ความคิดเห็นที่ 1 |
"แล้วข้าก็คิดว่าถ้าหากซีมาร์ตอยู่ในใจข้า ท่านไอดาเล่า เธอจะอยู่ไหม" หญิงสาวบอกเจวานกับเจ้าหญิงโมรา "เมื่อเช้ามืดข้าจึงไปค้นที่หอไอดา แต่เท่าที่พบดูเหมือนเราจะสร้างมิวส์ขึ้นมาเองไม่ได้ ต่อให้เขียนเป็นตัวละคร เธอก็อาจไม่อยู่ที่นั่น แต่ข้ายังไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไรนัก ถ้าหากจะศึกษาจริง ๆ คงต้องไปถามใครที่วิทยาลัยดู"
เรนานิ่งไปครู่หนึ่ง มองผู้ฟังที่กำลังสนใจว่าเธอจะนำบทสนทนาไปทางใด
"แต่เจ้าหญิงเพคะ ท่านเจวาน...ต่อจากนั้นข้าก็นึกได้ หากไม่อาจนำไอดามา แล้วท่านไซธีนเล่า...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าเขียนถึงท่านไซธีน เอชาน"
...
หลังจากนั้น เนื่องจากสิ่งที่เรนาเสนอมาออกจะพิสดารอยู่สักหน่อย จึงมีการประชุมวาระพิเศษที่ร้านเอชาน ก่อนจะไปร้าน เรนายังขี่มังกรไปหาพี่ชาย วิดามอรียังคงไม่ฟื้น เธอตายมาสองอาทิตย์ หากนับตามประวัติที่ผ่านมาก็นับว่านานมากเหมือนกัน ส่งผลให้พ่อมดจิตตกมืดมนเป็นกำลัง แต่ก็ยังอุตส่าห์ยอมตามไปที่ร้าน อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มย่อมไม่มีความประสงค์จะขึ้นหลังมังกรให้โรคกลัวความสูงของตนกำเริบ จึงบอกให้เรนาไปเลยได้ เขาจะใช้เวทมนตร์เอา
"มนตร์ใหญ่ ๆ ก็ใช้ได้แล้ว" พ่อมดบอก ถลกแขนเสื้อให้ดูสัญลักษณ์บนแขนตน มันก็ยังคงเหมือนรอยสักลวดลาย และเต็มแน่นตั้งแต่หลังมือไปจนถึงไหล่อยู่นั่นเอง ไม่มีความแตกต่างอะไรมากไปกว่าสีสันที่เพิ่มขึ้นพอสมควร เทย์บอกว่าสีพวกนี้แสดงให้เห็นว่าเขาใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้เต็มที่อย่างใจแล้ว
"จะสะกดจิตลูกค้าให้มาที่ร้านก็ได้ จะปั๊มเงินเถื่อนก็ได้ จะแอบดูยายวิดาอาบน้ำยังน่าจะได้เหมือนกัน เฮอะ เมื่อก่อนยายนั่นพลังมากกว่าข้าเพราะได้ปลดไปก่อน แต่ตอนนี้เท่ากันแล้ว ดูทีหรือว่าจะทำอะไรได้"
เรนาไม่ได้บอกพี่ชายว่าพี่วิดาคาดพฤติกรรมโฉดของเขาเอาไว้แล้ว และได้อัญเชิญปีศาจจากอเวจีมาเฝ้าห้องตัวเองเรียบร้อย เธอพนันกับโซลโทไว้ว่าพี่เทย์กับปีศาจสู้กันใครจะชนะ แน่นอนว่าท่านเจ้าของร้านลงข้างเทย์ ส่วนเรนาลงข้างปีศาจ ใครแพ้คนนั้นต้องทำตามที่อีกฝ่ายขอหนึ่งข้อด้วย
พวกเขาไปเจอกันที่ร้านเอชาน จากนั้นเรนาก็เล่าความคิดของเธอให้ฟัง หญิงสาวไม่แน่ใจเรื่องนี้นัก แต่คิดว่าน่าจะลองดูสักครั้ง หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่หากได้ขึ้นมาจริง ๆ ก็อาจจะเป็นผลดีไม่ใช่หรือ ท่านไซธีนย่อมเป็นคนที่รู้เรื่องทั้งหมดที่ตัวเองทำ
"นายไซธีนเป็นคนอันตราย" เจวานบอก "ถ้าหากจะหาคนเข้าไปจริง ๆ ควรเป็นคนมีความสามารถและทันเล่ห์เหลี่ยมของเขาด้วย"
