|
ความคิดเห็นที่ 1 |
ส่วนในการที่ครูจีนแอบสอนหนังสือจีนนั้น เพราะคนจีนรุ่นก่อนอยากให้ลูกหลายพอรู้หนังสือจีนบ้าง แต่โรงเรียนในหาดใหญ่ที่เปิดสอนเป็นกิจลักษณะก็ไม่มี ถูกยุบไปเรียบร้อยโรงเรียนจีน กฎหมายเชย ๆ เกี่ยวกับการตั้งโรงเรียนสมัยจอมพล ส. คือ การเปิดเป็นโรงเรียนต้องมีนักเรียนห้าคนขึ้นไป และครูใหญ่ต้องเป็นคนไทยโดยกำเนิด บิดามารดาก็ต้องเป็นคนสัญชาติไทยโดยกำเนิด เรียกว่า ทำหมันกันตั้งแต่เริ่มต้นเลย เพราะยุคนั้นประชากรไทยก็จำนวนน้อย และยังท่องกันว่าประชากรไทย มีจำนวนไม่เกินสิบหกล้านคนเป็นต้น
ครูจีนของผมแกจบมาจากปีนัง และมาสอนที่โรงเรียนศรีนคร แต่พอโรงเรียนปิดกิจการ เลยต้องอาศัยลูกหลานและภริยาแก ช่วงประคับประคองให้แกพออยู่ได้ ให้พอมีกินมีใช้ตามอัตภาพ โดยใช้บ้านของครูจีนเป็นที่สอนหนังสือจีน
สมัยนั้นเป็นบ้านครูจีนค่อนข้างจะโดดเดี่ยว บริเวณด้านข้างขวามือบ้านก็เป็นหนองน้ำ ก่อนที่จะมีการถมที่ดินสร้างสมาคมและบ้านขายในปัจจุบัน ด้านซ้ายมือถัดไปก็เป็นทุ่งรกร้าง และถ้าเดินไปทางทิศใต้ก็เป็นสวนผักของคนจีน ที่เช่าที่ดินของชีกิมหยงปลูกผัก มีลักษณะเป็นเนินรูปหลังเต่า ถ้าเดินก็จะทะลุไปออกไดอาน่าปัจจุบัน หรือถนนศรีภูวนารถที่เป็นสองเลน ย้อนขึ้นไปทางรถไฟก่อนเดินกลับบ้านได้ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างไกลและลำบากพอสมควร ส่วนด้านหน้าบ้านแกก็มีต้นตะขบใหญ่ ผมเคยปีนเล่นเพื่อขึ้นไปเก็บกิน แต่ตกลงมาจุกเกือบตาย ส่วนตรงข้ามบ้านแกก็เป็นโรงเรียนศรีนคร สนามหญ้าก็รกร้างและน้ำมักจะท่วม เคยเห็นคนไปขุดได้ปลาไหลจำนวนมากในสนามหญ้าแห่งนี้
อาชีพครูจีนสมัยก่อนลำบากมาก นักเรียนก็น้อย รายได้ก็ต่ำ แทบไม่พอค่าครองชีพ เวลาสอนให้เด็กนักเรียนก็ต้องแอบ ๆ สอน พอเห็นว่าตำรวจเดินเฉียดผ่าน ก็ต้องรีบเอาหนังสือจีนไปหลบไปซ่อน แล้วก็เลิกการสอนโดยทันที หนังสือแบบเรียนภาษาจีนก็ต้องแอบ ๆ อ่าน หรือถือไปเรียนที่บ้านครูจีน ไม่กล้าถือแบบเปิดเผย
