Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พรหมลิขิตรัก บทที่ 2

บทที่ 2

หลังจากรับทุนการศึกษาและหลังจากที่นั่งสัปหงกฟังการประชุมเพราะไม่รู้เป็นยังไง ฟังการบรรยายช่วงบ่ายทีไรมันต้องง่วงนอนทุกที แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็ถือว่ารู้บ้างแหละน่า แพนคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง หลังเสร็จจากการประชุม หล่อนก็มุ่งหน้ากลับที่พักทันทีด้วยความง่วงเหลือคณา เพราะเมื่อวานกว่าจะมาถึงก็ล่วงเข้าวันใหม่ ได้พักผ่อนไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องเตรียมตัวมาประชุมสัมมนาที่บริษัทมาเคอตี้ แถมยังต้องมาปวดหัวกับอีตาฝรั่งจอมเจ้าเล่ห์นั่นอีก แค่พบกันไม่กี่ครั้งก็ทำให้หล่อนหัวหมุนขนาดนี้ เจ้าประคู๊น....... อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย ยังไม่ทันได้นินทาหนุ่มหล่อให้สมแค้น พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ใครมากัน” หญิงสาวเดินตรงไปที่ประตูและมองลอดช่องตาแมวออกไปก็ต้องตกใจ

“ตายแล้ว นั่นมันบอดี้การ์ดนายมาร์คนั่นนี่หว่า มาทำอะไรกันเนี่ย” แพนพึมพำและมองลอดช่องนั่นไปอีกครั้ง ก็พบกับดวงตาสีเขียวมรกตมองผ่านช่องนั่นมาเหมือนกัน จนทำให้เธอผละออกมาอย่างตกใจ

“นั่น...นายมาร์คนี่ มาด้วยเหรอนี่ มาทำไม มาทำอะไรกัน หรือว่าจะมาแก้แค้นฉันที่บังอาจไปลองดีกับคุณชายเข้า ว๊าย ๆ ทำไงดี ดูท่าจะโกรธไม่ใช่น้อยเลยนะนั่น” ยังไม่ทันจะได้คิดฟุ้งซ่านไปไกลกว่านี้ ประตูก็ถูกเคาะถี่ขึ้น และดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงประตูจากหลายห้องเปิดออกมาดู คงรำคาญไม่ใช่น้อยที่ถูกรบกวน

“ไม่มีอะไรครับทุกท่าน ไม่ต้องตกใจ พอดีแฟนผมเค้างอนผมน่ะครับ ไม่ยอมเปิดประตูให้ ผมก็เลยต้องเคาะดังไปหน่อย ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ หากรบกวนความสงบของทุกท่าน” เสียงตัวก่อเรื่องพูดขึ้นอย่างน่าเห็นใจ แต่เธอไม่เห็นใจด้วยคนหรอก

“ หน็อย....บังอาจมาอ้างว่าเป็นแฟนฉันเหรอ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน “ (ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้เห็นดี) แพนกระชากประตูออกด้วยความโมโหสุดขีด หมายจะเอาเรื่องชายหนุ่มให้ได้ แต่เพียงแค่เปิดประตูออกเท่านั้น ร่างของเธอก็ถูกดันเข้าไปในห้อง และประตูก็ถูกล็อคทันที

“เฮ๊ย....เข้ามาทำไม” หญิงสาวร้องด้วยความตกใจ
“แล้วคุณคิดว่าผมเข้ามาทำไมล่ะครับ” เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เธอก็ก้าวถอยหลังหนีหนึ่งก้าว และเขาก็ก้าวเข้ามาอีก เธอก็ก้าวถอยออกไปอีกจนขาไปชนเข้ากับโซฟารับแขกก่อนจะทรุดนั่งลงไป

“อย่านะ อย่าเข้ามานะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดื้อกับคุณนะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ นะ..” แพนหลับตาปี๋แต่ปากก็ยังละล่ำละลักบอกสองมือยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวจากอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้