"ข้าน่าจะหาคนอย่างนั้นได้" เจ้าหญิงตรัส "ที่จริง...เอนาเรเองก็เถอะ เขียนเรื่องอย่างนี้จะอันตรายไหม ข้าไม่ค่อยเข้าใจกลไกของเรื่องในใจเท่าไร แต่หากเป็นอันตรายควรให้คนอื่นเขียนแทน เอลาซก็ได้ หากคนที่เข้าไปจำเป็นต้องสนิทหรือเป็นญาติกัน ข้าจะเข้าไปในใจเอลาซเอง"
คนอื่น ๆ ฟังอย่างนั้นก็หันมาทางท่านชาย...ซึ่งถูกดึงตัวมาร่วมประชุมด้วยได้อย่างไรไม่ทราบ และกำลังเริ่มรู้สึกบัดซบแปลก ๆ เมื่อนึกภาพท่านน้าผู้ดุร้ายเข้าไปกระทืบไซธีน เอชานในใจตน
"ข้าคิดว่าไม่น่าจะได้นะขอรับ" โซลโทบอก "ก่อนนี้ที่เรนาเขียนและเล่าเรื่องลุงไซธีนกับท่านไอดาที่บ้านข้า ข้าคิดว่าเป็นเพราะเธอเป็นลูกหลานท่านไอดาเลยทำได้"
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองหาคนมาแล้วกัน ถ้าเป็นคนพลังกล้าแข็งมากก็น่าจะเข้าไปได้แม้ไม่ได้เป็นญาติหรือสนิทกัน" เจ้าหญิงสรุป "เอนาเร ให้คนอื่นเข้าไปในใจแบบนี้...เจ้ายอมได้ใช่ไหม"
"ได้ค่ะ ถ้าช่วยเจ้าหญิงกับท่านเจวานแล้วก็พี่วิดาได้ ข้าก็ไม่เป็นไรหรอก" หญิงสาวรับคำทันที
หลังจากนั้นเรนาจึงได้คุยกับเจวาน เธอบอกขอโทษเขาที่ทำให้วันนัดของเขากลายเป็นอย่างนี้ แต่ชายวัยกลางคนย่อมไม่มีปัญหา เจ้าหญิงโมรากับคนอื่น ๆ ก็อยู่ฟังด้วย เรนาคิดว่าเธอต้องรู้เรื่องไซธีนมากกว่านี้ จะได้เข้าใจเขาและเขียนออกมาได้อย่างมีตัวตนจริง ๆ ดังนั้นจึงต้องถามคำถามหลายอย่างกับเจวาน ผู้ช่วยร้านเอชานทำงานกับไซธีนมาถึงสิบปี ย่อมเป็นคนที่รู้จักอดีตเจ้าของร้านดีที่สุดแล้ว
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่ารู้จักเขาดีไหม" ชายวัยกลางคนบอกเมื่อเรนาพูดอย่างนั้น "เขาไม่ต้องการให้ใครเข้าใจตน"
แต่เจวานก็เล่า เขาบอกว่าตนมาถึงเมืองนี้และพบไซธีนได้อย่างไร ตลอดจนนิสัยใจคอของลุงโซลโทนั้นเป็นอย่างไรบ้าง นายไซธีนสนุก ตลก ชอบก่อเรื่อง ชอบตกเป็นเป้าสายตา เป็นจอมสร้างปัญญาและมักจะหัวเราะเวลาเจวานบ่นว่าต้องตามล้างตามเช็ดให้
"แต่คนในเมืองส่วนใหญ่ก็ชอบเขา หรือไม่อย่างนั้นก็ทึ่ง เห็นเป็นของน่าสนใจ" ผู้ช่วยร้านเอชานบอก "จะอย่างไรเขาก็หาเรื่องให้คนลือกันเล่นไม่เว้นแต่ละวันน่ะนะ"
"จริงหรือ" เจ้าหญิงเอ่ยขึ้น ครั้นเจวานเลิกคิ้วมองพระองค์อย่างไม่ใคร่เข้าใจ เจ้าหญิงจึงตรัสต่อ "ข้าคิดว่าไซธีนน่าตื่นเต้นก็จริง แต่มีบางอย่างที่ไม่ฝังใจ...เข้าใจไหม เขาน่าสนุกเวลาอยู่ตรงหน้า แต่ไม่ผูกพันกับใครสักคน ตอนนี้ทุกคนก็เกือบลืมเขาไปหมดแล้ว เว้นแต่อาจจะนึกได้นาน ๆ ครั้ง ข้าว่าถ้าโซลโทจากไปคนยังจะจำได้มากกว่าเสียอีก"
