เด็กชายเอสตอรี่ ตอน: เทพธิดา-ราตรี [เรื่องสั้นผี โรแมนติก]
|
 |
***เทพธิดา-ราตรี***
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน เข็มสั้นนาฬิกาชี้ตรงไปยังหมายเลข 12 ในเวลากลางดึก หนึ่ง ชายหนุ่มผู้ย้ายเข้ามาอยูใหม่ เดินตรงเข้ามาในซอยเปลี่ยว บรรยากาศรอบข้างเงียบเหงาจนน่าวังเวง ฝั่งซ้ายมือของเขาเป็นพื้นที่รกร้างกว้างขวางที่ถูกปกคลุมด้วยป่ากกสูงเลยหัว ส่วนฝั่งขวามือเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นที่ปลูกเรียงรายกันไปตามแนวลึกของซอย ถนนแคบๆ ในซอยถูกส่องสว่างด้วยแสงสีเหลืองจากหลอดไฟข้างทาง บรรยยายกาศในซอยนี้เงียบเหงาผิดปกติจริงๆ มันเงียบเสียจนเกือบจะได้ยินเสียงฝีเท้าตัวเอง หนึ่งพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่เดินลึกเข้ามาในซอย
สายตาของชายหนุ่มสะดุดอยู่ที่ต้นมะขามใหญ่ริมทางที่ถูกโอบล้อมไว้ด้วยป่ากกสูงท่วมหัว เขาสังเกตุเห็นแสงสีขาวที่สว่างเรืองออกมาจากโคนต้นมะขามเหมือนอย่างกับว่ามีใครเอาหลอดไฟไปยัดไว้ในต้นไม้ ชายหนุ่มจ้องมองมะขามต้นนั้นอย่างไม้วางตา ขณะเดียวกันก็สาวเท้าเดินใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
แสงนั้นเริ่มมีความเคลื่อนไหว จนกระทั่งมองเห็นเป็นภาพขาเรียวเล็กข้างหนึ่งค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากต้นไม้ ตามออกมาด้วยลำตัว ช่วงท่อนแขน ส่วนหัว แล้วขาอีกข้างก็ก้าวตามออกมา
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาของหนึ่งคือร่างของหญิงสาว ที่สวมชุดนอนแบบกระโปรงแขนยาวสีขาวบริสุทธิ์ ชุดนั้นปกคลุมมิดทั่วร่าง เผยให้เห็นเพียงใบหน้าของหญิงสาวที่มองมายังเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าของเธอแม้จะดูขาวซีดจนผิดธรรมชาติ แต่ดวงหน้านั้นงดงามหมดจด ริมฝีปากเรียวบาง รับกับคิ้วที่โค้งเรียวอย่างพอเหมาะ ดวงตารีเล็ก จมูกมีสันดั้งโด่งพองาม เธอปล่อยผมที่ดำขลับมันวาวปอยหนึ่งพาดมาทางด้านหน้า
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าทำให้หนึ่งยืนนิ่งไปชั่วขณะ บัดนี้อารมณ์เศร้าได้ผุดขึ้นมาในจิตของชายหนุมอย่างยากที่จะสกัดกลั้น หนึ่งก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวผู้นั้น ก่อนที่จะเอ่ยว่า "ขอโทษทีเถอะครับ นี่ก็ดึกแล้ว คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวมายืนทำอะไรตรงนี้ครับ ถ้าไม่รังเกียจให้ผมเดินไปส่งที่บ้านได้ไหม" * * * ต้นกำเนิดของเรื่องราวนี้ย้อนกลับไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ชายที่อยู่ในอาการเมาสุรา 3 คน ได้รุมข่มขืนฆ่าเมษา หญิงสาวผู้มีนิสัยเรียบร้อยน่ารัก เป็นเรื่องน่าเศร้าเกินกว่าใครจะยอมรับได้ ที่สาวสวยแสนดีอย่างเมษาต้องมาจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร ศพของเมย์ถูกหมกทิ้งไว้ในป่ากกใกล้ต้นมะขามใหญ่ ต่อมาชายทั้ง 3 ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
นั่นทำให้ดวงวิญญาณของนางอาฆาตแค้นหลอกหลอนผู้ชายทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่ง ชายหนุ่มผู้ถูกจดรายชื่อไว้ในบัญชีดำ ในฐานะที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของหนึ่งใน 3 ฆาตกรที่ลงมือฆ่าเธออย่างเลือดเย็น * * * * ในค่ำคืนที่เงียบวังเวงนั้น หนึ่งไม่รอฟังคำตอบว่าหญิงสาวจะเต็มใจเดินไปกับเขาหรือไม่ ชายหนุ่มออกเดินนำหน้า ขณะที่หญิงสาวเดินตามหลังมาเงียบๆ ทันใดหญิงสาวก็ออกเดินนำหน้าหนึ่งไปอย่างงเร่งร้อน แต่ไร้เสียงฝีเท้า ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาว "บ้านคุณหลังไหนครับ" หนึ่งสาวหยุดนิ่งก่อนที่จะตอบด้วยเสียงเยือกเย็นน่าขนลุก "บ้านฉันประตูรั้วสีฟ้าหลังนั้นไงงงงงงงงง" เธอยกแขนชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ภาพที่ปรากฏต่อมาคือเธอเดินหายเข้าไปในบ้านหลังนั้นโดยไม่ได้เปิดประตู...
หนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน ทำให้น้ำตาไหลอาบเต็ม 2 แก้มของหนึ่งอย่างยากที่จะสกัดกลั่น เขายืนสะอื้นไห้อยู่ตรงนั้นนานหลายนาทีท่ามกลางแสงไฟรำไรที่สาดมาทาบบนตัวเขา ชายหนุ่มปาดน้ำตาก่อนที่จะเอ่ยลอยๆ ออกไปท่ามกลางบรรยากาศอันว่างเปล่า "พรุ่งนี้เรามาเจอกันอีกนะครับ"
รอยยิ้มน้อยๆ เริ่มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของชายหนุ่มที่เดินลึกเข้าไปในซอย..... * * * หนึ่งมีความจำเป็นอยู่มากทีเดียว ที่ต้องย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ในระแวกนี้ เหตุผลสำคัญคือย้ายมาอยู่กับแม่ที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวแถมสภาพจิตใจยังย่ำแย่จากการที่สามีถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในคดีฆ่าข่มขืน และยังมีอีกหนึ่งเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ในซอยเปลี่ยวแห่งนี้ เป็นเหตุผลที่ไม่สามารถบอกใครได้ หรือบอกไปก็อาจจะไม่มีใครเชื่อ... * * * คืนถัดมา หนึ่งยังคงเดินเข้าซอยเปลี่ยวหลังเวลาเลิกงานเหมือนอย่างที่เคยทำในคื่นก่อน ด้วยกิตติศัพท์ความเฮี้ยนของผีสาว ทำให้บรรยายามค่ำคื่นในซอยนี้เงียบเหงากว่าที่ควรจะเป็น เสียงละครวิทยุที่ดังแว่วออกมาจากทุกหลังคาเรือนเงียบเสียงลงหลังเวลา 3 ทุ่ม และไม่มีใครกล้าออกจากบ้านหลังเวลานั้น บางครอบครัวทนความเฮี้ยนของผีสาวไม่ไหวถึงกับต้องย้ายออกไปทีละหลัง 2 หลังจนเกือบจะกลายเป็นหมู่บ้านร้าง
เสียงเย็นยะเยือกของหญิงสาวลอยก้องกังวาลไปมาในอากาศ "ช่วยด้วยยยยย ช่วยด้วยยยย ช่วยฉันด้วยยยยยย"
"โอ้โหหหหหหหหหห" หนึ่งถึงกับอุทานออกมาด้วยเสียงอันดังเมื่อหันมองไปยังต้นเสียง แล้วพบกับร่างของหญิงสาวในชุดนอนสีขาวยืนอยู่บนยอดต้นมะขามที่สูงลิบลิ่ว "ลงมาเถอะครับ คุณไปทำอะไรอยู่บนนั้น น่าหวาดเสียว ลงมาเถอะ" เมื่อสิ้นเสียงของหนึ่ง หญิงสาวกระโดดจากยอดไม้ ลงมายืนประจันหน้าชายหนุ่มในตำแหน่งที่ห่างจากกันไม่เกิน 5 เมตร "โอโห้หหหหหหหห" หนึ่งถึงกับอุนทานออกมาดังๆ อีกครั้ง เขาก้าวเท้าเดินเข้าไปประชิดตัวหญิงสาว
"ไม่ยักกะรู้ว่าคุณเป็นนักยิมนาสติก กระโดดลงจากที่สูงแบบนั้นคุณไม่กลัวเจ็บตัวเหรอ" หนึ่งมองสำรวจร่างกายหญิงสาวส่วนที่โผล่พ้นชุดนอนแขนยาว ก็ไม่พบว่ามีส่วนไหนพกช้ำแต่อย่างใด "ขอโทษนะครับ ผมเจอคุณ 2 คืนติดๆ แต่ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย บอกผมหน่อยได้ไหมถ้าคุณไม่รังเกียจ" "ฉันชื่อเมษาาาาาาาาาาาา" หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "อืม....... ชื่อเพราะดีนะครับ ผมขอเรียกคุณว่าเมย์แล้วกัน สั้นๆ เรียกง่าย แถมยังเก๋อีกต่างหาก สมัยนี้เขายิ่งชอบตั้งชื่อเป็นฝรั่งกัน คุณชอบไหม"
หญิงสาวยืนนิ่งแทนคำตอบ "ขอโทษที่ยังไม่ได้บอกชื่อตัวเอง ผมหนึ่ง ชื่อสั้นๆ จำง่าย" หญิงสาวยังคงเงียบ "เอาหล่ะเราเดินกลับบ้านกันดีกว่าครับ นี่ก็ดึกแล้ว อากาศก็เย็น เดี๋ยวจะไม่สบายเปล่าๆ" พูดจบหนึ่งออกเดินนำหน้า ขณะที่หญิงสาวเดินเท้าเปล่าตามมาอย่างเงียบๆ ในบรรยากาศของซอยเปลี่ยวที่ถูกส่องสว่างด้วยแสงไฟสลั่ว และแล้วหญิงสาวนางนั้นก็เดินหายเข้าไปในบ้านประตูรั้วสีฟ้า * * * คำคื่นต่อมาชายหนุ่ม และหญิงสาวคู่นี้ได้มาพบกันเหมือนอย่างเคย หญิงสาวปรากฏตัวในลักษณะของกลุ่มควันสีขาวที่ค่อยๆ รวมตัวกันเข้าเป็นรูปร่างของผู้หญิง
