บ้านนิทาน อ่านแล้วเพลิน... ตอน เทวดา 3 ฤดู
|
 |
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อตอนที่โลกกำลังก่อตัวขึ้น สิ่งต่างๆกำลังถือกำเนิดขึ้นมาช้าๆ มนุษย์กำเนิดขึ้นมาบนโลกด้วยความโง่เขลา ไร้ซึ่งสติปัญญาและการยั้งคิด ในครั้งนั้นมิมีผู้ใดหยั่งรู้ฟ้าดินไปกว่าเทพเจ้าท้องฟ้าอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้มนุษย์และสัตว์บนโลกจึงนับถือเทพเจ้าท้องฟ้ายิ่งกว่าสิ่งใด
ครั้นเมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน สิ่งมีชีวิตหลายอย่างบนโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ต้นไม้เติบใหญ่ ดอกไม้ผลิบาน มนุษย์และสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข กระทั่งวันหนึ่งมนุษย์มีความคิดอยากเป็นใหญ่มากกว่าฝูงสัตว์และต้นไม้ทั้งหลาย จึงได้อ้อนวอนขอพรจากเทพเจ้าท้องฟ้าขอให้ตนได้เป็นใหญ่กว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใดทั้งปวงในโลก เมื่อเทพเจ้าท้องฟ้าได้ยินเช่นนั้นก็มิอาจปฏิเสธคำร้องขอของมนุษย์ได้จึงให้พรวิเศษไป 1 ข้อ คือ มนุษย์สามารถเดิน 2 ขาได้ มีความคิด มีสติปัญญา และสามารถควบคุมเหล่าสรรพสัตว์ ต้นไม้ ดอกไม้ได้
เวลาผ่านไปไม่นาน มนุษย์เริ่มหลงระเริงกับอำนาจของตัวเอง สิ่งมีชีวิตอื่นๆบนโลกต่างเดือดร้อนเพราะมนุษย์รังแก ช้าง ม้า วัว สุนัข และสัตว์อื่นๆต่างถูกมนุษย์จับมาทำเป็นสัตว์เลี้ยงและอาหาร ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาเพราะถูกเหยียบย่ำไม่เว้นวัน เมื่อเทพเจ้าท้องฟ้าเห็นเช่นนี้จึงคิดหาวิธีที่จะหยุดยั้งการกระทำของมนุษย์... แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
วันหนึ่ง เทวดาผู้ควบคุมเมฆได้เดินทางผ่านมาพบกับเทพเจ้าท้องฟ้าเข้าพอดี เทพเจ้าท้องฟ้าได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้กับเทวดาฟัง เทวดาก้อนเมฆจึงได้เสนอแนวคิดดีๆให้กับท่านเทพเจ้า "เอาเช่นนี้ เราจะช่วยท่านเอง เรื่องราวกลุ้มใจของท่านนั้นแก้ไม่ยาก เพียงแค่ท่านส่งเราไปยังโลกมนุษย์ แล้วเราจะทำให้มนุษย์นับถือบูชาเรา เราจะทำให้มนุษย์โง่เขลาพวกนั้นมิเบียดเบียนสรรพสัตว์บนโลก"
ด้วยเหตุนี้เทวดาผู้ควบคุมเมฆจึงได้ลงมายังโลกมนุษย์ ครั้งแรกมนุษย์มิได้ให้ความเคารพบูชาเทวดาผู้ควบคุมเมฆแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าตนเป็นใหญ่ที่สุดบนโลก เทวดาผู้ควบคุมเมฆจึงโกรธ พร้อมทั้งสร้างฝนให้ตกทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 2 สัปดาห์ น้ำฝนเริ่มล้นเอ่อ มนุษย์มิสามารถออกไปไหนได้เนื่องจากฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม แต่ถึงอย่างไรพวกมนุษย์ก็ยังมีสติปัญญา พวกเขาได้เกณฑ์สัตว์เลี้ยงทั้งหลายขุดดินเป็นหลุมกว้างขนาดมหึมา และขุดร่องน้ำเป็นทางยาวเพื่อให้น้ำไหลไปตามร่องนั้นลงสู่หลุมขนาดใหญ่ที่ขุดเอาไว้ น้ำบนโลกจึงลดลงและหลงเหลือพื้นที่เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ หลุมขนาดมหึมาที่ว่านั้นก็คือมหาสมุทรต่างๆ และร่องน้ำเล็กๆที่กระจายอยู่ทั่วโลกก็คือแม่น้ำหลากหลายสายนั่นเอง
