ความคิดเห็นที่ 1 |
ทว่ายังไม่ต้องรอพิสูจน์ถึงกลางวัน ปรางระวีก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้างเมื่อพบคนที่เธอข้องใจมาตลอดกำลังโบกมือให้หย็อยๆ ด้วยหน้าตายิ้มแป้นโลกสดใสแต่เช้า
ปรางระวีเหยียบเข้ามาภายในอาคารสำนักงานตามปกติ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่มาทำงานภายในตึกแห่งนี้ แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอดังลั่นจนเธอหันขวับเพื่อหาที่มา แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้เธอไม่คาดคิดจริงๆ ร่างสูงใหญ่นั่นอยู่เบื้องหลังเคาท์เตอร์ที่มีโลโก้ร้านกาแฟสีชมพูเฉิดฉาย กำลังง่วนกับเครื่องคิดเลขแต่ยังมีแก่ใจจะมองเห็นเธอ ขนาบด้วยผู้หญิงอีกสองคน คนหนึ่งก็กำลังยุ่งกับเครื่องชงกาแฟ ส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งอายุน้อยกว่ามากกำลังวุ่นวายกับเครื่องปั่นมือเป็นระวิง ร่างบางกระชับกระเป๋าสะพายข้างของตนเองแล้วรีบเดินก้าวไปหา พยายามไม่สนใจลูกค้าคนอื่นๆ ซึ่งกำลังเข้าคิวที่มองมาอย่างสนใจใคร่รู้
พี่กุ๊ก?
ปรางทำงานอยู่ตึกนี้หรือครับ ชายหนุ่มถามอย่างแจ่มใส ในขณะที่มือกำลังเขียนตัวหนังสือไว้แล้ววางลงกับเคาท์เตอร์ ลาเต้ ปั่น วิปให้ด้วย
หญิงสาวหันไปมองเห็นผู้หญิงที่กำลังชงกาแฟเมื่อครู่รับแก้วนั้นมาแล้วจัดการตักเมล็ดกาแฟบดลงแก้วสำหรับชง พลางเอ่ยถาม
พี่กุ๊กเปิดร้านกาแฟที่นี่หรือคะ
ปกติไม่ค่อยอยู่หรอก นานๆ ทีจะเข้ามาที่ร้าน ชายหนุ่มว่าพลางเอ่ยถามลูกค้าซึ่งฝ่ายนั้นก็มองงงๆ บอกมา ชายหนุ่มก็จัดการทวนคำสั่งอย่างรวดเร็ว หยิบแก้วแล้วเขียนคำสั่งลงไป รู้ว่าปรางทำงานแถวนี้เพราะเจอที่ร้านข้าวบ่อยๆ แต่ไม่คิดว่าปรางจะทำงานที่ตึกนี้ บังเอิญดี
งั้นก็คนเดียวกันน่ะสิ!
ปรางระวีแทบครางออกมาอย่างเหลือเชื่อ มองชายหนุ่มที่วางแก้วลงแล้วหันมาถามลูกค้าคนต่อไป หญิงสาวเหลือบมองไปยังเบื้องหลัง เห็นคิวสั่งกาแฟยาวเหยียดเกือบสิบคน เธอจึงเอ่ยอย่างรวดเร็ว
เดี๋ยวไว้ค่อยคุยก็แล้วกันนะคะ พี่กุ๊กกำลังยุ่งอยู่
เดี๋ยวๆ แป๊บหนึ่ง ชายหนุ่มรีบยกมือห้ามก่อนจะเขียนลงแก้วแล้วส่งต่อให้ผู้หญิงด้านหลังอีกครั้ง พี่จะฝากคูปองกับโบรชัวร์สำหรับสั่งนอกสถานที่ให้ไปแจกในออฟฟิศปรางหน่อย ได้ไหม
ปรางระวีชะงัก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจียรนัยเอ่ยปากสั่งผู้หญิงด้านหลังให้นำมาให้เขา แค่แวบเดียวคูปองหนึ่งปึกเล็กกับโบรชัวร์สีชมพูหวานก็มาอยู่ในมือเขา
อันนี้โปรโมชั่นของเดือนนี้ ฝากโฆษณาให้พี่ด้วย ชายหนุ่มยื่นให้เธอ ก่อนจะกระดิกนิ้วเป็นสัญญาณให้เธอเข้าใกล้มากกว่านี้ หญิงสาวก็เลยยอมกระเถิบเข้ามาใกล้ๆ แบบงงๆ ชายหนุ่มกระซิบถามอย่างรวดเร็ว ปรางชอบกาแฟอะไร ให้เป็นค่าจ้าง
ปรางระวีกระพริบตาในขณะที่ลูกค้าซึ่งกำลังเข้าคิวต่างก็มองมาเช่นกัน หญิงสาวจึงรีบโบกมือปฏิเสธเพราะเกรงใจสายตาเหล่านั้น
ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ลูกค้าพี่ยังเยอะอยู่ หญิงสาวรีบรับมาแล้วทำท่าจะเผ่น ทว่าเจียรนัยยังคงไม่ยอมปล่อยกระดาษปึกนั้น ทำหน้าขรึมแต่ดวงตาเต้นริกๆ ให้เห็นว่ากำลังแกล้ง
ถ้าปรางมีน้ำใจไม่อยากได้กาแฟเป็นของแลกแบบนี้ เดี๋ยวปรางจะได้หัวใจพี่ไปดูแลเล่นแทนหรอก
มุขแซวเน่าๆ อย่างนี้ พี่ขาวชัวร์!
