ความคิดเห็นที่ 1 |
เนอร์กุยติดตามเหล่าผู้ทวงแค้นจากเผ่าอัสลานออกจากหมู่บ้าน ลงไปยังเมืองที่ใกล้กับถนนผ่านป่า ซึ่งได้ฟังมาว่าเป็นเส้นทางเสด็จ
นักเดินทางผู้สวมผ้าคลุมสีดำล้วนปกปิดหน้าตาเป็นคนนำข่าวนี้มาบอกต่อกันซุคห์ในทีแรก เด็กหนุ่มไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับชายนั้น แต่ก็ได้ยินพ่อบุญธรรมบอกว่าเขาเป็นคนของขุนนางที่มีความแค้นต่อพระเจ้าอาร์กาดเช่นกัน จึงได้ตัดสินใจนำข่าวการเสด็จมาให้ชาวเผ่าอัสลานที่เหลือรอดอยู่ เขาพาพรรคพวกคนหนึ่งซึ่งเป็นชายร่างใหญ่สวมชุดสีดำปกปิดหน้าตาแต่ดูทะมัดทะแมงกว่ามาสมทบ ช่วยเหล่าผู้ล้างแค้นโค่นต้นไม้ลงปิดทางขบวนเสด็จ และใช้ธนูซุ่มยิงพวกราชองครักษ์ให้ระส่ำระสาย ปล่อยให้เจ้าหญิงกับเจ้าชายหนีไปจากขบวน ก่อนจะเล่นงานราชองครักษ์คนอื่นๆ ให้สิ้นสติไปจนหมด
เหลือเพียงพระเจ้าอาร์กาดกับราชินี ในรถม้าที่ไม่อาจไปไหนได้อีก
ชายที่เนอร์กุยแค้นเคืองมาตลอดตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้ายังอุตส่าห์ลงจากรถม้ามาพร้อมกับดาบ เพื่อปกป้องตนเองกับภรรยา ทว่ามันย่อมไม่อาจรับมือชาวเผ่าอัสลานทั้งหมดได้ ไม่นาน กันซุคห์ก็แทงมันเป็นแผลแรกพร้อมกับประกาศก้อง
“สำหรับพ่อของพวกเรา!”
...ตามมาด้วยการลงพร้าของคนอื่นๆ และคำประกาศเช่นกัน...
“พี่ของเรา!” “น้องของเรา!” “ภรรยา!” “ลูกของเรา!” “หลาน!” “เพื่อน!”
“สำหรับญาติมิตรทุกคนของเราที่ล้มตายเพราะเจ้า!”
ท่ามกลางความอลหม่าน เนอร์กุยจ้วงแทงลงไปสองสามครั้ง เขานึกถึงย่า...แม่...และพ่อ...ขณะประกาศผสมปนเปกับคนอื่นๆ ด้วยเสียงเหมือนกู่ชัยชนะ
ทว่าความฮึกเหิมที่ได้ล้างแค้นสมใจนั้นแสนสั้นนัก
หลังราชาอาร์กาดทิ้งร่างโชกเลือดลงกับพื้นเพียงไม่นาน เสียงร้องของใครอีกคนพลันดังขึ้น
...เป็นเสียงของชายในวัยหนุ่มไม่ห่างจากเขา...
“เมื่อกี้มันอะไร” กันซุคห์ตั้งคำถาม ก่อนจะหันไปทางชายชุดดำทั้งสองที่เดินกลับมาจากอีกทาง “เจ้า...เจ้าฆ่าเจ้าชายหรือ”
“ข้านึกว่าพวกเจ้าจะดีใจเสียอีก ที่ข้าช่วยจัดการธุระของพวกเจ้าให้เรียบร้อยยิ่งขึ้น” ชายร่างใหญ่ตอบ
“ก็บอกแล้วไม่ใช่เรอะ! เป้าหมายของเรามีแต่พระราชาคนเดียว อย่าให้คนอื่นๆ บาดเจ็บหนักหรือตายไปด้วย!”