พอพระองค์ตรัสอย่างนั้น ทุกคนเลยหันไปมองโซลโทเสียหน่อยหนึ่ง ท่านเจ้าของร้านเจอชาวบ้านจ้องก็ทำตาปริบ ๆ ตอบ ส่งผลให้เทย์ถอนใจเฮ่อ เหลือกตามองเพดาน แต่คิดดูแล้วอาจจะจริงอย่างที่เจ้าหญิงตรัสก็ได้ ไซธีนอาจมีอัธยาศัยรู้จักพูดคุยเจรจา แต่เขาไม่ได้ให้น้ำใจใคร พอใจจะเป็นบุรุษปริศนาตลอดไป ผู้คนจำเขาได้เพียงในลักษณะภาพแบน ๆ ของชายชราที่ทำเรื่องประหลาดเท่านั้น แต่โซลโทไปเกี่ยวข้องกับชีวิตคนอื่น คนอื่นย่อมรู้จักว่าเขาเป็นใคร
"คนที่อยู่ถึงสิบปีแต่เหมือนเพิ่งมาเมื่อวาน ไม่คิดว่าแปลกและน่าเศร้าหรือ" เจ้าหญิงตรัสอีก "เพราะอย่างนั้นข้าถึงไม่อยากให้ท่านทำงานร้านนี้ได้อย่างไรเล่า เจวาน"
"ข้าไม่ได้รู้สึกว่าแย่หรือน่ากลัวอย่างนั้น เขาอาจจะแปลก แต่ก่อนทราบว่าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ ข้าก็รู้สึกว่าเขาดีกับข้า เขาให้งานนี้ ให้โมรา...ข้าหมายถึงที่เป็นมังกรน้ำน่ะนะ ปฏิบัติกับข้าเหมือนคนปรกติในเวลาที่ข้ารู้สึกว่าคงไม่มีวันใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ได้ บางทีที่ทำทั้งหมดนี้อาจจะมีเบื้องหลังอื่นแฝง แต่ข้าวก็เคยกินด้วยกัน เหล้าก็เคยดื่มด้วยกัน จนบัดนี้ข้ายังเห็นนายไซธีนเหมือนเป็นสองคน คนหนึ่งเป็นมายากรชั่วร้าย อีกคนเป็นนายไซธีนที่ทำงานด้วยกันสิบปี"
เจวานตอบคำถามของเรนาอีกหลายคำถาม หลังจากนั้นหญิงสาวก็คิดว่าเธอน่าจะเขียนอะไรได้ จึงบอกว่าจะลองเขียนดู หากมีอะไรจะเร่งมาถาม วันนี้คงต้องลางานอีกวัน ท่านตาคงโกรธน่าดู
แต่ตอนนี้โซลโทมาส่งคนรักขึ้นมังกร เจวานก็มาด้วย ท่ามกลางลมหนาวในลานมังกรเล็ก ๆ นั้น ชายวัยกลางคนมองชายหนุ่มช่วยหญิงสาวปีนขึ้นหลังดอกไม้น้อย เขาเงียบเหมือนลังเลไม่แน่ใจแน่ แต่ในที่สุดก็พูดออกมา
"ครั้งหนึ่งนายไซธีนเคยเมามาก...ไม่นานก่อนที่เขาจะหายไป" ผู้ช่วยร้านเอชานบอก "เขาถามข้าจำเขาได้ไหม จะจำเขาได้ไหม ถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง"
"ทำไมเขาจึงถามอย่างนั้นหรือขอรับ" โซลโทสนใจ
"ข้าไม่รู้ แต่ว่าตอนที่พยุงเขาไปนอนก็ผ่านกระจกบานนั้นในห้องท่าน เมื่อก่อนมันเป็นห้องเขา ดูเหมือนมันจะมีฤทธิ์อะไรเป็นพัก ๆ ...มันสะท้อนเงาข้าเป็นมังกร ตอนแรกข้าตกใจ เร่งดูว่าเขายังได้สติหรือเปล่า เห็นหรือเปล่า ...ข้าเห็นเขาลืมตาอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมาจนไม่ได้สติหรือทำเป็นไม่สนใจ ตอนนั้นเองข้าถึงเห็นว่าในกระจกไม่มีเงาของเขา ไม่มีเลย"
"ที่ตอนนั้นข้าเล่าไปว่าเขาลืมทุกอย่าง กำลังจะหายไป..." เรนาพึมพำ
"ก็อาจจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ตอนนั้นไม่ว่าเขาเมาหรือไม่เมา ข้าก็เห็นในตาในสีหน้าของเขามีความกลัว" เจวานมองไปข้างหน้า "นั่นแทบจะเป็นครั้งเดียวที่ข้าเห็นความรู้สึกจริง ๆ ของเขากระมัง"
...
