(ต่อค่ะ)
ความจริงอย่างหนึ่งที่เบอร์นีเซียไม่ได้บอกดัดลีย์: นางไม่ได้บอกเขาเรื่องที่วิคเตอร์หวังจะเป็นกษัตริย์ เนื่องจากหากดัดลีย์รู้เขาจะต้องไม่เอาวิคเตอร์ไว้แน่เนื่องจากความทะเยอทะยานเกินตัว แต่นางอยากให้สองคนนี้ร่วมมือกันไปก่อน แถมยังช่วยเป็นตัวกลางให้วิคเตอร์ได้เข้าหาองค์กษัตริย์อย่างลับ ๆ ใต้จมูกดัดลีย์กับซีมอร์อีกด้วย
สิ่งที่เบอร์นีเซียต้องการมีเพียงแค่การโค่นล้มซีมอร์ลงให้ได้เท่านั้น หลังจากนั้นวิคเตอร์กับดัดลีย์จะหันมาห้ำหั่นกันเองหรือรักกันปานจะกลืนกินก็ไม่ใช่เรื่องที่นางต้องใส่ใจอีกแล้ว เพราะถึงเวลานั้นนางก็จะเป็นหนึ่งในสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในอังกฤษ ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของบุรุษอีกต่อไป (จะเชิดเงินหนีไปต่างประเทศก็ยังได้ถ้าเกิดปัญหาขึ้นจริง ๆ)
ขอเพียงซีมอร์ประสบความปราชัยแล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะชนะผลตอบแทนที่ข้าได้รับย่อมเป็นสิ่งเดียวกันนั่นคือปราสาทเฮเวอร์และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของโบลีนและฮาวเวิร์ด (จากบันทึกเบอร์นีเซียตอนที่ 2)
เบอร์นีเซียตกลงกับดัดลีย์ว่าถ้าโค่นซีมอร์ได้แล้วนางจะได้รับทรัพย์สมบัติ แต่กลับตกลงกับวิคเตอร์ว่าถ้าเขาได้เป็นกษัตริย์นางจะได้รับทรัพย์สมบัติ นั่นหมายความว่าถ้าโค่นซีมอร์ลงได้นางก็จะได้สิ่งที่นางต้องการแล้ว สัญญาที่ทำกับวิคเตอร์มันก็แค่สัญญาหลอก ๆ เท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วนางไม่เคยเชื่อมั่นว่าวิคเตอร์จะชนะดัดลีย์ได้แต่แรก ข้อความข้างล่างนี้คือเหตุผลที่นางช่วยเขา และเหตุผลที่นางอยากให้ดัดลีย์เป็นพันธมิตรกับวิคเตอร์ไปก่อน
การที่ข้าช่วยให้เขาเข้าหาองค์กษัตริย์นั้น ไม่ใช่เพราะข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้าหนุ่มนั่น หากเป็นเพราะถ้าเขาได้เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์แล้วย่อมจะส่งผลดีต่อตัวข้าและจอห์นไปด้วย ทั้งนี้เพราะข้าเล็งเห็นแล้วว่าบุคคลที่จะดึงองค์กษัตริย์มาเป็นฝ่ายเดียวกับเราได้มีแต่เพียงพระเชษฐาต่างมารดาอย่างเขาเท่านั้น และแน่นอนว่าหากทำสำเร็จ หนทางไปสู่การโค่นล้มอำนาจของซีมอร์ก็ย่อมจะเปิดกว้างขึ้นแน่นอน (จากบันทึกเบอร์นีเซียตอนที่ 2)
เรื่องสงครามกับสก๊อต: ประเด็นนี้ค่อนข้างยาวเหมือนกันแฮะ เพราะต้องขออนุญาตท้าวความตั้งแต่เหตุที่ทำให้เกิดสงครามเลยทีเดียว ใครที่จำได้อยู่แล้ว อ่านผ่าน ๆ ไปก็ได้นะคะ
