ตำนานรักผาแดง - นางไอ่...ตอนที่ ๒
|
|
ตอนที่ ๑ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9737302/W9737302.html#1
☼.....กาลเวลาล่วงไปไม่ผกผัน ต่างดับขันธ์ไม่อยู่คงตามสงสาร ตายแล้วเกิดเกิดแล้วตายล้วนวายปราณ ในวัฏฏะสงสารที่ผันวน
ต่างสร้างบาปสร้างบุญหนุนชีวิต กรรมตามติดต่อไปตามให้ผล เมื่อกรรมชั่วที่ทำตามมาดล แม้เป็นคนก็ทุกข์ไร้สุขใจ
แม้กรรมดีทำไว้ไม่หายสูญ คอยเกื้อกูลตามสนองให้ผ่องใส เมื่อกำเนิดเกิดมีในที่ใด ชีวิตไซร้ย่อมสุขทุกคืนวัน
แต่ต่างคนต่างใจให้สรรสร้าง ทำบุญบ้างบาปก็ทำไปตามฉันท์ เมื่อบุญบาปให้ผลบันดลพลัน สุขก็มีทุกข์ก็ดันเปลี่ยนผันแนว
คนทั้งสามผูกจิตอดีตชาติ เป็นบุพเพสันนิวาสไม่คลาดแคล้ว กรรมเคยทำตามตลอดไม่จอดแจว จึงไม่แคล้วได้ประสบมาพบพาน
ในกาลนั้นยังมีชติตา นคราเลิศล้ำตามคำขาน บ้างเรียกเอกะทีตามานมนาน คนโบราณเรียกแผกแตกต่างคำ
บ้างก็เรียกชทิตามหานคร เกียรติขจรชูเชิดว่าเลิศล้ำ ประชาชนอยู่ดีมีงานทำ คนคลาคล่ำทั่วไปในธานี
อยู่ในยุคขอมเฟื่องเรืองอำนาจ เอกราชยิ่งใหญ่ในแดนนี้ เจ้าครองเมืองเรืองเดชเขตธานี ประชาชีทูลเกล้าเจ้าพระยา
ศรีเชียงเชิดจอมเมืองผู้เรืองเดช ครองอาเขตราษฎร์รักเป็นนักหนา มเหสีทรงนามนางจามปา ให้กำเนิดธิดาโสภาองค์
เป็นคำหอมกำเนิดมาเกิดใหม่ ทรงวิไลนุ่มนวลชวนลุ่มหลง นามไอ่คำอินทร์ถวิลปิ่นเผ่าพงศ์ ปิตุรงค์รักหวงดั่งดวงตา
มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งน้ำผึ้ง งามประหนึ่งนางสวรรค์บนชั้นฟ้า เลื่องระบือลือไปไตรโลกา ทั้งมนุษย์เทวานาคาครุฑ
ต่างอยากยลโฉมพิไลนางไอ่คำ ที่งามล้ำเหนือใครในมนุษย์ เจ้าพระยาธานีไม่มีบุตร มีนงนุชบุตรีนี้เพียงองค์
ทรงทะนุทรงถนอมทรงกล่อมเลี้ยง ระวังเพียงไข่ในหินจินต์ประสงค์ จัดสร้างวังส่วนตัวรั้วมั่นคง จัดปลูกดงพฤกษานานาพันธ์
มวลมาลีชูดอกออกดาษดื่น หอมระรื่นรอบรั้วทั่วเขตขัณฑ์ สารพัดบุษบาวิลาวัณย์ ชื่อวังนั้นการะเกดเขตบุรี
อันน้ำหอมหากปิดสนิทมั่น ยังกักกันกลิ่นได้ไม่ไหลหนี แต่ความงามธิดาเจ้าธานี แม้จักมีวังส่วนตัวกลัวแพร่งพราย
แต่ไม่อาจปิดไว้ได้นานทน ประชาชนยังระบือเลื่องลือหลาย ความวิไลไอ่คำจึงกำจาย บรรดาชายต่างใฝ่เห็นเป็นบุญตา
