Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ ๒ - ๑๓ - ฝากไว้กับชะตากรรม ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - นั่นสินะ เผลอรับไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ ด้วย ^^a


* * * * *


บทที่ ๑๓
ฝากไว้กับชะตากรรม


"นี่อะไร หนีหายกันมาตั้งนาน นึกว่าจะมีความคืบหน้าบ้าง ก็ดันเอาไอ้กะหลั่วมาเป็นก้างขวางคอ แถมยังไปร่วมกลุ่มเดินทางกับใครที่ไหนไม่รู้เข้าอีก ป่านนี้ยายเปี๊ยกนั่นงอนตุ๊บป่องแล้วกระมัง" รูอาร์คเริ่มร่ายยาวทันทีที่แอชออกไปจากห้อง ขณะรินเหล้าใส่ถ้วยเล็กใบหนึ่งให้อาเมียร์

เด็กหนุ่มผมดำโบกมือปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนกราน

"ถ้าอาจารย์ยังอยากออกเดินทางวันนี้ก็ดื่มซะ เหล้านี่ช่วยให้สดชื่นขึ้น ข้าจะโกหกไปทำไม"

"วางไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะดื่ม ตอนนี้อยากพูดกับเจ้าก่อน" อาเมียร์ตัดสินใจหาวิธีไม่รับถ้วยจากมือของอีกฝ่ายโดยตรง "ทุกคนที่บ้านข้าสบายดีใช่ไหม"

เด็กหนุ่มผมแดงพยักหน้า ก่อนจะวางถ้วยไว้บนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียงตามคำบอก

"อยู่ที่ทราธ ลุงกระรอกน้ำตาลช่วยดูแลอยู่"

"ท่านเบเรคเชื่อว่าข้าบริสุทธิ์หรือ" อาเมียร์ค่อยใจชื้นขึ้น

"ถ้าไม่เชื่อ ข้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว" รูอาร์คเปรย แล้วก็จิบเหล้าในถ้วยของตน "แต่เพราะเชื่อนี่แหละ ข้าเลยออกมาหาอาจารย์ได้อย่างนี้ เจ้าดูลัสมันดักรออาจารย์อยู่ที่ด่านของยาร์ลาธ เกิดไปชนกันก็ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง"

"อย่างนั้นหรือ" เด็กหนุ่มผมดำขมวดคิ้วเคร่งเครียด "ข้าก็คิดไว้บ้าง ว่าเราคงไปถึงด่านช้าเกินพวกนั้นไหวตัวทัน แต่ไม่นึกว่าเขาจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง"

"ไอ้เจ้านั่นมันหวงตำแหน่งพระสวามีจะตายไป" เด็กหนุ่มผมแดงเปรย

"ข้าว่าเขาเป็นห่วงเจ้าหญิงมากกว่า" อาเมียร์แย้ง เมื่อนึกถึงความทรงจำของแอชที่มีดูลัสอยู่ในนั้น...ดูลัสในฐานะราชองครักษ์ที่ช่วยเธอจากเหตุการณ์ลอบสังหาร

ต่อให้บิดาของดูลัสเป็นผู้วางแผนการร้ายทั้งหมด ท่าทางขององครักษ์หนุ่มก็บอกว่าเขาคงไม่รู้เลย...ว่าเด็กสาวเป็นพระราชวงศ์คนเดียวที่ถูกกำหนดให้รอดชีวิตมาตั้งแต่แรกแล้ว

"เขาจงรักภักดีต่อเจ้าหญิงมาก"

"ข้าว่ามีอะไรมากกว่านั้นอยู่แล้ว อาจารย์" รูอาร์คยังคงยืนกราน "สังหรณ์ข้าแม่นกับเรื่องแบบนี้จะตาย"

"เรื่องแบบนี้อะไร"

"ก็เรื่อง...ใครรักใครชอบใครน่ะสิ" คนพูดเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ "แม่นกว่าบรรดาเจ้าตัวทั้งหลายที่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองอีกนะ"