แต่นั่นก็ยังไม่น่าประทับใจเท่ากับการที่หญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงที่เดินชายกระโปรงด้วยลายลูกไม้สีขาว รับกับเสื้อแขนตุ๊กตาสีแดงอย่างพอเหมาะ "โอ้โหหหหหหห เมย์สวยจังเลยครับคืนนี้ ชุดนี้เหมาะกับคุณมากรู้ไหม" หนึ่งเอ่ยชมออกไปด้วยความตื่นเต้น ทันใดพวงแก้มของหญิงสาวถูกแต้มด้วยสีชมพูอมแดงระเรื่อ พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่ฉายออกมาจากดวงหน้า นั่นยิ่งทำให้หนึ่งยิ้มกว้างขึ้นอีก ในท้ายที่สุดชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้ก็พากันเดินเข้าซอยไปเหมือนอย่างเคย * * * ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มหญิงสาวยังคงดำเนินไปในรูปรอยเดิม จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมากว่าครึ่งเดือน และในคื่นนั้นก็มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น
ขณะที่หนึ่งเดินเลียบถนนใหญ่ก่อนที่จะลัดเลาะเข้าซอยเปลี่ยวเหมือนอย่างที่เขาเคยทำอยู่ทุกวัน ทันใดสายตาของชายหนุ่มก็เหลือบเห็นร่างของหญิงผู้หนึ่งนอนแผ่หราอยู่ริมถนน เขารีบเดินเข้าไปดูด้วยอาการตกใจ ก็พบว่ามีเลือดไหลออกมาจากศรีษะของหญิงผู้นั้น และช่วงจังหวะการหายใจที่เหนื่อยหอบ "ช่วยด้วย ฉันถูกรถเฉี่ยว" หญิงเคราะห์ร้ายพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมส่งสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ
"ไม่ต้องกลัวครับ ผมจะเรียกรถมารับคุณไปโรงพยาบาล" พูดจบหนึ่งรีบออกไปยืนโบกรถที่ริมถนนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ในช่วงเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ นานๆ ทีจะมีรถวิ่งผ่านมาสักคัน รถบางคันจอดดู แล้วก็ออกรถไปอย่างไม่แยแส นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอีก หนึ่งต้องสลับการโบกรถมาจับมือหญิงที่นอนเจ็บอยู่เพื่อให้กำลังใจ จนในที่สุดก็มีรถของผู้ใจบุญที่พาหนึ่ง และหญิงเคราะห์ร้ายไปส่งโรงพยาบาล
เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินไปภายใต้สายตาของเมย์ที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล แต่กลับไม่มีใครมองเห็นเธอ "ฉันขอโทษที่มองเธอผิดไป ขอโทษจริงๆ" เดิมที่หญิงสาวตั้งแง่อคิตว่าลูกฆาตกร อย่างไรซะก็ต้องเป็นฆาตกรอย่างแน่นอน แต่ลูกฆาตกรคนนั้นกลับแสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ภาพแววตาของชายหนุ่มที่แสดงถึงความกระตือรือร้นแต่แผงไว้ด้วยความสุภาพอ่อนโยน นั้นก็ยากนักที่จะต้านทานไม่ให้จิตใจหวั่นไหว แล้วไหนจะสองแขนที่แม้ไม่ได้มีมัดกล้ามใหญ่โต แต่กลับอุ้มประคองหญิงผู้นั้นไว้อย่างมั่นคงทนุถนอม ประหนึ่งว่าไม่ยอมให่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายนางบุบสลาย เมย์นึกไม่ออกเลยว่าจะรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัยขนาดไหนถ้าถูกสวมกอดด้วยวงแขนนั้น จะผิดไหมถ้าผู้หญิงหัวโบราณที่รักนวลสงวนตัวอย่างเธอ จะลองลิ้มชิมรสรักดูสักครั้ง หรือว่ามันจะสายเกินไปเสียแล้วก็ไม่รู้... * * * ค่ำคืนต่อมา บรรยากาศในซอยเปลี่ยวยังคงเงียบเหงาเช่นเคย แต่ผิดตรงที่คืนนี้มีหยาดฝนโปรยปรายลงมาปรอยๆ คืนนี้สาวเมย์ในชุดสีแดงยืนรอหนึ่งอยู่ใต้ต้นมะขามต้นเดิม แต่แปลกตรงที่ชุดสวยของเธอไม่เปียกน้ำฝนแม้แต่น้อย "เมย์ครับ ยืนอยู่นานหรือยัง ตากฝนแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายนะครับ" เมื่อขยับเข้าใกล้ ชายหนุ่มก็สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายของหญิงสาว สีผิวที่เคยขาวซีด วันนี้กลับดูมีน้ำมีนวล "วันนี้เมย์สวยจริงๆ ครับ" เป็นประโยคง่ายๆ ที่เอ่ยออกไปตามที่ใจคิด แต่กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมากมายต่อดวงใจน้อยๆ ของหญิงสาว