กล่าวถึงพรานใจกล้าก็มาเกิด ถือกำเนิดองอาจวาสนา ได้ดำรงวงศ์กษัตริย์ขัตติยา พระฉายาผาแดงท้าวเจ้าไผท
ได้ครองเมืองผาโพงอันทรงศรี ตั้งอยู่ที่ลุ่มน้ำโขงน่าหลงใหล ยังไม่มีชายามาคู่ใจ พระทรงไชยเอกองค์ทรงรูปงาม
กระแสเสียงร่ำลือชื่อไอ่คำ ที่งามล้ำลือไปในโลกสาม ถึงผาโพงแผ่กระจายขยายความ ว่านงรามงามล้ำสุดจำนรรจ์
ด้วยบุพเพกตาแต่คราโน้น ดุจดั่งโดนมนต์เสน่ห์เล่ห์สวรรค์ ท้าวผาแดงยินคำร่ำลือกัน พระองค์พลันซึมเซ่อจิตเหม่อลอย
เคยเกรียงไกรลือนามสนามรบ กลับมาซบซึมเซื่องนั่งเงื่องหงอย ละเมอหาไอ่คำพร่ำเลื่อนลอย เจ้าเนื้อกลอยจะสะคราญสักปานใด
จะขอยลวงพักตร์เพียงสักนิด ให้ดวงจิตหม่นหมองพลันผ่องใส กษัตริย์หนุ่มรุ่มร้อนดุจฟอนไฟ สุมดวงใจเร่าร้อนถอนฤดี
ตัดสินใจลาเหย้าขึ้นเจ้าสาม อาชางามตัวกล้าสง่าศรี ร่างสมส่วนสีประดู่คู่ชีวี แล้วรีบรี่มุ่งตรงลงใต้มา
มุ่งเป้าหมายชทิตามหานคร หาบังอรร้อยเล่ห์เสน่หา หวังได้พบประสบพักตร์เพียงสักครา กัลยาไอ่องค์คงไมตรี
☼.....ณ ราตรีเดือนเรียวดุจเคียวเด่น ดาราเย็นกระจ่างฟ้าสง่าศรี หน้าต่างวังการะเกดเขตบุรี ยอดนารีไอ่องค์ทรงเหม่อลอย
ยลดาราฟ้าผ่องกลับหมองจิต เฝ้าครุ่นคิดจิตใจให้เหงาหงอย นึกถึงรูปงามเหลือของเนื้อกลอย กลัวจะพลอยเป็นเรื่องขัดเคืองกัน
ในอดีตเคยมีที่เป็นเรื่อง ที่ขุ่นเคืองยื้อแย่งเข้าแข่งขัน เกิดสงครามเข่นฆ่าท้าประจัญ เข้าโรมรันเลือดกองนองปฐพี
อยากรีบมีคู่เรียงร่วมเคียงหมอน นึกอ้อนวอนเทพองค์ผู้ทรงศรี ทรงคันศรแผลงมาเป็นมาลี ช่วยลูกทีให้ประสบได้พบพาน
หากชายชาติขัตติยามาขอรัก จะไม่พักเล่นองค์ทรงสนาน จะขอรับทันใดไม่รอนาน ใครกล่าวขานว่าไม่งามก็ตามใจ
เพื่อป้องกันปัญหาอาจมาถึง หญิงเพียงหนึ่งหากยื้อยุดสุดแก้ไข จึงตั้งความหวังว่าถ้ามีใคร มาขอรักจักให้ไม่เล่นองค์
มองดวงดาวดาษดื่นในคืนเปลี่ยว ชมเดือนเรียวไม่แจ่มจิตพิศวง จนดึกดื่นเข้ามาหลับตาลง นวลอนงค์กระสับกระส่ายไม่คลายแคลน
☼.....รุ่งอรุณเบิกตาฟ้าสว่าง เหล่านกกาจากรังดังแห่แหน หาเสบียงเลี้ยงตัวทั่วเขตแดน ไม่ขาดแคลนป่าดงคงสมบูรณ์
