Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไม่มีชื่อเรื่องค่ะ...นึกไม่ออก  

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ.จักวาลอันกว้างใหญ่ ยังมีดวงอาทิตย์สีแดงสดใส ผู้ซึ่งมีอำนาจครอบคลุมดวงดาวทั้งหลายในอวกาศ ทุกวันดวงอาทิตย์จะเดินทางไปตามทางช้างเผือกเพื่อมอบความอบอุ่นให้กับหมู่ดาวทั้งหลาย มันปฏิบัติกับดวงดาวทุกดวงที่มันเดินผ่านอย่างสุภาพ ร่าเริง จนกระทั่งดาวทุกดวงในอวกาศต่างตกหลุมรักดวงอาทิตย์ไปตามๆกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีดาวดวงใดได้รับความจริงใจจากดวงอาทิตย์เลยแม้แต่ดวงเดียว...และดาวฤกษ์น้อยก็เช่นเดียวกัน

เมื่อก่อนดาวฤกษ์น้อยเป็นเพียงดวงดาวดวงเล็กๆริมขอบจักรวาล มันไม่มีเพื่อน ดาวฤกษ์น้อยต้องมีชีวิตลำพังท่ามกลางความมืดมิดและเหน็บหนาว ทุกครั้งที่ลมพัดผ่าน ดาวฤกษ์น้อยจะรู้สึกกลัว กลัวในสิ่งที่มันมองไม่เห็น ความเดียวดายและความมืดมิดทำให้ดาวฤกษ์น้อยท้อแท้ เหนื่อยล้า สิ่งเดียวที่ทำให้ดาวฤกษ์น้อยยังคงมีชีวิตอยู่คือ “ความหวัง” หวังว่าสักวันจะมีดาวสักดวงเดินทางผ่านมาและพบกับดาวฤกษ์น้อย หวังว่าดาวดวงนั้นจะมาขจัดความเงียบงันนี้ให้ผ่านไป หวังว่าดาวซักดวงจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของดาวฤกษ์น้อยให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น ดาวฤกษ์น้อยมีพลังอยู่ด้วยความหวังอันน้อยนิด

กระทั่งวันหนึ่ง ดวงอาทิตย์ได้เพลิดเพลินกับการมอบความอบอุ่นแก่ดาวน้อยใหญ่ทั้งหลายจนหลงทางเข้ามาสุดขอบจักรวาล ดวงอาทิตย์พยายามมองหาหมู่ดาวบริวารทั้งหลายแต่ก็ไม่พบ มันเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย สุดขอบจักรวาลแห่งนี้มีเพียงความมืดมิดและสายลมอันเย็นเยียบ ดวงอาทิตย์ไม่ชอบที่นี่แม้แต่นิดเดียว มันอยากกลับไปยังกาแล็คซี่ของมัน กลับไปยังท่ามกลางความลุ่มหลงของหมู่ดาวทั้งหลาย เพียงดวงอาทิตย์มองแสงสว่างและความอบอุ่นอันน้อยนิดของมันให้แก่หมู่ดาว ดาวเหล่านั้นก็หงรักมัน ยอมเป็นบริวารของมันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ดวงอาทิตย์นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ขณะเดียวกันนั้นเอง ดวงอาทิตย์ได้เหลือบไปเห็นดาวฤกษ์น้อยผู้เดียวดายอยู่ริมสุดของจักรวาล ดวงอาทิตย์ไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปทักทาย พร้อมมอบความอบอุ่นให้แก่ดาวฤกษ์น้อย
“สวัสดี ดาวฤกษ์น้อย” ดวงอาทิตย์ทักทายอย่างสุภาพและร่าเริง
“สวัสดี” ดาวฤกษ์น้อยตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดความหวังของมันก็เป็นจริง ในที่สุดก็มีดาวดวงหนึ่งเดินเข้ามาขจัดความเงียบเหงาออกไป ดาวฤกษ์น้อยแทบลืมว่านานกี่ปีแสงแล้วที่มันได้พูดคุยกับกลุ่มดาวที่เดินหลงทางผ่านมา

