Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เหตุใด ?? จึงได้ยกย่องแต่ “กวีไร้ฉันทลักษณ์”  

อยากเขียนถึงเรื่องหนึ่งที่อยู่ในใจมาเป็นเวลานานแล้ว และอยากจะฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ที่จะเขียนต่อไปนี้ไม่มีใครถูกใครผิด แต่ต้องการให้ทุกฝ่ายได้มาแชร์ความคิด เพื่อประโยชน์แก่วงการ “วรรณกรรม” บ้านเรานั่นเอง

เอ่ยมาแค่นี้ ก็อาจจะพอเดาได้แล้วว่า ผู้เขียนต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ความไร้ฉันทลักษณ์”ของกวีซีไรต์ ที่ได้รับการยกย่องจากสังคมในขณะนี้

โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ชื่นชอบการอ่านวรรณกรรมที่อิ่มเอิบด้วยฉันทลักษณ์ ทั้งกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ มาตั้งแต่ยังเด็ก และพยายามฝึกการเขียนฉันทลักษณ์เหล่านี้มาอยู่ช่วงหนึ่งในชีวิต แต่หลังจากที่ชีวิตพลิกผัน ต้องไปจับเรื่องอื่นเพื่อความอยู่รอดของชีวิตมากขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้มาข้องแวะในส่วนนี้อีกเลย แต่ก็ยังหวนรำลึก และหวนคำนึงถึงวันคืนอันดื่มด่ำกับฉันทลักษณ์ที่ตัวเองเคยชอบมาแต่อดีตอยู่บ้างในบางครั้ง

กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์  ทั้ง รัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 6 หรือเอกแห่งกวีเช่น “สุนทรภู่” ต่างอยู่ในดวงใจในช่วงหนึ่งของชีวิตเป็นอย่างมาก หรือในยุคกรุงศรีอยุธยา เช่นเจ้าฟ้ากุ้ง ก็เป็นเอกแห่งกวีในยุคนั้นซึ่งยากที่ใครจะทาบเทียม ความสัมผัสอย่างสอดคล้องทั้งนอกและในของฉันทลักษณ์ซึ่งราบรื่น แต่เร่งรัวด้วยสำนวนที่เล้าโลมโสตประสาทนั้น

คงหาไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้ ซึ่งทุกฝ่ายได้ยอมรับไปโดยปริยายแล้วว่า คงจะหากวีที่จะแต่งแบบถูกต้องฉันทลักษณ์อยู่ในวังวนแห่งโลกวรรณกรรมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มิเช่นนั้น ซีไรต์น่าจะมีกวีรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นยอดแห่งฉันทลักษณ์มาประดับวงการบ้างแล้ว  

เหตุที่เป็นเช่นนั้น ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคือ ความยากลำบากในการแต่งที่ต้องอาศัยรูปแบบและโครงสร้างของฉันทลักษณ์ที่ต้องมีกรอบ ระเบียบในการเขียนพอสมควร

ซึ่งขัดกับ “ปณิธาน”ของนักเขียน กวีรุ่นใหม่เป็นอย่างมากว่า ต้องการนำเสนอ “ความคิดเห็น” “ความรู้สึก” “อารมณ์” ผ่านตัวหนังสือไปถึงคนอ่านอย่างอิสระ เสรีที่สุด โดยไม่ต้องยึดติดในกฎ หรือระเบียบแต่อย่างใด นอกจากนั้น ยังหวังให้บทกวีของตนซึ่งไม่ต้องติดยึดในกรอบเหล่านั้น สื่อปณิธานของตนไปสู่ผู้อ่านได้ตรงกับความคิดของตนมากที่สุด  (ย้ำว่านี่คือความเห็นของผู้เขียนเท่านั้น)

ผู้เขียน ไม่อาจจะไปวิพากษ์ วิจารณ์แนวทางของเหล่า “กวีรุ่นใหม่” ได้  เพราะถือว่าเป็น “ทางเลือกหนึ่ง” แห่งยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่ชอบที่จะเสพเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน ซึ่งอันที่จริงผู้เขียนก็ได้อ่านบทกวีรุ่นใหม่อยู่บ้าง ก็ชื่นชมในแนวทางการนำเสนออยู่บ้าง แต่ถ้าให้เลือกได้ก็อยากจะอ่านใน “ทางเลือก” อีกทางหนึ่ง อันเป็นบทกวีที่มีฉันทลักษณ์อย่างดื่มด่ำบ้างเท่านั้น

