Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
*************กลเม็ดเด็ดพรายรัก...ตอนที่ 4***************  

ตอนที่ 4

                   ตั้งแต่เวลาช่วงสี่โมงเย็น    ตามถนนหนทางที่แน่นเอี้ยดไปด้วยรถยนต์  แต่ละคันก็ต่างเร่งรีบเพื่อจะเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเอง...ไม่เว้นแม้แต่ผู้คน  ที่เบียดเสียดอยู่ตามป้ายรถเมล์ต่างก็ยืนรอบ้าง นั่งรอบ้าง  รอเพื่อจะขึ้นไปยืนแออัดอยู่บนรถเมล์ในแต่ละคัน

                   แต่สำหรับสบันงา...นับว่าเป็นความโชคดี  ที่ไม่ต้องฝ่าการจราจรติดขัดแบบนั้น เพราะการเดินทางของเธอเป็นไปอย่างสบาย  เมื่อเธอเลือกที่จะไปกลับด้วยรถไฟฟ้า  แค่สองป้ายรถไฟฟ้าเท่านั้น

                   เธอกลับมาถึงห้องเพียงครึ่งชั่วโมง   หลังออกจากออฟฟิศเมื่อตอนห้าโมงเย็น  กลับมา ถึงก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง  ทั้งชุดทงานอย่างนั้น   เพียงแต่ถอดเสื้อคลุมสีสดตัวนอกพาดไว้กับเก้าอี้  แล้วดึงชายเสื้อที่สอดอยู่ภายในกระโปรง...เธอนอนหลับตาเพียงคิดว่าจะพักสายตาเท่านั้น  แต่เมื่อหัวถึงหมอน  ก็ไม่รู้ตัวว่าม่อยหลับไปด้วยความเพลียตอนไหน

                   ทันทีที่ดวงความคิดกำลังเริ่มหลับใหล    ภาพของเข้มขาลก็ลอยล่องปรากฏ  มารบกวนจิตใจเธอแม้ในยามหลับ...

             ในมิติที่เธอกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น...เธอก็พบว่าตัวเองกำลังยืนกอดอกปั้นหน้าถมึนทึงอย่างที่ตัวเธอเองแน่ใจ  ว่าชาตินี้เธอยังไม่เคยตีหน้ายักษ์แบบนั้นกับใคร...และเมื่อเขาคนนั้นหันหน้ามา  เธอก็หยิบสิ่งของที่เธอคิดว่าใกล้มือที่สุด  มาเป็นอาวุธทำร้ายชายตรงหน้า  ทั้งแจกันดอกไม้  ทั้งกรอบรูป ทั้งกองนิตยสารที่วางทับซ้อนอยู่หลายเล่ม    ล้วนถูกเธอหยิบมันขึ้นมาขว้างใส่  ไปที่ลำตัวและใบหน้าของชายหนุ่ม  แม้มันจะถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง    เพราะสองมือของเขาที่ยกขึ้นมาปัดป้องตนเอง

                    สักประเดี๋ยว  ท่าทางโกรธเกรี้ยวสุดแสนจะบรรยายในตัวเธอ  ก็ยิ่งเพิ่มหนักขึ้นเมื่อชายคนนั้นเข้ามาประชิดร่างเธอไว้  และบีบข้อมือของเธอไว้ทั้งสองข้าง  เขากำไว้แน่นจนเธอยากที่จะแกะออก...และในที่สุดเธอก็หมดแรงที่จะโวยวาย ต่อต้าน

                    มีเพียงเสียงร้องไห้คร่ำครวญเป็นระยะ  สลับกับเสียงสะอื้น

                    สบันงากำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง  หัวคิ้วย่นเข้าหากันจนเป็นร่องลึกเรียงเป็นเส้น  เปลือกตายังปิดสนิทแต่คล้ายกำลังกดหัวตาลงหน่วงไว้ทั้งสองข้าง  มือทั้งสองข้างเผลอกำผ้าปูเตียงไว้แน่น  มีเหงื่อผุดเม็ดจนเปียกชื้น

                    แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัว  ผุดลุกขึ้นเมื่อภาพในฝัน      ระหว่างที่เธอกำลังอ่อนแรงเพราะชายคนนั้นกำลังนอนกดทับไปบนร่างของเธอ     จมูกโด่งคมสันกำลังไล้ไปที่ใบหน้าเรียวซีกข้างแก้ม  ริมฝีปากสากสั่นกำลังเลื่อนต่ำลงมาหยุด...หยุดอยู่ที่ริมฝีปากเธอ  จนเธอต้องเม้มปากสนิทก่อนจะกรีดร้องเสียงแผดลั่นไปทั่วสถานที่แห่งนั้น

                    สบันงากางสองมือตบกระพุ้งแก้มสลับไปมา  คล้ายเรียกสติ...ก่อนจะสำรวจร่างกายตนเองว่ายังอยู่ดี  ไม่มีสึกหรอ...