เด็กหนุ่มผมดำปิดปากเงียบ ไม่ทำทั้งยอมรับและปฏิเสธ ให้คนชอบชักใบให้เรือเสียมีโอกาสลากเรือออกนอกเส้นทางยิ่งไปกว่านี้ เขาเสไปหยิบถ้วยเหล้าขึ้นจิบ ได้รสขมอมหวาน และกลิ่นฉุนของสมุนไพร

มีเรื่องที่สำคัญกว่านั้นอยู่

"แต่พ่อของเขาน่าจะมีอะไรสักอย่าง” อาเมียร์แสร้งสันนิษฐาน “ตอนอยู่ในคุกกรงน้ำ ข้าได้ยินมาดายพูดกับพวกราชมัล ว่าเจ้ามณฑลอุลทูร์เป็นคนสั่งพวกนั้นให้ทรมานข้ากับชาลัวห์ให้รับสารภาพ"

รูอาร์คกลับดูไม่แปลกใจเลยกับเรื่องนั้น

"ว่าแล้ว ท่าทางตาพ่อกับพระแก่นั่นมีอะไรในกอไผ่อยู่ไม่น้อย เห็นว่ารู้จักกันมาก่อน แถมสนิทกันอย่างประหลาดเสียด้วย"

"เจ้ามณฑลอุลทูร์เป็นคนอย่างไร เจ้ารู้บ้างไหม" อาเมียร์ตั้งคำถาม

"ก็ได้ยินว่าเป็นทหารเก่ามาแต่เดิม ออกจะปกครองเข้มงวด แต่นอกจากนี้ไม่ค่อยมีอะไร เขาไม่ขยันทำเรื่องฉาวโฉ่มากพอกับพวกทางชอร์ซา" เด็กหนุ่มผมแดงตอบ "ถ้าอยากรู้ละเอียดกว่านี้ ข้าจะไปสืบมาให้ สำคัญคือขอให้กลับถึงบ้านด้วยกันก่อน"

ผู้ฟังพยักหน้ารับ

"ขอบใจ ถ้าอย่างนี้มาเรื่องเส้นทางกลับกันก่อนดีกว่า ข้าตั้งใจจะไปซื้อของที่ดาวิมี ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเข้าเมืองหลวงนั่งเรือไปยาร์ลาธแทน แต่ถ้าดูลัสอยู่ที่ยาร์ลาธด้วยอย่างนี้ ไม่นานเขาคงคิดสกัดจับที่ท่าเรือด้วยแน่ๆ"

"งั้นก็ไม่ต้องไปทั้งสองที่" รูอาร์คพูดง่ายๆ "ข้ารู้ว่าในตลาดมืดของเมอร์คาห์มีพวกเรือขนของเถื่อน เราขอติดเรือพวกเขาไปก็ได้ ข้าจะเจรจาเอง"

"แต่มันเสี่ยงเกินไปสำหรับแอช" อาเมียร์ติง "ถ้าพวกนั้นรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นใคร แล้วข้ากับชาลัวห์ก็มีค่าหัวสูง ข้ากลัวพวกนั้นจะหักหลังเรา"

เด็กหนุ่มผมแดงยักไหล่

"ก็จริง ไม่มีสัจจะในหมู่โจรนี่นะ ถ้าไม่ติดยายเจ้าหญิงเปี๊ยกที่ต้องประคบประหงม กับไอ้กะหลั่วที่สมควรโดนจับถ่วงน้ำแทนตุ๊กตาอับเฉาอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ ทำไมถึงหอบหิ้วกันมาด้วยล่ะ เห็นเจ้าหญิงบอกว่าแค่ตามมาเพราะเป็นห่วง ถ้าเห็นว่าอาจารย์ปลอดภัยก็จะกลับวังแล้วนี่"

