ความคิดเห็นที่ 1 ตื่นเช้าวันใหม่พวกเราทั้งเก้าก็ออกเดินทางเข้าสู่บริเวณ National Park การก่อตั้ง National Park แห่งนี้เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อ Yellowstone ได้เป็น National Park เมื่อปี 1872 ผู้คนก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์พื้นที่โดยการกำหนดให้เป็นเขต National Park ดังนั้น ในช่วงสิบยี่สิบปีถัดมาจึงมี National Park เกิดขึ้นอีกหลายแห่งรวมไปถึง Waterton Lake National Park ในปี 1895 และ Glaceir National Park  ในปี 1910 เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ติดกับเขตแดนของประเทศแคนาดา ในปี 1932 รัฐบาลของทั้งสองประเทศจึงได้ตกลงกันกำหนดให้บริเวณ National Park สองแห่งนี้เชื่อมรวมกันเป็น International Peace park แห่งแรกของโลก ด้วยความหวังที่ว่า ความร่วมมือของทั้งสองประเทศจะช่วยอนุรักษ์สัตว์ป่าหายากที่ใกล้จะสูญพันธ์ในเขตทวีปอเมริกาเหนืออย่างหมีกริซลี่ หมาป่า trumpeter swan และ lynx หรือแม้กระทั่ง long-toed salamander ไว้ได้ ในช่วงปี 1970s ความสำคัญของ Waterton-Glacier National Park ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจนมีการกำหนดให้เป็น Biosphere reserves ตามมาด้วยการถูกยกให้เป็น  World Heritage Site ในปี 1995 แน่นอนว่า มาถึงก็ต้องถ่ายป้ายไว้เป็นหลักฐานกันก่อน แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 01:52:26 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 01:34:42

ความคิดเห็นที่ 2 มาคุยถึงที่มาของธารน้ำแข็งกันบ้าง เมื่อ 75 ล้านปีก่อน แรงกดดันใต้เปลือกโลกนั้นได้ดัน Lewis Overthrust ขึ้นสูงเสียดฟ้ากลายเป็นเทือกเขาตั้งตระหง่านต้านทานแดดลมฝน ฝนที่ไหลหลั่งอีกทั้งหิมะในฤดูหนาว ก่อเกิดแม่น้ำลำธารที่ไหลพาดผ่านเทือกเขาแห่งนี้ ความอุดมสมบูรณ์ดึงดูดสรรพสัตว์ให้มาอาศัย เวลาเนิ่นนานผ่านไป ความที่เทือกเขานี้เก็บกักความชุ่มชื้นและลานหิมะกว้าง ธารน้ำแข็งจึงได้ก่อกำเนิดขึ้น ธารน้ำแข็งเหล่านี้รวมตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ปกคลุมบริเวณกว้างขวาง ธารน้ำแข็งตามเทือกเขานี้จะกัดกร่อนหินจากการละลายและจับแข็งใหม่จนเทือกเขาที่ถูกเซาะกลายเป็นผาสูงชัน เมื่อ 12000 ปีก่อน ธารน้ำแข็งนั้นละลายกลับเป็นน้ำทำให้ในปัจจุบันเราได้เห็นเฉพาะธารน้ำแข็งเล็กๆที่ยังคงเหลือรอดอยู่ ณ บริเวณที่สูงที่สุดและหนาวที่สุดเท่านั้น และในอีกหลายๆที่ น้ำแข็งที่ละลายก็จะมารวมตัวกันตรงกลางระหว่างเขาที่มีธารน้ำแข็งจนกลายเป็นทะเลสาบที่มีเทือกเขาสูงล้อมรอบเป็นวงกลม รูปสองข้างทางอันเขียวขจี มีดอกไม้เล็กๆบานสะพรั่ง มีเทือกเขาสูงพร้อมธารน้ำแข็งอบนยอดสูงๆเป็นฉากหลัง ด้วยภาวะโลกร้อนซึ่งเกิดจากน้ำมือมนุษย์ มีการคาดการณ์ไว้ว่าแม้แต่ ธารน้ำแข็งเล็กๆที่ยังคงเหลือรอดในทุกวันนี้ ในอีกไม่เกินสิบปีก็จะละลายหมดสิ้น ฟังแล้วน่าเศร้าใจจริงๆที่ความงามของธรรมชาติเช่นนี้จะไม่หลงเหลือไปถึงคนรุ่นหลังด้วยความเห็นแก่ตัวของเรา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 01:51:05