                    เธอใช้นิ้วมือลูบปากตัวเองไปมา...อย่างกับว่าภาพเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นจริง

                    นั่นเท่ากับว่าชายคนนั้นมาขโมยจูบแรกของเธอไป...แม้มันยังจะเป็นรอยจูบครึ่งๆกลางๆ...ถึงแม้มันจะเป็นแค่ภาพแห่งความฝันก็ตาม

                    อายุที่ยังคงเดินหน้าไม่หยุด...ซึ่งสวนทางกับเรื่อง ‘พรรค์นั้น’    สำหรับคนอ่อนประสบการณ์อย่างเธอ   ยังไม่เคยได้รับการเริ่มต้นจากชายใด...แต่จู่ๆก็เก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะ

                    มันช่างน่าขันยิ่งนัก...หรือว่าเธอกำลังหมกมุ่นเรื่องของเข้มขาลมากเกินไป

                    เมื่อนึกถึงชื่อเข้มขาล  หน้านั้นก็ลอยมาปรากฏเด่นชัด  มันเป็นใบหน้าเดียวกันกับผู้ชายในฝันเมื่อสักครู่  แม้มันจะเห็นเป็นรางๆ  แต่เธอก็จำมันได้ดี

                    สบันงาลุกขึ้นไปเปิดสวิตซ์ไฟนีออนกลางห้อง  ก็พบว่าหมอนหนุน  หมอนข้างสองสามใบรวมทั้งผ้านวมลงไปกองอยู่ที่พื้น...เธอจึงก้มตัวลงไปเก็บหมอนขึ้นมาปัดฝุ่นป้าบ ก่อนจะโยนไปไว้ที่เดิม...แล้วก็พบว่าหนังสือเล่มหนาปกแข็งสีน้ำตาลยับเยิน  ก็ลงไปกองรวมอยู่กับพื้นเช่นกัน

                     เหมือนมีมนต์สะกด  ให้เธอก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา  แล้วนั่งลงบนขอบเตียงด้านหนึ่ง  ก่อนจะพลิกเปิดเข้าไปด้านในอีกครั้ง...

              เธออ่านทวนชื่อหนังสือในหน้าแรก  แล้วทำท่าจะปิดหนังสือลง...แต่มือเธอก็เหมือนมีสวิตซ์เปิดเองโดยอัตโนมัติ...หน้าหนังสือพลิกไปยังหน้าถัดไป...เธอไล่สายตามายังข้อความข้างต้นว่า...กลเม็ดที่หนึ่ง...

                       แล้วก็ต้องตาค้างอยู่อย่างนั้น...นับหนึ่งถึงสิบในใจ...ก่อนจะพลิกกลับมาหน้าเดิมอีกรอบ  “มันอะไรกันเนี่ย...”  เธอเผลออุทานเกือบดัง

                       จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร  ในเมื่อหน้าหนังสือที่เธออ่านเมื่อวาน  ตรงบรรทัดรอยไข่ปลามันยังเป็นเพียงความว่างเปล่า...แต่ในตอนนี้ กลับปรากฏข้อความขึ้นใหม่สี่บรรทัด  ซึ่งข้อความนั้นสร้างความฉงนให้แก่เธอยิ่งนัก

                    ก็เพราะข้อความนั้นเป็นลายมือของเธอ...มันคล้ายลายมือของเธอมาก  แต่เธอก็มั่นใจว่าตั้งแต่เมื่อวานก่อนนอนจนถึงตอนนี้  เธอยังไม่มีโอกาสได้เขียนตัวหนังสือใดๆลงไปในเล่มอย่างแน่นอน  แต่ทำไมมันถึงปรากฏลายมือของเธอขึ้นได้

             ข้อความนั้นปรากฏว่า...

