Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
^ใต้ผืนพรมสีแดง^

ใต้ผืนพรมสีแดง : เรื่องเล่าของเสือสาว


มีคนเคยบอกว่า มนุษย์มักจะเห็นแค่ความสำเร็จของคนที่อยู่ตรงหน้า และลืมที่จะมองความพยายามอันยากลำบากที่เขาได้ผ่านมา เพราะอย่างนี้มนุษย์จึงอ่อนล้าเมื่อพบอุปสรรค เศร้าหมองเมื่อพบความผิดหวัง และบางครั้งก็ท้อแท้จนไม่อาจก้าวไปให้ถึงปลายทาง

บางคนได้รู้ความจริงข้อนี้เมื่อวันที่เดินมาจนพบความสำเร็จ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะดูแคลนและเย้ยหยันยามได้ยินคำสรรเสริญราวกับว่าสิ่งที่เขาได้มานั้นช่างง่ายดาย

ขณะที่บางคนรู้ความจริงข้อนี้เมื่อเผชิญกับขวากหนามบานทางที่ก้าวเดิน พวกเขาเชิดหน้าขึ้นแล้วย่างเหยียบไปบนพรมหนามนั้นอย่างเชื่องช้าและอดทนจนถึงปลายทาง ทิ้งเพียงหยดเลือดที่ย้อมดงหนามนั้นให้แลคล้ายพรมแดงหรูที่ลวงตา กลีบดอกไม้ที่แย้มบาน ณ ปลายทางนั้นถูกสายลมจากริมปากที่กระซิบคำเยินยอพัดพาให้ร่วงจากต้นที่ปลายทางมาปกคลุมไว้ตามเส้นทาง

...ใครบ้างจะรู้ความจริง...เบื้องหลังพรมแดงที่โรยด้วยกลีบดอกไม้...

ฤๅมิใช่...หยาดเลือดและน้ำตา...



ฉันวางนิตยสารชื่อดังที่บรรดานางแบบชื่อดังต่างต้องการได้รับเกียรติให้ถ่ายแบบลงหน้าปก แต่ฉบับล่าสุดนี้ต่างออกไป เมื่อภาพของผู้หญิงในชุดราตรีสีเงินแบบทันสมัยนั้นไม่ใช่นางแบบที่เคยปรากฏโฉมบนแคทวอล์คไหน แต่กลับเป็นนักธุรกิจสาวสวย เจ้าของบริษัทผลิตเครื่องสำอางแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่ถึงปี แต่กลับก้าวเข้ามาสร้างชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นที่นิยมไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว

ผู้หญิงบนหน้าปกนั้นเรียกความสนใจจากผู้หญิงหลายคนให้ชื่นชมและริษยาเธอได้อย่างดี เมื่อเธอไม่ใช่แค่นักธุรกิจสาวที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังมีดีกรีเป็นถึงทายาทสาวคนสุดท้องของตระกูลเศรษฐีใหญ่แห่งนิวออร์ลีน รวมกับสายเลือดจากฝั่งมารดาที่สืบทอดมาจากตระกูลผู้ดีเก่าที่มั่งคั่งในเกาะบริเทน เธอคนนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมเสียจนน่าอิจฉา มีชีวิตที่ผาสุกราวเจ้าหญิงน้อย ๆ ที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง และประสบความสำเร็จด้วยทรัพย์สมบัติที่มีอยู่มากกว่าสมองที่เพียรพยายาม

หลายคนเข้าใจอย่างนั้น...บริษัทที่เธอสร้างขึ้นสำเร็จได้ก็เพราะมีเงินนั่นละ

ชื่อเสียงที่โด่งดัง...เกิดขึ้นได้ก็เพราะนามสกุลของเธอนั่นละ

มนุษย์พร้อมจะตัดสินโดยถือเอาความโชคดีเป็นที่ตั้ง เพราะเธอเกิดมาพร้อม จึงประสบความสำเร็จได้ง่ายดาย

คงมีแค่ฉันเท่านั้นที่ได้แต่เหยียดยิ้มอย่างเยาะหยันในชะตาชีวิตของผู้หญิงในรูป เมื่อฉันคือคนเดียวที่เข้าใจดีถึงเรื่องราวที่เธอได้ผ่านมา

ใช่...มีแค่ฉันเท่านั้นที่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเคยทรมานมามากแค่ไหนกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้