ความคิดเห็นที่ 3 ใน National Park แห่งนี้ เป็นที่รวมของหลากหลายความงดงามและมหัศจรรย์ของธรรมชาติ นับตั้งแต่ พฤกษานานาพันธุ์ในป่าใหญ่ ทุ่งแพร์รี่กว้างขวาง ระเรื่อยไปถึงธารน้ำแข็งผืนหนาที่พาดผ่านหุบเขา ความงดงามนี้เองที่ทำให้ George Bird Grinnell ผู้ซึ่งรณรงค์ให้พื้นที่นี้เป็น National Park ตั้งชื่อบริเวณนี้ว่า ‘Crown of the Continent’ ในปี 1908 เปรียบเปรยความสวยงามล้ำค่าของ Waterton-Glacier National Park นี้เสมือนมงกุฎของทวีปเลยทีเดียว Waterton-Glacier National Park นั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูงมากด้วยความที่ตัวภูมิประเทศและสภาพความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตต่างๆก็หลากหลาย บริเวณของเทือกเขาที่โดนแดดจัดก็แห้งและอบอุ่น ขณะที่ฝั่งที่ร่มกว่าจะเย็นชื้น ดินหินที่ถูกกัดเซาะก็จะไหลลงมารวมกันที่พื้นหุบเขา ทำให้เป็นดินอันอุดมสมบูรณ์ ในบริเวณนี้ พบว่ามีพืชราว 1200 species พืชนานาพันธุ์ต่างพึ่งพาอาศัยกัน อย่างมอสที่อาศัยร่มเงาและความชื้นจากต้นซีดาร์สูงใหญ่ในการเติบโต ความที่ภูมิประเทศผสมผสาน เราก็จะเห็นทุ่งหญ้าที่ปกติจะโตในที่ราบสูงแต่กลับมาโตบนเทือกเขาแห่งนี้ พืชที่ปกติพบเจอแต่ในทุ่งแพรรี่ก็โตแทรกแซมกับดอกไม้เขต Alpine ที่แข่งกันบานสะพรั่ง เดินพ้นเขตุทุ่งไปเพียงครึ่งวันเท่านั้นเราก็จะสามารถพบเจอกับพรรณไม้ที่ปกติพบได้ในป่าดิบชื้น เรียกว่า ลักษณะที่พบได้ในบริเวณที่แสนจะแตกต่างและห่างไกลกันกลับมารวมกันในระยะทางแสนใกล้ในเขตอุทยานที่แสนพิเศษแห่งนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:11:50

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีค่ะ นอนไม่หลับ  แต่แวะมาชมความงดงามของธรรมชาติค่ะ ชอบภาพที่ 1 กับ 3 มากค่ะ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:24:06

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากพืชนานาพันธุ์แล้ว ความหลากหลายของสัตว์ป่าในบริเวณนี้ก็ไม่น้อยหน้า การที่บริเวณทุ่งแพร์รี่มาบรรจบกับบริเวณเทือกเขาและป่าทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิดรวมไปถึงฝูงกวาง ฝูง elk ฝูง big horn sheep อีกทั้ง black bear และ grizzly bear หรือแม้แต่เสือ cougar นอกจากนั้น ที่นี่ก็ยังเป็นสวรรค์ของนักดูนก ด้วยมีนกมากกว่า  270 species  ด้วยกัน ทั้ง harlequin ducks ทั้ง dippers หรือจะเป็น golden eagles กับ bald eagles และ rufous hummingbirds  จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นนักท่องเที่ยวแบกกล้องใหญ่โตเลนส์ซูมยาวเป็นวา ดูมืออาชีพมาตั้งส่องนกหรือถ่ายรูปนกกัน แหมเห็นว่าใน National Park แห่งนี้ มีสัตว์ป่ามากมาย เราก็คอยชะเง้อมองหากันซะเมื่อยคอแต่ไม่เจอซักที ถ่ายรูปวัวบ้านๆที่เห็นเค้าเลี้ยงไว้ข้างทางมาฝากก่อนแล้วกันค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:25:37