“งั้นก็มาให้ผมลงโทษซะดี ๆ ” เขาพูดพร้อมกับทรุดลงนั่งชิดใกล้ รู้สึกถึงลมหายใจเป่ารดพวงแก้ม สองมือกางกั้นตัวเธอไว้ไม่ยอมให้ลุกหนีไปไหน

“ลงโทษ ลงโทษ ยังไง ”

“ให้เกียรติไปงานเลี้ยงต้อนรับลูกค้ากับผมที ผมอยากให้คุณไปกับผมหน่อย ได้มั้ยครับ” ท้ายเสียงติดจะออดอ้อนเสียด้วยซ้ำ จนหญิงสาวต้องลืมตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ตาสบตา วิ๊ว วิ๊ว

“แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ” หล่อนยังคงต่อรองลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ จนระยะห่างมีเพียงลมหายใจกางกั้น

“งั้น...ผมก็มีกิจกรรมอื่นให้คุณทำเพื่อไถ่โทษ แต่ผมก็ไม่รับรองความปลอดภัยนะ” หูย..กลิ่นโคโลญผู้ชายผสมครีมโกนหนวดโชยมาแตะจมูก เซ็กซี่ชะมัด (นี่...หล่อนคิดอะไรอยู่เนี่ย) ไม่ได้ ๆ จะมามัวเคลิบเคลิ้มอยู่ไม่ได้ ต้องหนีให้ไกลกับสถานการณ์อันไม่ปลอดภัยตรงหน้าก่อน ....ยัยแพน

“ไปค่ะ ไปก็ได้ งั้นคุณก็ถอยไปก่อนซิ ฉันจะได้ไปแต่งตัว”

“ว้า...เสียดายจัง นึกว่าคุณจะเปลี่ยนใจไม่ไปงานเลี้ยงกับผมซะอีก เราจะได้ทำอย่างอื่นกัน”

“ตาบ้า” หญิงสาวรีบลุกเดินแกมวิ่งเข้าห้องทันทีที่เขาขยับถอยห่าง

“ผมให้เวลาครึ่งชั่วโมงนะครับ หรือคุณต้องการบริการพิเศษให้ผมเข้าไปแต่งตัวให้ก็ยินดีนะ” เขายังไม่วายกวนประสาทแม้ว่าเธอจะเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าดังโครมไปแล้วก็ตาม แต่กลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับชัยชนะยกแรกที่เพิ่งได้รับมากับมือ

“เสร็จแล้วหรือครับ นึกว่าจะต้องไปแต่งตัวให้เสีย......” เขาพูดยังไม่ทันจบประโยคเพราะเมื่อหันหน้าไปตามเสียงเดินที่ออกมาจากห้องนอนก็ต้องตะลึงกับภาพที่ได้เห็น เธอคนนี้ใช่คนที่เถียงเขาฉอด ๆ เมื่อครู่หรือเปล่าเนี่ย ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนสั้นแค่เข่า เผยให้เห็นเรียวขา รูปร่างกลมกลึงและผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดสวยงาม ดวงหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบบอ่อน ๆ หวานจับใจ ปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อน จนอยากจะลิ้มลองนักว่าจะหวานซักแค่ไหน โอ๊ย...คนอะไรน่ารักชะมัด มาร์คแอบชื่มชมในใจ

“คุณ เป็นอะไรไปคะ” คนบ้าจ้องอยู่ได้ เค้าก็เขินเป็นนะ

“ข...ขะ...ครับ” เขาติดอ่างไปชั่วขณะ

“สวย เอ้อ คือผมหมายถึงห้องนี้สวยดีนะครับ” มาร์คเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอ แต่ก็ดันพูดไปคนละเรื่อง ทำไมไม่บอกเธอไปล่ะ ว่าคืนนี้เธอสวยน่ารักมาก นายมาร์คเอ๊ย ไม่ได้เรื่องเลย