เมย์ตอบรับคำชมของชายหนุ่มด้วยพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย "เข้าร่มเถอะครับเมย์ เดี๋ยวจะไม่สบายซะเปล่าๆ" เมย์ขยับกายเข้าใกล้ชายหนุ่มภายใต้ร่มคันเดียว จนเนื้อตัวเกือบจะเบียดกัน ชายหนุ่มได้กลิ่มหอมอ่อนๆ ของน้ำอบนางลอยโชยมาจากกายของหญิงสาว "เมื่อวานต้องขอโทษด้วยครับ ที่ต้องปล่อยให้เมย์เดินกลับบ้านคนเดียว พอดีเกิดเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย" "เมื่อวานคุณทำตัวเหมือนเป็นวีระบุรุษเลยนะค่ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นปลอดภัยไหมค่ะ" ชายหนุ่มประหลาดใจที่หญิงสาวโต้ตอบเขาด้วยประโยคยาวๆ ไม่ถามคำตอบคำเหมือนแต่ก่อน แถมเสียงพูดยังอ่อนหวานชวนฟัง
"ว่ายังไงค่ะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง" ชายหนุ่มมัวแต่ตะลึงจนลึมตอบคำถามหญิงสาว "อ๋อ
ครับเธอปลอดภัยดี ก็มีเย็บแผล และดามกระดูก 2-3 จุด" "เอ๊ะ เมื่อคืนเมย์เห็นเหตุการณ์ด้วยเหรอครับ แต่ผมไม่ยักกะเห็นเมย์เลย" "อ้อ เมื่อคืนฉันแอบดูอยู่ห่างๆ คะ" เมย์ตอบแก้เก้อ ชายหนุ่มหญิงสาวเดินลึกเข้าไปในซอยเปลี่ยวภายใต้ร่มคันเดียวกัน และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไป * * * เรื่องราวความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวยังคงดำเนินต่อเนื่องมาอีกหลายค่ำคืน แต่ในคืนนี้หนึ่งเดินเข้าซอยเปลี่ยวพร้อมเฝือกที่แขนขวา เมย์ร้องทักด้วยความตกใจทันทีที่เห็นหน้า "หนึ่งเป็นอะไรค่ะ เจ็บมากมั้ย" "อุบัติเหตุในโรงงานครับ แขนผมหักเลยต้องเข้าเฝือก กินยาแก้ปวดแล้ว แต่ก็ยังปวดอยู่นิดหน่อยครับ" หญิงสาวถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้ม
โถที่รัก... ชีวิตหลังความตายของผู้หญิงคนหนึ่ง จะไปปรากฏตัวอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนเบือนหน้าหนี แม้แต่ญาติพี่น้องที่เคยรู้จักมักคุ้นกัน กลับไม่อยากเจอหน้าเธออีกต่อไป การเป็นคนที่ไม่มีใครอยากพบหน้า ไปไหนก็มีแต่คนรังเกียจมันเหงามากรู้ไหม ก็มีแต่คุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยเดินหนีฉันนับตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ความเจ็บปวดแม้จะเพียงเล็กน้อยฉันก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคุณเลย ฉันอยากตอบแทนน้ำใจคุณเหลือเกิน "ขอฉันจับแขนคุณหน่อยได้ไหมค่ะ" หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่แก้มขวาของนาง ขณะเดียวกันกับที่หนึ่ง ขยับแขนเข้าเฝือกยื่นออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ หญิงสาวอธิฐานจิต
ด้วยคุณงามความดีทั้งหลายทั้งมวลที่ลูกช้างเคยทำไว้ในอดีต ได้โปรดจงดลบันดาลให้อาการเจ็บป่วยของชายผู้นี้ทุเลาเบาบางลงด้วยเถิด
เมย์จับเข้าที่แขนขวาของหนึ่งที่ถูกหุ้มอยู่ในเฝือก ชายหนุ่มสัมผัสได้กับความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดตรงจุดที่เมย์ใช้มือสัมผัส ความปวดค่อยๆ เบาลงจนหายเป็นปลิดทิ้ง ขณะเดียวกันก็รู้สึกวาวหวามบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าความรัก หนึ่งตอบรับความหวังดีของเมย์ด้วยการวางมือซ้ายลงบนมือขวาของเมย์ที่วางอยู่แขนของเขา แต่สิ่งที่มือของหนึ่งสัมผัสได้นั้นไม่ใช่เนื้อหนังของหญิงสาวที่อ่อนนุ่ม สัมผัสได้ก็เพียงมวลอากาศอันว่างเปล่า แต่กลับมีความรู้สึกอบอุ่นทนุถนอมอัดแน่นอยู่ในมวลอากาศนั้น ทันใดสีหน้าของหญิงสาวเริ่มซีดขาว และดูอิดโรยลงเรื่อยๆ เมย์ชักมือออกจากแขนขวาของหนึ่งที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในเฝือก "วันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะค่ะ" พูดจบหญิงสาวก็วิ่งหายเข้าไปซอยลึก