สงครามระหว่างอังกฤษกับสก๊อตนั้นเริ่มมาจากการที่อังกฤษต้องการได้ตัวพระนางแมรี่ (ราชินีแห่งสก๊อตแลนด์: ในเวลานั้นยังทรงเป็นเพียงทารก) มาอภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด จริง ๆ แล้วในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ได้มีการทำสนธิสัญญากรีนวิชว่าสก๊อตจะยกพระนางแมรี่ให้มาอภิเษกกับโอรสของพระองค์ แต่สุดท้ายสัญญานี้ก็ถูกล้มเลิก
ทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลสก๊อตพยายามถ่วงเวลาส่งตัวพระนางแมรี่เนื่องจากเหตุผลสองประการ ประการแรกเนื่องจากยังมีขุนนางกลุ่มหนึ่งที่ฝักใฝ่ฝรั่งเศสอยู่ และอีกประการหนึ่งคือต้องการให้สก๊อตแลนด์ยังเป็นคาทอลิคต่อไป (หากพระนางแมรี่อภิเษกสมรสกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด พระนางก็ต้องเข้ารีตเป็นแองกลิกัน ซึ่งหมายถึงประเทศของพระนางทั้งประเทศด้วย) ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความขัดแย้งกันเองภายในขึ้น ถึงขนาดทำให้เกิดสงครามกลางเมืองในสก๊อตแลนด์เลยทีเดียว จนในที่สุดรัฐบาลสก๊อตก็ตัดสินใจยกเลิกสนธิสัญญากรีนวิช
โดนกระตุกหนวดเสือถึงขนาดนี้ มีหรือพระเจ้าเฮนรี่กษัตริย์ยอดชายจะยอม ประมาณ 5 วันถัดจากวันที่ยกเลิกสัญญา อังกฤษก็ประกาศสงครามกับสก๊อต จากนั้นทั้งสองประเทศต่างก็ห้ำหั่นกันมายาวนานไม่จบไม่สิ้นลากไปจนถึงสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด สงครามนั้นได้รับการเรียกขานว่า The Rough Wooing
ผู้ที่ไม่อยากให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดได้อภิเษกกับพระนางแมรี่คือกลุ่มคนที่ต่อต้านซีมอร์ เพราะนั่นหมายถึงการที่ซีมอร์จะมีอำนาจเพิ่มขึ้นจากการได้เป็นผู้สำเร็จราชการควบทั้งอังกฤษและสก๊อต และในจำนวนนั้น คนที่ไม่อยากที่สุดเห็นจะเป็นวิคเตอร์นี่เอง เพราะถ้ากษัตริย์มีรัชทายาทเมื่อใด หนทางที่จะได้ครองบังลังค์ของเขาก็คงจะดับสิ้นลงเมื่อนั้น
วิคเตอร์จึงยุให้ซีมอร์ทำสงครามไล่ตีเมืองต่าง ๆ ของสก๊อตเพื่อกดดันสก๊อตไปเรื่อย ๆ ฉากหน้าเหมือนว่าเขาเองก็อยากจะให้กษัตริย์ได้อภิเษกกับพระนางแมรี่มากเช่นกัน แต่จริง ๆ แล้วเขารู้ว่าซีมอร์กลัวฝรั่งเศสมาก กลัวว่าสุดท้ายสก๊อตจะยกพระนางแมรี่ให้ฝรั่งเศสแล้วสิ่งที่เขาต่อสู้มาทั้งหมดก็จะสูญค่าทันที เพราะอย่างนี้ซีมอร์ถึงได้รีบร้อนทำสงครามรุกไล่สก๊อตนัก (ทั้ง ๆ ที่มีคนคัดค้านว่าให้รอเวลาเตรียมความพร้อมก่อน) แต่ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมวิคเตอร์ถึงยังสนับสนุนให้รีบกดดันสก๊อต?