ชนชาวเมืองตื่นนอนแต่ก่อนเช้า เตรียมหุงข้าวเตรียมแรงก่อนแสงสูรย์ แล้วทำมาหาเติมทรัพย์เพิ่มพูน ทั้งเกื้อกูลมีน้ำใจให้แก่กัน
พากันเดินขวักไขว่ไปตามทาง ค้าขายบ้างซื้อก็ได้ตามใจฉันท์ กิจวัตรเคยเห็นเช่นทุกวัน แต่วันนี้สำคัญกว่าผ่านมา
ด้วยเมืองชทิตามหานคร ได้รับต้อนแขกเมืองเรืองยศฐา ซึ่งคือท้าวผาแดงแรงฤทธา ทรงอาชามาแต่ไกลหวังไมตรี
เข้าเมืองมาทางทวารด้านอุดร ตั้งแต่ตอนฟ้าสีทองอันผ่องศรี รีบเดินทางด้วยอาชาทั้งราตรี เพราะลุ่มหลงนารีที่เลื่องลือ
ทรงได้นำเครื่องราชบรรณาการ ถวายท่านราชาน่านับถือ เป็นธรรมเนียมเยี่ยมยามตามร่ำลือ ที่ยึดถือกันมาโขแต่โบราณ
เพื่อสมัครรักใคร่มีไมตรี อันเป็นราชประเพณีที่สืบสาน ข่าวผาแดงนำเครื่องราชบรรณาการ เพียงมินานก็รู้ถึงหูนวล
นางสนมกรมในได้ส่งข่าว ธิดาสาวพราวเสน่ห์จิตเหหวน ดั่งมีมนต์แรงฤทธิ์ดลจิตนวล ให้รัญจวนหฤทัยอยากได้ยล
ดุจมีไฟร้อนรุ่มมาสุมอก ตื่นตระหนกหวั่นไหวใจสับสน อยากเห็นหน้าราชันในบันดล นฤมลรีบออกไปในทันที
ชวนสนมคู่ใจไปด้วยกัน แอบมองผ่านม่านทองอันผ่องศรี หวังเห็นหน้าผาแดงแรงฤทธี ว่าจะมีรูปทรงองค์เช่นไร
พระยาขอมจอมกษัตริย์จัดต้อนรับ ยินดีนับไมตรีดีไฉน รับเครื่องราชผาแดงไม่แคลงใจ สนทนาปราศรัยด้วยไมตรี
กษัตริย์หนุ่มทูลเกล้ากับเจ้าบ้าน พร้อมนงคราญจอมเสน่ห์มเหสี ของราชาพระยาขอมจอมบุรี ด้วยไมตรีเกี่ยวดองทั้งสองเมือง
แต่จิตใจผาแดงผู้แรงฤทธิ์ อยากเชยพิศพักตร์พธูผู้ลือเลื่อง จึงสอดส่ายสายตาท่าชำเลือง แต่ก็กลัวขัดเคืองเบื้องยุคล
ส่ายสายตาจนพบประสบพาน ตาประสานหวั่นไหวใจสับสน เจ้าไอ่คำก็ตะลึงอึงกมล จิตพิกลรัญจวนปั่นป่วนพลัน
ดั่งองค์พระกามเทพผู้เหน็บศร บุษปกรจากฟ้ามาเสกสรร แผลงธนูดอกไม้ปักใจพลัน ต่างไหวหวั่นพรั่นพรึงตะลึงตน
กาลเวลาประดุจหยุดคล้อยเคลื่อน ดั่งดาวเดือนตะวันค้างกลางเวหน ราวหยุดลมหายใจในบันดล ทั้งสองคนตะลึงเซ่อเหม่อลอยองค์
อันว่าองค์ราชินีศรีโสภา พระจามปาเคียงข้างดุจนางหงส์ เคียงคู่เจ้าศรีเชียงเชิดประเสริฐองค์ พระอนงค์พอใจในเหตุการณ์
ด้วยชื่นชมผาแดงผู้แรงเดช ทอดพระเนตรเห็นงามตามคำขาน ทั้งทรงทราบสามารถอาจการงาน ปกครองบ้านครองเมืองจนเลื่องลือ