"ข้าไม่อยากให้แอชต้องกลายเป็นหุ่นเชิด" เด็กหนุ่มผมดำตอบ "หากดูลัสได้เป็นพระคู่หมั้น ก็จะเข้าตามแผนของเจ้ามณฑลอุลทูร์ ข้าไม่รู้ว่าเขาแค่ฉวยโอกาส หรือเกี่ยวข้องอะไรกับคนชุดดำที่ยืมมือชาลัวห์กับแม่มดคนนั้นฆ่าเฟลิม แต่ข้าคิดว่าเหตุลอบปลงพระชนม์...น่าจะมีแผนเบื้องหลัง โดยใครสักคนในธีร์ดีเรยืมมือคนอัสลาน กำจัดพระราชวงศ์ทั้งหมด...เพื่อให้เกิดพิธีสยุมพรในทีแรก"

อาเมียร์ยังไม่อาจเสี่ยงบอกความจริง ว่าผู้บงการคือแฟคท์นา ส่วนเรื่องที่เจ้ามณฑลอุลทูร์เกี่ยวข้องกับชายชุดดำนั้น...เขาอาจสันนิษฐานมากเกินไป แต่ก็เป็นไปได้สูงไม่ใช่หรือ

'ท่านจ้าว' ที่ชาลัวห์พบสวมผ้าคลุมสีดำ ในความทรงจำของเนอร์กุยก็มีคนสวมผ้าคลุมสีดำมาเกลี้ยกล่อมชาวเผ่าอัสลานให้ร่วมมือล้างแค้น ซ้ำพวกสัตว์ที่ไล่ตามทำร้ายเนอร์กุยจนกลายเป็นใบ้...ก็น่าจะเกิดจากเวทมนตร์ ทั้งสองเรื่องนี้มีความคล้ายคลึงกันเกินไป

รูอาร์คผิวปาก

"แผนการซับซ้อนเชียวนะนี่ หากเอาไปเขียนบทละครคงได้ไตรภาคทีเดียว"

"ข้าคิดว่าไม่ปลอดภัย ที่จะปล่อยให้แอชอยู่ในวังหลวง จนมีการเลือกพระคู่หมั้นคนใหม่ตามเดิม" อาเมียร์พูดต่อ "เจ้าคิดว่าเป็นไปได้ไหม ถ้าจะขอให้ท่านเบเรคมอบที่ลี้ภัยให้เจ้าหญิง ขณะที่พวกเรารวบรวมหลักฐาน จนเอาผิดคนร้ายในทั้งสองคดีให้ได้ จากนั้นก็ผลักดันให้นางขึ้นเป็นราชินีปกครองด้วยตนเอง ไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจของขุนนางคนอื่นๆ อีก"

"อือม์ ถ้ามีทางชนะและได้ผลประโยชน์ ลุงกระรอกน้ำตาลคงยอมเล่นด้วย แต่นั่นเป็นแผนที่เสี่ยงมากนะ อาจารย์มั่นใจว่าจะหาตัวคนร้ายในทั้งสองคดีได้ไหม...หรือในตัวอาจารย์มีเวทมนตร์อะไรที่ช่วยได้"

"ที่จริงก็ไม่มีหรอก” อาเมียร์รีบปด “ข้าว่าตัวเองมีเวทมนตร์แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างป้องกันตัวหรือทำลายอาคมของคนอื่นเท่านั้นกระมัง แต่มันก็น่าจะมีพยานหลักฐานอย่างอื่นเหลืออยู่บ้างไม่ใช่หรือ"

อาเมียร์นึกไปถึงเนอร์กุย ชายอัสลานคนนั้นสู้อุตส่าห์รักษาชีวิตของตนไว้เพื่อรอเปิดเผยความจริง หากได้ยินว่าเจ้าหญิงแอชลีนน์ทรงดำริให้มีการรื้อคดีปลงพระชนม์ขึ้นสืบใหม่ เขาน่าจะเต็มใจให้ความร่วมมือ แล้วหากสามารถหาตัวชายชุดดำและชี้ตัวแฟคท์นา ก็น่าจะคลี่คลายเรื่องทุกอย่างได้ไม่ยาก

