 |
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ ๒ - บทที่ ๙ - ความรับผิดชอบและความตั้งใจ
|
|
อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973
เนื้อเรื่องต่อภาค 2
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553
* * * * *
ขอบคุณคุณ zuzazu, คุณ kdunagin และคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^
คุณ scottie - รู้สึกเหมือนรูอาร์คเป็นตัวชูโรงสำคัญเหมือนกันครับ :)
น้องแตม - ดูลัสมีเรื่องต้องระแวงเพราะเสียท่ามาแล้วทีนึง แล้วก็ต้องการ "รักษาผลประโยชน์" ของตัวเองด้วยครับ
แฮ่ พอลเฟิร์มอีกตามเคย รอชมได้เลยฮะ :D
* * * * *
บทที่ ๙ ความรับผิดชอบและความตั้งใจ
“สองคนนั้นไปรู้จักกันได้ยังไงนะ” แอชถามเบาแทบเป็นกระซิบข้างๆ อาเมียร์ ขณะที่ทั้งสองเดินจูงม้าไปด้วยกัน
“ข้าได้ยินมาว่าชาลัวห์ชอบ...บังคับเอาตัวหญิงชาวบ้านมา นางอาจเป็นหนึ่งในนั้นกระมัง” เด็กหนุ่มให้ข้อสันนิษฐานปลอมที่ฟังสมเหตุสมผลที่สุด โดยไม่พูดสิ่งที่ตนรู้ออกไป
“อ...อือม์” เด็กสาวรับ แล้วก็เปรย “แต่...ถ้านางมาอยู่ที่นี่ คงไม่ใช่เรื่องดีนักสินะ”
อาเมียร์ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ ให้เธอ ไม่อาจบอกว่าเขาได้คำตอบนั้นรางๆ แล้ว ตอนเด็กหนุ่มเขย่าปลุกชาลัวห์ ภาพในอดีตของอีกฝ่ายก็วาบขึ้นอีก แม้แค่แวบเดียวจนปะติดปะต่อไม่ถูก แต่พอได้ยินชื่อเกรเนีย เขาก็ระลึกได้ว่ามีหญิงสาวชื่อนี้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น
ทว่า...อาเมียร์ไม่แน่ใจว่าชาลัวห์เป็นคนเดียวที่สมควรถูกกล่าวโทษกับชะตาของเธอ บางที ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาให้ท้าย...และชายหนุ่มไม่ได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอนอย่างที่เป็นมา เขาอาจรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความถูกต้องกับการรับผิดชอบมากขึ้นก็ได้
ถึงอย่างนั้น อาเมียร์อดเกรงไม่ได้ ว่าเขาเพียงหลอกตนเองลมๆ แล้งๆ ไปว่าตนเข้าใจจิตใจของชาลัวห์ เหมือนกับโจรคราวนั้น ภาพและความนึกคิดในอดีตของคนสามคนที่เขาได้เห็นและสัมผัสน่าจะเป็นความจริง แต่เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าเขารู้ได้เพราะอะไร หรือด้วยวิธีใด
ในทีแรก...เขาเพ่งจิตจะฆ่าโจรนั้น แต่กลับรับรู้ภาพในอดีตของโจรแทน คราวแอช เขาเพียงแตะที่ไหล่เธอ ความทรงจำในอดีตของเธอก็ปรากฏขึ้นให้เห็นบางส่วน เช่นเดียวกับครั้งชาลัวห์ แตกต่างกันที่เขาแตะชาลัวห์ด้วยเวลาที่น้อยกว่า แต่กลับเห็นความทรงจำมากมายกว่า ทั้งสามกรณีมีทั้งจุดร่วมและจุดขัดแย้ง จนเด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตนจะควบคุมอำนาจนี้ได้อย่างไรกันแน่...ไม่นับว่ามันสามารถควบคุมได้จริงหรือ
การรู้ความทรงจำของผู้อื่นอาจเป็นประโยชน์ต่อเขาได้มาก...อย่างน้อยก็ระหว่างการหลบหนีครั้งนี้ กระนั้น เขายังรู้สึกเหมือนรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นอย่างรุนแรงที่สุด ในเมื่อในความทรงจำใครก็ตามล้วนมีเรื่องที่เจ็บปวด อับอาย หรือเป็นความลับซึ่งคนนอกอย่างเขาไม่ควรล่วงรู้