ความคิดเห็นที่ 6 ตลอดทางมี turn out ให้จอดรถถ่ายรูป พวกเราก็บ้าจี้ จอดมันทุกโค้ง มุมนี้มีทะเลสาบ สวยไปอีกแบบ เห็นอย่างนี้นี่ ถนนเราก็อยู่สูงจากระดับน้ำเยอะเหมือนกัน ไปนั่งเก็กท่าถ่ายรูปตรงขอบๆ รูปออกมาเท่ห์แต่ก็เสียวตกอยู่เหมือนกัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:27:09

ความคิดเห็นที่ 7 ขับรถกินลมชมวิวกันสักพักก็ออกมาเดินยืดเส้นยืดสายกันบ้าง จุดแรกที่ลงเดินมีน้ำตกเล็กๆ มีคนแวะมาเดินเล่นกันมากมาย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:27:40

ความคิดเห็นที่ 8 น้ำใสจนเห็นหินสีๆข้างใต้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:28:06

ความคิดเห็นที่ 9 น้ำตกไม่ใหญ่เท่าไหร่ น้ำกระเซ็นเป็นฝอย สดชื่นนนนนนนน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:28:46

ความคิดเห็นที่ 10 เดินลึกเข้าไปอีกก็จะเจอน้ำตกใหญ่ เรากลัวเปียก ได้แต่ยืนอยู่ห่างๆ แต่เพื่อนๆฝ่าเข้าไปยืนใต้น้ำตกกันไม่กลัวเปียกปอน ทำท่าอย่างกับจอมยุทธ์ฝึกวิชาหน้าน้ำตก ระเบิดพลังกันอย่างฮา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:29:30

ความคิดเห็นที่ 11 เดินย้อนออกมา เก็บรูปน้ำตกมาได้อีกรูป จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:29:50

ความคิดเห็นที่ 12 ถัดจากเดินเล่นแก้เมื่อยเราก็จับรถกันต่อ อากาศเรี่มขมุกขมัวไม่น่าไว้ใจ ข้างทางเป็นภูเขารูปร่างหน้าตาแปลกๆ แน่นอนว่ามีธารน้ำแข็งอยู่ประปราย หินสีแดงและเขียวที่อยู่ตามเทือกเขานั้นคือ argilates และ pale limestones ของ Lewis overthrust หินเหล่านี้เกิดจากโคลนและตะกอนที่ทับถม เมื่อ 1.5 billion years ที่แล้วที่บริเวณนี้ยังเป็นมหาสมุทรยุค Precambrian ที่นี่แปลกกว่าบริเวณชั้นหินทั่วไปที่หินเก่ากว่าจะอยู่ด้านล่าง เพราะอย่างที่บอกไป Lewis overthrust เกิดจากการดันตัวของเปลือกโลก ดังนั้นเราจึงได้หินยุค Precambrian อยู่ด้านบนของ หินจากยุค Cretaceous ที่จริงๆอายุเพียงแค่ 75 ล้านปีเท่านั้น จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:37:07

ความคิดเห็นที่ 13 ซูมใกล้ๆจะเห็นธารน้ำแข็งเป็นแพกว้าง สวยงามจริงๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:37:34

ความคิดเห็นที่ 14 ช่วงนี้คงเป็นช่วงพีคเพราะคนเยอะเหลือเกิน รถติดกันเป็นแถวยาว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:38:17