“เราคือดวงอาทิตย์ เราเดินหลงทางผ่านมาทางนี้ ดาวฤกษ์น้อยช่วยบอกทางกลับบ้านให้เราได้หรือไม่” ดวงอาทิตย์ยิ้ม รอยยิ้มของดวงอาทิตย์ช่างมีเสน่ห์จนดาวฤกษ์น้อยลุ่มหลงในร้อยยิ้มนั้น
“เอ่อ...” ดาวฤกษ์น้อยขวยเขิน มันรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนจากดวงอาทิตย์ “แล้วที่อยู่ของท่านอยู่แห่งใดเล่า”
“บ้านของเราอยู่ที่กาแล็คซี่ทางช้างเผือก ดาวฤกษ์น้อยรู้จักหรือไม่”
“อ๋อ รู้จักสิ เพียงท่านหันหน้าไปทางทิศเหนือ พยายามมองหากลุ่มดาวที่เรียงตัวกันเป็นทางยาวรูปวงรี ท่านก็จะพบกับกาแล็คซี่ของท่าน” ดาวฤกษ์น้อยตอบอย่างร่าเริง ซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ขอบคุณเจ้ามาก แล้วเหตุใดดาวฤกษ์น้อยผู้น่ารักเช่นเจ้าจึงได้เดียวดายอยู่สุดขอบจักรวาลเช่นนี้” ดวงอาทิตย์ถาม ในใจนึกอยากได้ดาวฤกษ์น้อยไปเป็นบริวารอีกผู้หนึ่ง
“เราเกิดที่นี่ เกิดจากฝุ่นละอองเล็กๆที่ลมพัดผ่านมา”
“เจ้าช่างน่าสงสาร เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าช่วยบอกทางกลับบ้านให้แก่เรา เราจะมอบความอบอุ่นและแสงสว่างให้แก่เจ้า เราจะเดินทางมามอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้าทุกวัน ดีหรือไม่” ดวงอาทิตย์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณท่านมาก ดวงอาทิตย์ แสงสว่างของท่านทำให้เราดูงดงามและสดใสยิ่งขึ้น” ดาวฤกษ์น้อยรับเอาแสงสว่างและความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์มาด้วยความปีติ

หลังจากนั้นดวงอาทิตย์ก็เดินทางมาหาดาวฤกษ์น้อยทุกวัน พร้อมนำความอบอุ่นมาด้วยเสมอ ดวงอาทิตย์จะนั่งคุยกับดาวฤกษ์น้อยเป็นเวลาพอสมควร ไม่น้อยเกินไป แต่ก็ไม่มากเกินไปเช่นกัน ดาวฤกษ์น้อยหลงรักความอบอุ่นของดวงอาทิตย์มากขึ้นทุกวัน ทุกวัน และทุกวัน ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์เป็นเหมือนดั่งแสงสว่างที่เข้ามาขับไล่ความเยียบเย็นของสายลม เป็นเหมือนกองไฟในวันที่เหน็บหนาว เป็นดั่งผู้ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตที่ขาดหาย ทุกครั้งที่ดาวฤกษ์น้อยลืมตาตื่นขึ้นมา มันจะพบดวงอาทิตย์อยู่ไกลลิบและกำลังเดินทางมาหามัน ดาวฤกษ์น้อยหลังรักดวงอาทิตย์จนหมดหัวใจ
วันหนึ่ง ดวงอาทิตย์ได้เดินทางมาหาดาฤกษ์น้อยตามปกติ แต่คราวนี้มันมาด้วยจุดประสงค์พิเศษ มันอยากเดินทางมารับดาวฤกษ์น้อยไปอยู่ที่กาแล็คซี่ทางช้างเผือกด้วยกัน เพราะการที่มันเดินทางมายังขอบจักรวาลทุกวันนั้นช่างแสนเหนื่อยและเสียเวลา
“ดาวฤกษ์น้อย เจ้าจะเดินทางไปยังกาแล็คซี่ทางช้างเผือกกับเราหรือไม่” ดวงอาทิตย์ไม่อ้อมค้อม
“เหตุใดท่านจึงถามเราเช่นนี้” ดาวฤกษ์ใจเต้น ไม่คิดว่าดวงอาทิตย์จะมารับตนไปอยู่ด้วย
“เพราะเราต้องการให้ดาวฤกษ์น้อยอยู่ใกล้ๆเรา เราจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลให้เหนื่อย... เอ้ย ดาวฤกษ์น้อยจะได้ไม้องรอคอยเราให้เหนื่อย และเราจะได้พบกับเจ้าได้บ่อยตามที่เจ้าต้องการ”
เมื่อดาวฤกษ์น้อยได้ยินดังนั้นก็สุดแสนดีใจ ไม่คิดว่าดาวดวงเล็กๆสุดขอบจักรวาลอย่างมันจะมีดวงอาทิตย์คอยเป็นห่วงเป็นใย และสนใจดาวดวงเล็กๆเช่นมัน ดาวดวงน้อยที่ไม่มีแสดงสว่างในตัวเองกลับมีคุณค่าและงดงามได้เพราะความหวังดีจากดวงอาทิตย์
“ในเมื่อเราตัดสินใจมอบความรักให้แก่ท่าน เราก็พร้อมที่จะไปกับท่าน” ดาวฤกษ์น้อยตอบอย่างเขินอาย
ดวงอาทิตย์ผายมืออันอบอุ่นไปยังดาฤกษ์น้อย รอยยิ้มที่มีเสน่ห์และความดีของดวงอาทิตย์ทำให้ดาวฤกษ์น้อยยอมมอบความรักให้หมดทั้งใจ ยินยอมที่จะเป็นบริวารของดวงอาทิตย์โดยไม่มีข้อแย้ง

