หยิบยื่นให้ย่าได้เหน็บไว้กับขอบผ้าถุงที่ชายเอว หมากแห้ง หมากสด ปูน ยาเส้น ผ้าถุงหรือเสื้อคอกระเช้า ที่ย่าได้รับ จนยิ้มน้ำหมากไหลย้อยบนใบหน้าอันเหี่ยวย่นตกกระนั้น ยังติดอยู่ในความทรงจำของผมเสมอ ปิ่นโตสีเงินวาวถูกรื้อออกมาจากตู้เก็บของ ถูกนำออกมาขัดล้างเตรียมใส่อาหารไปวัด เสื้อคอกระเช้าตัวใหม่ ทั้งผ้าถุงที่ใครบางคนซื้อให้เมื่อปีที่แล้วถูกนำออกมาซักรอไว้แต่เมื่อวาน ดอกไม้ธูปเทียวถูกเตรียมไว้
ในเช้ามืดที่ฟ้ายังสลัว เสียงก่อไฟจากเตาฟืน เตรียมหุงข้าวทำกับข้าวไปถวายพระเริ่มขึ้นอย่างแผ่วเบา อาจเป็นแกงกะทิกล้วยน้ำว้า แกงบอน หรือยำหนังหมูที่ผมชื่นชอบ ขนมต้มหรือข้าวต้มมัดเป็นของหวานที่เตรียมทำไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น บางครั้งหลังจากเสร็จจากทำกับข้าว อาจมีน้ำสักขันถูกสาดมาในกลุ่มลูกหลานที่เมามายหลับใหลกันอยู่บนเสื่อใต้ถุนบ้าน พร้อมเสียงปลุกให้อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปวัดกัน นั้นแหละย่าผมในวันพระใหญ่เข้าพรรษา
ผมที่เป็นหลานคนหนึ่งในจำนวนหลานที่วนเวียนมาให้ย่าได้เลี้ยงดูตอนเล็กๆ เคยอ้อน งองอขนาดหนัก แต่ก็มีย่าคนนี้ที่ปลอบประโลมให้เงียบงัน ไม่เคยแม้ลงไม้เรียวให้หลานได้เสียน้ำตา แถมดุด่าพ่อแม่ที่บังอาจมาตีมาดุอีกต่างหาก หลายครั้งเคยพาหาบข้าวเม่าขึ้นรถทัวร์แดงไปขายไปค้าต่างจังหวัดทีละหลายๆวัน หาบข้าวหลามที่เผากันเองใส่กระบุงไปขายยังจังหวัดใกล้เคียงก็เคยอยู่บ่อยๆ จำได้ว่า ย่าพาผมเดินออกมาจากบ้านไปบนถนนลูกรังเพื่อขึ้นรถทัวร์แดงที่ปากทางแต่เช้าตรู่ร่วมสี่ห้ากิโล ภาพย่าหาบกระบุงจูงหลานผอมเกร็งคนนี้ ผมยังไม่เคยลืมเลือน มะม่วงกวนขึ้นเกล็ดน้ำตาล ขนมนางเล็ดกรอบๆ กระยาสารทในปิ๊บที่แข็งแต่อร่อย หรือข้ามต้มมัดเหนียวๆมีไว้ให้พวกเราได้กินมากมายยามที่ย่ายังแข็งแรงและมีกำลัง
วันนี้ หลายปีหลังจากย่าจากพวกเราไป บ้านหลังเดิมของย่าเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงลูกชายคนเล็กที่เป็นอาว์ของผมคนเดียวที่พักอาศัยในบ้านหลังนั้น ญาติพี่น้องกลับมารวมตัวกันน้อยลงแม้เป็นวันพระใหญ่ หลานเหลนบางคนที่พึ่งเกิดไม่รู้จักกันในวันพบหน้า และคงจะเป็นเช่นนี้ในรุ่นต่อๆไป ใบหน้าและชื่อของย่า คงมีสถิตอยู่เพียงแค่รูปขาวดำในกรอบบนข้างฝาใต้หิ้งพระ และเลือนห่างจางหายไปตามกาลเวลา
แต่บางทีกาลเวลาอาจทำให้ผมชี้ไปที่รูปว่า นั่น...ย่าชวด ผู้ที่เลี้ยงพ่อให้โตมาถึงวันนี้
"เขียนไว้ในบล็อคตัวเองหลายวันแล้ว เผื่อมีใครสักคนที่ได้อ่าน แล้วจะคิดถึงญาติผู้ใหญ่ในวันหยุดยาวอาทิตย์วันแม่นี้ จะได้กลับบ้านกันนะครับ"
จากคุณ |
:
ดอกหญ้า บนทางดิน
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ส.ค. 53 14:08:15
|
|
|
|