Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ ๒ - บทที่ ๑๐ - สิ่งไม่คาดฝัน (ครึ่งแรก)  

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

* * * * *

ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ถ้ารูอาร์คมาเล่นพันทิพคงไ้ด้กิฟเยอะเชียว :D

ภาพที่อาเมียร์เห็น ตอนนี้ได้ทราบแน่นอนครับ

น้องแตม - แฮ่ ครูก็เขิน ศิษย์ก็งง จะผ่านหลักสูตรกันอีท่าละนี่ ^^a

ตอนนี้ได้เห็นของที่อยากรู้มากกว่าแน่ครับ ส่วนวิธีผ่านด่านของรูอาร์ค นอนโลงเลยก็น่าสนนะ อยากรู้ว่าแบบนั้นดูลัสจะกล้าเปิดมั้ย (แต่หมอนี่อาจเป็นโรคกลัวการถูกฝังทั้งเป็น หรือกลัวที่แคบไปเลยก็ได้ ^^;;; )

* * * * *

บทที่ ๑๑
สิ่งไม่คาดฝัน
(ครึ่งแรก)


ภาพรอบด้านเลือนรางเหมือนความฝัน

อาเมียร์เห็นเด็กชายคนหนึ่ง เนื้อตัวสกปรกมอมแมม อยู่ท่ามกลางถ้ำที่สกปรกและเหม็นอับยิ่งกว่า

เหตุของกลิ่นนั้นทำให้อาเมียร์ผงะถึงที่สุด

ในถ้ำมีศพระเกะระกะ ส่วนมากเป็นศพของผู้หญิง เด็กและคนชรา แมลงวันไต่ตอมร่างไร้วิญญาณว่อน ไม่นับตัวอ่อนของพวกมันที่เริ่มปรากฏบนร่างเหล่านั้น

ถึงอย่างนั้น เด็กชายก็พยายามปัดพวกมันไปจากร่างร่างหนึ่งที่นอนเหยียดยาว ทั้งๆ ที่ร่างนั้นเริ่มมีสภาพห่างไกลจากย่าในความทรงจำของเขาไปทุกที

ย่าจ๋า ย่าตื่นเถอะ ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว พ่อกับแม่ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ ข้ากลัว ข้าเหงา ข้าหิวแล้ว ย่าจ๋า...

ตอนนั้นมีคนตีกลองสัญญาณ แม่บอกว่ามีคนร้ายมาที่เผ่า พ่อต้องออกไปสู้กับคนร้าย ส่วนย่า แม่ กับเขาต้องหนีไปในที่ปลอดภัย ย่ากับแม่พาเขามาที่นี่พร้อมชาวเผ่าคนอื่นๆ อีกหลายสิบคน ขณะรอให้พ่อกลับมา

รอแล้ว...รอเล่า พ่อก็ไม่มาเสียที รอจนกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกกราดเกรี้ยวด้านนอก บอกให้หาชาวเผ่าอัสลานที่ซ่อนตัวอยู่ให้เจอ

เมื่อนั้น ย่ากับแม่หันไปพูดอะไรเบาๆ ก่อนจะเทน้ำให้เขาดื่มถ้วยหนึ่ง

เด็กชายจำได้เพียงว่าน้ำนั้นมีกลิ่นไหม้แฝงอยู่ ดื่มไปอีกพักหนึ่งเขาก็หลับไป ครั้นตื่นอีกที...ก็พบว่าตนเองกลับนั่งขดคุดคู้อยู่ในตะกร้าสมุนไพรใบใหญ่ของย่า ท่ามกลางกองใบไม้และผ้าที่ปิดไว้

พอออกจากตะกร้าได้ ก็เห็นว่าพื้นถ้ำแดงฉาน รอบข้างมีแต่คนนอนแน่นิ่ง ทุกๆ คนมีแผลและเลือดอาบแห้งกรัง เป็นแผลที่ใหญ่ยาวกว่าเวลาแม่ถูกมีดบาดนิ้ว หรือเขาหกล้มนัก

แม่ไม่ได้อยู่ในนี้ มีเพียงย่าที่มีแผลและนอนอยู่เช่นกัน เด็กชายเขย่าตัวปลุกย่ากับคนอื่นๆ ทว่าพวกเขาก็ไม่ยอมตื่น ไม่ยอมขยับเขยื้อน หลายคนนอนหลับได้ทั้งๆ ที่ตายังลืมอยู่ ย่าของเขาก็เป็นเช่นนั้น