ความคิดเห็นที่ 15 เราพยายามจะไปจอดรถที่จุดชมวิวชื่อดังๆ แต่คนเยอะจนที่จอดเต็มหมด ต้องระหกระเหินขับรถกันต่อไป แม้ท้องจะร้องประท้วงก็ตาม จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:38:43

ความคิดเห็นที่ 16 ที่เสียเวลามากตลอดทางคือช่วงถนนที่ปิดซ่อมทำให้เดินรถได้ทางเดียว รถถูกกั้นทีก็ต้องมาจอดติดรถกันเป็นแถวยาว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:39:27

ความคิดเห็นที่ 17 รถติดนาน เบื่อ คนขับก็เลยซ่า ลุกออกจากรถไปชะโงกหน้าถ่ายอย่างไม่กลัวตกหน้าผา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:39:57

ความคิดเห็นที่ 18 ระหว่างทางที่ขับรถผ่าน บางช่วงก็จะมีธารน้ำแข็งอยู่ใกล้ๆถนนเลยทีเดียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:41:28

ความคิดเห็นที่ 19 ทนหิวกันไม่ไหว เราก็จอดรถตรงจุดชมวิวแล้วก็เริ่มทานข้าวกันมันในรถนั่นแล อาหารมื้อด่วนนี้ก็ไม่ถึงกับขี้ริ้ว มีตั้งแต่ แซนด์วิชกระเพราไก่ไข่ดาว แซนด์วิชหมูหยองพริกเผา (ลงทุนแบกพริกเผามาทั้งขวด) แซนด์วิชทูน่ามายองเนส แซนด์วิชซาบะ(กระป๋อง) ซอสโชยุ แซนด์วิชแฮมชีส และของหวานเป็น แซนด์วิชแยมกับเนยถั่ว โชคดีที่เพื่อนๆเตรียมมาพรักพร้อม เราไม่ต้องทำซักอย่าง เหอๆๆ ระหว่างกิน ฝนที่ตกปรอยๆก็กลับกลายเป็นลูกเห็บ โชคดีอีกแล้วที่ตัดสินใจหยุดจอดรถอยู่พอดี ไม่อย่างงั้นขับรถผ่าลูกเห็บบนทางแคบๆบนเขาก็คงน่ากลัวใช้ได้อยู่ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:46:00

ความคิดเห็นที่ 20 อิ่มหนำกันแล้วเราก็แวะไปเยี่ยมชมโรงแรม Lake McDonald Lodge ตอนแรกว่าจะมาพักที่นี่แต่จองไม่ทันเต็มเสียก่อน โรงแรมนี้เก่าแก่อยู่เหมือนกัน เปิดให้บริการมาตั้งแต่  June 14, 1914 เป็นหนึ่งในอาคารสถาปัตยกรรมแนว Swiss Chalet ที่สวยที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในอเมริกา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:54:38

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงจะไม่ได้มาพักแต่เราก็ได้มาเดินชมทิวทัศน์อันสวยงามของ ทะเลสาบ McDonald จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:56:19

ความคิดเห็นที่ 22 ใกล้ๆกับ ทะเลสาบ McDonald มี trail ให้ hike ไปดูน้ำตก เราก็ไม่พลาด จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:57:41

ความคิดเห็นที่ 23 วันนี้ถ่ายรูปน้ำตกเยอะเพราะพยายามจะใช้กล้องใหม่ ถ่ายให้ได้เป็นสายๆ แต่ก็ไม่เวิร์คอยู่ดี ความสามารถไม่ถึง แหงะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 02:59:26

ความคิดเห็นที่ 24 กว่าจะเดินกันไปจนถึง Avalanche lake ก็เหนื่อยแฮ่ก เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกมาว่าสวยมากกกกก ต้องไปให้ได้นะคร้า แล้วก็ออกมาน้ำแห้งเหือด สวยได้แค่เนี้ย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:02:48