* * *
ในค่ำคืนต่อมาหญิงสาวชุดแดงไม่ได้มายืนรอชายหนุ่มที่ใต้ต้นไม้เหมือนอย่างเคย ทำให้ชายหนุ่มที่สวมเฝือกแขนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขายืนรออยู่ใต้ต้นไม้อยู่นาน 2 นานแต่ก็ไม่มีวี่แววของหญิงสาว ในคืนต่อมาก็ยังคงไร้วี่แววของเมย์อีกเช่นเคย หนึ่งสำรวจดูตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบนยอดไม้ ภายใต้เงามืดของต้นไม้ เอามือแหวกป่ากกดูก็แล้วแต่ยังไร้วี่แววของหญิงสาว เมย์ครับอย่าเล่นอย่างนี้สิครับ คุณหายไปไหน ทำไมไม่ออกมาหาผม ไร้ซึ่งเสียงโต้ตอบใดๆ เป็นอีกคืนหนึ่งที่ชายหนุ่มต้องเดินกลับบ้านคนเดียวด้วยอารมณ์เหงาๆ
หลังจากที่ไม่ได้เจอเมย์มาแล้ว 2 ค่ำคืน หนึ่งรู้สึกว่าบรรยากาศในซอยเปลี่ยวแห่งนี้เงียบเหงาจับใจ หญิงสาวที่เคยชวนกันเดินกลับบ้านอยู่ด้วยกันทุกคืน แต่ตอนนี้เธอหายไปไหนก็ไม่รู้ และในคืนนี้ใต้ต้นมะขามใหญ่ยังคงไร้วี่แววของสาวชุดแดงแห่งรัตติกาล หนึ่งยังคงตั้งใจมองหาเผื่อว่าจะเจอหญิงสาวโผล่ออกมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าของซอยเงียบเหงาที่ปกคลุมด้วยแสงไฟสีเหลืองรำไร เมย์ครับ แขนผมผ่าเฝือกออกแล้วนะครับ หมอยังประหลาดใจว่าทำไมแขนผมหายเร็วผิดปกติ วันนั้นเมย์ใช้พลังช่วยรักษาให้ผมใช่ไหมครับ
ชายหนุ่มนิ่งไปสักพัก พยายามกดกลั้นความสะเทือนใจ ทำไมเมย์ต้องเสียสละตัวเองขนาดนั้น ไม่ว่าเมย์จะอยู่ที่ไหน ถ้าคุณได้ยินเสียงผม ได้โปรดกลับมาหาผมอีกสักครั้งเถอะครับ อย่าจากผมไปแบบนี้ อย่าจากผมไปโดยที่ยังไม่ได้ล่ำลาสักคำ
ชายหนุ่มส่งเสียงสะอื้นไห้เบาๆ ปล่อยให้หยดน้ำตาไหลนองอาบ 2 แก้มอย่างสุดที่จะสกัดกลั้น ทำไมคุณต้องจากผมไปแบบนี้ กลับมาหาผมก่อนเมย์
ชายหนุ่มอ้อนวอนขอโอกาสครั้งสุดท้ายด้วยเสียงสั่นเครือ แต่บรรยายกาศรอบกายยังคงเงียบเหงาอยู่เช่นเดิม * * * * * เวลาใกล้เที่ยงคืนในวันต่อมา หนึ่งเดินเข้าซอยเปลี่ยวเหมือนอย่างเคยด้วยความรู้สึกเหงาๆ เขาคิดว่าวันนี้ก็คงจะไม่ได้เจอเมย์ แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบสาวชุดแดงมายืนรออยู่ที่จุดนัดพบประจำ ชายหนุ่มเก็บกักอารมณ์ดีใจเอาไว้ไม่อยู่จนต้องส่งรอยยิ้มออกไปทักทายหญิงสาว เธอก็ส่งรอยยิ้มน้อยๆ กลับมาทักทายชายหนุ่มด้วยเช่นกัน เมย์หายไปไหนมาครับ นึกว่าผมจะไม่ได้เจอเมย์อีกแล้ว หญิงสาวนิ่งไปสักพัก คิดว่าจะตอบอย่างไรดี เออ
เมย์ไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายวันคะ ขอโทษทีที่ไม่ได้บอกคุณ เอกไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ ด้วยความที่รู้ดีว่าสาวเจ้าคงไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย แต่ก็มีบางเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้
หน้าคุณซีดๆ นะครับ ดูแลตัวเองให้ดีด้วย ไม่สบายนิดหน่อยคะเดี๋ยวก็หาย หญิงสาวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากการใช้พลังวิเศษรักษาชายที่เขารักตอบกลับ วันหลังถ้าเมย์จะหายไปไหนนานๆ บอกผมก่อนนะครับ เล่นหายไปดื้อๆ แบบนี้ผมคิดถึงนะรู้ไหม คะ หญิงสาวรับค่ำสั้นๆ พร้อมด้วยอาการขวยอายที่แสดงออกมาทางพวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีอมชมพูระเรื่อ ชายหนุ่มก็เขินอายไม่แพ้กันที่เผลอพูดอะไรออกไปตรงๆ แบบนั้น