เด็กชายร้องไห้ เขาอยากออกไปตามหาพ่อแม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกท่านอยู่ที่ไหน เด็กๆ ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว โดยเฉพาะนอกวงล้อมของกระโจมของเผ่า เขาต้องรอให้ย่าตื่นก่อน แล้วค่อยขอให้ย่าพาเขาออกไป

แต่ย่าก็ไม่ตื่น นานเข้าแขนขาของย่าเริ่มแข็ง ผิวซีดและเปลี่ยนสี เหมือนไม่ใช่ย่าอีกต่อไป เหมือนจะกลายร่างเป็นปีศาจ เด็กชายได้แต่ร้องไห้อยู่เพียงลำพัง

...จนได้ยินเสียงฝีเท้า...

เด็กชายนั่งตัวแข็งทื่อ พวกคนร้ายมันกลับมาแล้วหรือ หากพวกมันกลับมาจะทำอย่างไร ถ้าย่าไม่ตื่นแล้วรีบหนีไปกับเขา...

“ย่า...ย่าจ๋า!”

“ในถ้ำนี้มีคนอยู่! เร็วเข้า!”

“ย...อย่าเข้ามานะ!”

เด็กชายคว้าพร้าเปื้อนเลือดที่หล่นอยู่ ชี้ปลายตรงไปยังเงาที่ปรากฏหน้าปากถ้ำ

แต่เงานั้นก็ชะงักไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะก้าวเข้ามาอีก

“อย่ากลัวเลย เจ้าหนู ข้าเป็นชาวเผ่าอัสลานเหมือนกัน ข้ามาช่วยเจ้า”

เด็กชายกะพริบตาปริบๆ ขณะมองชายคนนั้น เขาแต่งกายแบบเดียวกับพรานทั่วไปในเผ่า และคล้องคันธนูไว้ที่ไหล่เช่นกัน บนใบหน้าของเขามีแผลยาวพาดผ่านแก้มซ้าย

“ข้าชื่อกันซุคห์ เจ้าล่ะ” ชายผู้มาใหม่พูดต่อไป

“...เนอร์กุย”

“เนอร์กุย เจ้ามากับข้า” กันซุคห์โน้มตัวลงส่งมือให้เด็กชาย “ไปด้วยกัน คนอื่นๆ ที่รอดชีวิตกำลังรออยู่”

“แล้วย่าล่ะ ท่านอาปลุกย่าข้าได้ไหม ย่าต้องไปกับข้าด้วยสิ”

“ย่าของเจ้าตายไปแล้ว”

“ตาย...เหมือนพวกสัตว์ที่พ่อเอากลับมาให้กินน่ะหรือ”

ตายคือไม่มีวันตื่น ไม่มีวันขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ไม่รู้สึกอะไรอีก เนอร์กุยรู้ แต่เขาเคยคิดมาตลอด ว่ามีแต่สัตว์ที่พวกตนกินเท่านั้นที่ตายได้

“ใช่” กันซุคห์พูดเสียงอ่อนกว่าเดิม “ไปกันเถอะ”

“แต่ย่า...ย่ายังอยู่ตรงนี้” เด็กชายก้มลงมองร่างของย่า ซึ่งดูไม่เหมือนย่าคนเดิมที่เขารู้จักอีกต่อไป

“อยู่แต่ร่าง ส่วนวิญญาณไปอยู่กับเทพแห่งสายลมแล้ว นางได้อยู่ในทุ่งหญ้านิรันดร ไม่มีความทุกข์หรือความเจ็บปวดอีกแล้ว มากับข้าเถอะ นางอยากให้เจ้ามากับข้า”

กันซุคห์ก้าวมาใกล้ แล้วจับมือของเด็กชายที่ทิ้งพร้าเปื้อนเลือดลง นำเขาออกมาจากถ้ำที่เหลือเพียงซากศพนั้น

...

