Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกรักนายบุญส่งดอกไม้ บทที่7  

.          “ถึงตอนนี้ผมก็ยังยืนยันครับพี่ญาดา”

          ชายหนุ่มในชุดขาวล้วน ก้าวย่างนิ่มนวลมาถึงเตียงของหญิงสาว พร้อมบรรจงมอบช่อกุหลาบสวยสดให้ ญาดา รับดอกไม้นั้นและมองอย่างตกสู่ภวังค์กับภาพลักษณ์ของอดีตเณรน้อยตรงหน้า ที่บัดนี้ได้เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม แม้รูปร่างจะไม่สูงใหญ่นักแต่ก็สมส่วน ที่ไม่ว่าเพ่งพิศมุมไหนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็ช่างน่าชวนมองยิ่งนัก แม้วันคืนจะล่วงผ่านมานาน เขา ซึ่งเธอคิดว่าเป็นน้องชายมาตลอด ยังคงมาทวงถามหาความรักจากตนเองไม่เคยเปลี่ยนแปลง  

          “ผมยืนยันครับ ว่าจะมอบกุหลาบสีดำของจริง เพื่อเป็นความหมายแทนรักนิรันดร์ พี่จะต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อยู่..เพื่อเป็นแรงใจให้ผม เพื่อรอให้ถึงวันนั้นนะครับ”

          ญาดามีท่าทีขำนิดนึง“อุ๊ยตายละดวง เธอยังไม่ลืมเรื่องดอกกุหลาบสีดำอีกหรอกเหรอ พี่คิดว่าเราจะล้อพี่เล่นเสียอีก”

          “แต่ความรักของผมเป็นของจริงนะครับ เช่นเดียวกับดอกกุหลาบสีดำที่สามารถปลูกได้จริงบนโลกนี้ได้จริง และผมกำลังเร่งลงมือปลูกมันอยู่ ขอเวลาอีกนิดเท่านั้น เมื่อสำเร็จแล้วผมจะนำมันมามอบให้พี่ เมื่อถึงเวลานั้น ใครก็ตามที่ได้กุหลาบสีดำจากผมจะต้องมีความสุข และมีอายุยืนยาวต่อไปบนโลกใบนี้”

          แต่ละประโยคของบุญส่งทำเอาแนนนี่ยืนกุมขมับ ส่ายหน้า ส่วนวิมลผุดขึ้นยืนจ้องตาเขียวมา จะต้องทำอะไรสักอย่างกับเจ้าตัวยุ่งคนนี้ หนุ่มชุดสวยขยับเข้ามากุมมือคนไข้สาวเอาไว้ ดวงตาคู่เรียวประสานมาแทบไม่กระพริบ ญาดาก็พลอยหลุดขวยเขินเอาจริงๆ เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม‘แบล็คโรส’จะต้องถือกำเนิดขึ้นมาในโลกนี้ให้จงได้ หญิงสาวมองรูปตาเรียวคู่ตรงหน้า มันช่างเต็มไปด้วยความจริงจัง ปราศจากวี่แววการล้อเล่นหรือการโกหกพกลม จนตนเองอดที่จะยิ้มหัวออกไปไม่ได้ เสียงหัวเราะดัง“คิกๆๆ”หวานใสดังขึ้นจนคนที่เหลือในห้องยังอดแปลกใจไปด้วย

           “หัวเราะอะไรหรือครับพี่ญาดา?”คิ้วของบุญส่งย่นเข้าหากัน

           เธอยิ้มพรายทั้งน้ำตา“พี่เชื่อแล้วจ๊ะ ดวง ที่พี่รู้จักทำทุกอย่างจริงเสมอ”