ทอดพระเนตรกิริยาราชาหนุ่ม ดูนวลนุ่มแต่แกร่งกล้าน่านับถือ คิดในใจหทัยมั่นหมายปั้นมือ อยากจะยื้อเกี่ยวดองหมายปองกัน
ทรงเห็นเหตุพรั่นพรึงตะลึงแล ผู้เป็นแม่ยินดีมีสุขสันต์ แอบสะกิดพระหัตถ์ขวาสามีพลัน ว่าดูนั่นเสด็จพี่มีอะไร
สองพระองค์ทราบเรื่องไม่เคืองจิต กลับยิ่งคิดตรงกันนั่นไฉน คิดว่าลูกผูกพันรักกันไป คงสดใสทั้งสองเมืองเลื่องลือนาน
มเหสีพิสุทธิ์ถึงหลุดโอษฐ์ ว่าทรงโปรดเสียจังหวังสืบสาน เห็นเหมาะสมกันยิ่งดุจกิ่งกาญจน์ เกี่ยวประสานใบหยกคู่ชูฤดี
พระยาขอมเพลินใจได้สติ จึงดำริตรัสถามตามวิถี ท่านอุตส่าห์เดินทางกลางราตรี ถึงที่นี่เพราะเหตุอาเพศใด
ท้าวผาแดงสะดุ้งตื่นฝืนประหม่า ตอบแก้เก้อไปว่าตัวข้าไซร้ เป็นผู้น้อยรุ่งเรืองอยู่เมืองไกล หวังรับใช้จอมเมืองเบื้องยุคล
จะขอฝากชีวีอันมียศ เป็นโอรสต่างเมืองไซร้ไม่สับสน กับพระองค์เหนือเกล้าเจ้ากมล โปรดทรงดลความเห็นให้เป็นจริง
พระยาขอมพอใจในคำตรัส จึงดำรัสมอบหมายให้ลูกหญิง เป็นธุระราชาอย่าประวิง ให้องค์หญิงต้อนรับประทับใจ
จงดูแลขับสู้อยู่เจ็ดวัน เป็นสำคัญยิ่งนักอย่าผลักไส คอยแนะนำราวเรื่องประเทืองใจ สิ่งใดใดอย่าขาดตกบกพร่องเลย
ครั้นทั้งสองใกล้ชิดสนิทกัน ความสัมพันธ์ชายหญิงไม่นิ่งเฉย เป็นความรักท่วมใจไร้เปรียบเปรย ต่างเปิดเผยความนัยของใจกัน
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งผูกรักสลักจิต สองชีวิตรักจริงเป็นมิ่งขวัญ ต่างเอ่ยออกวาจาสัญญากัน จะรักมั่นจวบวันตายวายชีวี
ทั้งสัญญาเอ่ยคำจะนำเรื่อง ที่รักเรืองผุดผ่องของเรานี้ ทูลถวายราชาขอมจอมธานี หลังเสร็จงานประเพณีที่จะมา
ซึ่งเป็นบุญบั้งไฟอันใหญ่ยิ่ง งานทุกสิ่งครบครันชวนหรรษา เมื่อเสร็จงานยิ่งใหญ่วิไลตา จะขอแม่ขวัญตาเป็นราชินี
เมื่ออยู่ครบเจ็ดราตรีที่กำหนด ต่างสลดทุกข์ใจไร้สุขี ผาแดงจำต้องพรากจากนารี ดวงฤดีหนุ่มสาวเฝ้าอาวรณ์
โอ้ไอ่คำคนดีพี่ลากลับ เจ้าคอยนับวันเรียงร่วมเคียงหมอน รักของเราคงมั่นไม่สั่นคลอน ไม่ต้องวอนเทพไท้ให้ช่วยดล
บุญบั้งไฟคราวนี้พี่มาแน่ ด้วยรักแม่นวลปรางอย่างเหลือล้น เจ้าไอ่คำนวลอนงค์จงอดทน ยอดกมลของพี่หนอจงรอคอย