                วันนี้เป็นวันที่รู้สึกเหนื่อย...และมีเรื่องวุ่นวาย     เกิดขึ้นหลายอย่างตั้งแต่ได้พบหน้าเจ้านายคนใหม่...ทั้งการลาออกกะทันหันของคุณประสิทธิ์...ทั้งเรื่องราววุ่นวายที่รับฟังมาจากกิรดา...และยังต้องถูกเขม่นจากผู้หญิงที่ชื่อไคริกานั่นอีก...เพราะเขาคนเดียว...นายเสือยิ้มยาก

                 นี่เธอแอบไปเขียนบันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

                      เธอได้แต่เก็บความฉงนไว้ในใจ...แต่เมื่อไล่สายตาลงมายังข้อความล่างสุดที่พึ่งอ่านไว้เมื่อวาน  ประโยคคำถามนั้นกลับปรากฏคำตอบอยู่ใต้บรรทัดถัดมา

                      ‘เข้มขาล’

                    ชื่อนี้ตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว...ด้วยลายมือของเธอเอง

                       เธออ่านทวนประโยคคำถามอีกครั้ง  ก่อนจะมีเสียงชื่อเข้มขาลลอดมาเบาๆจากปากเธอ...ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า  ข้อความนั้นระบุชื่อนายเข้มขาลว่าเธอเลือกเป็นแฟนงั้นเหรอ?

                    ความสับสนระคนความประหลาดใจ...มันช่างยากเย็นเหลือเกิน  ที่เธอจะรวบรวมความคิดว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น

                    ในขณะที่ความงงงันยังสิงสู่อยู่ในดวงความคิดนั้น...ลมเบื้องนอกก็ม้วนตัวเบาๆพัดเข้ามาพาความเย็นยะเยียบผาดผ่านผิวหนังของเธอ  จนขนเกือบลุกไปทั่วตัว

                    ลมเย็นนั้นยังพัดพาหน้ากระดาษให้พลิกไปเองยังหน้าถัดไป...

กลเม็ดที่สอง:

          คุณคงได้คำตอบในใจแล้ว  ว่าใครที่คุณกำลังจะเลือกเข้ามาคบหาเป็นแฟน...คนๆนั้นจะเป็นที่จดจำแก่คุณ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์   ทั้งภายในและภายนอก...รวมไปถึงชื่อนั้นมักจะคอยวนเวียนอยู่รอบข้างคุณเสมอ   จนเรียกได้ว่าได้ยินทุกลมหายใจ...แม้กระทั่งเสียงของคนๆนั้นก็จะวนเวียน  อยู่ข้างหูคุณแทบจะตลอดเวลา...นั่นไม่ใช่จิตฟุ้งซ่านใดๆ...แต่ขอให้คุณจงเชื่อ  ว่าคนๆนั้นเป็นคนที่คุณกำลังเลือก...

                 คุณรู้จักอะไรในตัวคนนั้นบ้าง?

                 คุณจำเป็นต้องรู้เรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันของคนนั้น อาทิ ชอบสีอะไร...ชอบทานอะไร...เกิดวันที่เท่าไหร่...เป็นต้น

                 เรื่องง่ายๆเหล่านี้  คุณจงไปค้นหาคำตอบ...

                 มีสิ่งหนึ่งที่คุณควรรู้  ก็คือ...คนๆนั้นเขามีสถานะแบบใด?

                1.แต่งงานแล้ว    2.มีแฟนแล้ว   3.โสด

                ถ้าคนๆนั้นอยู่ในเกณฑ์ข้อ 1.คุณจงเลือกคนใหม่  แต่ถ้าอยู่ในเกณฑ์ข้อ2.และ3. นั่นหมายถึงทางสะดวก

                ข้อ3.คุณจะสามารถเดินหน้าในการจีบได้เต็มที่   แต่ถ้าเป็นข้อ2.คุณไม่ต้องวิตกกังวล  เพราะนั่นหมายถึงคุณยังมีโอกาส

              เมื่ออ่านจนจบบรรทัด  ช่องว่างเป็นจุดไข่ปลาก็ทอดยาวไว้หลายบรรทัด  ไม่ต่างไปจากหน้าแรก...แต่เสียงลมหายใจที่ยังคงทอดถอนอยู่นั้น     มันเกิดจากความไม่แน่ใจในตัวเองต่างหาก  ว่าเธอน่ะเหรอชอบผู้ชายคนนั้น

                       ความไม่แน่ใจยังคงกังขาอยู่อย่างนั้น  เมื่อเธอเหลือบมองไปยังกล่องๆหนึ่งที่วางไว้ข้างกระเป๋าสะพายบนโต๊ะคอมพ์

                       เธอควรจะช่วยกิรดาจริงๆน่ะเหรอ...