นับจากวันนั้น กันซุคห์ก็เป็นเสมือนพ่อของเนอร์กุย กันซุคห์เลี้ยงดูเด็กชายราวกับเขาเป็นลูกของตนเอง ขณะเดียวกัน เนอร์กุยที่ค่อยๆ เติบโต ก็ได้เรียนรู้ไปโดยปริยายว่าพ่อแม่ของตนจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว เช่นเดียวกับย่า

นอกจากนี้ เขายังได้รู้ว่ากันซุคห์สูญเสียภรรยาของตนไปในเหตุครั้งนั้น ทั้งสองเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ที่สุดของกันและกัน

และทั้งสองก็แบกรับความรู้สึกที่เหมือนกันอย่างหนึ่งมาตลอด เช่นเดียวกับคนส่วนหนึ่งของเศษซากเผ่าอัสลานที่เหลือรอดมา

...

เนอร์กุยในวัยหนุ่มวิ่งเร็วรี่ไปตามถนนลูกรังของหมู่บ้านบนเขา จนถึงบ้านไม้หลังหนึ่ง

บ้านนั้นปิดประตูหน้าต่างจนมืดสลัว อบอ้าวด้วยไฟตะเกียง ไอร้อนจากร่างคนมากมายที่ล้อมวงแออัด

แต่ที่ร้อนที่สุดคือเพลิงแค้น

คนในบ้านนั้นประกอบด้วยชายชาวอัสลานนับสิบ กันซุคห์ในวัยกลางคน และนักเดินทางผู้สวมผ้าคลุมดำตลอดร่างซึ่งเป็นเหตุให้ชายหน้าบากเรียกคนอื่นๆ มารวมตัวที่นี่ ทุกคนหันขวับมามองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียวกัน

“เนอร์กุย!” พ่อบุญธรรมอุทาน

“ท่านกันซุคห์ ให้ข้าไปด้วยเถอะขอรับ!” เด็กหนุ่มคุกเข่า “ต่อให้ต้องลงนรก...ข้าก็จะตามท่านไปให้ได้!”

กันซุคห์ถอนใจ

“นึกว่าเจ้าจะรู้เสียอีก ว่าทำไมข้าถึงได้กันเจ้าออกไปจากเรื่องนี้”

“ท่านเตมูร์บอกจะไล่ทุกคนที่คิดล้างแค้นไปจากที่นี่ แต่ถ้าท่านกันซุคห์ไม่อยู่ ที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านข้าเช่นกัน”

“เจ้ายังเด็กนัก เนอร์กุย ยังมีโอกาสและเวลาอีกมากมาย เราทุกคนที่จะทำการนี้ต้องเตรียมใจสละชีวิตไว้แล้วสิ้นเชิง”

“ข้าถือว่าตัวเองตายไปตั้งแต่สิบสองปีก่อนแล้ว ที่ยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะท่านกันซุคห์ช่วยไว้เท่านั้น ได้โปรด...ให้ข้าไปด้วยเถอะขอรับ!”

“เนอร์กุย...”

กันซุคห์มีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่ชายอัสลานอีกคนหันมาพูดด้วย

“กันซุคห์ ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงเนอร์กุยเหมือนลูก แต่การชำระแค้นให้ญาติมิตรเป็นหน้าที่ของพวกเราชาวอัสลานทุกคน บังคับให้มันต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างไร้เกียรติ จะไม่ทำร้ายมันยิ่งกว่าหรือ”

พ่อบุญธรรมของเขายังคงเงียบไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะช้าๆ

“ตกลง เนอร์กุย เจ้ามาด้วยกัน”

เด็กหนุ่มค้อมศีรษะจรดพื้นด้วยความตื้นตัน

“ขอบคุณ...ขอบคุณมากขอรับท่านกันซุคห์!”

เนอร์กุยยิ่งกว่ายินดีเมื่อได้ใช้คมพร้าเฉือนปลายนิ้ว ให้เลือดหลั่งลงสู่ถ้วยไม้ที่รวมเลือดของชายอัสลานคนอื่นๆ รวมทั้งท่านกันซุคห์ และเป็นคนสุดท้ายที่ดื่มน้ำสาบานจากถ้วยนั้น

จะนำเลือดของพระเจ้าอาร์กาดมาเซ่นดวงวิญญาณญาติมิตรให้จงได้...มิเช่นนั้นก็ตายในความพยายามครั้งเดียวนี้

...

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 19:28:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com