ความคิดเห็นที่ 1 |
ชาลัวห์นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับเกวียนอย่างเงียบๆ ตามคำสั่งของเจ้าหญิงที่ให้เขาอยู่เฝ้าเกวียน ขณะที่ตัวคนสั่งเองคงวิ่งวุ่นไปหาของมาปฐมพยาบาลเจ้าคนทราย ซึ่งจู่ๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นลมไปเสียเฉยๆ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้...เขาคงไม่อยากสนใจอะไร มันเป็นลมก็คือมันเป็นลมของมันเอง
แต่ตอนนี้เขากลับคิด ว่ามันเป็นลมเพราะไปวิ่งวุ่นตามหาเขาจนไม่ได้นอนแทบทั้งคืนน่ะหรือ
...นี่ข้าเป็นอะไรไปกันนะ...
ชายหนุ่มก้มมองมือขวาที่ยังห่อด้วยผ้าพันแผลหนา ทำไมเขากลับนึกถึงคำพูดของมัน ตอนเพิ่งได้แผลนี้มาใหม่ๆ ก็ไม่รู้
“พอเถอะ! เขายอมสารภาพก็พอได้แล้ว!!”
“ใช่ ข้าไม่ใช่พวกเดียวกับเขา แต่ก็ไม่วิปริตขนาดทนเห็นใครถูกทรมานจนไม่เป็นผู้เป็นคนต่อหน้าต่อตาได้หรอก!”
ถึงเจ้านั่นจะพูดจากระทบกระเทียบเขาอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายเขาแบบหมายเอาชีวิตเลยไม่ใช่หรือ ทั้งๆ ที่จะปล่อยให้เขาถูกฆ่าตายในคุกกรงน้ำตั้งแต่แรกก็ได้ มันก็ยังช่วยชีวิตเขาไว้ ยอมหอบหิ้วเขามาจนถึงนี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
...ผลก็คือเขายังมีชีวิตอยู่ตรงนี้ เพื่อรับรู้ความเลวร้ายของสิ่งที่ตนเคยทำลงไป...
ทั้งๆ ที่อยากขอโทษเกรเนียอีกครั้งแท้ๆ เขาก็ทำไม่ได้ คงมีแต่จะทำให้เธอชิงชัง และโกรธแค้นเขายิ่งไปกว่าเดิม
ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ยอมรับไม่ได้ที่ต้องมาเห็นตำตา ว่าทุกวันนี้เกรเนียใช้ชีวิตอย่างไร
ชายที่มาหาเธอคนนั้นไม่น่าจะเรียกเป็นมนุษย์ได้ ทั้งเพราะหนวดเครารุงรัง ผิวที่ซีดเหลืองและดูกะดำกะด่างเป็นจุดๆ เหมือนโรคผิวหนังเรื้อรัง ฟันที่ปรากฏให้เห็นยามแสยะยิ้มก็เหลืองและผุหายไปสองสามซี่
ชาลัวห์ไปทันเห็นเขาตรงเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าบ้าน เห็นเธอต้อนรับชายคนนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ทันไปถึงตัวตอนเขาโอบกอดเกรเนีย และมือไม้ไม่หยุดอยู่แค่นั้นก่อนจะทันเข้าไปในประตูเสียอีก
ทิ้งให้ลูกชายเจ้ามณฑลชอร์ซาได้แต่ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้นเอง
ทีแรกเขาคิดว่าคงต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะเสร็จธุระ...แม้จะไม่อยากคิดถึงธุระอะไรก็ตามนั้นนัก จึงค่อยขอเวลาพูดกับหญิงสาว
...แต่ความตั้งใจนั้นก็พลันมลาย เมื่อได้ยินเสียงโครมครามจากในบ้านไม่กี่ครู่ต่อมา ตามด้วยเสียงสบถด่าดังลั่นของผู้ชาย
อารามตกใจ ชาลัวห์ปราดเข้าไปที่ประตู กระชากแค่ไม่กี่ครั้ง ประตูที่ทำจากไม้แผ่นบางๆ กับกลอนโยกเยกก็เปิดผลัวะออกมา
ร่างผอมบางของเกรเนียล้มคว่ำอยู่บนพื้น มือใหญ่หนาของชายร่วมห้องจิกผมที่ยังพอเหลืออยู่บนศีรษะ หน้าซีกหนึ่งของหญิงสาวปรากฏรอยแดง...ซึ่งบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้ดีเกินพอ
เมื่อนั้นเอง ที่ชาลัวห์ตะโกนด่าชายคนนั้น และปราดเข้าไปแยกมันออกจากหญิงสาว
กระนั้น เธอกลับมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ต่างจากเมื่อเขาเป็นผู้ทำร้ายเธอ...ขณะที่ทั้งชายคนนั้นกับผู้ชายคนอื่นๆ กรูเข้ามาลากตัวเขาที่เอะอะโวยวายออกไป แล้วก็รุมเตะต่อยอดีตคุณชายจนคลุกฝุ่นบนทางเดินโดยไม่เบามือเบาเท้า...อย่างกับไล่หมาข้างถนน
“เกรเนีย! ข้าอยากช่วยเจ้า! อยากช่วยเจ้าจริงๆ! อย่าทำอย่างนี้อีกเลย!”