                      สบันงาวางหนือสือกลเม็ดเจ้าปัญหาลงข้างกาย  หลังจากพลิกเปิดไปมา  ก็พบว่าเหมือนเมื่อวานที่หน้าหนังสือถัดไปยังคงว่างเปล่า
และนึกทวนคำถามที่อยู่บรรทัดสุดท้ายในกลเม็ดที่สอง

              2.คุณจงใช้ใจสานสัมพันธ์เพื่อเรียนรู้สิ่งที่เขาเป็น   แล้วคุณจะได้วิธีการในการมัดใจคนๆนั้น?

                สบันงาทวนคำถามนั้นย้ำไปย้ำมา  แล้วนึกหงุดหงิดในคำถามที่อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบังคับ

                     ความคิดกำลังสับสนทั้งเรื่องลายมือตัวเองที่เป็นปริศนาคาใจ...ทั้งของในกล่องที่เป็นแผนการลับในใจ...ทุกๆเรื่องมีแต่เข้มขาลเข้ามาเกี่ยวพัน...

                     แล้วนี่เธอจะปรึกษาใครดีละเนี่ย...นอกจากปาลิตาเพื่อนรัก

                     คิดดังนั้น...มือข้างหนึ่งจึงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของปาลิตา  เพื่อโทรหา...แต่แล้วเสียงเพลงจากสายเรียกเข้าคุ้นหูของนักร้องบอยแบนด์เกาหลี  กำลังดังต่อเนื่องขึ้นอยู่ไม่ไกล

                     มันดังมาจากหน้าห้องของเธอเอง...ดังพร้อมๆกับเสียงเคาะประตูของคนที่เธอกำลังโทรหา

                     แค่คิดว่าจะโทร...เจ้าตัวก็โผล่หน้ามาเอง...ยิ่งกว่าดิลิเวอรี่ซะอีก

                     กำลังนึกคันปากอยากจะเมาท์กับเพื่อนสาวพอดี  แต่เมื่อเปิดประตูต้อนรับ...สีหน้าของปาลิตาที่ปรากฏ  ทำให้สบันงาถึงกับยืนอึ้งอยู่กับที่ และลืมเรื่องที่อยากเมาท์ในทันที

                     สบันงาคว้าข้อมือเพื่อนกึ่งลากกึ่งจูงเข้ามาในห้อง  แล้วปิดประตู  เมื่อหน้าตาสวยสะอาดสะอ้านของปาลิตา  เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลรินทั่วหน้า  มีรอยคราบดำของมาสคาร่ายาวเปรอะเปื้อนเป็นดวงจนหาเค้าความงามไม่เจอ

                    ไม่เพียงแต่หน้าตาที่ดูไม่ได้  เสียงที่ร้องอู้อี้อยู่ภายในลำคอก็ฟังไม่รู้เรื่อง  และเสียงนั้นค่อนข้างแหบพร่าเหมือนกับว่าร้องจนไม่มีเสียง

                     “เกิดอะไรขึ้นยายปุ๊กกี้...แกเล่าให้ชั้นฟังเลยนะ...ว่าใครทำอะไรแก”

                     สบันงาถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง...แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ  นอกจากเสียงร้องนั้นเหมือนจะดังขึ้น...ดังจนผู้ถามรู้สึกตกใจเสียยิ่งกว่า  ก่อนจะคว้าตัวเพื่อนสาวเข้ามาโอบกอดไว้

                      เวลาที่คนเรามีปัญหา...คนแรกที่เราจะนึกถึงก็คือเพื่อนที่สนิทที่สุด...ส่วนคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง มักจะตามมาทีหลังเสมอ...แล้วยิ่งปัญหาที่เกิดขึ้นของปาลิตาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับมารดา...ฉะนั้นคนที่เธอควรปรึกษาที่สุดในเวลานี้ ก็คือสบันงา