แต่ถ้าเดินผ่านหน้าบ้านกำนันวร แกก็รู้อยู่แล้วว่าจะไปเรียนหนังสือจีน แกมักจะบอกว่า ดี ตั้งใจเรียนด้วย เคยครั้งหนึ่ง ผ่านหน้าบ้านแก เห็นฝรั่งวางบนกระจาดจำนวนหลายลูก น่ากินมาก เลยถามแกว่า ขายอย่างไร แกบอกว่า ลูกละบาท เลยอิด ๆ ออด ๆ เพราะไม่ค่อยมีเงิน แต่อยากกิน แกถามว่า มากันกี่คน เลยบอกว่า มากันสามคน ผม พี่ชาย และน้องสาว แกเลยหยิบให้มาสี่ลูก แต่เก็บแค่บาทเดียว จำได้ว่า วันรุ่งขึ้นและหลังจากนั้นแกก็เลิกขายผลไม้ไปเลย น่าจะเป็นกิจการที่ต้องแจกจ่ายมากกว่าจะนำมาขาย หรือชาวบ้านมาขอกินฟรีมากกว่าจะขอซื้อไปกิน แกคงรำคาญหรือยุ่งยากนักก็เลยเลิกกิจการโดยปริยาย
เรื่องนี้จริง ๆ แล้วกำนันวร ก็รู้อยู่แล้วว่า มีการแอบสอนภาษาจีนในพื้นที่ของแก แต่แกก็ยอมรับความจริงว่า ครูจีนก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย แต่ทำในสิ่งที่กฎหมายไทยยุคนั้นไม่ชื่นชม แถมยังมีกฎหมายคอมมิวนิสต์ไว้ใช้ในมืออีก ถ้าแกอยากสร้างภาพหรือเอาผลงาน ก็สามารถจับส่งอำเภอหรือโรงพัก เอาผลงานการปราบคอมมิวนิสต์ก็ได้
เหมือนบางท้องที่ในเขตอำเภอสะเดา, นาทวี ที่คนกรีดยางหรือคนจีนในตลาด มักจะถูกจับข้อหาคอมมิวนิสต์จากการแจ้งของ พวกบรรดาผู้ช่วยเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มักจะเสนอเอาหน้าเอาผลงาน เหมือนทั่ว ๆ ไปที่ว่า เวลาเสนอหน้าเอาความดีความชอบเต็มสลอนไปหมด แต่พอถามหาความรับผิดชอบหนีหายกันไปหมด
ลูกน้องเพื่อนคนหนึ่งโดนจับไปขังฟรีสองปีกว่า แกมาเล่าให้ผมและเพื่อนฟังถึงเรื่องนี้ ทั้งที่แกก็ไม่รู้ประสีประสาเท่าไรนัก มีอาการกึ่ง ๆ ปัญญาอ่อน เลยสงสัยคนจับแกข้อหานี้ฉลาดกว่าแกนิดหน่อย
จริง ๆ แล้วถ้ากำนันวร จะจับครูจีนข้อหาคอมมิวนิสต์นี้แล้ว แกก็จะโดนเต็ม ๆ ข้อหาอยู่แล้ว เพราะบ้านครูจีนห่างจากบ้านกำนันวรไม่เกินร้อยเมตรเศษ หนังสือภาษาจีนก็มีอยู่เกือบเต็มบ้าน
แต่กำนันวร โดยพื้นฐาน จะเคารพยกย่องคนทำงานทำมาหากิน เกลียดพวกขี้เกียจสันหลังยาว และพวกลักเล็กขโมยน้อยมากที่สุด ในพื้นที่ของแกเลยมีพวกเหล่านี้น้อยถึงน้อยมาก ๆ เพราะอย่างว่า ถ้าจับได้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ไม่กระอักเลือดออกไป ก็ช้ำในไปหลายเดือน ส่วนมากพวกลักเล็กขโมยน้อยมักมาจากพื้นที่อื่น ประเภทไม่ดูตาม้าตาเรือ เลยถูกรุกฆาต เสียชาติเกิดไป
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 16:43:12
จากคุณ |
:
ravio
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ย. 53 15:03:35
|
|
|
|
|