เขาอยากช่วยเธอ อยากให้เธอได้พ้นจากขุมนรกนี้เสียที แต่ก็มองไม่เห็นเลย ว่าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร
ชาลัวห์ได้แต่ถอนใจ ก่อนจะก้มหน้าลงพิงเข่า ซ่อนน้ำตาที่ค่อยๆ รินลงมา
เขาไม่อยากร้องไห้เหมือนเด็กขี้แยที่ทำอะไรไม่เป็น ได้แต่ขอให้ท่านพ่อจัดการให้แท้ๆ
“เพิ่งรู้ว่าคุณชายผู้ได้ทุกอย่างตามใจนึกก็มีน้ำตาเหมือนคนอื่นเขาด้วย”
เสียงแหบพร่าที่ดังอยู่เพียงใกล้ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ แล้วก็พบคนที่เขาคิดถึงอยู่ในตอนนี้
“ก...เกรเนีย!”
หญิงสาวยังคงเอ่ยต่อโดยไม่มองหน้าเขา
“เรียกข้าว่ามาดาเลน ข้าไม่อยากได้ยินชื่อนั้นอีก”
“ข...ข้าขอโทษ” ชาลัวห์ตัดสินใจพูดออกไป แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะพูดสิ่งใดได้อีก
“ข้าเองก็มาเพื่อพูดอย่างนั้น พวกเขาทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย ถึงเรื่องที่ท่านทำก็ใช่จะไม่เกินกว่าเหตุเหมือนกัน”
“ก...ก็ข้าอยากช่วยเจ้า”
เกรเนียกลับยักไหล่
“ใช่สิ ช่วยให้ข้าเสียลูกค้านั่นไง ท่านจะช่วยข้าได้มากที่สุด...ถ้าไม่มาให้ข้าเห็นหน้าอีก ป่านนี้ยังไม่รู้อีกหรือ”
“ข้าก็แค่คิดว่า...” ชายหนุ่มพยายามเค้นหาถ้อยคำ “ข้า...ข้าควรขอโทษ...ควรพยายามทำอะไรไถ่โทษให้มากกว่านี้”
“ล้มลงตายตอนนี้ แล้วไปลงนรกเสีย คงจะพอทำได้หรอก” คำตอบของหญิงสาวเฉยชา
ชาลัวห์กลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
เขาเจ็บ
เจ็บแผลที่ได้รับเมื่อคืนวาน เจ็บยิ่งกว่าเพราะคำพูดของเธอ แต่เจ็บที่สุดที่ตนเองทำอะไรนอกจากนี้ไม่ได้เลย
ยิ่งสะอื้น เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองยิ่งกว่าอ่อนแอ ยิ่งเจ็บแผลแตกที่ปาก จากประดาหมัดซึ่งถูกประเคนใส่ แต่หากไม่สะอื้น ก็ราวกับบางสิ่งในตัวจะระเบิดออกมาในทันใดนั้น
“แต่ข้า...ข้าทนไม่ได้ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเจออะไรแบบนั้นอีก มันเจ็บปวดไม่ใช่หรือ เจ้าไม่อยากทำไม่ใช่หรือ เจ้าป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงต้องยอมไอ้คนแบบนั้นด้วย”
“ถ้าไม่ทำแล้วข้าจะมีอะไรกิน” หญิงสาวกลับแย้งเรียบๆ “มันก็แค่ทางเดียวที่ข้าจะเอาตัวรอดไปวันๆ แล้วคนพวกเดียวที่ยอมเรียกใช้ข้า ก็มีแต่คนที่เป็นโรคเหมือนกัน หรือไม่ถือสาเรื่องโรคของข้า จะรสนิยมหรือพฤติกรรมต่ำทรามยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
“ถ้าเจ้าต้องใช้เงิน ข้าจะขอยืมเงิน...เพื่อนร่วมทางมาให้ จะยืมมาให้ได้มากที่สุด ให้เจ้าไม่มีปัญหาเรื่องค่ากินอยู่กับยารักษา รวมทั้งค่าฝิ่นเลย”
เกรเนียคล้ายจะแค่นเสียงเยาะ
“ท่านคิดว่าเงินมากมายขนาดนั้นหามาได้ง่ายๆ หรือ”