เมื่อเดินทางมาถึงการแล็คซี่ทางช้างเผือก ดาฤกษ์น้อยพบกับหมู่ดาวร้อยพันที่รายล้อมดวงอาทิตย์ ดาวเหล่านั้นมีแสงสว่างและความอบอุ่นไม่ต่างจากดาวฤกษ์น้อยมี และสายตาของหมู่ดาวเหล่านั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
“นี่คงเป็นบริวารดวงใหม่ของดวงอาทิตย์สินะ ดวงเล็กนิดเดียวไม่สง่างามเอาเสียเลย” ดาวดวงหนึ่งกระซิบกระซาบกับเพื่อนขณะดวงอาทิตย์กับดาวฤกษ์น้อยเดินผ่าน
“นี่คือบริวารของท่านทั้งหมดอย่างนั้นหรือ” ดาวฤกษ์น้อยรั้งมือดวงอาทิตย์ไว้
“ใช่ และเจ้าก็คือดาวบริวารดวงใหม่ของเรา” ดวงอาทิตย์กล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นปกติราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ท่านปฏิบัติกับดาวเหล่านี้เหมือนปฏิบัติกับเราหรือไม่”
“ใช่ เราปฏิบัติกับบริวารของเราทุกดวงไม่ต่างกัน รวมถึงเจ้าด้วย” ดวงอาทิตย์แสดงความงุนงงเมื่อดาวฤกษ์น้อยถามเช่นนี้
“เรานึกว่าท่านจะปฏิบัติเช่นนี้กับเราเพียงผู้เดียวเท่านั้น” ดาวฤกษ์น้อยเสียงสั่น ความเชื่อใจในตัวดวงอาทิตย์สูญสิ้น
“ฮ่าๆๆๆ เราจะปฏิบัติกับดาวฤกษ์น้อยอย่างเจ้าเพียงผู้เดียวได้อย่างไร ในเมื่อดวงดาวนับล้านก็ล้วนลุ่มหลงและใฝ่หาในความอบอุ่นของเรา แม้แต่ดวงจันทร์ผู้เลอโฉมก็ยังต้องการแสงสว่างจากเรา” ดวงอาทิตย์มองดูดาวฤกษ์น้อยแต่ยังคงยิ้มร่าเริงเช่นเดิม ต่างจากดาวดวงน้อยตรงหน้าที่อยากจะแตกสลายไปให้ได้ในเวลานี้ “ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงแม้เราจะมีบริวารมากมายแต่เราก็จะมอบความอบอุ่นและแสงสว่างแก่เจ้าเช่นเดิม จะไม่น้อยลงแต่อย่างใด”
“เรามิได้ต้องการแสงสว่างอันน้อยนิดจากท่าน เรารู้ว่าแสงสว่างและความอบอุ่นของท่านนั้นเป็นนิรันด์ แต่สิ่งที่เราต้องการคือความจริงใจ คือความรัก เมื่อเรามอบหัวใจ มองความรกให้แก่ท่าน ยอมเป็นบริวารของท่าน แล้วสิ่งที่ท่านมอบให้กับเรานอกจากแสงสว่างคือสิ่งใด บางทีเราอาจมิได้ต้องการแสงสว่างและความอบอุ่นจากท่าน แต่สิ่งที่เราต้องการคือความรัก ความจริงใจจากท่านต่างหาก... ซึ่งท่านเองก็คงให้เราไม่ได้” ดาวฤกษ์น้อยพยายามพูดด้วยความยากเย็น
“อยู่ที่นี่เป็นบริวารของเราเถิดดาวฤกษ์น้อย ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังต้องการแสงสว่างจากเราอยู่มิใช่หรือ อยู่เป็นบริวารของเรา เราสัญญาว่าเราจะมอบแสงสว่างให้แก่เจ้าตลอดไป” ดวงอาทิตย์พูดราวท่องจำ เพราะมันพูดประโยคนี้บ่อยเหลือเกินและบริวารของมันส่วนใหญ่มักยอมจำนนให้กับคำพูดของมัน