หา ! ว่าไงนะ เมื่อกี้เค้าว่าไงนะ (ก็บอกว่าห้องสวยไงเล่า...ต้องให้บอกเดี๋ยวปั๊ดตบ) อีตาบ้าจะชมออกมาก็ไม่มีใครว่าเสียฟอร์มหรอกย่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องซะขนาดนั้นหรอก นึกเหรอว่าจะรู้ไม่ทัน ดีนะที่เอาชุดสวยติดมาด้วย เลยได้แกล้งใครบางคนให้ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เล่น แพนคิดอย่างย่ามใจโดยไม่รู้ตัวเลยซักนิดว่าการที่หล่อนคิดจะแกล้งเขานั้นจะได้ผลตอบแทนอย่างไรกลับคืนมา?

“วันนี้คุณช่วยเล่นบทเลขาให้ผมซักวันแล้วกัน เพราะเลขาผมไม่ว่างพอดี”

“แล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหนไม่ทราบ ทำไมคุณไม่ไปใช้คนอื่นล่ะ ฉันไม่รู้เรื่องเลคงเลขาอะไรนั่นหรอกนะ อีกอย่างฉันก็จบวิทยาการคอมพิวเตอร์ไม่ได้จบเลขานะ”

“อยู่ที่โรงเรียนนอกจากสอนแล้วคุณยังทำงานอะไรอีก”

“บริหารงานทั่วไปค่ะ”

“ผมอยู่ในตำแหน่งอะไร”

“ผู้บริหารค่ะ” อะไรของเขาเนี่ยจะมาเล่นเกมยี่สิบคำถามหรือไงนะ ฉันงงจะแย่อยู่แล้ว

“คุณทำงานบริหารงานทั่วไป ก็เหมือนกับเลขา ผมก็ทำงานบริหารเห็นมั้ยมันเกี่ยวกันจะตาย งานบริหารกับผู้บริหารเพราะฉะนั้นคุณต้องมาช่วยงานบริหารกับผู้บริหาร” เฮ้ ๆ เขาพูดอะไรเนี่ยเธอชักงงแล้วนะ งานบริหารกับผู้บริหาร บริหารกับบริหาร วุ๊ย เอ้า..เกี่ยวก็เกี่ยว อีตาฝรั่งนี่ทำซะคนไทยงงภาษาของตัวเองเลยนะเนี่ย

“เข้าใจแล้วใช่มั้ย” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักอย่างงงๆ “ถ้างั้นเราไปกันเลยแล้วกันเดี๋ยวลูกค้าจะรอนาน”

“เดี๋ยว” เขาชะงักและหันกลับมาเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“คุณยังไม่ได้บอกเลยว่าคุณรู้ได้ยังไงว่าฉันพักอยู่ที่นี่ ห้องนี้” หล่อนเน้นเสียงหนักพร้อมเขม้นมองอย่างรอคอยคำตอบ

“จะบอกให้ว่าคนอย่างผมถ้าอยากรู้อะไรก็ต้องรู้ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แม้แต่คุณ” เขาทิ้งท้ายเสียงหนักแน่นก่อนจะเดินนำไปก่อน ปล่อยให้สาวน้อยแทบสะอึกกับคำตอบที่ได้รับ

แพนเดินตามชายหนุ่มออกจากห้อง ก็พอดีสวนกับบอดี้การ์ดเขาซึ่งคุมเชิงอยู่หน้าห้อง และอมยิ้มกับภาพที่ได้เห็น เพราะเจ้านายหนุ่มของเขากำลังบังคับขู่เข็ญจับมือหญิงสาวน่ารักดึงให้มาเดินเคียงข้างกันแม้จะได้เล็บคม ๆ เป็นของแถมแต่เจ้านายหนุ่มของเขาก็ยังคงยิ้มระรื่น ซึ่งพวกเขารีบหลบตาทันทีหลังจากสาวตัวเล็กได้ส่งค้อนวงเบ้อเลิ่มให้เจ้านายและเลยมายังพวกเขาด้วย หลังจากที่อยู่ตามลำพังในลิฟท์แล้ว ชายหนุ่มเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ แพนรีบถอยหนีจนหลังติดผนังลิฟท์ เขาเอามือยันผนังลิฟท์เพื่อกั้นตัวเธอไว้ และโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้ซะจนเธอต้องรีบผลักไส หลับตาปี๋ ละล่ำละลักถาม

“คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันร้องจริง ๆ ด้วย” เงียบไม่มีเสียงตอบมีแต่เสียงลมหายใจเป่ารดไปทั่วดวงหน้าเธอ เธอจึงลืมตาดูจนสบนัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้น เขาไม่พูดแต่กลับจ้องตาเธอระเรื่อยไปจนถึงริมฝีปากบางที่แต่งแต้มลิปสติกสีชมพูอ่อน เห็นแล้วก็อยากลิ้มลองว่ามันจะหวานสักแค่ไหน เร็วเท่าใจคิดเขาประกบริมฝีปากเข้ากับปากเธอ จูบอย่างดูดดื่ม อ่อนหวาน หากแต่เร่าร้อนจนเธอเข่าอ่อนต้องโอบแขนรอบคอเขาเพื่อผยุงตัวเองไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น เขาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ เธอหอบหายใจแรงเพื่อไล่ความอึดอัด เพราะจูบเมื่อครู่ทำให้เธอแทบขาดใจ หญิงสาวได้สติก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาอีกครั้งจึงผลักเขาออกจากตัว เงื้อมือขึ้นกะจะฟาดใบหน้าหล่อ ๆ ที่บังอาจมาขโมยจูบแรกของเธอไป แต่ก็ช้ากว่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นคว้าข้อมือเธอไว้ได้และรั้งเธอให้เดินตามเมื่อลิฟท์เปิดออก ก็ใครใช้ให้คุณน่ารักอย่างนี้ล่ะ ผมก็อดใจไม่ไหวซิครับ...มาร์คคิดและไม่นำพากับเล็บคมที่เริ่มจิกมาอีกครั้ง เฮ้อ..อยากร้องเพลงจัง เขายิ้มอย่างเบิกบานใจ


“นี่คุณ ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น” หญิงสาวโวยวายเสียงดังอย่างไม่อายใครอีกแล้ว

“ถ้าคุณยังโวยวายอยู่อย่างนี้ ผมจะจูบคุณกลางรอบบี้นี่แหละ ถ้าไม่อายใครก็ร้องออกมาดัง ๆ” ได้ผลทันตาเห็นเพราะมันทำให้เธอสงบปากสงบคำ แต่ใบหน้านั้นงอหงิก ปากบ่นขมุบขมิบสาปแช่งหนุ่มหล่อข้างกาย แต่เขายังตาดีหันมาเห็นเข้าจนได้

“นินทาอะไรผม”

“เปล่าซักหน่อย”

“ผมเห็นนะ แล้วก็ช่วยทำหน้าให้มันดี ๆ สมกับที่ได้เดินคู่กับหนุ่มหล่อหน่อยซิคุณ”
“หลงตัวเอง” ฉันบ่นเบา ๆ

“ว่าไงนะ” ฟะตานี่ บ่นเบา ๆ ยังได้ยินอีกหูดีชะมัด

“เปล่าค่ะ ฉันบอกว่ามันร้อนจนรู้สึกเหนียวตัวยังไงไม่รู้”

เขาไม่ได้ว่าอะไรต่อ แต่สายตานี่ซิถึงไม่พูดก็บอกให้รู้ว่าอย่าให้จับได้เชียวนะว่าแอบนินทาลับหลังน่ะ เขาจูงมือคนตัวเล็กมาจนถึงที่จอดรถจนได้

