คนถีบสามล้อในหาดใหญ่
|
|
คนถีบสามล้อในหาดใหญ่
จำได้ว่าช่วงยังวัยเด็ก วันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดเรียน ชอบเดินไปกับแม่ไปที่ตลาดชีกิมหยง เพื่อจับจ่ายซื้อของกับข้าวมาทำกินกันที่บ้าน สภาพตลาดก็เหมือนตลาดทั่วไป มีกลิ่นอับ ๆ เหม็นบ้าง เฉอะแฉะบ้าง บางครั้งก็เห็นหนูวิ่งมุดไปมุดมาในตลาด ต้องระมัดระวังเวลาเดินในตลาด
ส่วนมากร้านค้าที่แม่ไปซื้อกับข้าว ก็มักจะเป็นร้านประจำหรือเรียกว่าเป็นขาประจำกัน เรียกว่า รู้หน้า รู้ใจ ต่อรองราคาเป็นพิธีได้ ส่วนมากก็จะให้ผมเรียก เจ็ก หรือ เฮีย ตามธรรมเนียมชาวจีนที่รู้จักกัน หรือนับญาติพีน้องกัน หรือนัยหนึ่งเป็นการให้เกียรติกัน
ส่วนหนึ่งมักจะขัดแย้งกับความรู้สึกของคนไทย ที่คนอายุมากกว่า หรือแก่กว่า หรือบางครั้งเจ้าของร้านเรียกคนซื้อของว่า เฮีย เคยถามเรื่องนี้กับแม่และผู้รู้ ได้คำตอบว่า "จริง ๆ แล้วเป็นการยกย่องให้เกียรติ สำหรับคนที่ทำมากินแล้วมีรายได้เป็นของตนเอง ถือว่าเป็นคนเก่งและมีความสามารถในการหาเลี้ยงชีพได้"
ยกเว้น แต่วงการตำรวจที่เรียกตนเองว่า เฮีย นั้นจะมีนัยหนึ่งหมายถึงความเป็นกันเอง หรือมีความเหนือกว่าผู้ใต้บังคับบัญชา ขึ้นอยู่กับนัยทางวาทกรรมหรือบริบทตอนเอ่ยวาจา
ในช่วงกลับบ้านหลังจากจ่ายตลาดเสร็จแล้ว บางครั้งต้องช่วยแม่หิ้วของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มักจะมีชายวัยกลางคนเป็นคนไทยมุสลิม มักจะกะเวลาประมาณถูก ว่าแม่จะมาถึงจุดตรงนี้ประมาณตอนไหน ก็จะมาช่วยหิ้วตะกร้ากับข้าว ไปใส่ในรถสามล้อของแกเลยเป็นประจำ เรียกกันว่า สามล้อทุกคนจะมีเจ้าประจำ เสร็จแล้วแกก็จะถีบสามล้อมาส่งที่บ้าน ราคาจำได้หลังสุดคือ ห้าบาท
สามล้อในหาดใหญ่สมัยนั้น มักจะมีขาประจำคือ การรับส่งเด็กนักเรียน แต่ที่บ้านไม่ได้ผูกขาดขาประจำสามล้อ ในการส่งเด็กนักเรียนชายจากบ้านไปโรงเรียน เพราะบ้านจะว่าใกล้หรือไกลจากโรงเรียน ก็ไม่มากเท่าไรนักประมาณหนึ่งกิโลเมตรเศษ ก็เลยเดินไปกลับจากบ้านไปโรงเรียนเป็นประจำ ทำให้มียีนหลงเหลืออยู่บ้าง ทำให้เวลาต้องเดินไกล ๆ มักจะไม่ค่อยรู้สึกว่าไกล หรือเดินได้เร็วกว่าคนทั่วไปปกติ
จำได้ว่ามีการผูกขาประจำสามล้อให้กับน้องสาว ให้ไปรับส่งที่โรงเรียนธิดานุเคราะห์ ต่อมาไม่นานสามล้อคนดังกล่าวก็เปลี่ยนมาเป็น คนขับรถตุ๊ก ๆ รับส่งแทนเด็กนักเรียนแทน ก็ได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
สามล้อในยุคนั้นที่มีการผูกขาประจำ ก็คือ การส่งข้าวปิ่นโตให้กับลูกหลานที่โรงเรียน โดยมากแล้วสามล้อที่รับส่งปิ่นโต ก็จะรวบรวมจากขาประจำหลาย ๆ เจ้ามาส่งให้ มักจะมาวางไว้ที่หน้าประตูโรงเรียน แล้วเด็กนักเรียนก็จะมาหยิบปิ่นโตของตนเองไป ส่วนมากจะจำปิ่นโตของครอบครัวตนเองได้ ไม่ค่อยหยิบสลับกันหรือผิดปิ่นโต แต่บางครั้งปิ่นโตก็มีการพลิกคว่ำเพราะ ช่วงเดินไปหยิบปิ่นโตสะดุดถูกปิ่นโต
