Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ของขวัญ...ให้แม่ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)  

ฉันไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน ภาพเขาเอารองเท้าแตะหนังหนา ตบหน้าแม่ล้มคว่ำ ใช้ตีนเปล่ากระทืบลงบนยอดอกยังติดตา ใบหน้าของแม่มีรอยเรื่อแดง ผ้าขนหนูผืนเล็กมีรอยเลือดแดง เส้นเลือดในตากร่ำ ฉันคิดไม่ได้มาจากความแรงกระหน่ำของตีนอย่างเดียว ความโกรธฉาดฉายบนใบหน้าลงลึกถึงดวงตา

ไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อน แขนเสื้อยืดฉันไม่ได้เปื้อนเลือดแม่ แต่มันเกิดขึ้นหลังเข้าไปกระชากเขาออกมาก่อน ที่แม่จะถูกกระทืบตายคาตีน เขาหันกลับมาตบฉันจนหงายหลังไป แล้วปล่อยให้  2 แม่ลูกนั่งมองร่องรอยความเจ็บปวดของกันและกัน
ฉันจำช่วงวัยเด็กที่ได้รับความรักจากเขาไม่ได้ นึกไม่ออกว่าเขาเคยจับมือจูงแขนไปเที่ยวสวนสนุกหรือไม่ กระทั่งเคยอุ้มฉันหรือเปล่า

แต่การกระทำอย่างวันนี้ มันซ้ำๆ เสียจนชิน เมื่อตอนอนุบาลรอดเงื้อมมือตีนเขา ด้วยการซ่อนตัวระหว่างซอกตู้ผ้าใบกับโต๊ะตัวเก่า โตขึ้นฉันแทรกหลบความจริงไม่ได้ ต้องนั่งคุดคู้ก้มหน้าชันเข่าปิดเบ้าตา ใช้สองมือปิดหู ปล่อยให้เขาซ้อมแม่ อย่างน้อยหวังว่าภาพและเสียง เป็นเพียงจินตนาการ การเรียนรู้จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น

แต่วันนี้ต่างออกไป เชิดหน้าจากท่าคุดคู้ ใช้สองมือสองเข่ายันตัวลุกขึ้นปกป้องแม่เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่รู้รสของเลือดที่กลบปาก และอาการชาตึงจากฝ่ามือใหญ่หยาบตบฉาดที่ใบหน้า ซึ่งไม่นานจะแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด

เขาจากไปแล้ว กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ละคนกลิ่น 40 ดีกรีของเขา ยังอบอวลรอบตัวเราสอง มันหลอกหลอนเหมือนเขาอยู่ใกล้ พร้อมใช้มือ เท้า เข่า ศอก อบรมสั่งสอนฉันและใช้ความเป็นชายระบายอารมณ์ใส่แม่ไม่มีวันจบสิ้น แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว จะไม่ใช่อีกต่อไป

เสียงเรียก ดึงสติฉันกลับมา  

แม่ทำท่า ลุกขึ้น อาการจุกเสียบ และปวดแปลบตรงหน้าอกจากแรงกระทืบ ทำให้เธอขยับกายไม่สะดวกนัก ฉันรู้เธออยากกอดเพื่อปลอบฉัน และที่สำคัญ เป็นคำซ้ำๆ ซากๆ เพื่อบอกว่า “อย่าโกรธพ่อเลยน่ะ อย่าเกลียดพ่อเลยน่ะ”  

แต่ครั้งนี้ “ไม่” ฉันขืนแขนไม่ให้แม่กอด แล้วเปลี่ยนเป็นโอบกอดแม่เพื่อปลอบเธอแทน

แม่ซุกตัวในอกเล็กๆ ของฉัน สะอื้นไห้ เพราะรู้ว่าต่อจากนี้ ลูกของเธอจะไม่ให้อภัยคนที่ได้ชื่อว่าพ่ออีกแล้ว และนั่นจะเป็นบาปติดตัวลูกไปตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจแล้ว ฉันโตและพร้อมแล้ว วันคืนที่ผ่านมา “เราได้ถูกทดสอบมาถึง 15 ปีมากพอที่รู้แล้วว่าโลกเป็นยังไง” อย่างน้อยฉันก็คิดเช่นนั้น

ด่านทดสอบสำคัญที่สุด มันเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เมื่อฉันสามารถลุกขึ้นทั้งกายและใจหยัดยืนต่อต้านอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้  “ฉันพร้อมแล้ว”

อุณหภูมิที่ร้อนปานไฟเผา ลงลงพร้อมบรรยากาศอึมครึม ของยามอัสดงในฤดูหนาว ความเย็นแผ่สานไปทั่วพื้นปูเสื่อน้ำมันบนซีเมนต์ ลมพัดผ่านร่องไม้ผุของบ้านแบ่งเช่าสองชั้น 2  

