Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - 12 - ความกลัวและคำลวง

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

* * * * *

ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - แฟนคลับต้อนรับรูอาร์คอย่างคับคั่ง ^^

ส่วนชาลัวห์ได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ครับ :)

น้องแตม - กลายเป็นพอน้องแตมเมนต์แล้ว คนเขียนเกิดลงได้ช้าลงพอดี - -a

ที่ต้องให้ซานาช่วยเนอร์กุยก็เพื่อให้เรื่องสะดวกขึ้น ^^a ส่วนอาเมียร์แกเป็นโรคหัวใจอ่อนแอและแพ้เลือดน่ะครับ

ส่วนกะหลั่ว ที่จริงก็น่าสงสาร แต่แกก็ทำคนอื่นไว้เยอะเหมือนกัน ก็คงจะต้องตามใช้ไปอีกนานแหละนะ

คิดว่าน่าจะอ่านตำนานคนจรในเจเจนะ เพราะเป็นเรื่องแรกที่พี่ลงของบอร์ดนั้นเลย

* * * * *

บทที่ ๑๒
ความกลัวและคำลวง


"ไง ไอ้เปี๊ยก สบายดีไหม" เด็กหนุ่มผมแดงซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโต๊ะตัวหนึ่งโบกมือเรียก ทันทีที่เด็กสาวในคราบเด็กชายลงบันไดมา

แอชลีนน์อดยิ้มไม่ได้ที่พบเขาอีกครั้ง ...ถึงอีกฝ่ายจะยังทำตัวน่าหมั่นไส้ไม่หาย

"เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง"

"โธ่ ข้ามีม้าข้าก็ขี่มา มีขาข้าก็เดินมา ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย"

"ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย" เด็กสาวดึงเก้าอี้ออกนั่งตรงกันข้าม "รู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่ ถึงได้ตามมาถูก นั่นละที่ข้าอยากรู้"

ตอนที่แอชลีนน์นำข้าวของต่างๆ ขึ้นมาถึงตามที่ซานาแนะนำ อาเมียร์ก็หลับสนิทไปแล้ว เด็กสาวจึงคิดจะช่วยเช็ดตัวให้ ด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะหลับสบายขึ้น แล้วก็ตั้งใจจะเฝ้าอยู่ข้างๆ ...แต่ไม่ทันไร พนักงานโรงแรมคนหนึ่งก็ขึ้นมาเรียกเธอลงไปในชื่อ 'แอช' เนื่องจากมีชายผมแดงคนหนึ่งที่บอกเพียงว่าตนชื่อ 'กระรอกแดง' ขอพบ และทิ้งท้ายว่าพูดเพียงเท่านี้ เธอก็น่าจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร

แอชลีนน์นึกออกเพียงคนเดียวเท่านั้น ว่าใครคือชายลึกลับคนนี้ แม้จะประหลาดใจมาก ว่าเขาตามมาเหมือนกับรู้ที่อยู่ของพวกเธอแน่นอนเช่นนี้ได้อย่างไร

"ก็พวกเจ้าทำวีรกรรมใหญ่ไว้ซะขนาดนั้น ข้าเข้าไปถามๆ ในหมู่บ้านที่โดนโจรปล้นก็ได้ชื่อกันมาทั้งสามคนแล้ว ยิ่งยังใช้ชื่อ ‘แอช’ เหมือนเดิมด้วย" รูอาร์คฉีกยิ้มยียวน "แต่คราวนี้รู้สึกจะดูมอมแมมเหมือนเด็กผู้ชายจริงๆ ขึ้นมาเยอะเลยน้า ต่อให้ยังแอบตุ้งติ้งอยู่บ้างก็เถอะ"

เด็กสาวทำหน้าง้ำ แต่แล้วก็นึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากถามอีกฝ่าย

"ครอบครัวของอาเมียร์เป็นอย่างไร ปลอดภัยดีใช่ไหม"

"อะไรกัน เจอหน้าข้าแทนที่จะถามว่าสบายดีไหม กลับไปถามถึงคนอื่น ข้าอุตส่าห์ให้คนตอกตะปูตัวเองปิดตายใต้ที่นั่งรถม้าอยู่เป็นชั่วโมง กว่าจะออกจากด่านมาได้ แถมยังขี่ม้าห้อแรดมาตลอดทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน จนมาเจอพวกเจ้าเชียวนะ"

"ถ้ามีแรงตัดพ้อได้อย่างนี้ แสดงว่ายังไม่ใกล้ตายหรอก" แอชลีนน์สวนกลับทันที "ว่าอย่างไร เจ้าช่วยครอบครัวของอาเมียร์ไว้ใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า"

"ให้ตาย ใครสอนเจ้าให้ปากร้ายขึ้นเนี่ย" รูอาร์คกลอกตา แต่ก็พยักหน้า "พวกเขาปลอดภัยดี ตอนนี้พ่อข้าช่วยดูแลอยู่ ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมันเอาตัวไปได้ง่ายๆ หรอก"