อีกฝ่ายกลับหัวเราะ
“ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น หากพ่อของมันทำเรื่องเลวร้ายขนาดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ แล้วทำไมมันจะทำไม่ได้”
“แต่เจ้าชายไม่เกี่ยวข้อง!” กันซุคห์แย้ง
“ลูกเล็กเด็กแดงของพวกเจ้าก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วย มันยังออกคำสั่งให้ฆ่าได้หน้าตาเฉย หากจะล้างแค้นให้ลูกหลานของพวกเจ้าอย่างสมบูรณ์จริงๆ ก็ต้องเอาเลือดของลูกมันมาเซ่นด้วยไม่ใช่หรือ” ชายชุดดำให้เหตุผล “แล้วถ้าจะล้างแค้นให้แม่ เมีย กับผู้หญิงทุกคนของพวกเจ้า...เมียของมันก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่”
กันซุคห์เงียบไป กระทั่งเนอร์กุยยังสะอิดสะเอียนกับความคิดนั้น
ด้วยวัยที่มากขึ้น เด็กหนุ่มจึงได้รู้ว่าชะตากรรมของเหล่าผู้หญิงที่หายสาบสูญไปจากที่ซ่อนบนผาโบลอร์โดยไม่ทิ้งศพไว้เลยโหดร้ายกว่าพวกที่พบศพถูกฟันแทงให้ตายนัก ทหารของธีร์ดีเรกวาดต้อนหญิงวัยสาวแทบทั้งหมดไปใช้เป็นนางบำเรอชั่วคราว ก่อนจะฆ่าเสียเมื่อใกล้ถึงอาณาจักร หลายคนฆ่าตัวตาย ถูกทรมานจนตาย หรือตายด้วยโรคภัยและการขาดอาหารก่อนหน้านั้น...ตามคำบอกเล่าของเออร์เดเน ภรรยาของเตมูร์ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งรอดชีวิตมาได้พร้อมกับผู้หญิงที่ถูกจับไปด้วยกันบางส่วน ทว่าภรรยาของกันซุคห์กับแม่ของเนอร์กุยดูเหมือนจะไม่มีโชคดีเช่นนั้น
“เจ้าฆ่าเจ้าชาย แล้วทำอะไรกับเจ้าหญิง” กันซุคห์ถาม
“นางหนีไปในที่ปลอดภัยแล้ว วางใจเถอะ ข้ารู้ว่าใครก็ตามคงตะขิดตะขวงใจที่จะต้องทำร้ายเด็กผู้หญิงบอบบางอย่างนั้น”
“งั้นก็ถอยไป” หัวหน้ากลุ่มผู้ทวงแค้นประกาศกร้าว “ปล่อยราชินีไว้”
“ทั้งๆ ที่หญิงคนนี้อาจมีส่วนทำให้ญาติมิตรของเจ้าต้องตาย...พอๆ กับชายคนนั้นน่ะหรือ ตระกูลของนางเป็นตระกูลใหญ่ที่เชิดราชาอยู่เบื้องหลังมานาน คิดว่านางจะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าล้างเผ่าของพวกเจ้าเลยหรืออย่างไร”
“ในเมื่อไม่รู้แน่ เราย่อมไม่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า...เหมือนพวกหมาบ้าทางเหนือหรอก!” กันซุคห์ตอบเสียงแข็ง
ชายชุดดำทั้งสองยืนมองพวกเขาเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนชายร่างใหญ่จะสั่นศีรษะ
“เช่นนั้น...ชีวิตของพวกแกก็หมดประโยชน์แล้ว”
เพียงเขาโบกมือ กลุ่มคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำล้วนทะมัดทะแมงหลายสิบคนก็ก้าวมาจากหลังแนวต้นไม้ไร้ใบ และรุมล้อมเหล่าชาวอัสลานไว้ พวกมันชักดาบออกแทบพร้อมเพรียงกัน
เนอร์กุยลอบขบฟันขณะตั้งท่าระวังภัย ไม่นึกเลยว่าคนจำนวนมากขนาดนี้จะซุ่มซ่อนอยู่โดยที่พวกตนไม่รู้ตัวเลยได้
“แต่ ‘ศพ’ ของพวกแกยังจำเป็นอยู่ เหมือนกับ ‘ศพ’ ของนังผู้หญิงนั่น” ชายร่างใหญ่พูดต่อพลางพยักพเยิดไปทางรถม้า แล้วเริ่มก้าวไปทางนั้น
“แกจะทำอะไร!” กันซุคห์ร้อง
คนถูกถามเพียงหัวเราะสั้นๆ ก่อนจะเดินต่อไป ขณะที่ชายชุดดำคนอื่นๆ กรูเข้ามาเปิดฉากโจมตี
เนอร์กุยคอยระวังหลังให้กันซุคห์อยู่พักใหญ่ ทั้งที่ใจร้อนรน…ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากในรถม้าหลายครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงพยายามป้องกันทั้งตนเองกับผู้มีบุญคุณไปเรื่อยๆ ขณะช่วยกันตีฝ่าไปให้ถึงรถม้าโดยไร้คำพูด
...ถึงเมื่อสายเกินไป...