และสุดท้าย มนุษย์ก็สามารถเอาชนะเทวดาผู้ควบคุมเมฆได้ ไม่ว่าฝนจะตกหนักสักเท่าไหร่ น้ำก็ไหลลงสู่มหาสมุทรจนหมดสิ้น
เทพเจ้าท้องฟ้ามองเห็นการกระทำของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา และกลัดกลุ้มเหลือหลาย หากจะนำพรที่ให้ไปนั้นกลับคืนมาก็ทำไม่ได้ เทพเจ้าท้องฟ้ากินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่เช่นนี้หลายวัน
วันหนึ่ง เทวดาแห่งแสงอาทิตย์ได้เดินทางมาพบกับเทพเจ้าท้องฟ้าโดยบังเอิญ เทพเจ้าท้องฟ้าได้เล่าเรื่องราวกลัดกลุ้มทั้งหมดให้เทวดาฟัง เทวดาแห่งแสงอาทิตย์จึงได้เสนอแนวคิดดีๆให้กับเทพเจ้า "เอาเช่นนี้ เราจะช่วยท่านเอง เรื่องราวกลุ้มใจของท่านนั้นแก้ไม่ยาก เพียงแค่ท่านส่งเราไปยังโลกมนุษย์ แล้วเราจะทำให้มนุษย์นับถือบูชาเรา เราจะทำให้มนุษย์โง่เขลาพวกนั้นมิเบียดเบียนสรรพสัตว์บนโลก"
ด้วยเหตุนี้เทวดาแห่งแสงอาทิตย์จึงได้ลงมายังโลก ครั้งแรกมนุษย์มีความกระหยิ่มยิ้มย่องในสติปัญญาของตนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเทวดาแห่งแสงอาทิตย์ลงมายังโลก มนุษย์จึงมิได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ทำให้เทวดาแห่งอาทิตย์โกรธมาก จึงแผดแสงอันร้อนแรงลงมายังโลก น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งไปภายใน 7 วัน น้ำในแม่น้ำเหือดแห้งไปภายในไม่กี่วัน มนุษย์เดือดร้อนไม่มีน้ำดื่ม แสงอาทิตย์ที่แผดเผาลงมาอย่างร้อนแรงทำให้พื้นดินแตกระแหง ไม่นานก็สลายกลายเป็นทรายเม็ดเล็กๆไปในที่สุด แต่มนุษย์ก็ยังคงมีสติปัญญา พวกเขาพยายามเพาะพืชชนิดหนึ่งขึ้นมา เรียกว่าต้นกระบองเพชร มันสามารถกักเก็บน้ำได้และไม่มีใบแม้แต่นิด ตรงกันข้างต้นกระบองเพชรกลับมีหนาวแหลมรอบตัว นอกจากนี้มนุษย์ยังรู้จักฝึกอูฐให้เป็นพาหะนะในทะเลทราย นอกจากนี้ยังมีน้ำมันอีกมากมายในทะเลทรายอันร้อนระอุ มนุษย์ใช้ประโยชน์ของทรัพยากรเหล่านี้อย่างไม่เห็นคุณค่า ทะเลทรายมิได้ทำให้มนุษย์เดือดร้อนแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังช่วยสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้มนุษย์เสียอีก เมื่อมนุษย์รู้จักและเรียนรู้วิธีการใช้น้ำมัน
และสุดท้าย มนุษย์ก็สามารถเอาชนะเทวดาแห่งแสงอาทิตย์ได้ ไม่ว่าแสงแดดจะแผดเผาสักเท่าไหร่ มนุษย์ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางทะเลทราย
..................................................................................................................................................................................................
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปติดตามได้ภาค 2 ค่ะ
หุหุ พอดีคนเล่านิทานเค้าง่วงนอน
จากคุณ |
:
อศิธารา
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเกิด PANTIP.COM 53 23:55:48
|
|
|
|