“โอ๊ย! แค่เห็นรถก็ไม่อยากจะขึ้นแล้ว รถเบนส์สีดำมันวาวตรงหน้าให้ความรู้สึกตัวลีบจนเหลือตัวเท่ามด เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยขึ้นรถหรู ๆ อย่างนี้เลยให้ตายซิ” แพนคิดและอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองรองเท้าของตัวเองอย่างสำรวจว่ามีอะไรติดมาหรือไม่ด้วยเกรงจะไปทำให้รถคุณชายต้องแปดเปื้อน หญิงสาวเผลอค้อนให้คนตัวใหญ่ ที่ขันอาสาเปิดประตูให้อย่างเอาใจ และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนน่าหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าจะยิ้มอะไรนักหนา กวนประสาท

พอเข้ามาในรถหญิงสาวก็รู้สึกตัวลีบจริง ๆ เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่รถสะอาดเรียบร้อยเป็นระเบียบยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก
“เอ๊ะ! หรือว่าเป็นเกย์ แต่ว่า....เมื่อกี้เขาก็ยังจูบฉันอยู่เลยนี่ แล้วความรู้สึกตอนนั้นก็ไม่น่าจะใช่เกย์” แพนแอบคิด พอนึกถึงเรื่องนี้หญิงสาวก็หน้าแดงจนไปจนถึงใบหู บวกกับอาการเงียบไปนาน เขาจึงถามขึ้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ อยู่ ๆ ก็หน้าแดง ไม่สบายหรือเปล่า” เขารู้สึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาไม่รู้ว่าจะแกล้งเธอมากไปหรือเปล่า แต่ไม่รู้เป็นอะไรซิน่า การได้ยั่วแหย่ให้คนตัวเล็กนี้โกรธหรือตกใจจนตาวาว ๆ โต ๆ นั้นแสดงอาการไม่พอใจ กลับทำให้เขารู้สึกสนุกสนานอยากมองดวงหน้ายามได้ยั่วแหย่ให้เธอไม่พอใจนั้น เฮ้อ...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแฮะ แต่ที่รู้ ๆ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกอย่างนี้มาก่อน เพราะในชีวิตเขามีผู้หญิงหลากหลายสไตล์ที่พร้อมจะสานสัมพันธ์กับเขาเพียงแค่เขาออกปากหล่อนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะไปกับเขาทุกที่ ผิดกับเธอคนนี้ปฏิกิริยาทุกอิริยาบถของเธอมันไร้เดียงสาจริง ๆ และเขาก็มั่นใจว่าเขาเป็นจูบแรกของเธอ ยามที่เขาเข้าใกล้ก็ตาโตเป็นไข่ห่าน และยิ่งตอนที่เขาจูบเธอก็ตาแทบระเบิด นึกถึงตอนนี้เขาก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีเหตุผล

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ อยู่ ๆ ก็หัวเราะ เป็นบ้าป่ะเนี่ย” เธอย้อนถามเขาเช่นกัน แต่แล้วก็อยากจะเป็นบ้าเสียเอง เมื่อเขาหันมาจ้องมองส่งสายตาหวานเชื่อม ตาสบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ โอ๊ย! อย่ามองอย่างนี้ซิ คุณกำลังจะทำให้ฉันเป็นโรคหัวใจรู้มั้ย มันเต้นตูมตามจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วเนี่ย แล้วต่างฝ่ายต่างก็เงียบไปจนถึงสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อรับลูกค้าที่เพิ่งลงเครื่องมาจากอเมริกา

กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็เล่นเอาขับวนอยู่หลายรอบ หลังจากจอดรถเสร็จแพนและมาร์คก็ออกเดินไปยังลิฟท์เพื่อไปรับลูกค้าบริเวณผู้โดยสารขาเข้าของสนามบิน แต่....อีกละ! อีตาคนนี้นี่เดินห่าง ๆ ไม่เป็นหรือไงนะ ต้องมาเดินเบียดอยู่ได้ ทางก็ออกกว้าง แต่ดูเหมือนคำนินทาของเธอจะไม่เป็นผล เพราะพออยู่ในลิฟท์ก็ยิ่งทำให้เขาเบียดเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีก จนทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง และก็อยากจะมุดลิฟท์หนีเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป คนอะไรก็ไม่รู้นัยน์ตาช่างเซ็กซี่เหลือร้ายยั่วยวนอะไรขนาดนี้ และเหมือนกับต้องมนต์หญิงสาวไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้กระทั่งเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้และจูบเธออีกครั้ง อืม......ทำไมมันช่างอ่อนหวานแต่ทว่าเร่าร้อนอย่างนี้นะ เธอเองก็เผลอตอบสนองเขาไปอย่างคนขาดประสบการณ์ แต่นั่นก็ทำให้เขาถึงกับครางออกมาอย่างพึงพอใจ และบดจูบเร่าร้อนยิ่งขึ้น สองฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังจนทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่าน แม้จะมีเสื้อผ้ากางกั้นอยู่ก็ตาม เมื่อเสียงลิฟท์ดังขึ้นเขาถอนจูบออกอย่างเชื่องช้าและไม่ปกปิดความรู้สึกเสียดายเอาไว้ นัยน์ตาสีเขียวส่งแววหวานเชื่อมริมฝีปากกระตุกยิ้มก่อนจะเคลื่อนกายออกจากลิฟท์ไป โอย...คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกกำลังจะเป็นไข้ แพนเข่าอ่อนแทบยืนไม่ไหว ต้องอาศัยพิงกายกับผนังลิฟท์เพื่อไม่ให้ตัวเองทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น มือไม้อันสั่นเทารีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ และพยายามเดินออกจากลิฟท์ตามตัวก่อเรื่องไป และอย่าหวังจะได้ไปอย่างสงบสุขเลย
อีตาฝรั่ง โรคจิต ฉันจะตามไปฉีกอกคุณเดี๋ยวนี้แหละ บังอาจมาขโมยจูบเล้วเดินหนีได้ไง และฉันสาบานเลยว่าฉันไม่มีทางขึ้นลิฟท์กับคุณอีกแน่นอน วันนี้ฉันโดนคุณจูบในลิฟท์ถึงสองครั้งสองครา ฉันเกลียดลิฟท์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดๆๆๆๆๆๆๆ แพนกรีดร้องในใจอย่างเหลืออดกับพฤติกรรมของชายหนุ่ม

“นี่คุณ คุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ”

“นี่มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด ลูกค้าของผมจากอเมริกา” คำโวยของหญิงสาวเป็นอันต้องถูกลืม และต้องรีบจับมือกับลูกค้าตามคำทักทายอย่างชาติตะวันตก

“Oh……..beautiful girl.” อะไรเกิร์ล ๆ บิตี้ฟุล ๆ อ๋อ! ....เขาชมว่าฉันสวยเหรอ

“Thank you very much.” นี่ให้มันรู้ซะบ้างว่าไผเป็นไผ ฮ่า ๆๆ เปล่า ไม่ได้หัวเราะออกไปหรอกแค่หัวเราะในใจก็พอ แต่ปากยิ้มกว้างจนตาหยีไปเท่านั้น พอหันไปทางหนุ่มตาสีเขียวมรกตตัวดี กลับได้รับสายตาขุ่นขวางส่งมาให้พร้อมใบหน้าหงิกงอ นี่เธอพูดอะไรผิดหว่า.....

“ผมว่าเรารีบไปกันเถอะครับมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด”

“โอเค”

เออ...นั่นเออออห่อหมกกันสองคนแล้วก็รีบไป รอฉันด้วย..........