กันซุคห์กระชากประตูรถเปิดออก และเนอร์กุยก็ผลุบเข้าไปในทันที
หลังร่างสูงใหญ่ของชายชุดดำที่ยืนนิ่ง เขาเห็นหญิงอีกคนทอดร่างบนเบาะนั่ง เศษผ้าแบบเดียวกับชิ้นส่วนของชุดขาดวิ่นบนร่างของนางเกลื่อนกระจายไปทั่วเบาะและพื้นรถม้า อันมีมีดฝังพลอยสวยงามเปื้อนเลือดตกอยู่ เลือดนั้นคงมาจากรอยแผลยาวบนคอของหญิงสาว ซึ่งปรากฏรางๆ ใต้ม่านผมยุ่งเหยิง
นัยน์ตาของหญิงคนนั้นมองตรงมาทางทั้งสอง...แต่ก็เหมือนจะมองไม่เห็นว่าพวกเขาอยู่ตรงนั้น ริมฝีปากที่มีรอยแตกตรงมุมเผยอช้าๆ โดยไร้เสียง ไม่อาจอ่านออกว่าเป็นคำใด
แต่เท่านั้นก็เพียงพอ ให้เด็กหนุ่มผรุสวาทใส่มัน และวาดพร้าใส่โดยไม่คิดทันที
“ไอ้---!”
ร่างสูงใหญ่เบี่ยงหลบได้ แต่ก็เปิดโอกาสให้เนอร์กุยเห็นเสี้ยวหน้าของมันในชั่วแวบ
เป็นใบหน้าของชายชรา โครงหน้ามีเหลี่ยมมุม แข็งกร้าวเหมือนศิลา นัยน์ตาสีฟ้าเทาเยียบเย็น
นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววตกใจแค่เพียงครู่ ก่อนดาบจะวาดสวน ฝากรอยแผลถากไว้บนไหล่ของเด็กหนุ่มซึ่งเบี่ยงหลบแทบไม่ทัน
กระนั้น กันซุคห์ก็ไม่ปล่อยโอกาสที่ลูกบุญธรรมเปิดให้ พร้าของเขามุ่งเข้าใส่ชายชราเช่นกัน ปัดดาบของอีกฝ่ายตกลงไป เผยให้เห็นรอยแผลยาวเลือดโกรกบนฝ่ามือ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนทั้งสองเข้ามา
เนอร์กุยพยายามตามไปซ้ำ แต่ไม่ทันชายธีร์ดีเรนั้นฟาดศอกหนักหน่วง กระแทกเขาล้มลงไปบนพื้นรถ ครั้นแล้วก็ปราดลงจากรถม้าอันเป็นที่แคบ กลับไปสมทบกับพวกของตน
“เนอร์กุย เฝ้าหน้าประตูไว้” พ่อบุญธรรมร้องบอก ก่อนจะตรงเข้าไปคุกเข่าหน้าหญิงที่ฟุบนิ่งอยู่
เด็กหนุ่มปิดประตูรถม้า มือกำด้ามพร้าระแวดระวัง กระนั้นยังอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองชายอัสลานหน้าบากกับราชินี...ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สู้ดีเลย