เราเดินกลับบ้านกันดีกว่าครับ หนึ่งออกปากชวน พลางคว้าข้อมือของหญิงสาวหมายจะเดินจูงมือสาวเจ้าเดินเข้าซอยไปด้วยกัน หญิงสาวไม่แสดงทีท่าปฏิเสธ มือของเอกไม่รู้สึกสัมผัสถึงผิวเนื้อร่างกายของหญิงสาว หากแต่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด วันนี้เมย์ใช้น้ำอบนางลอยอีกแล้วเหรอครับ กลิ่นหอมเย็นดี คะ ชายหนุ่มหญิงสาวจูงมือกันเดินหายลับเข้าไปในซอยเปลี่ยวเหมือนอย่างเคย แต่ผิดตรงที่คืนนี้ใจของทั้งสองคิดตรงกันว่าอยากให้ซอยเปลี่ยวนี้ทอดยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งสองจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานขึ้น * * * เรื่องราวความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงเวลาเที่ยงคืนยังคงดำเนินต่อเนื่องมาอีกหลายวัน จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งที่ชายหนุ่มนอนป่วยอยู่บ้านเพราะพิษไข้ หนึ่งนอนเล่นอยู่บนชั้นสองของบ้าน โดยมีแม่ของเขาหลับนอนอยู่ในห้องที่อยู่ติดกัน ชายหนุ่มนอนฟังละครวิทยุคลายเหงาเนื่องจากไม่เคยชินที่จะนอนในเวลาแบบนี้ หนึ่งค่ะ หนึ่งค่ะ คุณหลับหรือยัง หนึ่งตกใจเล็กน้อยที่อยู่ดีๆ ก็มีเสียงหญิงสาวร้องเรียกเขาในยามวิกาลเช่นนี้ และเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หญิงสาวที่เขารู้จักดีนั่นเอง
หนึ่งชะโงกหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ก็พบสาวชุดแดงหน้าตาน่ารักยืนรอเขาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน หนึ่งส่งยิ้มกว้างให้เมย์ ก่อนที่จะรีบเดินลงไปต้อนรับหญิงสาว ถึงแม้ระหว่างชายหนุ่ม และหญิงสาวคู่นี้จะไม่เคยมีการเอ่ยปากบอกรัก หรือเอ่ยปากร้องขอความรักจากกัน แต่เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าความสัมพันธ์ที่มีให้กันนั้นเกินคำว่าเพื่อน
หญิงสาวส่งยิ้มให้เมื่อเห็นหนึ่งเดินออกมาต้อนรับที่หน้าประตูบ้าน เมย์รู้จักบ้านผมได้ยังไงครับ ชายหนุ่มเปิดฉากถามด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากนับตั้งแต่รู้จักกันมาได้เดือนเศษๆ เขายังไม่เคยพาหญิงสาวมาบ้านเลยสักครั้ง ฉันเดินเข้าซอยมาเรื่อยๆ คะ เห็นมีบ้านที่เปิดไฟอยู่หลังเดียว ฉันเลยลองเรียกดู เมย์เข้ามานั่งเล่นในบ้านผมสักครู่ไหมครับ ผมดีใจมากเลยนึกว่าวันนี้จะไม่ได้เจอเมย์ซะแล้ว อ๋อ ฉันไม่รบกวนคุณขนาดนั้นหรอกคะ แค่มาหาคุณเฉยๆ คุณไม่สบายเหรอค่ะ คือว่าผมปวดหัวนิดหน่อยครับ แต่วาพอเห็นหน้าเมย์แล้วรู้สึกว่าจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย พูดจบชายหนุ่มก็ส่งยิ้มให้ เมย์เป็นกำลังใจให้ผมได้มากเลยรู้ไหมครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงผม
เมย์ลองจับหน้าผากผมหน่อยได้ไหมครับ ไม่รู้ว่าหายร้อนหรือยัง หญิงสาวบรรจงวางฝ่ามือลงบนหน้าผากของชายหนุ่มตามที่เขาร้องขอ หัวยังร้อนอยู่เลยคะ กินยาแล้วนอนพักมากๆ นะค่ะ ชายหนุ่มหลับตาพริ้มเมื่อรู้สึกสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นห่วงใยที่ส่งผ่านมาจากผ่ามือของหญิงสาว เขาอดไม่ได้ที่จะคว้ามือของหญิงสาวมาวางไว้แนบอกของตน หญิงสาวรู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ถี่รัว เมย์ครับ ผมมีความสุขมากเวลาที่ได้อยู่ใกล้คุณ ได้โปรดอย่าจากผมไปไหนอีกจะได้ไหมครับ คะ หญิงสาวรับคำสั้นๆ พยามเก็บกักความเขินอาย เนื่องด้วยในเวลานี้เธอก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้ชายหนุ่ม ด้วยความที่ไม่เคยมีใครปฏิบัติต่อเธอแบบนี้มาก่อน