มาร์คมาเลี้ยงรับรองมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดที่ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นห้องคาราโอเกะสุดหรู อาหารญี่ปุ่นเต็มโต๊ะนี่ก็เรียกน้ำย่อยในกระเพาะจนรู้สึกหิว แต่อะไรเนี่ย อีตาเอ็ดเวิร์ดทำไมต้องมานั่งติดหญิงสาวคนเดียวในห้องขนาดนี้ แล้วชายหนุ่มอีกคนก็โดนเขี่ยกระเด็นให้ไปนั่งอีกฟากของโซฟา แล้วเป็นอะไรล่ะนั่นอาหารไม่ถูกปากหรือยังไงถึงได้ทำหน้าหงิกงอเป็นจวักอย่างนั้น

“เอ่อ มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด คุณคิดอย่างไรกับแผนการตลาดของเราที่เสนอคุณไปเมื่อคราวที่แล้ว”

“เฮ้ เกิร์ล ยูชื่ออะไร” คำถามของมาร์คถูกลืม

“ฉันชื่ออริศรา เรียกแพนก็ได้ค่ะ”
“ผมว่าเรามาวางแผนที่จะนำสินค้าตัวใหม่ออกสู่ตลาดอเมริกากันดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มอีกคนอยากร่วมวงสนทนาด้วย

“แพน ยูมีแฟนหรือยัง” คำถามของมาร์คถูกลืมเป็นครั้งที่สอง

“ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ”

“ลองกินซูชิดูซิครับผมว่าอร่อยดี” มาร์คยังพยายามอีกรอบ

“ยูเป็นคนน่ารักมาก”

“ขอบคุณค่ะ” มาร์คอยากเอาหน้ามุดโซฟาเมื่อคำพูดของเขาถูกลืมเป็นครั้งที่สาม แล้วก็พอกันทีกับความอดทน

“นี่ คุณสองคนผมยังอยู่ที่นี่ด้วยอีกคนนะครับ”

“ก็ใช่น่ะซิ” แพนและเอ็ดเวิร์ดพูดพร้อมกันแต่คนละภาษา

“ยูเป็นอะไรไปมาร์ค ไอยอมรับว่าไอสนใจแพนนะ ยูช่วยเป็นพ่อสื่อให้หน่อยซิ” พูดภาษาไทยกันไม่ได้หรือไงนะ ฉันฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง! แพนบ่นในใจ

“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะแพนเขามีแฟนแล้ว”

“Really! เมื่อกี้เธอบอกว่ายังไม่มีแฟน”

“เธอเป็นแฟนผมครับ เมื่อกี้เธอกำลังงอนผมอยู่ก็เลยพูดประชดออกไปอย่างนั้น”

“โอ้ มายก็อด ผมยินดีด้วยคุณเป็นคนโชคดีมาก เธอเป็น nice girl จริง ๆ”

เฮ้อ! คุยอะไรกันเนี่ย ฉันเซ็งแล้วนะยะ แล้วทำไมนายมาร์คนั่นถึงได้ยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหูอย่างนั้น หรือว่าตกลงงานกันได้ถึงจับมือแสดงความยินดีกัน (ยัง...ยังไม่รู้อีกว่าถูกคนบางคนสมอ้างเป็นแฟน ยัยบื้อเอ๊ย..) หญิงสาวชักจะเบื่อกับบรรยากาศซะแล้ว เพราะสปีคกันไฟแล่บขนาดนั้น หล่อนจับใจความไม่ทันว่าพูดอะไรกัน

หลังจากเลี้ยงรับรองลูกค้าเสร็จ แพนยืนยันว่าจะนั่งแท็กซี่กลับเองเพราะเกรงใจบอสชั่วคราวที่จะต้องขับรถกลับไปกลับมาเนื่องจากบ้านอยู่คนละทิศทาง แต่เขาไม่ยอมอ้างโน่นอ้างนี่สารพัดบอกว่าช่วยชาติประหยัดพลังงาน และตบท้ายด้วยการลากเธอขึ้นรถไปส่งด้วยตนเอง