เรนาไปเขียนหนังสือที่หอไอดา เธอวางกระดาษ ตั้งกระปุกหมึกไว้เรียบร้อยแล้วก็เริ่มจรดปากกา เมื่อแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจนักหรอกว่าต้องเขียนอะไร หรือเริ่มตรงไหน จึงเสียกระดาษไปหลายแผ่น แต่ตอนใดตอนหนึ่งเธอก็คิดถึงท่านตา เรนายังไม่รู้จักผู้คนมากมายนัก เธอจึงเข้าใจผู้คนโดยผ่านการเข้าใจคนรอบตัว
ท่านตาอาจจะเหมือนไซธีนนิดหน่อยละมัง มาจากครอบครัวบ้านแตกเหมือนกัน หลังจากยอมเล่าเรื่องเดิมของตนแล้ว ท่านตาก็เล่าอดีตให้เธอฟังบ้าง มันนานมาแล้ว นานจนบาดแผลไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ท่านตาก็จำแต่เรื่องที่ควรจำ แม่ของท่านตารักท่านตา และหลังจากความลำบากทั้งหลาย ชีวิตก็มีความสุขดี
แต่ไม่ว่าบิดาหรือมารดาของไซธีนล้วนไม่ต้องการด้วย เรนาเคยได้ยินว่าพวกลูกครึ่งภูตที่เกิดมาโดยไม่มีใครต้องการมักจะลำบาก เมื่อไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการเข้าในโลกไหน คนเหล่านั้นก็ท่องอยู่ระหว่างสองโลกตลอดกาล ไม่เหมือนบรรพบุรุษตระกูลเฮเบลที่เลือกจะเป็นมนุษย์ ได้รับการยอมรับเป็นมนุษย์โดยละทิ้งพลังภูตไป
เรนาไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มตรงไหน แต่เมื่อคิดว่าจะเขียนด้วยความรู้สึกอย่างนั้น เรื่องของเด็กชายที่ไม่มีใครต้องการจึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เด็กชายผู้มาจากปากคำของเจวาน จินตนาการของเธอ และความรู้สึกเกี่ยวกับอดีตของท่านตา เด็กชายผู้ตอนแรกอาจจะไม่ได้ซับซ้อนนัก เพียงแต่ขาดบางอย่างและต้องการ ทว่าหลังจากผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กชายก็ตระหนักว่าตนไม่ควรรออีกต่อไป เขาก็อาจจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนั้น ไม่เป็นเหยื่ออีกต่อไป
เรนาไม่เคยเขียนอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ปรกติถ้าหากไม่ใช่ต้นฉบับสุดยอดที่เธอพยายามขัดเกลาและถูกส่งคืนมาหลายครั้งฉบับนั้น หญิงสาวจะชอบเรื่องผจญภัยและเรื่องรักมากกว่า บางทีตัวละครก็มีความขัดแย้งในใจบ้าง เหมือนที่บางทีเธออยากทำให้ท่านตาพอใจ แต่ก็อยากตามใจตัวเองเช่นกัน ทว่าในที่สุดหญิงสาวก็ไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องปัญหาและด้านมืดของคนมากนัก ถึงอย่างนั้นเมื่อเขียนไปสมควร เรนาก็เริ่มเป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องราว ภาพในหัวไปเร็วจนเกือบไม่ทัน ชัดเจนจนแทบเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง ตอนนั้นเรนาไม่คิดหรอกว่าเป็นจินตนาการของเธอหรือเป็นผลจากอะไรลึกลับบางอย่างเหมือนที่บ้านโซลโทกันแน่ เธอก็เขียนไป...เขียนไป
เนิ่นนานหลังจากนั้นก็มีคนวางมือลงบนไหล่เธอเบา ๆ
"เรนา"
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก หันขวับกลับไป ทันเห็นโซลโทล้มโครมคาตาพอดี
"โซลโท เจ้าเป็นอะไร" เรนาถามหลังจากหายตกใจ มองเจ้าของร้านเอชานที่นอนตะแคงลงไปทั้งอย่างนั้น งุนงงยิ่งนัก ทว่าเมื่อไม่ได้รับคำตอบ หญิงสาวก็ชักตระหนก เธอคุกเข่าลงจับตัวโซลโท เขาแต่งตัวเหมือนเพิ่งไปส่งของมา ยังสะพายกระเป๋าใส่พัสดุและสวมชุดมังกรอยู่ ร่างใหญ่โตของโซลโทไม่ไหวติงแม้แต่น้อย ดวงตาปิดสนิทไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แม้เรนาเขย่าหลายครั้ง ร้องเรียกด้วยความร้อนใจ ชายหนุ่มก็ไม่ฟื้นขึ้นมา
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 53 08:02:17
จากคุณ |
:
ลวิตร์
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 53 22:01:41
|
|
|
|