แต่ดาวฤกษ์น้อยต่างจากบริวารทั้งหลายของมัน

“ไม่ เราไม่ต้องการเป็นเพียงบริวารดวงเล็กในหมู่ดาวบริวารนับแสนนับล้านของท่าน” ดาวฤกษ์น้อยกล่าวเด็ดเดี่ยว หากมันยอมเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ สักวันดาวดวงเล็กๆอย่างมันคงถูกดวงอาทิตย์เพิกเฉยอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นมันคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ หากตัดใจในตอนนี้คงจะดีกว่า “ลาก่อน ดวงอาทิตย์ สักวันเราคงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความอบอุ่นและแสงสว่างจากท่าน วันหนึ่งเราจะมีแสงสว่างในตัวเอง เราจะงดงามด้วยตัวของเราเอง” กล่าวจบดาวฤกษ์น้อยก็เดินจากดวงอาทิตย์ไปด้วยความเสียใจ สูญสิ้นแม้ดวงใจที่มอบให้ดวงอาทิตย์ไปด้วยความซื่อสัตย์ ขณะที่ดาวฤกษ์น้อยเดินจากไป ฝุ่นละอองที่อยู่ในตัวของมันก็ค่อยๆหลุดออกจากตัวไปทีละน้อย หยดน้ำตาแห่งความเสียใจได้พรั่งพรูออกมาผสมกับเศษฝุ่นละอองที่หลุดออกไปกลายเป็นประกายเล็กๆที่ไร้ผู้มองเห็น สสารที่มีประกายน้อยนิดนั้นกลับค่อยๆรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แต่มันก็เล็กเกินกว่าจะมองเห็นอยู่ดี...
สามล้านปีแสงต่อมา หมู่ดาวในจักรวาลต่างร่ำลือถึงดาวดวงหนึ่งที่มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดาวดวงนั้นมีชื่อว่า ‘ดาวฤกษ์’

บริวารของดวงอาทิตย์กลุ่มหนึ่งได้เอาใจออกห่างจากดวงอาทิตย์ เนื่องจากผู้ซึ่งเป็นดั่งดวงใจของมันนั้นละเลยไม่ให้ความเอาใจใส่ อาจเป็นเพราะบริวารของดวงอาทิตย์มีมากเกินไปจนดวงอาทิตย์ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นดาวกลุ่มนั้นจึงพยายามค้นหาแสงสว่างในตัวเอง ในที่สุดมันก็ค้นพบและเรียกตัวเองว่า ‘ดาวฤกษ์’ ตามชื่อของดาวฤกษ์น้อย ผู้ค้นพบแสงสว่างในตัวเองเป็นดวงแรก

เพียงเวลาไม่นาน บริวารของดวงอาทิตย์ก็ลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย ดาวน้อยใหญ่หลายล้านดวงเอาใจออกห่างจากดวงอาทิตย์จนหมดสิ้น เหลือบริวารผู้ซื้อสัตย์เพียง 9 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน และดาวพลูโต ดาวทั้ง 9 ดวงนี้เป็นดาวที่มอบความภักดีให้แก่ดวงอาทิตย์จนหมดหัวใจ ไม่สามารถขาดความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ได้ จึงยอมเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ตลอดไป ความลุ่มหลงในตัวดวงอาทิตย์ของดาวทั้ง 9 ไม่มีวันสูญสลาย พวกมันไม่คิดค้นหาแสงสว่างในตัวเองด้วยซ้ำไป เพียงได้รับส่วนแบ่งเล็กน้อยจากใจดวงอาทิตย์พวกมันก็มีความสุขเหลือหลาย ด้วยเหตุนี้เหล่าดาวฤกษ์จึงเรียกกลุ่มดาวบริวารทั้ง 9 ของดวงอาทิตย์ว่า “ดาวเคราะห์” ซึ่งเป็นชื่อเรียกย่อๆมาจากคำว่า “ดาวบริวารผู้เคราะห์ร้ายของดวงอาทิตย์” นั่งเอง



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

... เราทุกคนมีแสงสว่างในตัวเอง อย่ามองข้ามแสงสว่างของตนเพียงเพราะสิ่งเล็กน้อยในชีวิตบดบังตา

 
 

จากคุณ : อศิธารา
เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 16:01:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com