เพราะข้าไม่คิดว่าพระนางแมรี่จะตกเป็นของฝรั่งเศสง่ายดายอย่างที่ซีมอร์คิด ถึงแม้ว่าจะมีขุนนางสก๊อตกลุ่มหนึ่งที่เป็นคาทอลิคและฝักใฝ่ฝรั่งเศส แต่โปรดอย่าลืมว่ายังมีขุนนางสก๊อตอีกจำนวนมากที่เคยตกเป็นเชลยศึกของเราและถูกปล่อยตัวกลับ คนเหล่านี้ล้วนเป็นสายให้แก่เราและคอยสนับสนุนเรา ยังไม่นับรวมถึงพวกที่นิยมชมชอบอังกฤษจากใจจริง...ซึ่งข้าเชื่อว่ามีอีกจำนวนไม่น้อย ลองคิดดูเถิด หากพวกสก๊อตฝักใฝ่ฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่จริง ป่านนี้พระนางแมรี่ก็คงถูกส่งตัวไปฝรั่งเศสนานแล้ว การเก็บตัวพระนางเอาไว้ในประเทศเฉย ๆ เช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย (จากบทที่ 7)
วิคเตอร์คิดว่า พระนางมารีแห่งกีส์ พระราชมารดาของแมรี่ สต๊วร์ท ทรงเป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจากพระองค์ทรงเคยเป็นสตรีชั้นสูงจากราชสำนักฝรั่งเศสมาก่อนที่จะมาแต่งงานกับพระราชาแห่งสก๊อตแลนด์ ดังนั้นพระนางจึงปรารถนาจะให้สก๊อตดองกับฝรั่งเศสเป็นที่สุด แต่เนื่องจากพระนางไม่ใช่ผู้สำเร็จราชการ พระนางจึงไม่มีอำนาจในการตัดสินใจหรืออกคำสั่งใด ๆ
กระนั้นก็เถอะ อิทธิพลของพระนางก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะนึกประมาทได้ เขาท้วงเสียงเรียบ อย่างไรก็ดี อิทธิพลของพระนางจะสูญเปล่าแน่หากเรารอเวลา เพราะขุนนางสก๊อตที่กำลังเสียขวัญอาจยอมส่งตัวพระนางแมรี่ให้กับอังกฤษ เพื่อให้สงครามสิ้นสุดเสียก่อนที่จะต้องสูญเสียจนยากเกินเยียวยา แต่หากดึงดันจะยกทัพรุกไล่เพื่อกดดันพวกมันต่อไป ชาวสก๊อตย่อมจะทวีความเกลียดชังที่มีต่ออังกฤษจนยากจะประสานกันได้อีก และขุนนางสก๊อตที่นิยมชมชอบอังกฤษก็จะหมดอำนาจ เช่นนี้แล้วสก๊อตย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปพึ่งพิงฝรั่งเศสภายใต้คำแนะนำของพระนางมารีแน่นอน
(จากบทที่ 7)
จะเห็นได้ว่าเขาต้องการให้อังกฤษทำสงครามลุกไล่กดดันสก๊อตไปเรื่อย ๆ ...ไม่ใช่เพื่อให้พวกมันส่งตัวพระนางแมรี่มายังอังกฤษ แต่เพื่อให้ส่งตัวพระนางไปยังฝรั่งเศสแทน
แล้วทำไมเขาถึงแน่ใจนักว่าสก๊อตจะต้องส่งตัวพระนางไปให้ฝรั่งเศส ก็เพราะเขาคิดว่าเขาจะตกลงกับฝรั่งเศสให้ยื่นมือเข้ามาช่วยสก๊อต หากฝรั่งเศสยกทัพมาช่วยและชนะสงคราม สก๊อตก็ต้องส่งพระนางแมรี่ให้ฝรั่งเศสแน่นอน ปัญหาคือลำพังฝรั่งเศสไม่เสี่ยงทำสงครามกับอังกฤษเพื่อช่วยประเทศเล็ก ๆ อย่างสก๊อตแน่ จำเป็นจะต้องมีใครสักคนที่เป็นไส้ศึกในอังกฤษเพื่อช่วยให้ฝรั่งเศสมั่นใจว่าจะสามารถชนะได้ และวิคเตอร์ก็เสนอตัวเป็นไส้ศึกคนนั้น
สุดท้ายดัดลีย์ก็เห็นด้วย แต่ก็ยังมิวายเสนอให้วิคเตอร์ติดต่อกับฝรั่งเศสผ่านทางทูตซึ่งเป็นคนรู้จักของเขา ข้อเสนอนี้ทำให้วิคเตอร์ตกเป็นรองมาก แต่แน่นอนว่าเขาไม่อาจปฏิเสธได้