หรือถูกกลั่นแกล้งกัน โดยมากมักจะมาจากรุ่นพี่ตัวแสบ ๆ ที่ต้องการแกล้งเพื่อนบางคน หรือต้องการแกล้งยามหน้าโรงเรียน ที่เป็นคนมุสลิมให้กวาดเศษอาหาร ที่มักจะมีไขมันหรือเศษเนื้อหมูปนอยู่ แกก็เป็นคนดีคนหนึ่งที่กวาดไปบ่นไป ช่วงหลังเลยมีครูมาคุมหน้าโรงเรียน เหตุการณ์ก้หายไปหรือมีน้อยลง
ส่วนปิ่นโตหลังกินเสร็จแล้ว ก็มักจะวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว หรือบางครั้งก็ไปวางไว้ที่หน้าประตูโรงเรียน สามล้อก็จะมารวบรวมพากลับไปส่งที่บ้านลูกค้าเอง
แต่มีที่ตลกและสนุกสนานในโรงเรียนคือ เด็กวัยรุ่นจะค่อนข้างหิวและกินเก่ง มักจะไปค้นหาปิ่นโตของเด็กนักเรียนรุ่นน้อง ที่มักจะกินก็แต่เพียงเล็กน้อย แล้วจะรีบวิ่งไปเล่นกับเพื่อน ๆ
พวกรุ่นพี่เหล่านี้ก็จะไปเปิดปิ่นโตรุ่นน้อง กินกับข้าวกับอาหารของเด็ก ๆ จนเกลี้ยงเกลา วันต่อ ๆ มาอาหารและข้าวก็จะใส่ปิ่นโตมามากกว่าปกติ เพราะแม่ของเด็กมักจะคิดว่าลูกกินเก่งหรือเจริญอาหาร ส่วนเด็กก็มักไม่จะไม่กล้าบอกแม่ว่า ไม่ได้กินมากมายตามที่ใส่ปิ่นโตมาแต่อย่างใด
อาชีพคนถีบสามล้อในหาดใหญ่ ในช่วงรถตุ๊ก ๆ เข้ามาขายราคาหลักหมื่นต้น ๆ ถึงกลาง ก็เริ่มมีหลายรายเปลี่ยนอาชีพ จากการเป็นคนถีบรถสามล้อ มาเป็นคนขับรถตุ๊ก ๆ แทน ราคาค่ารถตุ๊ก ๆ จำได้ว่าหนึ่งบาทแรกเริ่ม ก่อนปรับขึ้นเป็นสองบาท แต่เด็กนักเรียนเก็บหนึ่งบาท ราคาน้ำมันตอนนั้นลิตรละสองบาทเอง
ที่จำได้ดีเพราะชอบซื้อน้ำมันเบนซีนหรือโซล่า(ดีเซล) มาล้างอะหลั่ยรถจักรยาน กับอะหลั่ยรถยนต์ของบ้านเพื่อน เป็นอะไรที่สนุกและชอบ เวลาได้ขัดสนิมเหล็กออก ในช่วงว่าง ๆ จากวันเรียน หรือวันหยุดประจำภาคของโรงเรียน
สุดท้ายรถตุ๊ก ๆ ก็เริ่มมาแทนที่รถสามล้อ จนกระทั่งเริ่มหายไปจากตลาดหาดใหญ่ ตอนนี้เหลือก็เพียงไม่น่าจะเกินคันสองคัน แถวหน้าตลาดชีกิมหยง (ยังพอเห็นบ้าง) ก็ยังมีการให้บริการแถวตลาดหาดใหญ่
หลังจากโตขึ้นมากแล้ว ก็ไม่ได้ไปจ่ายตลาดกับแม่อีก เพราะให้พี่สะใภ้ไปจ่ายตลาดแทน ส่วนสามล้อขาประจำของบ้านคนดังกล่าว ก็น่าจะเลิกธุรกิจไปแล้วเพราะคงชรามากเหมือนกัน
แต่ที่จำได้ยังมีอีกคน เป็นชายจีนร่างเล็ก หัวค่อนข้างล้าน เคยถีบสามล้อในหาดใหญ่เหมือนกัน แต่สุดท้ายเจอแกสภาพถูกตัดขา เพราะเป็นโรคเบาหวาน นั่งขอทานอยู่ที่มุมร้านทองตรงสายสองช่วงค่ำ ก็ให้ทานแกไปบ้างเล็กน้อย แกนั่งอยู่ประมาณไม่เกินสองปี ก็ไม่เจอแกอีกแล้ว ไม่ทราบว่าไปแห่งหนตำบลใด ที่คือความทรงจำสามล้อในหาดใหญ่
เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนสามล้อที่เริ่มจะหายไป
ภาพประกอบสามล้อจาก www.yes-iloveyou.com แบบนี้จะเป็นที่นิยมกันมากในหาดใหญ่
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 13:43:15
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ส.ค. 53 11:25:59
|
|
|
|