ปรางระวีหน้าแดง เจียรนัยเลยจัดการหันไปบอกลูกค้าที่กำลังรออยู่ ซึ่งเป็นชายหนุ่มร่างหนาคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มกริ่มท่าทางเป็นคนอารมณ์ดี
เดี๋ยวขอผมทำคะแนนก่อนนะครับ ขออภัยในความไม่สะดวก
หญิงสาวเหลือบตาคล้ายจะมองค้อน อย่าคิดว่าเล่นได้คนเดียวนะ เธอก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
พี่กุ๊กเป็นเพื่อนนาดาลหรือคะ
???
เจียรนัยกระพริบตาปล่อยมือที่ยื้อแผ่นพับทันที แล้วหันไปมองตากับลูกค้าซึ่งกำลังรออยู่ ซึ่งอีกฝ่ายก็มองปรางระวีด้วยท่าทางงงๆ อยู่เหมือนกัน
หรือจะหลอกด่าว่าเขา หน้าด้าน? หน้าดำ? หรืออะไรหว่า
แสดงว่าไม่ได้ดูเทนนิสเมื่อคืนนี้ นาดาลตีกับเฟดเดอเรอไงคะ เห็นพี่กุ๊กบอกว่าเก็บคะแนน ปรางก็เลยถามพี่ว่าพี่เป็นเพื่อนกับนาดาลหรือเปล่า
ชายหนุ่มอ้าปากค้างกับมุขที่คาดไม่ถึงของสาวเจ้า ลูกค้าซึ่งยืนฟังอยู่กระแอมไอเบาๆ คล้ายจะกลั้นหัวเราะ เขาเอ่ยถามปรางระวีอย่างสงสัย
เอ่อ...เฟดเดอเรอไม่ได้หรือครับ เขาก็มือหนึ่งเหมือนกันนะ
แข่งเมื่อวานคอร์ทดินค่ะ ใครก็สู้นาดาลไม่ได้หรอก ปรางระวีตอบหน้าตาเฉยพลางหันไปยิ้มหวานหยดย้อยให้กับเจียรนัยซึ่งทำหน้าประหนึ่งโดนกระสุนยิงเข้าที่กลางลำไส้ กระอักเลือดอยู่
ลูกค้าเยอะแล้ว ปรางไปก่อนก็แล้วกันนะคะพี่กุ๊ก
แล้วปรางระวีก็แกล้งเดินท่าเก๋ไก๋อย่างให้รู้ว่าแกล้งออกมาจากร้านกาแฟซึ่งคนกำลังเข้าคิวอยู่ ใบหน้านวลแดงเรื่อเมื่อเห็นว่าลูกค้าหลายคนที่เข้าคิวอยู่มองมาอย่างสงสัยในขณะที่คนโดนปล่อยกระสุนใส่นั่นยืนค้างก่อนจะเริ่มหัวเราะจนร่างใหญ่สะเทือนไปหมด
ชายหนุ่มเห็นเธอถือกองโบรชัวร์ที่เขายัดเยียดให้อย่างตั้งใจ ที่จริงก็เห็นหรอกว่าเธอคงอายเหมือนกัน ใบหน้านวลนั่นแดงเรื่ออย่างน่ามอง แต่ก็มีน้ำใจพอที่จะช่วยเหลือเขาโดยไม่หวังของตอบแทนใดๆ
ปรางระวี...ผู้หญิงคนนี้สวยพอฟัดพอเหวี่ยงกับบรรดาสาวๆ ที่เขาเคยคบมา แต่รายนี้ แต่นิสัยแปลกดี แปลกกว่าที่เขาเคยเจอมาทั้งหมดเลย
======================================================
ร่างบางเร่งฝีเท้าเดินตัวปลิวเสียจนกระโปรงสีหวานพลิ้ว พอพ้นหัวมุมจากร้านกาแฟนั่นได้ ปรางระวีก็รีบจ้ำเผ่นไปยังลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่เป็นสำนักงานของตนเองอย่างรวดเร็ว