"เรื่องมันตั้งสี่ปีมาแล้ว ทั้งคนร้ายและราชองครักษ์ที่อารักขาขบวนเสด็จตอนนั้นถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุจนหมด สำนักพระราชวังก็ห้ามไม่ให้ชันสูตรพระศพ ข้าว่าทุกอย่างหายเข้าความมืดไปหมดแล้วล่ะ อาจารย์" รูอาร์คกอดอก พูดอย่างครุ่นคิด "ถึงข้าจะคิดว่าทุกอย่างมันเหมาะเจาะเกินไปเหมือนกัน...ที่เจ้าหญิงเปี๊ยกรอดมาคนเดียว แต่ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ แค่พูดว่าเผ่าอัสลานอาจไม่ใช่คนร้ายตัวจริง คนพูดก็แทบจะถูกตั้งข้อหากบฏแผ่นดินแล้ว ชาวธีร์ดีเร 'ส่วนมาก' ไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด ว่าคนที่ฆ่าราชา ราชินี กับเจ้าชายรัชทายาทอย่างโหด:-)มอย่างนั้นเป็นคนชาติเดียวกับตัวเอง"

"อย่างโหด:-)มนี่หมายความว่าอย่างไร" อาเมียร์ตัดสินใจถาม เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือของภาพที่ตนเห็น "หนังสือที่ข้าเคยอ่านเขียนไว้แค่สั้นๆ ว่าทั้งสามพระองค์ถูกชาวเผ่าอัสลานลอบสังหารเท่านั้น"

"มีข่าวลือไปทั่ว ว่าพระราชาถูกแทงเป็นสิบๆ แผล บางคนว่าถึงร้อยแผลด้วยซ้ำ แล้วก็ทำลายพระเนตร เจ้าชายก็เหมือนกัน ส่วนราชินี...ได้ยินว่าถูกข่มเหงก่อนฆ่า แน่ละว่าสำนักพระราชวังไม่ยืนยันเรื่องทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องหลังสุด ยังไม่รู้ว่าเจ้าหญิงเปี๊ยกจะรู้ด้วยซ้ำหรือเปล่า" รูอาร์คพูดเรียบๆ "มีแต่พวก ‘คนเถื่อน’ ที่กล้าทำเรื่องแบบนี้...ใครๆ ก็เชื่ออย่างนั้น ถึงถ้าชาวอัสลานทำลงไปจริงๆ ข้าก็คิดว่าโทษพวกเขาเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก ตอนกวาดล้างเผ่าอัสลาน คนธีร์ดีเรเคยทำรายำกับพวกเขายิ่งกว่านี้เสียอีก แต่ข้าก็เชื่อว่าเป็นไปได้เหมือนกัน ที่มีการจัดฉากวางแผนให้พวกอัสลานเป็นแพะรับบาป"

เด็กหนุ่มผมดำพยักหน้าช้าๆ ...ภาพที่เขาเห็นจากความทรงจำของผู้รอดชีวิตเผ่าอัสลานดูจะเป็นความจริงในหลายๆ เรื่อง แสดงว่าอาจพอมีหวัง

"เรื่องนั้นคงต้องสืบกันวันหลัง แต่ถึงอย่างไร ข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะไปกับเรือขายของเถื่อน มันเสี่ยงเกินไป ดูลัสคงคิดได้ในไม่ช้าเหมือนกัน ว่าต่อไปเราจะเปลี่ยนไปทางเรือ แล้วเขาก็คงพุ่งเป้าไปกวดขันที่ท่าเรือมากกว่า เพราะฉะนั้น เราจะวัดดวงปลอมตัวเข้าด่านทางบกแทนดีไหม"

"ดูลัสปลอมตัวเป็นทหารธรรมดา ทำเป็นว่าย้ายมาจากคลังแสงเพื่อช่วยงาน มีคนอื่นมาด้วยอีกห้าคน ท่าทางเหมือนรู้จักกันมาก่อน น่าจะเป็นราชองครักษ์ปลอมตัวมาเหมือนกัน เท่ากับว่าถึงเขาไม่อยู่ ก็มีคนที่จำเจ้าหญิงเปี๊ยกได้อยู่ในนั้นอยู่ดี ข้าว่าทางเรือยังน่าจะมีทางรอดมากกว่าด้วยซ้ำ" รูอาร์คติง "ก่อนถึงท่าเรือ พวกเราแอบหนีลงเรือเล็ก แล้วพายขึ้นฝั่งก่อนไหมล่ะ"