ฉันถอนใจเบา ๆ อย่างอ่อนล้า มันงี่เง่าเล็กน้อยที่จะพูดถึงตัวเองเหมือนเป็นคนอื่นแบบนี้ แต่ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงที่เป็นแบบหน้าปกนิตยสารบนโต๊ะคือฉันจริง ๆ

“ไม่ชอบเหรอ...” เสียงหวานที่เอ่ยถามเบา ๆ ทำให้ฉันเงยหน้ามองคนพูด แล้วส่ายหน้าช้า ๆ

“พี่ก็รู้ว่าฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น” ฉันเหยียดริมฝีปากยิ้มหยันกับความจริงที่เราต่างรู้ดีแก่ใจ “แต่การรักษาภาพพจน์อันสวยหรูเอาไว้ก็เป็นหนึ่งในงานของคนที่เดินอยู่บนพรมแดง”

“เพราะถ้าเธอบอกความจริงออกไป คนอื่นจะมองออกว่ามันไม่ใช่พรมแดง และพวกเขาก็จะหมดความสนใจในตัวเธอ”

“แปลว่าสิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพรมแดงที่ฉันยืนอยู่ต่างหาก”

พี่สาวคนสวยของฉันส่ายหน้าช้า ๆ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเย็นชาอย่างที่ฉันเคยบอกว่าไม่ชอบนั่นละ “เปล่า...ที่เขาสนใจคือความสำเร็จที่สวยงามต่างหาก ถ้าเธอทำลายความสวยงามนั้นลง...ก็ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะเฝ้ามองเธออีกต่อไป”

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อเธอเอ่ยต่อ “เธอ...น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ”

ไม่ต้องมีคำตอบ ฉันแค่มองสบตาพี่เงียบ ๆ ทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว แม้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยกันมานานเกือบสิบปี แม้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะเคยถูกนิยามด้วยคำว่าห่างเหินจนเกือบเข้าขั้นจงชัง

แต่เมื่อวันที่เรากลับมาพบกันอีกครั้ง ฉันก็ได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็คือคนที่เข้าใจฉันดีอย่างน่าตกใจ

และฉันก็อาจจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจเธอได้ดีที่สุด

“โลกไม่ยุติธรรมเลยนะ...” ฉันเปรยขึ้นเบา ๆ “ทำไมถึงมอบความสวยงามนั้นมากับความจริงที่เจ็บปวด”

“นั่นละคือความยุติธรรมที่สุดของโลก” พี่สาวของฉันกลับแย้งขึ้น “เหมือนต้นไม้...จะโตได้ก็เพราะมีฝน”

เธอลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้มาสะพายไว้ “ฉันต้องไปแล้ว...หวังว่าจะเห็นเธอที่บ้านเร็ว ๆ นี้” แล้วเธอก็เดินออกไปจากห้อง รวดเร็วพอ ๆ กับคราวที่เดินเข้ามา ทุกก้าวเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เป็นแบบอย่างผู้หญิงที่ทั้งเก่งและแกร่งอย่างที่ฉันไม่มีวันเทียบได้

ไม่ว่าเมื่อสิบปีก่อน หรือตอนนี้ ฉันก็ยังเป็นแค่ลูกเป็ดที่เฝ้ามองพญาหงส์อย่างเธอเท่านั้นเอง

‘พี่ภูมิใจในตัวเธอ...’

ใครจะเชื่อว่าประโยคสั้น ๆ ประโยคนี้ ทำให้ฉันที่กำลังดิ้นรนจนเนื้อตัวถลอกปอกเปลือกกลับสงบลงได้อย่างง่ายดาย

แล้วลูกเป็ดขี้เหร่ก็สยบลงตรงหน้าพญาหงส์ รับรู้ถึงความปรารถนาที่เกินเอื้อมของตนเอง เมื่อเสี้ยวของความยินดีเล็ก ๆ ถูกจุดประกายขึ้นในใจ เท่านั้นก็มากพอแล้วที่ลูกเป็ดโง่ ๆ ตัวนี้จะกระโดดลงสู่บึงน้ำของพญาหงส์อีกครั้ง แล้วปล่อยตัวเองให้จมดิ่งลงไปกับความโง่งม รับรู้ถึงความอ่อนด้อยที่ไม่เคยจางหายไปกับกาลเวลา

จากคุณ : Argent
เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 53 12:11:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com