เมื่อคืนนี้เธอได้คุยกับพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว ยิ่งพ่อแม่เธอรู้ว่าพี่กุ๊กเป็นอาจารย์สอนปรงแก้ว และพื้นเพที่ได้ยินจากที่น้องสาวกล่าวให้ฟัง ความวางใจจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม หญิงสาวเล่าประวัติครอบครัวตามที่ได้ยินจากเจียรนัยซึ่งพ่อแม่เธอก็ค่อนข้างพอใจที่ฝ่ายนั้นมีสมาชิกแค่สองคน อย่างน้อยปัญหาน่าจะเกิดน้อยกว่า ดังนั้น ทุกคนตกลงใจให้ปรงแก้วไปอยู่กับครอบครัวชาวจีนอย่างที่คาดไว้
ปรางระวีจึงจัดการโทรศัพท์คุยกับชายหนุ่มตามมติของที่บ้าน เจียรนัยก็รับคำพลางแนะนำเรื่องทำวีซ่า และการเตรียมตัว ทว่าก็แค่คร่าวๆ เพราะยังเหลือเวลาอีกพอสมควร สำหรับเรื่องลงคอร์สของสถาบันสอนภาษา เขาจะฝากให้เพื่อนลงให้ก่อน แต่อาจจะแค่หนึ่งเดือนเพราะถ้าเผื่อปรงแก้วไม่ชอบสถาบันนี้ก็จะได้เปลี่ยนได้ หญิงสาวฟังก็เห็นดีด้วย ก็เลยฝากเรื่องทั้งหมดไว้กับเขาอย่างเกรงใจ แต่ก็ได้คำตอบมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องของน้องสาวปรางไม่ได้ใหญ่โตอะไร พี่ว่างพอ
คนว่างพอ ที่ว่าเป็นอาจารย์ด้วย ทำร้านกาแฟด้วย ขายข้าวแกงด้วย แต่ที่ประหลาดใจยิ่งกว่าก็ตรงที่ปรงแก้วบอกว่าเขาเป็นรองกรรมการผู้จัดการของบริษัทแห่งหนึ่ง ตำแหน่งนั้นก็ไม่ใช่เล็ก แล้วเขามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ไม่ไปทำงานในออฟฟิศหรืออย่างไร
หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้ชายคนนี้ดูจะเป็นมนุษย์มหัศจรรย์ที่เธอไม่อาจทำความเข้าใจได้ก็เป็นได้
ร่างบางก้าวเข้าบริษัทอย่างรวดเร็ว วางแผ่นพับและคูปองทั้งหลายให้กับพนักงานต้อนรับของบริษัทพลางบอกว่าได้มาจากร้านกาแฟ ช่วยส่งข่าวให้คนอื่นๆ ในสำนักงานด้วย จากนั้นเธอก็เดินมายังแผนกของตนเองแต่ทว่ายังไม่มีใครเข้ามาเลยสักคน ปรางระวีจึงวางกระเป๋าแล้วเริ่มทำความสะอาดโต๊ะทำงานตามกิจวัตรของตน
ไง ปราง วันนี้มาเช้าดีนี่ กินข้าวเช้าหรือยัง เสียงนรมนดังมาแต่ไกลด้วยหน้าตายิ้มแย้ม น่าแปลกที่หญิงสาวรู้สึกวันนี้ดวงตาของเพื่อนวาววามขบขันเป็นพิเศษ
ยัง ถึงได้มาเช้านี่ไง นรมนหัวเราะเบาๆ มนเห็นยังน่ะ ตรงรีเซพชั่นน่ะ มีคูปองร้านกาแฟข้างล่างอยู่ เคยลองชิมร้านนั้นหรือยัง
ไม่ค่อยจะโฆษณาเลยนะ นรมนยิ้มอย่างล้อเลียน แล้วหยิบแก้วกาแฟที่หอบขึ้นมาด้วยให้ดูเป็นหลักฐาน เมื่อกี้เห็นนะ เจ๊าะแจ๊ะอยู่กับหนุ่มขายกาแฟอยู่ข้างล่างน่ะ ไม่ได้สังเกตเล้ยว่าเรากำลังเข้าคิวซื้ออยู่ตรงนั้นน่ะแหละ