"ข้าคิดว่า...ไม่ว่าทางบกหรือทางน้ำ เราควรปลอมตัวเป็นพ่อค้าถึงจะสะดวกที่สุด ถ้ามีสินค้าอยู่ด้วย พวกทหารจะไม่ตรวจละเอียดมาก อีกอย่าง อาจมีการใช้เรือลาดตระเวนรอบชายฝั่ง แอบลงเรือเล็กมีพิรุธเกินไป ข้าเห็นด้วยว่าทางเรือจะสะดวกกว่า แต่ถ้าพลาดขึ้นมา จะไม่มีหนทางหนีไปไหนได้เลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเจอดูลัสทางไหน เขาต้องตรวจค้นละเอียดทุกซอกทุกมุมแน่ๆ"

"ยกเว้นใต้เบาะรถม้า...แต่ข้าคงให้เจ้าหญิงเปี๊ยกมุดอยู่ในนั้นไม่ไหวหรอก เดี๋ยวจะอึดอัดตายเสียก่อน ถึงข้าเชื่อว่าอาจารย์จะอึดกว่านั้น ส่วนกะหลั่ว...ก็ปล่อยให้มันขาดอากาศหายใจตายๆไปดีกว่าละนะ"

"ถ้าพูดถึงเรื่องที่ซ่อน...ข้าว่ามีอย่างอื่นที่น่าจะใช้ได้" อาเมียร์บอก "ทีแรกข้าว่าจะใช้ถังชาดานแซร์ แต่ตอนนี้เหลือแค่ถังเดียว แถมต่อให้กลิ่นเหม็นสุดทน ดูลัสก็คงกลั้นใจเปิดจนหมดทุกใบให้ได้ เลยว่าจะไปดาวิมี หาถังเหล้าของทางนั้นมาแทน ถึงอย่างไร ใครๆ ก็รู้กันว่าจะเปิดถังเหล้าก่อนเวลาไม่ได้เด็ดขาด หากไม่อยากให้เสียสภาพ"

"แต่ถังเหล้าเขาขนกันอย่างไร ข้าว่าอาจารย์น่าจะรู้อยู่ และถ้าอย่างนั้น ดูลัสก็ต้องรู้เหมือนกัน” รูอาร์คแย้ง “นั่นล่ะ พิรุธที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าเป็นพวกทหารธรรมดาๆ ไม่ช่างสังเกตยิบย่อยอย่างดูลัส ก็คงพอทำเนียนไปได้กระมัง”

“ก็จริง” เด็กหนุ่มผมดำรับ

“สรุป เรื่องปลอมตัวไปทางไหนก็ตามไม่ยากหรอก ข้าช่วยได้ ขอแค่อย่าเจอของแข็งอย่างดูลัสเป็นพอ" รูอาร์คลงความเห็น “อาจารย์คิดว่ามันจะไปทางไหนล่ะ หมอนั่นมันคนพรรค์เดียวกับอาจารย์ น่าจะเดาใจกันถูก”

“ถ้าเป็นข้า...ทีแรกข้าคิดว่าเขาจะให้ความสำคัญกับด่านทางน้ำมากกว่า เราควรทิ้งช่วงให้เขาย้ายไปตรวจทางเรือ และเข้าด่านทางบก ...แต่ถ้าเขาคิดได้ว่าข้าต้องคิดอย่างนั้น ก็อาจจะรออยู่ที่ด่านทางบกต่อไปแทนก็ได้"