                      นานร่วมสิบนาที  ที่ปาลิตายังคงสะอื้นไม่หยุด  ก่อนที่เธอจะเปิดปากเล่าเรื่องราว

                      “มิ้นท์...แกต้องช่วยชั้นนะ...เพราะชั้นก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร”

                      “แกจะให้ชั้นช่วยอะไร  แกว่ามาเลย  ชั้นช่วยแกทุกเรื่อง” เธอพูดอย่างจริงใจ

                      ปาลิตาจ้องหน้าเพื่อนคล้ายไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้อย่างไร

                      “นี่แกจ้องชั้นอย่างนี้...แกไม่เชื่อชั้นเหรอ...จะให้ชั้นไปพะบู๊กับใคร ชั้นไม่กลัวอยู่แล้ว...แกบอกมาคำเดียว”  ผู้พูดวางท่านางเอกนักบู๊แบบในจอทีวี

                      ปาลิตาเรียบเรียงคำพูดก่อนจะสาธยายเรื่องราว  “แม่ชั้นจะให้ชั้นไปดูตัวกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้”

                    “โอ๊ย...ก็นึกว่าเรื่องอะไร...ก็แค่ดูตัว...แม่แกก็พาแกไปดูตัวมาไม่รู้กี่คนละ...แกก็ยื่นคำขาดแบบทุกครั้งก็สิ้นเรื่อง  ว่าไม่ชอบ...ชั้นก็ไม่เห็นแม่แกจะทำอะไรได้”

                     แม่ของปาลิตามักจะแนะนำลูกสาวกับคนในวงสังคมอยู่เรื่อยมา      ผู้ใหญ่คนก่อนๆก็มักจะเออออห่อหมกกันทุกครั้งร่ำไป...มันเป็นความเห็นของผู้ใหญ่แต่ละฝ่าย      โดยที่ไม่เคยถามความสมัครใจจากเจ้าตัวเลยสักครั้ง  

                     จะไม่ให้ปาลิตาตั้งแง่ได้อย่างไร...ในเมื่อผู้ชายที่มารดาคิดว่าดีและเหมาะสมสำหรับเธอ  มีเพียงเหตุผลเดียว ก็คือ ต้องรวย...รวย...รวย

                      และผู้ชายทุกคนที่ผ่านเข้ามาก็ดูจะมีจุดเด่น  อยู่ที่ความรวยอย่างเดียว...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ...ความรักสำหรับเธอ  ไม่ได้อยู่ที่ฐานะ  หรือว่าแค่หน้าตาเท่านั้น

                      ถ้าเธอไม่เลือกมาก  ป่านนี้ก็คงจะไม่ครองความเป็นโสดอยู่เป็นเพื่อนสบันงาหรอก

                      ‘แกจะเอายังไงกับชั้น  ชั้นหาผู้ชายมาให้แกเลือกตั้งไม่รู้กี่คน  แล้วอย่างแกลองมองดูตัวเองซิ  ว่าควรจะอยู่ในฐานะที่จะเลือกคนนู้นที คนนี้ทีได้เหรอ...อายุแกก็ไม่ใช่น้อยๆ  จะขึ้นเลขสามอยู่รอมร่อ  ไม่คิดจะลงจากคานมั่งรึไงยะ...ชั้นต้องเสียหน้ากับเพื่อนฝูงตั้งไม่รู้กี่หน  ที่แกหักหน้าชั้นทุกครั้ง’  คุณปัณนรีผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างหนัก ก่อนจะพูดต่อ

                       ‘แต่คราวนี้  ชั้นจะไม่ยอมแกเด็ดขาด  หัวเด็ดตีนขาดยังไงแกก็ต้องเลือกผู้ชายคนนี้แกต้องแต่งงานกับคนนี้’

                    คำพูดของคุณปัณนรีเข้มงวดและเด็ดขาดกว่าทุกครั้ง  ‘ถ้าแกไม่แต่งกับคนนี้  ต่อไปนี้ แกไม่ต้องเรียกชั้นว่าแม่อีกต่อไป’

                    นั่นเป็นคำขาดสุดท้าย  ก่อนที่คุณปัณนรีจะหันหลังให้ลูกสาว  แล้วเดินเข้าห้องตัวเองด้วยใบหน้าที่เรียกว่าโกรธอย่างเอาเป็นเอาตาย

                    ซึ่งก็ไม่ต่างกับผู้ที่ถูกบังคับ  ที่โกรธมารดาไม่แพ้กัน  แต่ในความโกรธนั้นกลับแฝงความรู้สึกน้อยใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