"ดีแล้วล่ะ" เด็กสาวค่อยยิ้มออกได้มากขึ้น

"แล้วอาจารย์ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง เห็นคนของโรงแรมบอกว่าไม่สบายนี่"

"ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่เมื่อคืนนอนไม่พอ เลยเป็นลมเท่านั้นเอง"

"หือ...ทำไมนอนไม่พอล่ะ"

"ก็ออกไปข้างนอกแทบทั้งคืน ไม่ได้หลับได้นอนน่ะสิ"

สีหน้าของเด็กหนุ่มผมแดงเปลี่ยนเป็นมีเลศนัยทันที

"โอ้... ออกไปข้างนอก ‘แทบทั้งคืน’ ในอันเวียนนี่นะ เจ้าช่างใจกว้างจริงๆ เชียวที่ยอมปล่อยเขาไปได้"

"เอ๋" แอชลีนน์กะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง ก่อนที่ใบหน้าจะร้อนผ่าวขึ้น "ม...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ! เขาออกไปตามชาลัวห์ต่างหาก!"

"อะไรกัน นี่พวกเจ้าให้อภิสิทธิ์คนร้ายออกไปเที่ยวราตรีได้ด้วยหรือ" เสียงของรูอาร์คแข็งขึ้นทันควัน จนเด็กสาวไม่แน่ใจว่าเขาล้อเล่นหรือไม่พอใจจริงๆ กันแน่

"เปล่าหรอก เขาออกไปเอง คือ...ข้าคิดว่าเขาไม่ได้ออกไปเที่ยวหรอก แต่มีเรื่องอะไรสักอย่างที่พวกเราไม่รู้กระมัง ดูเหมือนชาลัวห์จะรู้จักนางโลมคนหนึ่งในตรอกข้างหลังนี้ เมื่อวานนี้พวกเขาหลบไปคุยกันสองคน แล้วคืนนั้นชาลัวห์ก็ออกไปไหนไม่รู้ ก่อนจะถูกซ้อมกลับมา ทีแรกเราก็คิดว่าเขาอาจจะหนี แต่เขาไม่ได้เอาเงินไปด้วย อาเมียร์เลยออกไปตาม แต่ปรากฏว่าชาลัวห์กลับมาก่อน เลยสวนกัน"

"อ้อ" เด็กหนุ่มผมแดงกอดอกพลางพยักหน้า

"รูอาร์คพบเขาแล้วใช่ไหมล่ะ ข้าให้เขาเฝ้าเกวียนอยู่ข้างนอก"

ผู้ฟังพยักหน้าอีกครั้ง แต่ก็ไม่วายเปรย

"ไม่กลัวมันขับเกวียนหนีหรือ"

"คงไม่หนีหรอก ถึงหนี เขาก็ไม่มีทางไปที่ไหนได้ แล้วสภาพแบบนั้นก็คงไม่คิดหนีด้วย" แอชลีนน์พูดก่อนจะนึกขึ้นได้ "ว่าแต่เจ้าคงไม่ได้ไปขู่ฆ่าเขามาใช่ไหม"

"ไม่ล่ะ ข้าไม่คิดจะฆ่ามันหรอก" รูอาร์คเว้นไว้ชั่วอึดใจ "ถ้าไม่ได้ทรมานมันให้หายแค้นก่อน"

เด็กสาวไม่รู้จะคิดอย่างไรกับเรื่องนั้น เพราะเธอเองยังนึกอยากให้คนที่ฆ่าพ่อแม่พี่ชายของเธอได้ลิ้มรสความทรมานยิ่งกว่าที่ทั้งสามคนรู้สึกรวมกันเลยด้วยซ้ำ

"อาเมียร์ยอมพาเขามาด้วยเพื่อให้ไปขอขมาพ่อแม่ของเฟลิม แล้วก็ให้สองคนนั้นตัดสินโทษแทน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็...ปล่อยเขาไว้เฉยๆ สักพักเถอะ"

"อาจารย์น่ะใจอ่อนเกินไป" เด็กหนุ่มผมแดงพูดขึ้น "ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องสักหน่อย ปล่อยๆ ให้มันเน่าตายในคุกกรงน้ำก็พอแล้ว ข้ายังคิดเลย ว่าหอบหิ้วมันออกมาให้ทางการตามผิดทางแล้วเชือดทิ้งยังง่ายกว่ากันเยอะ"

"ยังมีอะไรมากกว่านั้นนะ" แอชลีนน์ติง "ชาลัวห์ถูกใช้เป็นเบี้ยใส่ความอาเมียร์ ถ้าเขาตายไป อาเมียร์คงถูกมองว่าเป็นคนร้ายจริงๆ ยิ่งถ้าอาเมียร์ฆ่าเขาเองด้วยแล้ว"

"วุ่นวายตายชัก" รูอาร์คกลอกตาพร้อมกับถอนใจเฮือก

"เอาเถอะ เรื่องพาเขาไปด้วยนี่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก สำคัญกว่าคือเราต้องรีบเดินทางไปถึงยาร์ลาธให้เร็วที่สุดมากกว่า"