แผลบนคอของนางยังมีเลือดทะลักหลั่ง นางอาจรักษาเกียรติของตนไว้ได้ด้วยชีวิต...แต่ชีวิตของนางก็กำลังหลุดลอยไปช้าๆ โดยไม่มีใครอาจช่วยยื้อไว้ได้อีก
อีกสักสิบนาที...ไม่สิ...หวังว่าเพียงแค่ห้านาที นางคงจะหมดลมหายใจในที่สุด
“ข้าขออภัย...” กันซุคห์ค้อมศีรษะ เอ่ยเคร่งขรึม “ข้า...ไม่นึกว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ไปได้”
ปลายนิ้วของหญิงสาวกระดิกน้อยๆ แม้นนัยน์ตาจะดูว่างเปล่า ริมฝีปากของนางขยับช้าๆ อีกครั้ง
“...แฟคท์นา...กบฏ......”
ชายอัสลานทั้งสองสบตากันอย่างเงียบๆ
“...ฟ...แฟคท์นา...อย่า...ให้มัน...” ราชินีสูดหายใจเฮือก เลือดไหลทะลักออกทางปาก
“ข้าเข้าใจแล้ว” พ่อบุญธรรมของเนอร์กุยผงกศีรษะ “ข้าจะไม่ปล่อยให้มันลอยนวล ข้าขอสาบานต่อเทพแห่งสายลม ด้วยเกียรติของอัสลาน”
ราชินีพยักหน้าทั้งน้ำตา แม้ลมหายใจของนางจะยิ่งติดขัด เหมือนกับสำลักเลือดของตน
กันซุคห์หยิบมีดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา จ่อปลายเหนือหัวใจของราชินี แล้วจ้วงแทงลงไปให้ลึกที่สุด
ลมหายใจของนางสิ้นสุดแทบในทันที และชายหน้าบากก็ถอนมีดสั้นออก วางมีดที่อาบเลือดของนางเองไว้บนทรวงอก ก่อนจะหยิบสองมือขึ้นทาบทับต่างดอกไม้คารวะศพ แล้วถอดเสื้อของเขาออกคลุมร่างนั้น
จากนั้น...มือของเขาจึงได้ปาดเบาๆ เหนือเปลือกตาของร่างที่เพิ่งสิ้นชีวิตให้หลับลง พร้อมกับสวดภาวนาต่อเทพแห่งสายลมสั้นๆ เช่นเดียวกับเนอร์กุย
...
“เจ้านี่มันบ้า เป็นคนเถื่อนแท้ๆ ยังริอาจทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอัศวิน!” ชายชราร่างใหญ่เหน็บแนมทันทีที่คนอัสลานทั้งสองกระชากประตูรถม้าลงมา
“คนเถื่อนน่ะมันเจ้าต่างหาก!” กันซุคห์ใช้พร้าของตนชี้หน้าชายคนนั้น “แฟคท์นา!”
“ใครจะฟังคำของคนเถื่อนอย่างเจ้า ไม่ว่าไอ้หน้าไหนในธีร์ดีเร ก็ต้องเชื่อว่าเป็นไอ้พวกอัสลานที่กระทำการอุกอาจทั้งหมด...ทั้งฆ่าราชา...เจ้าชาย...ราชินี...รวมทั้งพยายามข่มเหงนางด้วย!”