ความคิดเห็นที่ 25 จากนั้นเราก็เริ่มขับรถกลับ แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องทะลุเมฆเป็นลำ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:04:27

ความคิดเห็นที่ 26 ขับกลับไปที่ Logan pass ที่เมื่อเช้าหาที่จอดไม่ได้ ตอนเย็นนี่โล่งขึ้นเยอะ แล้วก็ได้เจอสัตว์ป่าผู้น่ารักกับเค้าซักที อันนี้คิดว่าเป็น Big horn sheep ไม่กลัวคนเลย เดินเข้ามาใกล้มากแทบจะเหยียบเท้าเราอยู่แล้ว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:09:07

ความคิดเห็นที่ 27 รูปน้องแกะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:11:10

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อกลางวันยังอุ่นๆอยู่เลย เย็นลงนิดเดียว หนาวจะแข็งตาย พวกเราเลยวิ่งดุ๊กๆฝ่าความหนาวไปถ่ายรูปอย่างด่วนแล้วกลับมานั่งขดตัวกันต่อในรถ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:12:13

ความคิดเห็นที่ 29 ขับรถต่อก็ได้เจอซูเปอร์ไฮไลท์ของทริป คือได้เห็นหมี แม่หมีตัวโต พาลูกเล็กๆสองตัวข้ามถนน น่ารักน่าชัง เราถูกรถคันหน้าบังอยู่หนึ่งคัน คนเห็นอิ่มอกอิ่มใจเสียดายแต่ ที่ถ่ายรูปมาฝากไม่ได้ เอาวิวมาให้แทน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:14:47

ความคิดเห็นที่ 30 ก่อนตะวันจะลับฟ้าเราก็ยังอุตส่าห์ฝ่าความหนาวเหน็บวิ่งไปเก็บรูป wild goose island ณ st. Mary lake มาฝากกัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:16:45

ความคิดเห็นที่ 31 อาหารเย็นมื้อนี้ เราแวะร้าน Snowgoose Grill หิวโหยมาทั้งวัน เราเลยสั่งไม่ยั้งตามเคย เริ่มจากแอพ SAGANAKI “FLAMING” CHEESE ที่ประกอบด้วย Melted Kasseri cheese และ grilled pita bread อันนี้มีมาจุดไฟเผาให้กันจะจะอยู่ข้างโต๊ะ ระหว่างไฟลุกก็ตะโกนว่า opa ซึ่งเจ้าของร้าน(รึเปล่า)เดินตามมาอธิบายว่าเป็นภาษากรีก แนวๆร้องไชโยในงานเฉลิมฉลอง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:25:41

ความคิดเห็นที่ 32 เสร็จออกมาเป็นชีสเยิ้มๆอย่างนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:34:38

ความคิดเห็นที่ 33 รายการถัดมาเป็น Bison Prime Rib, Elk Medallions, Whitefish, and Shrimp Scampi มากันเป็นขโยงเลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:36:42

ความคิดเห็นที่ 34 ปิดท้ายด้วย Huckleberry Apple Crisp ที่พี่คนเสิร์ฟใจดีแถมไอติมวนิลาให้ฟรี เข้ากันมากๆๆๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:38:03

ความคิดเห็นที่ 35 จากนั้นจึงกลับที่พักคือ Many Glacier Hotel คืนนี้ฟ้ามืดดาวกระจ่าง ได้ไปนั่งใช้ App ในโทรศัพท์หาหมู่ดาวกัน เดี๋ยวนี้ App มันฉลาดจริงๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:42:43

ความคิดเห็นที่ 36 รุ่งเช้าวันใหม่เราก็ออกจากที่พัก นั่งเรือ Chief Two Guns  ชมวิวกัน ใน Swiftcurrent Lake คิวขี้นเรือยาวมาก เราถูก waitlist นึกว่าจะไม่ได้ไปรอบเก้าโมงซะแล้ว แต่ปรากฏว่าสุดท้ายก็มีที่ ดีใจจัง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:47:22