             จะไม่ให้ปาลิตารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจได้อย่างไร  ในเมื่อลูกสาวคนเล็กอย่างเธอ  เคยเป็นคนที่ทั้งพ่อและแม่ต่างเอาอกเอาใจและโอ๋เป็นพิเศษ  ไม่เคยขัดใจมาตั้งแต่เป็นเด็ก เพราะเธอเป็นเด็กเรียนตัวยง  ที่ผลการเรียนเป็นที่หนึ่งมาตลอด  ตั้งแต่ประถมศึกษายันจบปริญญาตรี  ก็ยังได้เกียรตินิยมอันดับสองมาไว้ครอบครอง

                      เรื่องการเรียนมันยังบังคับกันได้...แต่เรื่องของความรักนี่สิมันบังคับกันไม่ได้

                      แต่เหตุผลของคุณปัณนรีก็มีเสียมากมาย...ไม่ว่าจะตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของคุณอลงกรณ์      บิดาของผู้ชายคนนั้น...รวมถึงตำแหน่งนายกสมาคมสารพัดสมาคมที่คุณหญิงทอรุ้ง  มารดาของผู้ชายคนนั้น  ที่เหมือนมันค้ำคอคุณปัณนรีจนไม่สามารถปฏิเสธได้

                    เรื่องของลาภยศสรรเสริญ  เรื่องตำแหน่งใดๆ  นั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอ

                    “แกก็ลองไปดูตัวเค้าก่อนก็ได้นี่นา...บางทีเค้าอาจจะเป็นผู้ชายที่ตรงสเป็ก  แบบที่แกต้องการก็ได้นะ”  สบันงาพูดหวังให้เพื่อนสบายใจ

                    “แต่ชั้นไม่ชอบวิธีการแบบนี้...ชั้นไม่ชอบให้ใครมาบังคับ”  น้ำเสียงยังคงขุ่นมัว

                    “ทีพี่ปองอายุมากกว่าชั้นตั้งสองปี  จนป่านนี้ยังไม่เคยพาแฟนเข้าบ้าน  แม่ยังไม่เห็นบังคับให้เค้าแต่งงานมั่ง”

                    “แล้วแกไม่ถามแม่แกล่ะ...ว่าทำไมไม่ให้พี่ปองเค้าแต่งงานก่อน”

                    “ถามแล้วย่ะ”

                    “แล้วแม่แกว่ายังไง”

                    “เค้าบอกว่าผู้ชายจะแต่งงาน  ควรมีอายุสักสามสิบห้า  ให้มีความเป็นผู้ใหญ่  มีการมีงานมั่นคง...แต่ผู้หญิงอย่าให้เกินสามสิบ  ไม่งั้นจะไม่ทันการ”

                     สบันงาขมวดคิ้วกับคำว่าไม่ทันการ

                    “หมายความว่าไงยะ...ยายปุ๊กกี้...ที่แม่แกบอกว่าไม่ทันการ”

                    “ก็เค้ากลัวว่าพอเลยสามสิบไปแล้ว  มันจะลงจากคานยากน่ะสิ”

                    ทั้งปาลิตาและสบันงาต่างจ้องตากัน  เมื่อคำว่าขึ้นคานมันแว้บขึ้นมา

                    “ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน”  สบันงาแอบถาม  “ชั้นรู้จักหรือเปล่า”

                    “ชั้นก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร  เพราะแม่ชั้นนัดทานข้าวกับครอบครัวเค้า  ในวันเสาร์นี้”

                    “เค้าชื่ออะไรล่ะ...เผื่อเราลองหาข้อมูลของเค้าดูก่อน”

                    สบันงาทำเหมือนจะสืบเรื่องราวของชายหนุ่มแทนปาลิตา  ทั้งๆที่เรื่องวุ่นวายคอยรบกวนจิตใจตัวเองก็มีไม่น้อย

                    “ชั้นก็จำไม่ได้ล่ะ...คลับคล้ายคลับคลาว่าชื่ออะไรน้า...”