กันซุคห์โถมเข้าหาร่างสูงใหญ่นั้น แต่อีกฝ่ายก็ฉากหลบไปโดยเร็ว ปล่อยให้ลูกน้องของมันคนหนึ่งเข้ารับหน้าแทน เนอร์กุยตั้งใจจะเข้าไปช่วย ทว่ากลับติดชายชุดดำอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งพ่อบุญธรรมเป็นผู้ฝ่าเข้ามาหาเขาก่อน ในอีกครู่ใหญ่หลังจากนั้น
“เนอร์กุย! เจ้ารีบหนีไป! เราจะถ่วงเวลามันไว้จนกว่าทหารจะมา! แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ...ก็ต้องมีคนรอดไปบอกความจริงให้คนอื่นๆ รู้!”
“ท่านกันซุคห์! แต่ข้า—“
“ในบรรดาพวกเรา...เจ้ามีฝีเท้าไวเป็นที่หนึ่ง และเจ้าได้รู้ชื่อเห็นหน้าคนชั่วนั่น เทพเจ้าสายลมเป็นผู้เลือกเจ้าให้มีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด! รีบไปเสีย!”
“ขอรับ!” เนอร์กุยรับ ก่อนจะหันผละไปอีกทางทันทีที่มีโอกาส กันซุคห์กับพรรคพวกชาวอัสลานคนอื่นๆ ตรงเข้าขวางหน้าทหารชุดดำที่ทำท่าจะตามเขาไป
...
เด็กหนุ่มวิ่งเร็วสุดชีวิตไปตามทางในป่า...กระทั่งได้ยินเสียงผิดสังเกต
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังไล่มา คล้ายเสียงเท้าแมวป่า แต่เบากว่านั้น...จำนวนมากกว่านั้น...และรวดเร็วกว่านั้น
เนอร์กุยเหลียวหลังไป ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นฝูงสัตว์นั้นถนัดตา
ละม้ายทั้งหมาล่าเนื้อและแมว แต่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง มันมีสีดำปลอดตลอดร่าง และดวงตาเป็นแสงสีฟ้าเรืองสองดวง ทั้งร่างมีเพียงเท่านั้น...สีดำเลือนรางเหมือนหมอกที่พัดพาเขม่า มากกว่าเส้นขนปกคลุมเนื้อหนัง
พวกมันไล่กวดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกขณะ หนำซ้ำ...ทางเบื้องหน้าเนอร์กุยกลับเป็นลำน้ำเชี่ยว
เด็กหนุ่มตัดสินใจเหวี่ยงตัว ปีนขึ้นคาคบไม้ใหญ่...เพียงเพื่อพบว่าพวกมันไม่จำเป็นต้องปีนต้นไม้ แต่กระโดดตัวลอยขึ้นมาได้ราวกับนก
เขาชักพร้าขึ้นฟันตัวที่กระโจนเข้ามาตรงหน้า แต่พลันใจหายวาบเมื่อรู้สึกเหมือนคมมีดตนกรีดผ่านความว่างเปล่าของควัน แทนที่จะเป็นเนื้อหนัง ถึงอย่างนั้น ร่างของสัตว์ที่ดูเหมือนภูตผีนั้นก็ไหวพร่าและกระเด็นออกไป...ไม่สิ...ลอยไปตามแรงลมที่ปะทะ
เนอร์กุยรีบไต่ลงจากต้นไม้ เขาแทบลื่นตกลงมาเมื่อสัตว์ประหลาดอีกตัวจู่เข้ามาฝังเขี้ยวที่มือของตน แต่ก็ประคองตนเองลงมาถึงพื้นสำเร็จ และรีบสะบัดมันฟาดกับต้นไม้
ร่างนั้นฟุ้งกระจายเหมือนกลุ่มควัน ครั้นแล้วสลายเป็นขี้เถ้า ทิ้งไว้เพียงรอยฟันที่เลือดเริ่มไหลซึม
นั่นทำให้เด็กหนุ่มพอมีกำลังใจขึ้นบ้าง เขายืนหลังเอาหลังพิงต้นไม้ ใช้พร้าฟาดฟันสัตว์ภูตตัวใดก็ตามที่เข้ามาใกล้ แต่พวกมันยังคงกลุ้มรุมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ราวกับสลายไปแล้วกลับมารวมตัวได้ใหม่ไม่มีสิ้นสุด
ตัวหนึ่งอาศัยจังหวะที่เขากำลังฟันอีกตัวอยู่กระโจนเข้ามาใกล้คอ เนอร์กุยสะดุ้งสุดตัวเมื่อมันฝังเขี้ยวลงไปและเกาะติดแน่น เสียงร้องของเขาขาดห้วงและแผ่วเบาเหลือเกินในความรู้สึก
ชายหนุ่มเสียหลักหงายหลังลงไปในน้ำเย็นจัด ดูเหมือนสัมผัสของคมเขี้ยวที่ปักคาแผลจะหายไปในตอนนั้น เขาเสี่ยงลืมตาในน้ำหลังผ่านไปครู่หนึ่ง ไม่เห็นร่างของสัตว์ประหลาดนั้นอีก แต่เห็นละอองสีเข้มของเลือดจากคอตนพวยพุ่งเป็นสาย
หรือเขาจะตายเสียแล้วคราวนี้
ไม่ได้! ข้าจะตายไม่ได้!! ข้ายังมีหน้าที่ต่อทุกคน...ต่อท่านกันซุคห์...
