|
Chapter 26
“สหายเอ้ย...” เลออสกล่าวลอย ๆ ด้วยสีหน้าที่ดูจะตกตะลึงต่อภาพเรฟาอิมในคริสตัลเบื้องหน้าของตนเอง
“ขาว...มาก!” ไกเอ่ยต่อทันทีด้วยสีหน้าที่ดูตื่นตะลึงต่อผิวพรรณของเรฟาอิมที่ดูเรียบเนียนและผ่องใสอย่างมาก
“ใหญ่...ด้วย!” เลออสเอ่ยซ้ำด้วยสีหน้าเช่นเดิมเมื่อเห็นรูปร่างสัดส่วนโดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่ไม่แพ้เซคิน่า แต่ถ้าเทียบกับสัดส่วนของมนุษย์ปกติแล้วมันดูใหญ่จริง ๆ
“แจ่มมากไอ้เกลอ”
โป้ก!!! ปึก!!!
“โอ้ย!!!”
ทันทีที่ไกเอ่ยจบ ทั้งไกและเลออสต่างก็ถูกเซคิน่าและเนมิสซ่าเล่นงานทันที เลออสนั้นถูกเซคิน่ากำหมัดเขกเข้าที่ศีรษะเต็มแรง ฝ่ายไกนั้นก็ถูกเนมิสซ่าชกเข้าที่ท้องเต็มรัก จนทั้งสองลงไปนั่งเจ็บอยู่กับพื้นก่อนที่จะถูกสองสาวตวาดออกไป “อ้ายพวกลามกเอ้ย!!”
ชไนเดอร์ที่เห็นเลออสและไกโดนเล่นงานไปเช่นนั้นได้แต่ก้มศีรษะพร้อมทั้งเอามือลูบใบหน้าของตนเองด้วยความหนักใจ สถานการณ์เช่นนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแต่ละคนยังเริงร่าคิดเรื่องอะไรเช่นนี้กันได้อีก แม้ว่าเขาเองจะเขินอายและตื่นตะลึงต่อสภาพของเรฟาอิมที่เปลือยกายอยู่ภายในคริสตัลด้วยเฉกเช่นเลออสและไก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรมากนักนอกจากสีหน้าที่แดงเรื่อเท่านั้นด้วยความสนใจของเขาอยู่ที่เรื่องที่เขาอยากจะรู้เสียมากกว่า ชไนเดอร์หันไปมองอนาคิมที่เมื่อครู่แสดงความหวาดกลัวด้วยความห่วงใย หากแต่ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือ อนาคิมที่ยืนจดจ้องเรฟาอิมไม่วางตาอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือทั้งสองขึ้นมากุมนมของตนก่อนที่จะบีบนิดหน่อยด้วยสีหน้าที่ดูห่อเหี่ยว จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ถ้าข้าคือเรฟาอิมจริง ๆ ทำไมข้าไม่ใหญ่แบบนั้นบ้างล่ะ”
‘นั่นคือสิ่งที่เจ้ากังวลอยู่รึอย่างไรกันอนาคิม’ ชไนเดอร์ที่หันมามองเห็นอนาคิมกำลังบีบหน้าอกของนางเองก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ พล่างส่ายศีรษช้า ๆ ด้วยความหนักใจ
“เจ้าเพิ่งจะสิบแปดเองนะ เดี๋ยวโตเป็นสาวกว่านี้ก็ได้แบบนางเองล่ะ” ลิลูกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหนักใจ แต่อย่างว่าถ้านำสัดส่วนอนาคิมไปเทียบกับเรโนอาที่รุ่นราวคราวเดียวกันมันคงทำให้นางเป็นป้มด้อยอยู่มิใช่น้อยจริง ๆ
ชไนเดอร์มองแต่ละคนแล้วก็ให้หนักใจ เขาจึงเข้าเรื่องทันทีด้วยเสียเวลา ณ ที่แห่งนี้นานมากแล้ว ใหนกว่าจะเดินทางกลับอีกและเมื่อกลับไปอาจจะต้องมีงานใหญ่รออยู่อีก เวลาที่จะได้พักผ่อนก็น้อยลงไป เกิดมีศึกสงครามจะตั้งตัวกันไม่ทันเสียก่อน “ท่านคือ...เรฟาอิม จริง ๆ รึ”
นางไม่ได้ตอบอันใด แต่กลับจดจ้องชไนเดอร์ด้วยทีท่าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด นางดูจะยังเคลื่อนไหวในคริสตัลนั่นได้ราวกับว่าภายในคริสตัลนั่นไม่ได้เป็นของแข็งเฉกเช่นภายนอกแต่เหมือนนางอยู่ภายในภาชนะที่ใส่ของเหลวเสียมากกว่า นางจดจ้องชไนเดอร์ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรบางอยางพลางเอามือข้างหนึ่งขึ้นมาวางที่หน้าอกตนเองก่อนที่จะค่อย ๆ ผินหน้าไปทางด้านซ้ายของตน ดวงตาของนางที่จดจ้องไปยังที่แห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับนาง ซึ่งท่าทางของนางทำให้ชไนเดอร์นั้นมองตามด้วยความสงสัย ตรงที่ ๆ นางมองไปนั้นชไนเดอร์ได้เห็นโครงกระดูกมนุษย์นอนอยู่ แต่โครงกระดูกดังกล่าวใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ดูแล้วแสดงถึงยศศักดิ์ที่สูงอย่างมาก เขาพอจะจำได้ว่าชุดเช่นนี้มันเป็นเครื่องทรงระดับพระมหากษัตริย์
“หรือว่านั่นคือ...องค์ชูไนมาน!?”