                    ในระหว่างที่ปาลิตากำลังนึกชื่อ  ของผู้ชายที่มารดาหมายจับให้มาเป็นคู่นั้น  สบันงาก็ลุกขึ้นเดินลงไปนั่งอยู่หน้าคอมพ์  แล้วกดสวิตซ์เปิดเครื่อง...เมื่อเครื่องโหลดหน้าจอเสร็จ  ไม่รอช้ามือเรียวยาวก็กดตัวอักษรบนแป้นพิมพ์...เซิร์ชหาข้อมูลของชื่อผู้ชายคนนั้นทันที

                      “อ๋อ...ชั้นนึกออกแล้ว...เค้าชื่อ ระกากล บันลือรักษ์...ชื่อเล่นว่านายไก่”

                    “ตายละ...แม่คุณ...บอกไม่สนใจเค้า  แต่จำได้แม่นยำทั้งชื่อทั้งนามสกุลเลยนะยะ”

                    สบันงาแอบแขวะเพื่อน...ก่อนจะหันกลับมาดูชื่อกับนามสกุลที่พิมพ์ลงไป

                    เธอแอบย่นหัวคิ้วเข้าหากัน  เมื่อนามสกุลของนายไก่คนนี้  ดันไปตรงกับนามสกุลของเข้มขาล เจ้านายคนใหม่ของเธอ

            ไม่ทันที่ความสงสัยจะผ่านออกมาเป็นคำถาม  เธอก็ได้คำตอบปรากฏบนหน้าจอคอมพ์  เมื่อคลิกเข้าไปดูหน้าข่าวที่ลงข้อมูลและรูปภาพของชายคนนั้น

                    ในภาพสามภาพ...ภาพแรกเป็นภาพที่ระกากลยืนถ่ายคู่กับบิดามารดา  เพราะมีข้อมูลบรรยายไว้ใต้ภาพ...ส่วนภาพที่สองเป็นภาพที่ชายหนุ่มถ่ายรูปคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง...คล้ายกับภาพนั้น   เป็นภาพที่นักข่าวกอซซิปแอบถ่ายไว้  จึงเห็นภาพที่ไม่ค่อยชัดนัก  มีเพียงคำบรรยายแค่ว่าเขาถ่ายรูปคู่กับคนรัก  ไม่ได้ระบุชื่อว่าผู้หญิงในภาพนั้นเป็นใคร

                     เมื่อเปิดแค่ภาพที่สองสบันงาก็ขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก  เพราะเธอกำลังรู้สึกว่าเคยเห็นผู้หญิงในภาพนั้นที่ไหน...แน่นอนล่ะ...ว่าเธอจะจำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้...เพราะภาพมันมัว

                     แต่สบันงาก็หมดความสนใจกับภาพที่สองไปชั่วคราว  เมื่อพบว่าภาพที่สามนั้นเป็นรูปคู่ของนายระกากล  กับเข้มขาล เจ้านายของเธอนั่นเอง

                     ความสงสัยที่ว่า  ทำไมถึงนามสกุล บันลือรักษ์...เธอได้รับคำตอบด้วยประโยคในเนื้อข่าวนั้นเอง  ว่าคนทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

              ทำไมนะ...แค่เวลาเพียงสองวันหลังจากได้หนังสือปกหนาสีน้ำตาลเล่มนั้นมา  ชื่อของนายเข้มขาล  ก็คอยจะเวียนวนอยู่ข้างหูตลอดเวลา  ภาพของนายเข้มขาลก็มักจะปรากฏ  ให้เธอต้องพบเห็นทั้งยามหลับและยามตื่น

                       “แกรู้จักเค้าเหรอยายมิ้นท์...ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นผี”

                       สบันงาหันขวับ...จ้องตาเพื่อนสนิทอย่างไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...ทำให้นึกถึงเรื่องที่อยากจะเมาท์จนต้องกดโทรศัพท์หาปาลิตา

                       “ว่ายังไงล่ะยายมิ้นท์...ตกลงแกรู้จักคนไหนกัน”

                       “ชั้นรู้จักนายคนนี้...เขาชื่อเข้มขาล...เจ้านายของชั้นเอง”  สบันงาชี้นิ้วไปที่ภาพของชายหนุ่มที่ใส่สูทสีเข้ม  ยืนยิ้มปั้นหน้าเจ้าเล่ห์จนเห็นฟันกระต่ายชัดเจน

.........................................

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9689239/W9689239.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9693232/W9693232.html

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9699607/W9699607.html

แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 53 08:32:24

จากคุณ : บุรามฉัตร
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 17:33:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com