...ข้าต้องรอดไปให้ได้...ต้องรักษาความจริงนี้ไว้...
นั่นคือความคิดที่เนอร์กุยย้ำกับตนเอง นานเท่าใดไม่รู้ ขณะประคองร่างไปตามกระแสน้ำเชี่ยว...กระทั่งสติของเขาดับวูบไปในที่สุด
* * * * *
คนเขียนขอคุย
ตอนนี้เต็มๆ ยาวราว 12-13 หน้า เลยขอแบ่งครึ่งลงก่อนให้อ่านสะดวกขึ้นครับ
ในที่สุดก็เฉลยจนได้ ว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใคร ใช่ตามที่คนอ่านเดาไว้หรือเปล่าครับ
เผ่าอัสลานดูเหมือนเป็นเผ่าที่ซวยสุดในเรื่องชุดนี้ เพราะเผชิญเรื่องแย่ๆ กันมาหลายภาคเหลือเกิน ที่จริงผมไม่เห็นด้วยกับการล้างแค้น แต่ก็เห็นใจเรื่องความแค้นของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และรู้สึกว่าพระราชาอาร์กาดก็ต้องรับผลการกระทำของตน...แม้จะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจแอชลีนน์อยู่สักหน่อย
ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้สนับสนุนว่าการล้างแค้นถูกต้องนะครับ แต่มองในแง่ความรู้สึกที่มีต่อตัวละคร ก็ถือว่าเชื่อในผลกรรมแหละนะ ส่วนเรื่องของราชินีกับเจ้าชายเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิด ถ้าให้ผมบอกตามหลักพุทธก็คงต้องบอกว่าเป็นกรรมเก่าของทั้งสองคน แต่ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ถ่องแท้พอจะพูดอะไรได้หรอกครับ
เรื่องแย่ๆ ที่เกิดกับคนดี หรือคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยในโลกของความเป็นจริง ผมยังแทบจะยอมรับว่ามันเป็นกรรมเก่าไม่ได้เลย (เพราะในบางกรณีก็รู้สึกว่า "กรรมเก่า" เป็นแค่คำอ้างที่ช่วยให้ยอมรับสิ่งที่เกิดไปแล้วได้ง่ายขึ้นแค่นั้นเอง)
อย่างไรก็ดี ผมก็ยังอยากเชื่อว่า ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว และถ่ายทอดในเรื่องนี้เหมือนกันครับ
ป.ล. สงสัยวันนี้เข้าโหมดคิดมากเพราะข่าวไม่ดีที่รู้มาแฮะ - -
ป.ล. 2 ความหมายชื่อตัวละครฝั่งอัสลาน เนอร์กุย - ไร้ชื่อ กันซุคห์ - ขวานเหล็ก เตมูร์ - เหล็ก ครับผม
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ย. 53 19:29:38
|
|
|
|