“...ก็คิดอยู่บ้างว่าคงไม่ง่าย” ชายหนุ่มก้มหน้าลง “แต่มันคงเป็นทางเดียวที่จะช่วยเจ้าได้เร็วที่สุด ข้าอยากให้เงินของตัวข้าเอง ไม่สิ...เงินที่ข้าหามาได้ด้วยตัวเอง แต่ข้าก็...ไม่มีทางหาเงินได้เลยในตอนนี้ แล้วก็...ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับไปใช้เงินของทางบ้านได้อีกหรือเปล่า”
“ถ้ายังมัวโอ้เอ้อยู่แถวนี้ ก็คงหนีทันหรอกนะ” หญิงสาวพูด
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะกลับชอร์ซาอยู่แล้ว ตอนนี้” ชาลัวห์ตัดสินใจบอกความจริง “คนทรายนั่นไม่ได้ร่วมมือกับข้า มั...เขาภักดีกับเฟลิมจริงๆ ที่ยอมช่วยข้าออกมา ก็เพราะอยากให้ข้าไปขอขมาพ่อแม่ของเฟลิมด้วยตัวเอง แล้วข้าก็รับปากไปแค่เพราะไม่อยากตาย น่าสมเพชใช่ไหมล่ะ”
ไม่มีคำตอบจากคู่สนทนา
“ตอนนี้ ข้าไม่รู้ว่าจะไปถึงนั่นได้หรือเปล่า หรือไปถึงแล้วจะเป็นอย่างไร พวกเขาอาจฆ่าข้า ทรมานข้าให้ตาย หรือไม่เห็นว่าคำขอโทษของข้ามีค่าอะไรเหมือนกับเจ้าก็ได้ แต่ข้าก็ต้องไป เพราะข้าเป็นคนทำให้ลูกชายของพวกเขาต้องตายจริงๆ เหมือนที่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ถึงข้าจะไม่ได้ตั้งใจ...หรือทำไปโดยไม่คิดว่าผลมันจะเลวร้ายขนาดนี้ก็เถอะ”
เกรเนียถอนใจยาว
“ตอนนั้น...ตอนที่ถูกทำร้าย ข้าเคยอยากให้มีใครสักคนมาช่วยข้า ช่วยพูดแทนข้าว่าพอเสียที อย่าทำร้ายข้าอีกเลย อย่าทำให้ข้าต้องเจ็บปวดอย่างนี้อีกเลย นึกมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง กว่าจะทำใจเป็นมาดาเลนไปวันๆ ได้อย่างนี้กระมัง” น้ำเสียงเลื่อนลอยของเธอเรียกชาลัวห์ให้เงยหน้าขึ้น แต่หญิงสาวก็ยังไม่มองเขาเช่นเคย
ครั้งนี้เธอเสมองท้องฟ้า...ฟ้าที่เป็นสีครามสดใส ราวกับไม่เคยถูกย้อมด้วยความหมองหม่นใดๆ
“แต่ไม่นึกเลย ในตอนที่ข้าเลิกหวังว่าจะมีใครมาช่วยข้าแล้ว คนที่เคยทำร้ายข้าก็กลับมาพูดอย่างนั้นเสียเอง โลกนี้ช่างเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลยจริงๆ”
“เกรเนีย ข้า...”
“ข้ารู้ ข้าไม่ควรให้อภัยท่าน มันคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น มันลบล้างเรื่องทั้งหมดที่ท่านทำให้เกิดกับข้าไม่ได้ ...ข้าไม่คิดว่าตัวเองใจกว้างพอจะทำอย่างนั้น ข้าให้อภัยท่านแทนพ่อแม่ของข้าที่ตายไปแล้วไม่ได้ แล้วก็ให้อภัยแทนพ่อแม่ของคนที่ท่านฆ่าไปแล้วไม่ได้เหมือนกัน
“แต่ถึงอย่างนั้น...ข้าจะให้อภัยท่านในตอนนี้ โดยไม่ถามหาเหตุผลหรือความเหมาะสมใดๆ ทั้งสิ้น”
ชาลัวห์กะพริบตาปริบๆ กับคำพูดนั้น
“ให้อภัยก็คือให้อภัย ข้าได้แต่หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ใครอื่นต้องเจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของท่านอีก ...แต่ถ้าเป็นท่านในตอนนี้ ก็คงไม่แล้วกระมัง”
“ก...เกรเนีย...” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา “ข้า...ข้า...”