ความคิดเห็นที่ 37 วิวสวยคุ้มราคามากๆ มีไกด์และคนขับเป็นสาวมหาลัยหน้าตาบ้องแบ๊ว คอยเล่าเรื่องราว และ ปล่อยมุขฝืดไปตลอดทาง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:49:59

ความคิดเห็นที่ 38 คนที่นั่งเรือมาด้วยส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว มีคุณปู่คุณย่าท่าทางอายุมากแต่ยังใจสู้มาด้วยกันหลายคู่ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 03:52:43

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนขึ้นเรือมีป้ายขู่ไว้ว่าจะมี required strenuous hike เพราะว่าจะต้องข้ามเขาไปยังอีกทะเลสาบหนึ่ง แล้วค่อยนั่งเรืออีกลำต่อ เราก็งงๆ ว่า ลุงๆ ป้าๆ จะรอดกันมั้ย ปรากฎว่า มันเป็น hike ประมาณ 400 yard วัยรุ่นอย่างเราๆยังพอชิลๆ ลุงๆป้าๆหอบกันแฮ่กแต่ก็ไหวกันทุกคน จริงๆเดินไม่ยากมากเป็นทางเรียบ แค่มีส่วนที่ชันหน่อยเท่านั้นเอง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:14:16

ความคิดเห็นที่ 40 จบการปีนป่าย เราก็ข้ามมาถึง Lake Josephine เปลี่ยนเรือเป็น Morning Eagle ที่ไกด์เล่าว่าขี้นมาถึงนี่ได้เพราะเจ้าของจ้างเด็กมหาลัยหนุ่มๆ หกคนลากกันขึ้นมา โดยบอกว่ามีเบียร์หลายลังอยู่ข้างบน ขึ้นมาได้นี่ซดกันตามสบาย งานนี้ฮา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นมุขของเจ๊อีก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:17:19

ความคิดเห็นที่ 41 นั่งเรือไปถึงฝั่ง เราก็ขี้นไปเดินกัน อันนี้มีเดินป่าสั้นๆไป Grinnell Valley ระหว่างทางก็มีน้ำตกให้ชมหลายจุด จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:24:17

ความคิดเห็นที่ 42 ตอนเดินนี่คนข้างหน้ากลัวหมีจัด ตบมือไปตลอดทาง ก็คงเป็นความรอบคอบของสาวๆกลุ่มนั้น เพราะก่อนลงไกด์บอกว่าแถบนี้เจอหมีกันบ่อย ส่วนพวกเราอยากเจอก็ต้องแห้วไป ตบมือดังขนาดนั้นคงหนีไปหมดป่าแล้ว แหม อุตส่าห์จำที่ไกด์สอนวิธีแยกแยะ black bear จาก grizzly bear มาซะดิบดี เผื่อมีบุญได้เจอ ทางเดินบางช่วงก็วิบากเล็กน้อย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:42:41

ความคิดเห็นที่ 43 มีต้องข้ามสะพานเชือกแกว่งๆด้วย ข้ามได้ทีละคนเท่านั้นนะจ๊ะ (คิวเลยยาวเหยียด) จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:43:57

ความคิดเห็นที่ 44 ขาเดินกลับไปขี้นเรือเจอม้าด้วย เค้าบอกว่า มีให้เช่าม้าขี่เข้ามาแทนการขึ้นเรือหรือเดินป่า เก๋จริงเชียว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:46:13