"นั่นล่ะ ข้าตั้งใจมาบอกพวกเจ้า ว่าพวกนั้นส่งราชองครักษ์ปลอมตัวเป็นทหารมาเฝ้าด่านทางบกเข้ายาร์ลาธ ดูลัสก็อยู่ในนั้นด้วย"

เด็กสาวพยายามสะกดความประหลาดใจไว้

"เป็นอย่างที่อาเมียร์คิดไว้จริงๆ"

"อาจารย์ก็รู้ตัวแล้วสินะ" เด็กหนุ่มผมแดงพูดเรียบๆ เหมือนไม่แปลกใจ

แอชลีนน์พยักหน้า

"เขาตั้งใจให้พวกเราเปลี่ยนเส้นทาง เห็นว่าจะไปดาวิมี แต่หลังจากนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนอีก ไว้เขาตื่นแล้วรูอาร์คไปคุยด้วยดีกว่า"

เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้า

"ก็ดี ข้าจะได้หาอะไรกินรองท้องหน่อย นี่หิวไส้กิ่วแล้ว เจ้าช่วยป้อนทีสิ”

เด็กสาวยิ้มเข่นเขี้ยว

"อยากหาคนป้อนก็ไปหาเองข้างนอก มาถึงอันเวียนทั้งทีแล้วไม่ใช่หรือ ข้าขึ้นไปเฝ้าอาเมียร์ก่อนล่ะ"

รูอาร์คเริ่มทำหน้าเบ้ แต่ยังไม่วายตัดพ้อ

"คำก็อาเมียร์ สองคำก็อาเมียร์ สนิทสนมกันดีจริงน้า ใช่ซี่ ข้ามันไม่น่ามาเป็นก้างขวางคอเลยนี่"

"พ...พูดอะไรบ้าๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้นล่ะ เขาแค่บอกให้ข้าเรียกชื่อเฉยๆ เพราะไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์กันอีกแล้วเท่านั้นเอง!" แอชลีนน์รีบกลบเกลื่อน กระนั้นที่หน้าก็ยังรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาอีกครั้ง

"ไม่ได้เป็นศิษย์อาจารย์กัน แล้วตอนนี้เป็นอะไรล่ะ" เด็กหนุ่มผมแดงกระซิบด้วยเสียงเหมือนผู้ถือไพ่เหนือกว่า "ก่อนเข้ายาร์ลาธ รีบหากระโปรงมานุ่งแล้วลากเขาเข้าโบสถ์กันเถอะ ข้าจะเป็นพยานให้เอง จากนั้นเจ้าค่อยไปประกาศให้พวกตาแก่หงำเหงือกในวังยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ให้ได้แล้วกัน"

แอชลีนน์เบือนหน้าหลบทันควัน แม้นลึกอยู่ในใจจะไม่วายรู้สึกว่า...หากทำอย่างนั้นได้จะดีเพียงไร

"ทำอย่างนั้นได้เสียที่ไหนเล่า"

"งั้นก็...ให้เจ้าดื่มยาแกล้งทำเป็นตาย แล้วข้านัดอาจารย์เข้าไปแงะสุสานหลวง พาเจ้าหนีไปยังแดนไกลดีไหม"

"จะทำได้ยังไง ไม่ใช่ละครสักหน่อย" เด็กสาวเถียงก่อนจะรีบพูดต่อ "แล้วเราก็ไม่ได้เป็นคนรักกันด้วย พอเขาปลอดภัยแล้ว ข้าก็จะกลับวังเสียที ที่ตามมาก็แค่เพราะเป็นห่วงเท่านั้นล่ะ"

"แค่เป็นห่วงอย่างเดียวหรือ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงเพราะรู้สึกอะไรอีกอย่างด้วยหรือ"

"พอแล้ว ข้าจะขึ้นไปจริงๆ นะ" แอชลีนน์ลุกจากเก้าอี้ก่อนจะหันกลับไป แต่แล้วก็ชะงักเท้าอีกครั้ง

"ถามจริง เจ้าอยากแต่งงานกับองครักษ์หน้าบูดใจแคบ หรือผู้กองเจ้าระเบียบน่าเบื่อคนนั้นแทนรึไง"

"ข้าจะอยากแต่งงานกับใคร...มันก็ไม่สำคัญหรอก" เด็กสาวกลั้นใจพูดเบาๆ "ชะตากรรมเลือกใครให้ข้า...ข้าก็ต้องแต่งกับคนคนนั้นเพื่อธีร์ดีเร ก็เท่านั้นเอง"

แอชลีนน์ก้าวยาวๆ ไปจากรูอาร์ค...พร้อมกับสะกดเสียงถอนใจไว้ ถึงแม้จะมีเสียงของอีกฝ่ายดังตามหลังมา เหมือนไม่ได้ตั้งใจพูดกับเธอ แต่จงใจให้เธอได้ยิน

"มัวแต่ยึกยักกันเสียอย่างนี้ เดี๋ยวก็หมดโอกาสจริงๆ หรอก"

* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 53 18:41:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com