ผู้เขียน ขอย้ำคำว่า “ทางเลือกหนึ่ง”ที่เขียนไปในย่อหน้าก่อนหน้าว่า ผู้เขียนคาดหวังที่จะให้ผู้อ่านยุคใหม่ เปิดใจกว้าง และไขว่คว้าหาบทกวีแนวอื่น อันเป็นทางเลือกอื่นมาอ่านให้มากยิ่งขึ้น การยึดติดแต่เพียงทางใดทางหนึ่งนั้น ย่อมไม่อาจสร้างความแตกฉานแห่งปัญญาได้อย่างแน่นอน

ขอเปรียบเทียบบทกวีไร้ฉันทลักษณ์ที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ ก็เปรียบได้ดั่งภาพ Abstract หรือ Surrealism ที่ไร้รูปแบบ แต่ต้องการนำเสนอก้นบึ้งแห่งอารมณ์ ความรุ้สึกของจิตรกรอย่างแท้จริง และผู้ที่นิยมชมชอบภาพวาดนั้น ก็ชมชอบที่จะอิ่มเอิบกับภาพในยุค Classic หรือ Realism ที่มีการนำเสนออารมณ์ ความรู้สึก อย่างมีกรอบและแนวทางเช่นกัน  

กลัวว่าท่านผู้อ่านอาจจะไม่เห็นภาพ อยากจะพูดถึงอีกหนึ่งวงการ  นั่นคือวงการเพลง ยุคสมัยใหม่ซึ่งเราอาจจะชื่นชอบ เพลง Scar Reggae เพลง Rock หรือ Fusion Jazz ซึ่งอาจะมีความสอดคล้องด้านฉันทลักษณ์ลดน้อยลงไปเพื่อสื่ออารมร์ความรู้สึกอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับแนวทางของวรรณกรรรมนั้น ก็อย่าได้ลืมที่จะเหลียวแลมาฟังเพลง Classic Light music  Standard Jazz บ้าง เพราะเพลงเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นแม่แบบของเพลงยุคใหม่ ที่เป็น “ทางเลือก” ที่น่าลิ้มลองเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้ที่ต้องการนำเสนอมิได้ต้องการจะไปขัดแข้งขัดขาผู้ใดในวงการวรรณกรรมแต่อย่างใด แต่ต้องการอย่างจริงใจและจริงจัง ที่จะให้ผู้อ่านรุ่นใหม่ได้เปิดใจกว้างพยายามไขว่คว้าหาประสบการณ์ชีวิตในการอ่านบทกวีที่เปี่ยมล้นด้วยฉันทลักษณ์ดูบ้าง ในส่วนของผู้คนที่อยู่ในระดับส่งเสริมและคัดเลือกบทกวีที่จะได้รางวัล ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ท่านได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยกย่อง และให้รางวัลกับบทกวีซึ่งเปี่ยมล้นด้วยฉันทลักษณ์ให้ได้รับรางวัลบ้าง (แม้จะยากเต็มที่ก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอเปิดใจในช่วงท้ายนี้ว่า เคยมีผู้รู้ในวงการวรรณกรรม ปรารภกับผู้เขียนว่า บทกวีที่ขับเคลื่อนด้วยฉันทลักษณ์ จะไม่ตายไปจากวงการแน่นอน เพราะยังมีคนรุ่นใหม่ที่ยังสนใจที่จะเขียนอีกเป็นจำนวนมาก ซี่งมาถึงขณะนี้แล้ว ผู้เขียนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า คำพูดของผู้รู้นั้นจะเป็นจริงได้หรือไม่

เอาเป็นว่า หากซีไรท์มีการให้รางวัลกับบทกวีเปี่ยมล้นด้วยฉันทลักษณ์สักครั้งหนึ่ง ผู้เขียนคงได้เบาใจไปกว่านี้

จากคุณ : โลกทรรศน์2010
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 16:34:27




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com