คืนนี้คุณต้องนอนพักผ่อนให้มากๆ นะค่ะ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยเจอกันใหม่ หญิงสาวพูดตัดบทแก้เขิน ก่อนที่จะดึงมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม ฉันกลับก่อนนะค่ะ ครับพรุ่งนี้เราเจอกันใหม่ ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวแทนการโบกมือลา หญิงสาวก็ส่งยิ้มให้เช่นเดียวกัน จากนั้นเธอจึงเดินย้อนกลับออกไปทางหน้าปากซอย ขณะที่หนึ่งยืนมองส่งหญิงสาวอยู่หน้าบ้าน
ทันใดสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น! เมื่อหญิงมีอายุคนหนึ่งเดินออกมาจากทางแยกในซอยเปลี่ยว แล้วหญิงมีอายุผู้นั้นก็พบกับวิญญาณของหญิงสาวในชุดแดงเข้าอย่างจัง ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยยยยย ฉันโดนผีหลอก หญิงผู้คนนั้นตะโกนสุดเสียงพร้อมวิ่งย้อนกลับไปทางเดิมที่นางเดินออกมาอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้หญิงสาวในชุดแดงถึงกับตกตะลึงยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่หญิงสาวจะวิ่งออกไปทางหน้าปากซอย ชายหนุ่มผู้รับรู้เหตุการณ์โดยตลอดก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน พิษไข้ที่กำลังรุมเร้าอยู่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอีก หัวร้อนจัดจนแทบระเบิดออกมา หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาเป็นสาย และแล้วชายหนุ่มก็เดินหายลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นบรรยากาศในซอยเปลี่ยวก็หวนคืนสู่ความวังเวงอีกเช่นเคย
* * * ค่ำคืนถัดมา ชายหนุ่มหยุดงานต่อเนื่องอีกวันเนื่องจากยังไม่หายไข้ และคืนนี้เขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ แม้จะต้องหักห้ามความเศร้าใจอย่างแสนสาหัส คืนนี้เขามายืนรอหญิงสาวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่ก่อนเวลาเที่ยงคืน ความว้าวุ่นรุมเร้าไม่หยุดหย่อน เขาพยายามรวบรวมสติทบทวนเรื่องที่จะต้องคุยกับหญิงสาวในคืนนี้
เวลาเข้าใกล้เที่ยงคืน ผู้หญิงชุดแดงเดินลึกเข้ามาในซอยเปลี่ยว ในคืนนี้เธอต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าชายหนุ่มมายืนรอเขาอยู่ใต้ร่มไม้ในบรรยากาศรอบข้างที่เงียบเหงาวังเวง หนึ่งร้องไห้ทำไมค่ะ ฉันทำอะไรให้คุณลำบากใจหรือเปล่า หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเศร้า เหมือนว่าเธอพอจะรู้ความนัย หญิงสาวใช้มือปาดน้ำตาให้ชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ขณะเดียวกันก็พยายามเก็บกักหยดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เมย์ครับ วันนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับคุณ ชายหนุ่มเปิดบทสนทนาด้วยเสียงสั่นเครือ หนึ่งมีเรื่องอะไรจะคุยกับเมย์ค่ะ หญิงสาวพยายามแสดงความเข้มแข็งผ่านเนื้อเสียงที่เรียบสงบ ชายหนุ่มอ้ำอึ้งสักพักก่อนพูดต่อ เมย์ครับฟังผมให้ดีนะ ชายหนุ่มจับมือทั้งสองของหญิงสาวไว้