"สรุปง่ายๆ ก็ครึ่งต่อครึ่ง งั้นสินะ ทีนี้ก็ตัดสินกันง่ายล่ะ" เด็กหนุ่มผมแดงพูด แล้วก็ล้วงหยิบเหรียญหนึ่งออกมาจากถุงเงินอย่างรวดเร็ว จนดูราวกับเสกขึ้นมาจากความว่างเปล่า "หัวบกเรือก้อย"

"เดี๋ยว...เอาอย่างนี้เลยหรือ" อาเมียร์จ้องมองคนที่กำลังหมุนเหรียญเล่นบนฝ่ามืออย่างไม่อยากเชื่อ

อีกฝ่ายไม่ตอบ และโยนเหรียญขึ้นบนอากาศ ก่อนจะรับด้วยหลังมือแล้วปิดไว้

เด็กหนุ่มผมดำทำสีหน้าไม่ถูก...ขณะที่รูอาร์คค่อยๆ ยกมือออกให้เขาเห็นเหรียญนั้น

"ก้อย เราจะไปทางเรือ แผนการนอกจากนี้ค่อยว่ากันทีหลัง" เด็กหนุ่มผมแดงรายงาน ก่อนจะเก็บเหรียญด้วยวิธีเหมือนเล่นกลเสกให้มันหายเป็นอากาศธาตุ แล้วลุกจากเก้าอี้ "อาจารย์ดื่มเหล้าของข้าให้หมด แล้วตามลงไปแล้วกัน จะได้ไปดาวิมีกันวันนี้เลย"

"รูอาร์ค เล่นอย่างนี้มัน..."

"คิดมากไปแล้วได้อะไร คนอย่างอาจารย์กับเจ้าดูลัสน่ะเหมือนมีไหอยู่คนละใบ เอาไหมานั่งส่องทุกซอกมุมว่ามีรูรั่วอยู่ตรงไหน...แล้วก็สาละวนอุดมันจนไม่เป็นอันตักน้ำอยู่นั่นล่ะ ต่อให้เป็นรูเล็กขนาดขี้ตามดก็ยังจะอุด สู้เอาไหไปใส่น้ำจริงๆ ดูว่ามันรั่วตรงไหนแล้วค่อยอุดยังจะตักน้ำได้เร็วกว่าเลย ตัดใจให้โชคชะตาตัดสินมันสักเรื่อง แล้วค่อยไปตามน้ำกับมันก็แล้วกัน"

อาเมียร์แทบถอนใจกับคำเปรียบเปรยอย่างพิสดารของอดีตลูกศิษย์ ซึ่งเห็นจะติดลมบนจนพล่ามต่อไป

"เรื่องเจ้าหญิงเปี๊ยกก็เหมือนกัน อยากให้นางพ้นจากการแต่งงานการเมือง ก็รีบๆ แต่งกันในตอนนี้สิ ลองเจ้าหญิงมีพยานรักกับอาจารย์ขึ้นมา ขี้คร้านพวกขุนนางจะต้องยอมรับเอง เพราะไม่รู้จะเอานางไปเสนอขายที่ไหนได้อีก"

"รูอาร์ค!" เด็กหนุ่มผมดำเอ็ดทั้งหน้าร้อนผ่าว "ข้าไม่เคยคิดอย่างนั้น! ข้าแค่อยากช่วยแอช...ในฐานะเพื่อนเท่านั้นเอง!"

อีกฝ่ายโคลงศีรษะพลางโบกมือเป็นเชิงไม่รับฟัง แล้วก็รีบผลุบออกนอกประตู ทิ้งให้อาเมียร์ได้แต่กุมขมับ ขณะรินเหล้าที่เจ้าตัวดีทิ้งไว้ให้มาดับกลุ้ม

ได้รูอาร์คมาช่วย...เขาก็เบาใจขึ้นอยู่หรอก ดีใจเสียด้วยซ้ำที่มีเพื่อนร่วมคิดร่วมวางแผน แต่ท่าทางเจ้าตัวแสบนั่นจะพ่วงเรื่องไม่สบายหูมากรอกให้คณะเดินทางได้ฟังบ่อยพอกัน...หรือยิ่งกว่าเสียอีก

* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 53 10:56:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com