“ข้ามีเรื่องพูดกับท่านเท่านี้ ลาก่อน”
ชาลัวห์อยากรั้งเธอไว้ อยากทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษมากกว่านี้...พูดอะไรมากกว่านี้ แต่แล้วก็ตัดสินใจจะพอเช่นกัน
คงมีสิ่งอื่นที่เขาทำได้ มากกว่าแค่ขอโทษเธอด้วยวาจา
“ขอบคุณมาก...และลาก่อน ข...ขอให้เจ้าโชคดี”
เด็กหนุ่มมองเธอเดินจากไปด้วยขาผ่ายผอม แล้วก็ค่อยๆ นึกถึงสิ่งที่ตนจะทำต่อไป เขาจะพูดกับคนทราย...ไม่สิ...พูดกับอาเมียร์ตรงๆ เสียที แล้วก็จะขอยืมเงินของคณะเดินทางมาเจียดให้เกรเนียผ่านทางหมอหญิงซานา ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องคงไม่ปฏิเสธ
แล้วเขาก็ต้องไปขอโทษอาเมียร์เหมือนกัน ที่ออกไปโดยไม่บอกกล่าว ต่อให้ถูกอีกฝ่ายกระทบกระเทียบขนาดไหนก็เถอะ
ชาลัวห์ปาดน้ำตา หันไปทางหน้าโรงแรม หมายจะดูว่ามีใครในคณะเดินทางที่เขาพอฝากให้เฝ้าเกวียนแทนออกมาบ้างไหม แต่แล้วก็พลันสะดุ้งเฮือก และร้องเสียงหลง
เด็กหนุ่มร่างผอมสูงผมแดงยุ่งเหยิงคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้เขา อย่างที่เรียกได้ว่าหน้าแทบชิดกัน ...โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
เขารู้สึกเหมือนเคยพบเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน แต่ยังนึกไม่ออกในทีแรก
“อ๊ะ ชาดานนี่นา” เด็กหนุ่มยิ้มยิงฟัน “ชาดานที่ไม่ใช่ปลาชาดานน่ะ เจอตัวกันเร็วกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ หะแรกนึกว่าต้องไปถามตามโรงแรมในเมืองให้ทั่วๆ เสียอีก แสดงว่าข้าดวงขึ้นเป็นบ้า เอลม์กับเจ้าเปี๊ยกแอชล่ะอยู่ไหน”
“ย...อยู่ในโรงแรม ข้างบนห้อง...” เขาตอบตะกุกตะกัก เพิ่งตระหนักได้ในตอนนี้ ว่าเด็กหนุ่มคือน้องชายของเฟลิมนี่เอง
“อ้อเหรอ ขอบใจที่บอก” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “อยากตอบแทนด้วยการสะสางบัญชีเก่าเรื่องพี่ข้าให้หมดหรอกนะ แต่ขืนตั๊นหน้าแกในสารรูปยังงี้ คนอื่นๆ เขาจะหาว่าข้ารังแกคนเจ็บเปล่าๆ ถึงข้าจะคิดว่า...ตอนนี้แกยังดูงอมไม่พอสำหรับข้าเลยสักนิด”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่ออีกฝ่ายเริ่มหักข้อนิ้วดังกรอบแกรบ แต่แล้ว เด็กหนุ่มผมแดงก็กลับหลังหัน เดินเข้าไปในโรงแรมเสียก่อน
“เอาเถอะ เรายังต้องร่วมทางกันอีกนาน ข้ามีเวลาจับแกมาแล่เนื้อดองเกลือพอถมถืด ไอ้คุณชายปลาชาดานกะหลั่ว”
ชาลัวห์ได้แต่มองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มผู้มาใหม่อย่างไม่คาดฝัน ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
เทพเจ้าช่วยด้วยเถอะ เขาสำนึกผิดแล้ว และจะยอมรับโทษต่างๆ แต่โดยดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากถูกจับดองเกลือ หรือทรมาทรกรรมมากกว่านี้สักหน่อย
* * * * *
คนเขียนขอคุย เรื่องของโทมากับซานา ถ้าใครเคยอ่าน ตำนานคนจรผู้สาบสูญ ที่เคยลงในบอร์ดเจเจกับเด็กดีมา ก็จะเจอชื่อและเหตุการณ์คุ้นๆ กันพอควรเลยแฮะ
ส่วนเรื่องของกะหลั่วกับเกรเนีย ก็เดินมาถึงบทสรุปกันบ้าง...ถึงจะยังแก้อะไรไม่ได้หมด และมีโจทก์ใหม่มาตามทวงคืนอีกก็เถอะ ^^a
ป.ล. ความหมายชื่อตัวละครฝั่งอัสลาน เนอร์กุย - ไร้ชื่อ กันซุคห์ - ขวานเหล็ก เตมูร์ - เหล็ก ครับผม
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.ย. 53 18:19:35
|
|
|
|