“ใช่...ข้าก็ตกใจนะ นึกว่าอยู่ ๆ ท่านฟื้นมายืนอยู่ตรงหน้าข้า จนข้าต้องหันไปมองให้แน่ใจว่าจะเป็นพระองค์จริง ๆ รึเปล่า” เรฟาอิมหันกลับมามองชไนเดอร์แล้วเอาฝ่ามือนาบที่แก้มของตนเองพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยตอบชไนเดอร์ที่ดูจะตกใจต่อภาพของโครงกระดูกในอาภรณ์ของกษัตริย์ที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นองค์ชูไนมานบรรพบุรุษของเขา เสียงของนางดังผ่านคริสตัลราวกับวิ่งตรงเข้ามายังโสตประสาทของผู้ฟังได้โดยตรง
“นี่คือสิ่งยืนยันสินะว่าท่านคือเรฟาอิม”
“ก็...เช่นนั้นล่ะ” เรฟาอิมตอบรับชไนเดอร์อย่างสุภาพ กิริยาท่าทางของนางนั้นดูจะเรียบร้อยคนละเรื่องกับเซคิน่าที่เป็นสหายของนางอย่างยิ่งทีเดียว
“เจ้านี่นะถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะบอกกล่าวกันบ้างสิ” เซคิน่าที่จัดการเลออสเสียนอนหมอบไปกับพื้น เดินตรงมาหา เรฟาอิมพร้อมทั้งยิงคำถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจนัก หากแต่เรฟาอิมกลับผายมือออกแล้วตอบเซคิน่าอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าว่าข้าอยู่ในสภาพเช่นนี้จะติดต่อผู้ใดได้เล่า อีกอย่าง...ข้าไม่มีชีวิตแล้วนะ ไม่ได้ยังอยู่ปกติเช่นเจ้าเสียหน่อย” คำตอบของเรฟาอิมออกจะทำให้ทุกคนงุนงงอย่างมาก ด้วยในเมื่อนางยังคงพูดจาได้เฉกเช่นคนปกติ เพียงแค่เหมือนถูกขังอยู่ในคริสตัล เหตุใดกลับเอ่ยว่าตนเองตายไปแล้วเช่นนั้น ยกเว้นลิลูที่รู้และเข้าใจทุกอย่างดีเธอจึงเอ่ยออกไปในขณะที่ทั้งหมดยังดูงุนงงต่อสิ่งที่เรฟาอิมกล่าว
“ก็ข้าบอกแล้วนี่นา ว่าอนาคิมก็คือเรฟาอิม ฉะนั้นคิดว่าเรฟาอิมที่อยู่ตรงหน้าเจ้ายังมีชีวิตอยู่รึยังไงกัน”
“แต่นาง...” เนมิสซ่าหันกลับมามองลิลูที่อยู่ในมืออนาคิมด้วยความสงสัยก่อนที่นางเหมือนจะนึกอะไรบางสิ่งออก
“รึว่า...”