          บุญส่งต้องหลงไปกับความน่ารักนั้น ญาดาช่างเป็นหญิงที่งดงาม ทั้งร่างกายและจิตใจเสียจริง ริมฝีปากของเขา ขยับเม้มเข้าหากันแล้วเผยอออกอย่างกระหาย ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มนุ่ม“พี่ญาดาครับ ผมขอ..” ค่อยเลื่อนกายเข้าไปสวมกอดหญิงสาวอย่างจะกอดเสียเต็มแรงรัก เธอเองก็ไม่คิดอิดเอื้อน แต่ยังไม่ทันเต็มอ้อมแขน วิมลก็เดินปรี่เข้ามา กระแทกส้นรองเท้าอย่างไม่พอใจ กะว่าจะลากแฟนคลับตัวยุ่งคนนี้ออกไปให้พ้นห้องเสียที  แนนนี่ก็คอยจังหวะอยู่ ลุกเดินไปขวางหน้าวิมลไว้ ส่งสายตาคมและรอยยิ้มดุ เหมือนจะประกาศว่าบุญส่งเป็นคนของตนจะจัดการเอง ก่อนหันไปเอาเล็บเพ้นท์สีแดงสวย ยื่นไปที่สีข้างบุญส่ง แล้วหยิกให้เจ็บแปลบเพื่อเตือนสติ เจ้าหนุ่มกระดิ่งทองสะดุ้งโหยง รีบฉากออกข้างเตียงไปเอามือคลำปอยที่สีข้างของตนเอง หน้านิ่วยังเสียวไม่หาย กับเล็บมือของผู้หญิงช่างหยิก แนนนี่ไม่ว่าอะไรต่อ  แต่หันไปยิ้มสบตากับญาดาบนเตียงคนไข้

           “พี่ญาดา แล้วไหนคุณภาณุล่ะค่ะ คนรักของพี่เขาอยู่ไหนน๊า ถึงได้ปล่อยให้พวกแมงวี่แมงวันมากวนใจแฟนตัวเองอยู่ได้ ในเวลาแบบนี้เขาน่าจะมาเยี่ยมมาดูแลของพี่นะคะ”พูดไปแต่มีส่งสายตาคมบาดไปยังเจ้าคน ที่หล่อนคิดว่าแอบเจ้าชู้และฉวยโอกาสได้เนียนนัก ตัวสำคัญคนหนึ่งที่รู้จักมาเลย บุญส่งได้แต่หงอ กลับไปนั่งจ๋องในที่ของตนเอง นั่นคือเก้าอี้ที่หัวมุมใกล้ปากประตู

           “เขาจะไม่กลับมาหาพี่อีกแล้ว จะไม่กลับมาอีก..”คนไข้สาวพูดเสียงเกือบเหือดหาย ใบหน้าหมองลง ดวงตาแสดงความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด เธอพูดไม่ออกเรื่องนี้ นางแบบสาวรุ่นน้องพลันรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ หน้าจืดเป็นไก่ต้มทันที รีบมองซ้ายมองขวาคนใกล้ตัวว่าจะทำไงต่อดี วิมลส่งสายตาตำหนิมา แนนนี่จึงไม่กล้าเอ่ยชื่อแฟนหนุ่มของเธอออกมาอีก คนใกล้ชิดอย่างวิมลเองยังอดไม่ได้ที่จะตอบแทนมาว่าอาการป่วยของญาดาไม่มีใครอื่นที่รู้ นอกจากคนที่อยู่ในห้องนี้เท่านั้น

           “พี่ว่าเราอย่าพูดเรื่องของเขาอีกเลยนะ”ญาดาพูดและพยายามฝืนยิ้มเพื่อตัดบทเศร้าของตนออกไป ก่อนที่ทุกคนจะพลอยอึดอัดตามไปด้วย ดวงตาคู่งาม ในวงหน้าหมดจดนั้น คงทอประกายสดใสออกมาอีกครั้ง มือกวักเรียกเพื่อนรุ่นน้องกับบุญส่งที่หลบไปนั่งตาแป๋วอยู่ห่างๆ ให้มาร่วมวงเพื่อนั่งจ้อกัน  

           “แนนนี่ เรามาคุยเรื่องของพวกเรากันเถอะ บุญส่งก็ด้วยอย่าพึ่งรีบไปไหนก่อนนะ มาคุยกันให้สนุกก่อน พี่มีเรื่องสนุกๆจะเล่าให้ฟัง อืม..เอาเรื่องไหนก่อนดี งั้น..ก็เอาเรื่องที่พี่พึ่งเรียนจบโรงเรียนวัดมาใหม่ๆละกัน ตอนก่อนเข้ามาอยู่ในวงการใหม่ๆนะ พี่ยังจำเรื่องตอนนั้นได้ดีเลย คือเรื่องมีว่าวันแรก..”