แม่กับฉันกระชับกอดแบ่งความอบอุ่น มองไปรอบๆ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ถามตัวเอง ฉันอยู่แบบนี้ได้ไง 15 ปี คำถามนี้วนเวียนแทนความเจ็บปวด ทั้งความโหดร้ายของมนุษย์คนหนึ่งที่กระทำต่อครอบครัว และความโหดร้ายของสังคมที่ทำให้ฉันกับแม่ต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านไม้เก่าผุ กลางสลัมที่เหม็นเน่าที่สุดในกรุงเทพมหานคร  

ถึงสงครามย่อยจะเกิดเมื่อครู่ แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะเฉลี่ยสงครามย่อยระเบิดขึ้นทุกวันไม่หลังใดก็หลังหนึ่งในย่านนี้

บ้านแบ่งเช่า 2 ชั้น กั้นด้วยฝาไม้เก่าแบ่ง 2 ครอบครัว มีประตูทางออกเป็นของตัวเอง แม่กับเขากางมุ้งนอนด้านบน ฉันแบ่งหนึ่งในสามของชั้นล่างปูฟูกเก่ากางมุ้งนอน อีกส่วนใช้ทำกิจกรรมและรับประทานอาหาร อีกส่วนสำหรับประกอบอาหาร และห้องน้ำที่อยู่ติดๆ กัน ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ 5 คูณ 3 เมตร

ฉันทนมันได้ยังไง กลิ่นท่อน้ำทิ้งหน้าบ้าน ของเสีย สิ่งปฏิกูล น้ำเสีย และสีย้อมด้ายทอผ้า อาชีพหลักของชาวสลัมแห่งนี้ มันทั้งเหม็นและหอมแบบแปลกๆ คละเคล้ากัน เหมือนชีวิตคน ถึงทุกข์หนักกว่า แต่ก็หาความสุขได้แบบปลอมๆ เหมือนสีที่ย้อมด้าย สวยตามใจแต่ง และเหม็นเน่าทันทีที่ถูกทิ้งลงท่อ แล้วแต่ชีวิตจะเลือก

การอยู่ที่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่อยากเลือก แต่เมื่อครอบครัวเราเป็นชนชั้นต่ำติดดิน เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมห้องเรียน สลัมก็เหมาะแล้วสำหรับครอบครัวเช่นนี้ และไม่แปลกที่ตัวฉันจะผอมบาง เรียกว่าตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีเพียงผิวที่ขาวเนียนเท่านั้น ที่เด่นสว่างกลางดงน้ำคลำ

ส่วนเขา ฉันยังคิดไม่ออกว่าแม่เลือกอยู่กับเขาได้ยังไง ที่แม่เล่าว่าเป็นคนดี ตั้งใจทำงาน ขนขวายหากิน และรักแม่มาก อาจเป็นแค่คำโกหกเพื่อให้ฉันสบายใจก็ได้

เพราะรายได้หลักของบ้านนี้ อยู่ที่รถเข็นขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง หน้าห้างสรรพสินค้าห่างออกไป 2 กิโลเมตร และยังต้องเจียดไว้สำหรับค่ายาบรรเทาอาการปวดเรื้อรังของเขา ที่ประสบอุบัติเหตุจากการขับแท๊กซี่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว อีกส่วนเป็นค่าเหล้าขาวให้เขาลืมศักดิ์ศรีความเป็นชาย หลังเกาะผู้หญิงกิน ยังดีที่ขาข้างหนึ่งลีบจากอุบัติเหตุ ไม่งั้นแม่คงตายคาตีนเขานานแล้ว

แม่เริ่มไอถี่และแรงขึ้น ต้องผละจากอกฉันปลีกตัวเดินไปไอในห้องน้ำ

ฉันเริ่มเก็บข้าวของเครื่องครัวที่กระจัดกระจาย เสียงแม่เริ่มดังขึ้น ๆ อาการไอไม่ได้เพราะเหตุถูกทำร้ายอย่างเดียว กากเบียร์ราคาถูก 1 กระป๋องก่อนอาหาร 3 มื้อ ช่วยให้กินได้ นอนหลับ

จำได้ว่า แม่เป็นผู้หญิงสวย ผิวขาวมีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้ใบหน้าแห้งตอบ น้ำหนักลดฮวบกว่าครึ่ง ผิวที่เคยเหมือนลูกผู้ดีมีเงิน กลายเป็นเหี่ยวดำ ดูแก่กว่าอายุจริงถึง 20 ปีไม่รู้ว่าอะไรเล่นงานเธอ