ความคิดเห็นที่ 45 ปิดท้ายวันด้วยการผจญภัยอันลืมไม่ลงกับ wild river white water rafting นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ white water rafting เราก็เลยตื่นเต้นมากๆ สวมเครื่องเคราอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยพร้อมแล้ว  เราก็นั่งรถบัสไปยังแม่น้ำ ไกด์คนนี้มีประสบการณ์กว่าสามสิบปี พาออกแม่น้ำมาแล้วเป็นพันๆครั้ง ฟังแล้วก็เบาใจ ระหว่างนั่งรถก็มีการแนะนำตัวกับแนะนำข้อมูลรักษาความปลอดภัยไปพลางๆ ไกด์รู้ว่าพวกเรามาจากไทยก็เล่าให้ฟังว่าเคยไปเมืองไทย ไป white water rafting มาตั้งหลายที่ หนึ่งในนั้นก็คือภูเก็ต เค้าบอกว่าประทับใจมาก แบบว่าไม่เคยเห็นมาก่อนที่ไหนในโลก ตอนแบกแพขึ้นไป แม่น้ำแห้งสนิท จนงงว่าจะเล่นกันยังไง พอได้เวลา บริษัท white water rafting ก็เปิดน้ำจากบ่อกักน้ำใหญ่ด้านบนสี่บ่อพร้อมๆกัน แล้วก็ให้คนลงไปเล่น เนื่องจากเปิดแวบเดียว ทุกบริษัทก็เลยให้เรือออกพร้อมๆกันไปเบียดกันในแม่น้ำทีเป็นสิบลำ ฟังแล้วไม่รู้จะภูมิใจหรือเขินดี แบบว่า สร้างสรรค์แบบไทยๆ ดีจริงๆ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 05:51:43 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 04:50:38 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:49:38

ความคิดเห็นที่ 46 เนื่องจากเราเป็นกลุ่มใหญ่ มีตั้งเก้าคน วันนี้เลยมีคนมาแจมเราอีกแค่สองคน คือ อเล็กซ์ กับแอนเดรีย พี่น้องชาวอเมริกันที่ใช้วันหยุดมาพักผ่อนที่นี่ สองคนนี้ก็อารมณ์ดี ชิลๆ คุณ อเล็กซ์นั่งกลางคอยถ่ายรูปส่วนที่เหลือก็พายกันไป ลงน้ำปั๊บฝนก็เริ่มตก เราก็เริ่มป๊อดๆ จากนั้นก็เจอเข้ากับพายุลูกเห็บ ดีว่าใส่หมวกกันน็อกกันทุกคน เลยไม่เจ็บมาก พอเทลงมาครู่ใหญ่ก็หยุด ฟ้ากลับมาใสปิ๊ง เห็นรุ้งกินน้ำ อากาศเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ ไกด์คนนี้สุดยอดมาก บอกรายละเอียดของแต่ละ rapid ไว้อย่างดี แล้วก็เตี๊ยมๆกันไว้ว่าจะทำท่าไหนกันบ้าง อันที่น่ากลัวอย่าง can opener ที่พลิกเรืออยู่บ่อยๆ ไกด์ก็บอกว่าจะเทข้างไหนเพื่อหลบ พอเจอจริงๆก็เลยไม่มีใครตื่นเต้นตกใจจนเสียขวัญ ทั้งทีหลายๆคนในกลุ่มเราเพิ่งเล่นเป็นครั้งแรก อันไหนที่กระแสน้ำเบาๆ เค้าก็สร้างสรรค์ หาวิธีมาทำให้สนุกขึ้น เช่นให้หมุนเรือ 180 องศามั่ง 360 องศามั่ง สนุกมากๆๆๆๆ นอกจากจะนำเล่นได้อย่างดีแล้ว ไกด์ยังหาข้อมูลเกี่ยวกับเทือกเขารอบๆด้านมาอธิบายให้ฟัง ทั้งเรื่องไฟไหม้ใหญ่ในปี 2003 หรือเรื่องเล่าสนุกๆเกี่ยวกับบุคคลสำคัญที่เคยอาศัยอยู่แถวนี้ หรือเรื่องราวความรู้เช่นที่ Glacier National Park มี Triple divide peak เทือกเขาที่มีแม่น้ำไหลลงมหาสมุทรถึงสามแห่ง คือทั้ง มหาสมุทร Pacific มหาสมุทร Atlantic และ มหาสมุทรArctic . ไกด์เล่าว่าเค้าเองนั้นหลงใหลใน  white water rafting มาก เค้าอยู่อย่างประหยัด กางเต๊นท์อยู่ง่ายๆตามป่าเขา เก็บเงินจากการนำ white water rafting ทั้งหมดไว้เดินทางไปที่แม่น้ำที่โด่งดังเรื่อง white water rafting ของโลก เค้าไปที่โหดๆ ระดับสูงๆมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำทริป white water rafting สิบสี่วันที่ Niagara Falls หรือแม้แต่ใน แม่น้ำ Zambesi ที่ได้ชื่อว่า white water rafting ท้าทายมากใน Zimbabwe ไกด์ยังบอกอีกว่า สามสิบสามปีที่ผ่านมา เค้าบันทึกทุกทริปที่เค้าพาไป ทริปเราคราวนี้เลขสวย เพราะเป็นทริปที่ 4500 ที่เค้าเคยพาลงน้ำมาพอดิบพอดี ฟังแล้วน่าทึ่งจริงๆ นอกจากนี้ ตอนหลังไปคุยๆเล่นกับเค้าถึงได้รู้ว่าจริงๆเค้าเรียนจบด้าน  computer science มาก่อนที่จะมาหลงรักและทุ่มเททั้งชีวิตให้กับ rafting ทำให้อึ้งทึ่งเข้าไปใหญ่ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:14:52