           กว่าบุญส่งกับแนนนี่จะกลับออกมาจากโรงพยาบาล พระอาทิตย์ก็ปริ่มขอบฟ้าแล้ว แสงไฟนีออนจากร้านรวงสองข้างทาง คนกลางคืนเดินกันขวักไขว่ เสียงแตรรถยนต์ยังคลาคล่ำบนท้องถนน ผู้หญิงสวยเฉี่ยวหลังพวงมาลัย ยังคงพูดถึงอัธยาศัยไมตรีของนางแบบรุ่นพี่อย่างญาดา ไปในรถระหว่างทางอย่างอารมณ์ดี แต่เสียงเจื้อยแจ้วของหล่อน กลับไม่ได้ทำให้บุญส่ง ที่เอาแต่นั่งนิ่งอย่างเดียวมาตลอดทาง ให้หันมาพูดจาด้วยเลย

           “นายมัวแต่นั่งคิดอะไรอยู่ เห็นอมสากกะเบืออยู่ได้”แนนนี่หันมาเขม่นให้

           “ขอโทษทีนะครับ”บุญส่งตอบไปแบบหงอยๆ

           “พี่ญาดาป่วยด้วยโรคที่ไม่ใช่ไข้หวัดใช่ไหม และนายก็ต้องรู้ด้วย”

           “ปะ..เปล่านะครับ เอาอะไรมาพูดก็ไม่รู้”เขานั่งนิ่งไปอีก

           ผู้หญิงตาคม หันไปมองคนข้างตัวเหมือนเครื่องเอ็กซเรย์ ทำเอาผู้ชายตัวเล็กต้องตัวหดลงไปอีก เขาคงไม่ยอมพูดเรื่องที่หล่อนอยากรู้แน่ รู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนตบเกียร์ เหยียบคันเร่ง เดินหน้าทำความเร็วในการเดินทางด้วยรถสมรรถนะสูง

           “ใครก็รู้แต่แอบปิดบังฉันคนเดียว แต่ฉันสังเกตเห็นนะ ว่าพี่ญาดาเธอมีสีหน้าว่าเจ็บและแอบเอามือกุมท้องตนเองอยู่หลายครั้ง และก่อนเราจะกลับยิ่งหนัก คุณวิมลต้องรีบเรียกหมอมาดูอาการ แล้วเราก็เลยถูกเชิญให้กลับทันทีด้วย มันต้องอะไรอยู่ลึกเข้าไปอีกแน่ นายพอจะบอกฉันสักคนได้ไหม” เธอเพียงหยั่งถามมาเท่านั้น

            บุญส่งเพียงเปลี่ยนมานั่งตัวตรง มือล้วงขยุกขยิกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเอาแบงก์ยี่สิบ แบงก์ร้อยและเศษเหรียญ เก่าบ้าง ใหม่บ้างจนเต็มกำมือเอามานับจำนวนดู ปากงึมงำกับเงินบนอุ้งมือนั้นเหมือนว่าเงินจะไม่ครบ มันเป็นเงินค่ากุหลาบของทางร้าน นับไปนับมามันก็ไม่ถึงพันบาท เพราะลูกค้าบางรายให้เงินมาไม่ครบ เขาเองก็เห็นถึงความจำเป็น ว่าเงินมันหายากจึงรับเท่าที่ได้มา

            “โอ้โห..เงินเยอะจัง”แนนนี่แกล้งทำตาโต เปลี่ยนสายตาจากทางข้างหน้า

             บุญส่งจึงเริ่มหันมาตอบคำถามที่ค้างไว้เมื่อครู่“เรื่องนั้นผมเห็นจะบอกไม่ได้ครับ เพราะสัญญากับคุณวิมลเอาไว้แล้ว ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครอื่นอีก”