หากเขาต้องติดต่อกับฝรั่งเศสผ่านทางสหายที่ดัดลีย์ไว้วางใจ เมื่องานสำเร็จ ดัดลีย์ย่อมเป็นคนเดียวที่จะได้หน้า ในทางกลับกันหากงานล้มเหลวหรือถูกเปิดโปง สหายของดัดลีย์ย่อมไม่เปิดเผยว่าพลโทเป็นผู้ที่แนะนำเขาให้กับท่านลอร์ด ดังนั้นคนที่จะต้องรับเคราะห์ย่อมเป็นชายหนุ่มแต่เพียงผู้เดียว (จากบทที่ 13)
ความทะเยอทะยานของตระกูลเกรย์: ฟรานเซส เกรย์ รัชทายาทลำดับ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ต้องการให้ธิดาของนางคือเจน เกรย์ รัชทายาทลำดับ 4 ได้เป็นราชินี หนทางเดียวคือจะต้องทำให้เจนได้อภิเษกกับองค์กษัตริย์ให้ได้ แต่ปัญหาคือซีมอร์ไม่สนับสนุนเจนแน่เพราะเขาหวังจะให้กษัตริย์อภิเษกกับพระนางแมรี่แห่งสก๊อต ดังนั้นนางจึงขอความช่วยเหลือจากโทมัส ซีมอร์ (น้องชายของเอ็ดเวิร์ด ซีมอร์) แทน โดยมีข้อตกลงกันว่าถ้าเจนได้เป็นราชินี โทมัสก็จะได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพี่ของเขา
จอห์น ฟาวเลอร์: เขาเป็นข้าราชบริวารคนสนิทขององค์กษัตริย์ เป็นคนที่โทมัสติดสินบนให้มาเป่าหูกษัตริย์เรื่องเจน (แต่ก็มิได้นำพาเท่าไหร่) ฟาวเลอร์นี่เป็นนกสองหัว ขอแค่ให้เงินเขาในจำนวนที่มากพอ เขาก็ยินดีที่จะรับใช้ทุกคน เหมือนที่เบอร์นีเซียติดสินบนเขาเวลาที่พาวิคเตอร์เข้าเฝ้าองค์กษัตริย์อย่างลับ ๆ เขาก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่โทมัสนายของตัวเอง (บอกก็ชวดตังค์สิ - -'')
เบอร์นีเซียเดิมมีชื่อสกุลว่า เชลตัน น้าชายของนางแต่งงานกับอาหญิงของแอน โบลีน (โดยเหตุนี้นางจึงมีศักดิ์เป็นน้าของเลดี้เอลิซาเบธ แม้จะไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือดจริง ๆ ก็ตาม)
หลังจากสามีเสียชีวิต เบอร์นีเซียในวัย 16 ก็มาเป็นสนมลับของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 โดยคำสั่งของตระกูลโบลีนและฮาวเวิร์ด เนื่องจากตอนนั้นแอน โบลีนกำลังตั้งท้อง โบลีนกับฮาวเวิร์ดกลัวพระเจ้าเฮนรี่เบื่อพระชายาท้องโย้ไปหลงสาวใหม่ ก็เลยจัดหาเด็กสาวหลายต่อหลายคนมาเป็นนกต่อให้พระองค์ไปหลงใหลแทน เพื่อกันไม่ให้พระองค์หันไปโปรดปรานผู้หญิงของตระกูลอื่น (คั่วกันอยู่ในตระกูลเรา อำนาจจะไปไหนเสีย)
จบแล้วค่ะ! ถ้างงตรงไหนบอกได้เลยนะคะ จะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ :)
แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 23:17:12
แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 00:25:28
แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 53 00:24:33
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 15:58:26
แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 53 15:56:20