เจ๊าะแจ๊ะที่ไหน ปรางระวีหน้าเรื่อขึ้นมา ไม่คิดว่าเพื่อนก็อยู่ตรงนั้น พี่ที่รู้จักเขาไหว้วานให้เอาคูปองกับโบรชัวร์มาช่วยแจกที่ออฟฟิศเฉยๆ ไม่ต้องคิดอะไรบ๊องๆ เลยนะ
อย่างเราน่ะไม่คิดหรอก ระวังคนที่คิดจะเป็นไอ้ธีล่ะ
ปรางระวีเลิกคิ้ว แล้วโคลงศีรษะ โธ่ มน ทำจริงจังไปได้ ธีจะมาคิดอะไร เราสองคนแค่เล่นขำๆ แก้เครียดเฉยๆ มนก็รู้นี่
ขำเรื่องอะไรกันครับ เสียงธีระทักทายมาแต่ไกล เจ้าตัวยิ้มสดใสรับอากาศในยามเช้าเดินมากับอกนิษฐ์ซึ่งรายหลังนี่ก็ยิ้มแย้มเหมือนกัน พาร่างของตนเองไปยังโต๊ะทำงานอย่างกระฉับกระเฉง
กำลังคุยเรื่องหนุ่มๆ ที่น่าสนใจแบบขำๆ นรมนตอบหน้าตาเฉย
ไปสนใจหนุ่มไหนเข้าน่ะมน ธีระหัวเราะเบาๆ แล้วหันมาทักทายกับปรางระวีด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น ไงปราง สนใจหนุ่มที่ไหนขึ้นมาหรือ
เรากำลังพูดถึงพระเอกหนังกันย่ะ นรมนเอาศอกกระทุ้งแขนของชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้ มนกำลังพูดถึงโรเบิร์ต แพทเทอสันสุดหล่อมาแรง โดยเฉพาะตอนเล่นเรื่อง ทไวไลท์ โอ๊ย! ทูนหัว ขอแค่อยากกินเลือด บ่าวจะเอียงคอขาวๆ ให้กัดเลย
ปรางระวีหัวเราะเบาๆ เมื่อนรมนไม่ได้มีทีท่าจะกล่าวถึงเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้ หญิงสาวทำท่าไม่รู้ไม่เห็นกับสายตาสนใจของธีระ แกล้งสะกิดเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เขาเป็นแวมไพร์มังสวิรัติไม่ใช่หรือ กินเฉพาะเลือดสัตว์ใหญ่นี่นา
คนเพ้อเหมือนนึกขึ้นได้
อุ๊ยหยา! ตายละสิ เอาไงดี
ปลอมตัวเป็นแรดเสียสิมน เผื่อเขาจะมาดื่มเลือด เสียงหยอกแกมหัวเราะของอกนิษฐ์ดังมาจากด้าน นรมนไม่ถือสากลับรีบรับสมอ้างทันที
โธ่! นิด ถ้ามนปลอมตัวแล้วเขากัดจริงนะ มนคงเลิกชอบแล้วล่ะ คนบ้านไหนมันจะปลอมเป็นแรดหลอกแวมไพร์ได้ ถ้าแวมไพร์นั่นมันไม่โง่จนเหลือทนแล้ว จากนั้นหญิงสาวก็ยักไหล่เมื่อคุยเล่นพอหอมปากหอมคอ เราซื้อของกินมาเยอะแยะเลย ปรางจะกินไหม ไปที่ห้องครัวกันดีกว่า ไป
ปรางระวีหัวเราะแผ่วๆ แล้วเดินตามนรมนออกไปที่ครัวของสำนักงานโดยไม่ได้เหลียวมามองธีระ หรืออกนิษฐ์อีก
=============================================
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
| จากคุณ |
:
peiNing
|
| เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ย. 53 19:53:11
|
|
|
|