หากมีใครรู้ทุกสิ่งที่อาเมียร์ผ่านมา ทั้งเรื่องที่ตนเคยทำผิดพลาด สิ่งที่สูญเสีย หรือความรู้สึกดำมืดในใจ เด็กหนุ่มก็คงทนไม่ได้เช่นกัน
“น่าเห็นใจม้าพวกนี้เหมือนกันนะ” เด็กสาวเปลี่ยนเรื่องพูด ขณะยกมือขึ้นลูบไหล่ม้าที่เขาจูงอยู่ “เจ้าของเอาไปทำอะไรก็ต้องทำ ข้าได้แต่หวังว่าเจ้าของใหม่ของพวกมันจะไม่พามันไม่ทำเรื่องไม่ดี อย่างปล้นฆ่าชาวบ้านแบบนี้อีก”
“เอาเถอะ ม้ามันไม่รู้หรอก” อาเมียร์ปลอบ “มันสนแค่มีอาหารกิน มีที่นอนสบาย มีคนดูแลรักษาความสะอาดให้มันก็พอแล้ว อีกอย่าง ม้าเป็นสัตว์ราคาแพง ลองเป็นม้าพันธุ์ดี ใช้งานได้ เจ้าของเขาก็ไม่ดูแลทิ้งๆ ขว้างๆ หรอก แต่ถนอมไว้จนกว่าจะ...หมดอายุการใช้งานนั่นล่ะ”
เด็กหนุ่มนึกโล่งอกที่แอชไม่ถามต่อ เขาไม่อยากอธิบายเลย ว่าบางคนทำอะไรบ้างกับม้าที่หมดอายุการใช้งาน...หากไม่มีความผูกพันกับมันมากพอจะรับเลี้ยงดูม้าแก่ต่อไป
หรือจริงๆ เด็กสาวจะรู้สึกได้กันนะ ม้าพวกนี้คงเหมือนหญิงตามหอโคมแดงกระมัง ตราบใดที่ยังใช้ประโยชน์ได้ ก็ได้รับการดูแล ดีบ้างไม่ดีบ้างตามกำลังทรัพย์และความกรุณาของเจ้าของ แต่หากหมดประโยชน์...ก็ต้องลงเอยในโรงเชือด หรือห้องแถวโกโรโกโส อย่างที่พวกเขาเพิ่งพบมา
ถ้าเพียงแต่ธีร์ดีเรมีสถานที่อย่างอารามฮอว์ธอร์นให้พวกนางพักพิงก็คงดี เขาอยากเสนอเรื่องนี้กับว่าที่ประมุขแห่งธีร์ดีเรที่อยู่แค่ไม่ห่างได้เหลือเกิน
กระนั้น อาเมียร์ก็ตระหนักว่าเขาเองมีความลับส่วนตัวที่ไม่อาจให้ใครรุกล้ำ...แม้นบางขณะจะอยากอนุญาตให้ใครสักคนฟังสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในความนึกคิดของตนบ้าง
ติดปัญหาสำคัญที่สุด แอชจะยอมรับได้หรือ ว่าเขาคือเจ้าชายปีศาจทัมมุซ ต่อให้เด็กหนุ่มหวังอย่างแรงกล้า...ว่า ‘ปีศาจ’ นั้นเป็นเพียงคำลอยๆ ที่พวกคนร่วมศาสนากับเธอตั้งให้เขาก็ตาม
“อาเมียร์” เสียงของอีกฝ่ายเรียกเขาจากความคิด
“หือม์...มีอะไรหรือ”
“ท่าน...จะว่าอะไรไหม” เธอพูดเบาแทบเป็นกระซิบ “...ถ้า...ข้าอยากไปดูในเมือง...คืนนี้”
อาเมียร์แทบอ้าปากค้าง ขณะที่คนขอรีบอธิบายต่อไป
“คือ...ข้าเห็นพวกนางแล้วสงสาร อยากไปดูให้เห็นกับตาว่าที่แบบนั้นเป็นยังไงกันแน่ ทำไมพวกผู้ชาย...คนอื่นๆ ...ถึงได้ชอบไปกันนัก บางที...ถ้าได้ไปดู...ข้าอาจคิดหาวิธีช่วยพวกนางได้มากกว่านี้ก็ได้”
ทีแรกเขาคิดจะปฏิเสธ แต่แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนใจ นี่อาจเป็นโอกาสที่ดี หลังจากนี้คงยากที่เจ้าหญิงแอชลีนน์จะเสด็จมายังที่แบบนี้ หากแอชปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายคงไม่น่าจะมีอันตรายอะไร
“ก็ได้...แต่แค่เดินอยู่ในย่านนั้นนะ” เด็กหนุ่มตัดสินใจตอบ “ข้าคงพาเข้าไปดูข้างในไม่ได้ แต่ไปดูรอบนอกให้พอรู้จักไว้ก็คงดี”
เด็กสาวเหลือบมองเขาแวบหนึ่งอย่างยินดี ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ขอบคุณมากนะ อาเมียร์”
* * * * *
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแม่แห่งชาติ 53 02:41:32
|
|
|
|  |