“ขอบคุณค่ะ” แพนกล่าวเมื่อรถจอดอยู่หน้าโรงแรมที่เธอพักอยู่

“ให้ผมขึ้นไปส่งนะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้เอง ดึกแล้วคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” และเขาก็ไม่อยากรั้งเธอไว้ให้ไก่ตื่น

“ถ้างั้น ถึงห้องแล้วล็อคห้องให้เรียบร้อยนะครับ อย่าเปิดประตูให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า อยู่ที่นี่คุณต้องระวังตัวให้มาก พวกมิจฉาชีพมันชุกชุม” ถ้าฟังไม่ผิดน้ำเสียงของเขาเจือความห่วงใยมาด้วย รู้สึกดีจัง ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ตั้งแต่เขาคนนั้นทิ้งไปอย่างไม่มีเยื่อใย

“ขอบคุณค่ะฉันชินกับการอยู่คนเดียวแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ แล้วก็ขับรถกลับดี ๆ นะคะ”

“หลับฝันดีครับ” ไม่พูดเปล่าแต่เขากลับจุ๊บที่หน้าผากอีกแล้ว จนต้องรีบเปิดประตูรถออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่มันส่งเสียงดังจนแทบปะทุออกมานอกอก

“เฮ้อ...อยู่กับคุณมาก ๆ ฉันต้องเป็นโรคหัวใจแน่เลย ทำไมมันต้องเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งที่คุณเข้าใกล้ด้วยนะ” แพนรำพึงกับตัวเองขณะเดินเข้าห้องไป

ฝ่ายหนุ่มมาร์คหลังจากกลับถึงคอนโดแล้ว ก็เอาแต่นอนยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เริ่มตั้งแต่เขาเจอสาวที่ติดอยู่ในหัวใจมานานที่บริษัทของเขาเอง แม้การพบกันแต่ละครั้งจะทำให้เขาเจ็บตัวแต่ก็ยังอิ่มเอมใจ ประทับใจ ต่อด้วยอาการตกใจสุดขีดของเธอที่ได้เจอเขาอีกรอบในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโรงเรียน และตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อรู้ว่าต้องมาเป็นเลขาชั่วคราวของเขา จากนั้นเขาก็ได้เป็นจูบแรกของเธอ ซึ่งทำให้เขาประทับใจไม่รู้ลืมกับท่าทางไร้เดียงสาไร้จริตมารยา เมื่อนึกถึงตอนนี้ปลายนิ้วเรียวยาวก็ลูบไล้บริเวณริมฝีปากที่ได้สัมผัสหล่อนถึงสองครั้งในวันเดียวกัน ให้ตายซิ เขาหุบยิ้มไม่ได้เลย ทำไมมันช่างมีความสุขเสียจริง แค่ได้นึกถึงดวงหน้าหวาน และอาการตอบสนองที่กึ่งเต็มใจแกมลังเลก็ทำให้อารมณ์เขากระเจิดกระเจิงแทบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเองก็ยังไม่อยากจะปักใจเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดมันคือ ความรัก แต่เขาต้องค้นหามันให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เพียงแค่ได้เจอได้สัมผัสได้ยั่วแหย่ก็ทำให้เขามีความสุขจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ เพราะเพียงแค่หลับตาลงภาพแม่ครูสาวตัวเล็กนั่นก็เฝ้าวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงตลอดเวลา เฮ้อ ! ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่อีกซีกโลกหนึ่งและกลับมาเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่เมืองไทยไม่เคยเลยที่จะมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาเป็นได้ถึงขนาดนี้ และเขาก็พึงระลึกได้ว่าตลอดเวลาที่เขาไม่ได้พบเธอนั้น เขาเองก็ไม่เคยลืมเธอได้เลยจริง ๆ

จากคุณ : ไอดิน
เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 13:47:20 A:110.49.67.29 X: TicketID:262651




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com