‘แม่สาวนักเวทย์นี่หัวไวดีแฮะ’ ลิลูคิดในใจด้วยเห็นท่าทางของเนมิสซ่านั้นพอจะเดาได้ว่านางเข้าในสิ่งที่ตัวเธอได้กล่าวไปแล้ว เซคิน่าที่ยังงงอยู่จึงเอ่ยถามเนมิสซ่าออกไปด้วยความร้อนใจ “รึว่าอะไรของเจ้าน่ะเนมิสซ่า”
เนมิสซ่าหันไปมองอนาคิมแล้วหันกลับไปมองเรฟาอิมที่ดูจะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาให้เห็นก่อนที่เธอจะสรุปความคิดของตนเองออกมาให้ทุกคนได้ฟัง “ถ้าตามที่ลิลูกล่าว จากสภาพของเรฟาอิมที่ข้าเห็น...ข้าเดาว่านี่เป็นรูปแบบของการเหลือไว้เพียงร่างกายและความทรงจำเท่านั้น แต่วิญญาณจริง ๆ นั้นก็คือตัวอนาคิมเอง”
“เจ้านี่ฉลาดดีจริง ๆ นะ” ลิลูเอ่ยชมเนมิสซ่าที่เข้าใจอะไรได้รวดเร็วและค่อนข้างถูกต้องเลยทีเดียว
“หมายความว่า...” เซคิน่าที่ยังสับสน แม้จะบอกเช่นนั้นแต่มันก็เหมือนย้ำสิ่งที่ลิลูเคยบอกเธอว่าอนาคิมคือเรฟาอิม ซึ่งเธอไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไหร่เพราะภาพที่เห็นเบื้องหน้า ณ เวลานี้เรฟาอิมยังดูราวกับว่ายังเป็นปกติไม่ได้เสียชีวิตเป็นร่างไร้วิญญาณไม่
“ข้ามีแต่ความคิด กับความทรงจำน่ะสิเซคิน่า” เรฟาอิมกล่าวพลางเท้าเอว แม้ท่าทางของเธอจะเหมือนไม่พอใจกับเซคิน่าที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่าย ๆ แต่เธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เซคิน่าด้วยรู้ดีว่ามิตรภาพระหว่างเธอกับเซคิน่านั้นมันมีมากเกินกว่าที่จะให้เซคิน่าเชื่อว่าเธอที่มีสภาพดูปกติสมบูรณ์นี้หาได้มีชีวิตอยู่แล้วไม่
ด้านอนาคิมได้แต่ยืนฟังเงียบ ๆ เธอเองก็เข้าใจในสิ่งที่ลิลูกล่าวอยู่ เพียงแต่ไม่ค่อยอยากจะยอมรับนัก กระนั้นเธอก็คงปฏิเสธความเป็นจริงไม่ได้อยู่ดี ไม่ใช่เพราะเสียงสนับสนุนแนวคิดนี้ทั้งจากลิลูและเนมิสซ่า แต่ด้วยเมื่อเธอเห็นเรฟาอิมสนทนากับเซคิน่าแล้วมันทำให้เตือนถึงความรู้สึกของของเธอที่มีต่อเซคิน่านั้นเหมือนคุ้นเคยและสนิทกันมาก ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้มันมีมาตั้งแต่วันที่เธอไปนอนค้างในที่พักของเซคิน่าแล้ว เพียงแต่ครั้งนั้นเธอไม่ได้ปริปากบอกใครก็เท่านั้นเอง
“แต่แม่ลิงนี่ถ้าไม่นับว่าหน้าตาเหมือนเจ้าแล้วอย่างอื่นแทบจะไม่เหมือนเลยนะ โดยเฉพาะนิสัยร้อง งื่อ ง่า อะไรนั่นน่ะ” เซคิน่ากล่าวพลางสะบัดนิ้วโป้งใส่อนาคิมที่ยืนฟังด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ ความคิดของเซคิน่านั้นมองว่าอนาคิมมีส่วนต่างจากเรฟาอิมค่อนข้างมากจนราวกับว่าเป็นคนละคน คนละวิญญาณกันเสียมากกว่าจริง ๆ
เรฟาอิมมองเซคิน่าอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะไปมองอนาคิมที่ยืนนิ่งไม่กล่าวสิ่งใดก่อนที่จะเอามือขึ้นมาเกาศีรษะตนเองเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเซคิน่าไป “เออ...ก็ให้นึกว่าอนาคิมเป็นข้ากลับชาติไปเกิดก็ได้ ผลของการกลับชาติไปเกิดมักทำให้พวกกิริยาท่าทางหรือนิสัยใจคอบางอย่างไม่ได้สอดคล้องกับตัวตนเดิม ซึ่งมันก็...เป็นเรื่องปกติน่ะนะ”
| จากคุณ |
:
joyka
|
| เขียนเมื่อ |
:
13 ต.ค. 53 08:40:58
|
|
|
|