ผมรู้ตั้งแต่วันแรกที่เจอเมย์แล้วว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา ประโยคนี้ไม่ได้ทำให้หญิงสาวประหลาดใจแต่อย่างใด เนื่องจากเธอได้แสดงให้ชายหนุ่มเห็นตั้งแต่คืนแรกที่พบกันว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เมย์คงประหลาดใจใช่ไหมครับ ว่าทำไมผมถึงไม่กลัวคุณ หญิงสาวสะกดกลั้นอารมณ์ฟังเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาจากปากของชายหนุ่ม โดยไม่รู้เลยว่าจะมีประโยคไหนหรือวรรคตอนใดที่จะทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตา เมย์น่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าผมเป็นลูกของคนที่ฆ่าคุณ ชายหนุ่มทิ้งจังหวะก่อนพูดต่อ พ่อของผมถูกตัดสินจำคุก ทำให้แม่ผมต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ตัวคนเดียว เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจย้ายมาอยู่กับแม่
ชายหนุ่มหยุดพูดสักครู่ สบตากับหญิงสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้า แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เพราะผมอยากทำอะไรเพื่อชดเชยให้กับคุณบ้าง ผมทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คุณทุกครั้งที่มีโอกาส และชุดแดงที่คุณใส่อยู่ก็เป็นผมเองที่ทำบุญมาให้คุณ คุณคงจะได้รับผลบุญที่ผมทำให้ใช่ไหมครับ หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าชายหนุ่มโดยไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะเดียวกัน ความในใจยังคงถ่ายทอดออกมาจากปากของชายหนุ่มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง ผมรู้สึกผิดมากเลยรู้ไหมครับเมย์ ที่พ่อผมได้ทำเรื่องไม่ดีไว้
ได้โปรดยกโทษให้กับผม และพ่อของผมได้ไหมครับ เมื่อสิ้นเสียง บรรยากาศก็ตกอยู่ในความวังเวงชั่วขณะ หญิงสาวถอนมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม ก่อนที่จะยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนแก้มของฝ่ายชาย แต่คราวนี้กลับกลายเป็นว่าหยดน้ำตาไหลออกมาอาบแก้มของหญิงสาวเสียเอง หนึ่งค่ะ ตามความเป็นจริงแล้วฉันควรจะโกรธคุณมากในฐานะที่คุณเป็นลูกชายของฆาตกร แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันไม่เคยคิดโกรธคุณเลย ฉันรู้สึกชื่นชมคุณด้วยซ้ำ ในส่วนของพ่อคุณ เมื่อคุณกล้าขอให้ฉันยกโทษให้ ฉันก็จะยกโทษให้คะหนึ่ง
ชายหนุ่มใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่อาบนองสองแก้มของหญิงสาวอย่างทนุถนอม เมย์ครับ ผมดีใจมากที่คุณยกโทษให้ แต่ว่า
. คราบน้ำตาของชายหนุ่มที่ยังไม่จางหายไป ก็ถูกชะล้างด้วยน้ำตาหยดใหม่ที่ไหลอาบเต็มสองแก้ม เมย์ครับ ผมรู้ว่าเราทั้งสองต่างมีความรักให้กัน แต่ในชาตินี้คงจะสายเกินไปเสียแล้วที่เราจะได้รักกัน ถ้าชาติหน้ามีจริงผมขอเกิดมาพบกับเมย์อีกสักครั้งได้ไหมครับ หญิงสาวเผยรอยยิ้มน้อยๆ ให้ชายหนุ่ม แล้วตอบกลับทั้งน้ำตานองหน้า ได้สิค่ะที่รัก ชายหนุ่มประคองมือของหญิงสาวขึ้นมา แล้วบรรจงจุมพิตลงไปอย่างแผ่วเบา และแล้วร่างของหญิงสาวก็ค่อยๆ เลือนหายไป
.. * * * นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นดวงวิญญาณของผีสาวอีกเลย ส่วนชายหนุ่มนั้นทำใจยอมรับไม่ได้ที่ต้องอยู่ในสถานที่เดิมๆ โดยที่ไม่ได้พบหน้าหญิงสาวผู้เป็นที่รัก หนึ่งเดือนให้หลังชายหนุ่ม และแม่ของเขาย้ายออกไปจากหมู่บ้านแห่งนั้น * * * * * นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน แต่ ณ. เวลาปัจจุบัน ชายชราในวัยใกล้ 60 ยังคงครองตัวเป็นโสดเรื่อยมา และยังคงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้หญิงคนที่เขารักในทุกครั้งที่มีโอกาส ขอให้เราได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันทุกชาติทุกภพไปนะครับเมย์
***จบ***
จากคุณ |
:
เด็กชายเอ
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ต.ค. 53 10:15:21
|
|
|
|