             “อ้อ..”เธอเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงและยิ้มอย่างมั่นใจ“แสดงว่ามีความลับอยู่จริงๆสินะ ฉันว่าแล้ว ว่าพี่เค้าไม่ได้ป่วยไข้ด้วยโรคธรรมดา”หล่อนกระดกลิ้นเกลี่ยริมฝีปากเพราะเริ่มจับเค้าความได้แล้ว บุญส่งได้แต่ทำหน้าเลิกลั่ก เศษเหรียญบาทหล่นจากมือดังกราว เพราะเผลอหลุดคำพูดให้หล่อนจับได้เสียแล้ว

            “เปล่า..ผมไม่ได้พูดนะ”

            “ใช่! ใช่ไหมล่ะ”โซเฟอร์สาวหัวเราะส่ายหน้า หันมาย่นจมูกใส่นิดนึง กับคนซื่อที่ไม่ค่อยจะปิดบังอะไรได้เลย“นายไม่ต้องบอกฉัน ให้ผิดสัญญาหรอก ที่เหลือฉันจะตามหาความจริงเอาเองได้ แล้วที่นายคิดมากไปเมื่อกี้มันจะช่วยอะไรกับเธอได้ นายเป็นแค่แฟนคลับพี่เค้าเท่านั้นนะ เป็นคนนอกก็ควรวางตัวให้ถูกสิ เรื่องอีแบบนี้ ต้องปล่อยให้ญาติ ให้คนใกล้ชิดพี่ญาดาเขาเป็นธุระไป”หล่อนตำหนิมา

            “ผมเป็นเพียงคนนอกหรือ..”บุญส่งแทบรับไม่ได้กับคำนี้ นั่งจ๋องไปอีก

            นางแบบสาวสวยเพียงแอบขำเล็กๆ แล้วเลยมองดวงหน้าขาวสะอาดของชายหนุ่มข้างตัว ไม่รู้ตัวเองเลยว่ากำลังยิ้มอย่างพึงใจ อยู่ในวงการดารา-นางแบบ เห็นชายหญิงตาดีมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นใครจะมีผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง และมีเลือดฝาดแบบบุญส่งเลย เอามาลูบแก้มของตนเอง ยังมีเม็ดสิวขึ้นเลย ผิวยังไม่เนียนได้อย่างใจ ต้องอาศัยเมคอัพรองพื้นคอยช่วยปกปิด ถึงจะกล้าออกจากบ้านมาทำงาน

            “ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้น แต่ผมกำลังคิดเรื่องเงินอยู่ครับ”เขาซุกเงินคืนเข้ากระเป๋าเสื้อ รวมทั้งไล่เก็บเบี้ยเศษเหรียญหล่นตามพื้นรถ มีเหรียญหนึ่งหล่นไปวางบนต้นขาอ่อนของสาวตาคม คนซื่อคว้าหมับทันทีอย่างไม่ทันคิด เลยโดนตีหลังมือดังเพี๊ยะ! โดนสายตาขู่สำทับมาอีกว่าห้ามเจ้าชู้นะ บุญส่งได้แต่เกาหัวทำเสียงแหะๆเพราะดันไปจับขาอ่อนของเธอเข้าให้ แต่แนนนี่ก็ยิ้มต่อได้ ไม่ถือสามากนักแต่มือก็รีบดึงเสื้อกั๊กลายเสือมาปิดเนินอกที่จะล้นปรี่ออกมา ตลอดทั้งวันเธอคุ้นกับนักส่งดอกไม้คนนี้ได้อย่างรวดเร็ว ราวกับจะรู้จักมักคุ้นกันมานาน เพียงแต่ยังนึกไม่ออกเท่านั้นว่าบุญส่งเหมือนใครที่เคยรู้จักในอดีต

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 17:46:40

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 17:44:07

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 11:41:00

จากคุณ : doctorwar
เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 23:46:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com