หลังออกจากห้องน้ำ ล้างหน้าตา ครู่เดียวแม่ก็ลุกลี้ลุกรน และยิ้มเมื่อเห็นฉันพยักหน้า นี่เป็นยิ้มแรกของวัน เธอค้นลิ้นชักโต๊ะตัวเก่า หาเศษเงินรีบออกจากบ้านโดยไม่ลืมงับประตูบ้าน

ขณะสาละวนกับการเก็บข้าวของ และชิ้นสุดท้ายคือเตาแก๊สชนิดตั้งโต๊ะ เสียงเปิดและปิดประตูดังขึ้นทางด้านซ้ายมือ ห่างเพียง 2 เมตร กลิ่นเหม็นเปรี๊ยวและเหล้าขาว ลอยมาก่อนเงาดำทะมึนบังแสงสุดท้ายของตะวัน

ฉันรู้สึกได้ถึงกลิ่นแปร่ง แปลกแยกจากกลิ่นตัว และกลิ่นเหล้า ฉันรู้จักมันดี เมื่อสัตว์จากขุมนรกครอบงำมนุษย์ ไรขนแผ่นหลังลุกกราวผ่านลำคอ จนถึงไรผมบนศีรษะ สัญชาติญาณกำลังส่งสัญญาณอันตรายให้ฉันป้องกันตัว

แต่มันเร็วกว่าที่คิด เพราะไม่ทันหันกลับเพื่อตั้งตัว มือหยาบใหญ่ กุมต้นคอด้านหลัง ใช้แรงจากท่อนแขนกำยำกดแก้มขวาฉันกับหัวเตาแก๊ส และฉันต้องเจ็บจากแรงกดมากขึ้นถ้าพยายามใช้เสียง

มันยังใช้มือซ้ายบิดทั้งแขนและมือข้างซ้ายฉันไว้ด้านหลัง ใช้ลำตัวและขาขวาลีบกดตัวให้หยุดดิ้นรน ถึงตอนนี้ฉันหมดหนทางต่อสู้สิ้นเชิง น้ำตาเริ่มไหล

มันยื่นหน้ามาใกล้อย่างช้าๆ หางตาเห็นแววตาที่ลึกดำ ใบหน้าแสยะยิ้มยั่ว น้ำลายยืดไหลย้อยลงบนแก้มซ้ายของฉัน และไหลเข้าปากฉันอย่างช้าๆ ยิ่งใบหน้าติดกัน กลิ่นปากชวนคลื่นไส้ลอยออกมา มันเริ่มหัวเราะเบาๆ เหมือนหมาป่าจับเหยื่อรอการลิ้มชิมรสชาติ แต่นี่เป็นลูกของมัน

“แกรู้ไหม บางทีฉันไม่แน่ใจว่าแกเป็นลูกฉัน ก็เพราะผิวพรรณแกมันผู้ดีเกินกว่าเชื้อฉันหรือแม่แกจะผลิตออกมาได้” มันเริ่มแล้ว เหตุผลสำหรับการกระทำของมัน  

ฉันจำครั้งแรกได้ คืนวันปีใหม่เมื่อ 10 วันที่แล้ว แม่เมาหนักต้องแบกกลับบ้าน  หลังฉันหลับในที่นอนชั้นล่าง มันเข้ามาในมุ้งและกระทำเหมือนเช่นวันนี้ ต้องนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด กาย และใจเหมือนถูกแยกออกเป็น 2 เริ่มจากขาสองข้างไปที่ช่องท้อง ลำตัว หัวใจ สมอง และมโนสำนึก

แต่ไม่ใช่วันนี้ ฉันเจ็บปวดมากพอแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม และที่สำคัญแม่กำลังกลับมา เธอต้องไม่เห็นภาพอุบาทว์เด็ดขาด ฉันรักแม่เกินกว่าจะให้เธอรู้ว่า สามี และลูกของเธอเป็นอะไรกัน

มีดสปริง ใบมีดยาว 5 นิ้ว ซื้อจากพ่อค้าหาบเร่ขายมีดราคาถูก เพื่อป้องกันตัวหลังคืนวันปีใหม่ ถูกล้วงออกจากกระเป๋าและอยู่มือขวาที่ไม่ถูกพันธนาการ โอกาสมาถึงแล้ว เมื่อมันปล่อยมือซ้าย เหลือแต่มือที่ใช้กดคอ เพื่อใช้มือปลดกางเกงขาสั้น และกางเกงใน

จังหวะที่มันคลายมือขวาที่กุมคอ เพราะเผลอตัว อยากใช้อีกมือเร่งปลดเปลื้องตัวเอง ประกอบกับความกระหยิ่ม และอิ่มเอมในความสุขที่ใกล้จะมาถึง มันคือจังหวะเดียวของฉันที่จะหลุดพ้นพันธนาการนี้ไปชั่วชีวิต