ความคิดเห็นที่ 47 พอกลับมา ไป Google ชื่อไกด์ ก็ได้เหวออีกรอบ เพราะไกด์เซียนเทพ เป็นที่โด่งดังในวงการมาก มีเวปนึงเขียนไว้ว่า Glenn Goodrich - "the Godfather of Whitewater Rafting" according to "Paddler Magazine." Glenn has over 20+ years of French Broad and Nolichucky River whitewater rafting experience. อะไรเราจะโชคดีปานนี้ ที่มีรูปถ่ายมาได้นี่เพราะทางบริษัทเค้าส่งคนปีนเขาลงมาถ่ายรูป (และแน่นอนว่าขายได้) เค้าเลือกมุมไว้อย่างดี มาถ่ายที่ rapid ที่มีชื่อว่า bone crusher เปียกกันขนาดไหน รูปฟ้องได้อย่างดี จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:20:35

ความคิดเห็นที่ 48 กลับจากทริปล่องแก่งแสนประทับใจ เราก็ไปเติมพลังกันที่ Glacier Grill ตามคำแนะนำของไกด์ อาหารก็อเมริกันจ๋า มีปีกไก่ หอมทอด เฟรนช์ฟราย พิซซ่า จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:24:45

ความคิดเห็นที่ 49 อีกชุดมีไก่ทอด กับ แซลมอน กินอย่างนี้บ่อยๆ อ้วนตายแน่ๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:26:16

ความคิดเห็นที่ 50 จบทริป National Park กันไปอย่างสนุกสนาน เราติดใจ rafting ถึงขั้นตั้งใจว่าต่อจากนี้ต้องหาโอกาสเล่นให้ได้อย่างน้อยซัมเมอร์ละครั้ง ทริปหน้าจะพาไปกัวเตมาลาเดือน พย นี้ค่ะ ใครสนใจอย่าลืมติดตามนะคะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 06:28:43

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นของกินแต่ละอย่างในนี้แล้วอยากจะดึงออกมาจากจอคอมได้จังเลยค่ะ T.T จากคุณ : littlevalvie เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 21:06:04

ความคิดเห็นที่ 52 โอ้โห อยากไปล่องแก่งด้วยจังเลยค่ะ คนนี้ยังไม่เคยล่องในธรรมชาติเลย อยากกินพิซซ่าจิ้มชีสสสสสสสสสสส อุทยานแห่งชาติอันนี้ยังไม่เคยไป น่าไปจัง อยากไปๆ จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 21:33:43