หลังจากนั้นเข้าไปลาพระยาขอม ผู้เป็นจอมชาวเมืองอย่างเงื่องหงอย ด้วยอาลัยไม่อยากจากเนื้อกลอย จึงเศร้าสร้อยลาลับกลับเมืองมา
☼.....จักกล่าวถึงนคราแห่งบาดาล เป็นสถานฟูเฟื่องเรืองยศฐา ที่พำนักสถิตอยู่หมู่นาคา เจ้าพญานาคีศรีสุทโธ
เป็นราชานาคีผู้มีเดช ครองอาเขตล่วงกาลมานานโข อันเวียงวังครบถ้วนล้วนใหญ่โต โอฬาโรล้วนเป็นทิพย์ระยิบไป
ศรีสุทโธมีบุตรสุดที่รัก ผู้ทรงศักดิ์ซุกซนปนอ่อนไหว ชื่อภังคีรูปงามถูกตามใจ พ่อแม่ไซร้รักหวงดั่งดวงตา
คือบุญโปงที่เป็นใบ้ได้ไปเกิด ถือกำเนิดนาคีมียศฐา ด้วยผลกรรมที่สร้างแต่ปางมา เจ้านาคาภังคีหนุ่มกลุ้มใจจริง
ด้วยยินข่าวสรรพางค์นางไอ่คำ ว่างามล้ำใครใครเห็นเป็นยอดหญิง ต่างรับรองนงรามว่างามจริง หวังแอบอิงเนื้อทองผ่องอำไพ
นึกรุ่มร้อนดุจไฟไหม้อุระ อยากที่จะแอบแลแม่เนื้อใส ไม่เป็นอันจดจำทำอะไร กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับองค์
ให้บังเกิดมโนภาพซาบซึ้งจิต เป็นนิมิตรูปทรามวัยให้ใหลหลง แม้มิเคยประสบพบอนงค์ จิตลุ่มหลงสิเหน่หาเฝ้าอาวรณ์
จึงทูลขอมารดาบิดานาค ว่าลูกอยากพิศพวงดวงสมร ใจของลูกว้าวุ่นครุ่นนิวรณ์ ให้เร่าร้อนอยากเห็นเป็นบุญตา
ได้ยินชื่อทรามวัยนางไอ่คำ ว่างามล้ำสุปรีย์มียศฐา ลูกขอไปยลพักตร์ลักขณา แล้วจะมาบาดาลไม่นานไป
ภังคีขอไม่บรรลุอนุญาต เธอไม่อาจรวนเรเถลไถล ถูกทัดทานจากแม่พ่อก็จำใจ เจ้าจึงได้แต่รุ่มร้อนถอนอุรา
โดยทั้งสองสอนให้ไตร่ตรองเหตุ จะอาเพศแปลกไปไฉนหนา อันมนุษย์ไม่อาจอยู่คู่นาคา กรรมสร้างมาจงรู้ใช่คู่กัน
เอาเถิดหนาพ่อจะหานางนาคี ที่โสภีพริ้งเพริศงามเฉิดฉันท์ มวลหมู่นางนาคาวิลาวัณย์ มีอนันต์นานาในบาดาล
ส่วนภังคีนิดเดียวไม่เหลียวแล ทรงมีแต่นิ่งองค์น่าสงสาร แม้นางนาคมากมวลล้วนสะคราญ เจ้าเมินเฉยมองผ่านรำคาญใจ
ด้วยความรักเร้ารุมเป็นลุ่มหลง จิตมั่นคงผูกพันไม่หวั่นไหว ฝันอิงแอบนวลปรางไว้กลางใจ แม้มิได้เคยพบประสบเจอ
เฝ้าฝันใฝ่ใจลอยคอยคิดถึง สักวันหนึ่งคงพบนางหวังเสมอ มั่นใจนักสักเวลาต้องมาเจอ พบหน้าเธอยอดสตรีที่เลื่องลือ
............<มีต่อ>
จากคุณ |
:
นิราลัย
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ก.ย. 53 14:31:51
|
|
|
|