ฉันใช้มือซ้ายดันตัวทะลึ่งพรวดอย่างสุดแรง ใช้หัวโขกดั้งจมูกมันจนผงะถอยไปกุมจมูก นิ้วหัวแม่มือขวากดสลัก ใบมีดดีดดังแชะ ฉันวาดมือขวาไปด้านหลังระดับเหนือไหล่ขึ้นไปทิศที่มันยืนอยู่ แรงเหวี่ยงเพิ่มอานุภาพเป็น 2 เท่า ใบมีดแนวราบขนานกับพื้น  เฉือนผ่านผิวเนื้อและกระดูกแผงอกจนมิดด้าม

มันหงายหลังล้มดังตึงใหญ่ ไม่เชื่อตัวเองทั้งที่ซึ่งกุมสภาพได้เปรียบ และชะตากรรมของคนในอาญัติได้หมด จะถูกตอบโต้เช่นนี้ ไม่เพียงจมูกที่เลือดกลบ ตอนนี้เลือดจากปอดพุ่งผ่านลำคอออกปาก เมื่อหัวใจกำลังหมดประสิทธิภาพในการฟอกเลือด

ฉันยังไม่หันไปมองคนที่นอนอยู่กับพื้นทันที ใช้เวลาช่วงนี้อย่างช้าๆ ดึงกางเกงขาใส่กลับอย่างเดิม สลัดคอและแขนที่ปวดเคล็ดจากถูกกดและจับกุม จากนั้นจึงหัน ไปที่มัน ซึมซับความรู้สึกแรกที่ใช้สิ่งมีคมเฉือนผ่านเนื้อคนเป็นๆ ความรู้สึกถึงเลือดที่ค่อยๆ ผุดซึมขึ้นละเลงเสื้อยืดสีขาวขุ่นของมัน เป็นลวดลายศิลปะของความตาย และสุดท้ายซึมซับความรู้สึกแรกของการฆ่าคน

ฉันนั่งยองๆ ใกล้กับมัน ที่เริ่มกระตุก ลองสูดกลิ่นเลือด สัมผัสความรู้สึกของคนตายแบบใกล้ชิด

“เป็นไง เจ็บไหม ที่จริงอยากเห็นคุณค่อยๆ เจ็บไปเรื่อยๆ ให้ยาวนานเหมือนกับที่ทำไว้กับแม่ และปวดลึกเหมือนทำไว้กับฉัน แต่เดี๋ยวแม่มาเห็นคุณแล้วทนไม่ได้นำส่งโรงพยาบาล มันก็จะเป็นกรรมต่อกันไม่สิ้นสุด ขออโหสิกรรมกันในชาตินี้แล้วกันน่ะ ลาก่อน” ฉันค่อมร่างเขาค่อยๆ ถอนมีดออกจากอกอย่างช้าๆ ได้ยินเสียงเขาครางเบาๆ ตามแรงดึงของฉัน

เขาผ่อนลมหายใจยาวเฮือกใหญ่ ยังพยายามหายใจต่อชีวิต ยิ่งหายใจ เลือดยิ่งไหลย้อนออกจากร่างยิ่งขึ้น ตอนนี้ดวงตาเขากลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ครั้งสุดท้าย มีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง คงไม่ได้เกิดจากสำนึกผิดหรอก มันกลัวตายมากกว่า และแน่ใจได้เลยว่ามันตกนรกแน่นอน ถ้ามีจริงน่ะ

ฉันนั่งกับพื้นพิงผนังไม้บ้าน มองดูร่างกระตุกอีกเฮือกใหญ่สุดท้ายก่อนวิญญาณ ลอยออกจากร่าง ฉันยังนั่งในท่าเดิมเมื่อความเงียบและความมืดเข้าครอบงำบ้านหลังนี้ แม่คงดีใจน่ะ ที่ได้หลุดพ้นจากสัตว์นรกตัวนี้ พ้นนรกขุมนี้ ไปใช้ชีวิตที่มีแต่เราแม่ลูก ฉันเชื่อว่ามันมีความสุขกว่า 15 ปีที่ผ่านมาแน่นอน ความตายของมันจะเป็นของขวัญชิ้นแรกที่มอบให้กับแม่ และชิ้นต่อไปจะเป็นชีวิตใหม่ที่ฉันเตรียมไว้ให้

ฉันสัญญา ทันทีที่แม่กลับมา ฉันจะเป็นลูกชายที่ดี และลูกสาวที่น่ารัก แล้วแต่แม่ต้องการ แต่ตอนนี้ฉันขอก่อนได้ไหม ขอให้แม่ช่วยคิดว่า จะทำยังไงกับศพมันดี  


(รบกวนช่วยวิเคราะห์ วิจารณ์ เพื่อเป็นวิทยาทานให้ด้วยครับ ขอบคุณมาก)

 
 

จากคุณ : จ.นันทภาคย์
เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 19:22:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com