ประมาณเกือบตีสาม ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำ
คงเป็นเนื้อย่างที่ไปกินกับพี่สาวตอนหัวค่ำทำพิษแน่ ๆ ผมเลยต้องสะลึมสะลือมาเข้าห้องน้ำ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้านอนไปตอนตีหนึ่งครึ่งเอง ง่วงแสนง่วง อยากจะนั่งไปหลับไปเสียเหลือเกิน
พอเสร็จกิจ ผมก็กลับมานอนต่อ แต่แย่ชะมัด ผมนอนไม่หลับ คงเป็นเพราะได้นอนไปงีบหนึ่ง ร่างกายเลยยังไม่พร้อมที่จะหลับอีกครั้ง ผมก็ได้แต่พยายามข่มตานอนให้หลับเพราะว่าพรุ่งนี้ ผม ต้องพาพี่สาวออกไปทำธุระที่ต่างอำเภอ
ความมืดมิดรายรอบ ดึกสงัดจนจิ้งหรีดเรไรหยุดกรีดร้องไปแล้ว แต่เสียงนาฬิกาในห้องนอนกลับเดินดังอย่าวสม่ำเสมอ ผมเลยนอนไม่หลับ
ผ่านไปนานมาก ผมจึงเริ่มเคลิ้มใกล้จะหลับ แต่ก่อนที่จะหลับ จู่ ๆ มือถือที่วางไว้บนหัวเตียงก็ดัง ขึ้นมา ผมจึงรีบตื่นพร้อมกับกดรับสาย
" เปา ช่วยมาดูนังใบหญ้าให้หน่อยสิ มันใกล้จะตาย " " อ้าว มันเป็นอะไรครับ " " ไม่รู้ มันชักไม่ยอมหยุดเลย " " ครับ เดี๋ยวผมจะออกไปดู "
กดปิดโทรศัพท์ ผมลุกขึ้นจากเตียง ล็อกประตูหน้าบ้าน พร้อมกับเดินไปที่บ้านพี่ชาย หยิบมือถือ ที่ยังคงส่งแสงค้างมาตั้งแต่กดปิดสายขึ้นมาดู ตอนนี้เวลาตีสี่ ยังไม่ใช่เวลาเช้ายังคงเป็นกลางคืนอยู่ แต่รอบกายของผมกลับไม่มืดมิด สามารถมองเห็นก้อนกรวดที่อยู่ตามทางเดินได้
ผมหยุดเดิน แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พระจันทร์ส่งแสงเจิดจ้าอยู่บนนั้น
ส่องสว่าง สว่างมาก ๆ ทั้งที่ ๆ เป็นแรมหนึ่งค่ำ แต่ก็ไม่ได้แรมไปตามชื่อ พระจันทร์ทอแสงสีเงิน สุกสกาวอาบทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้อาญัติ ผมเลยสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวได้ชัดเจน มันสว่างเสียยิ่งกว่าโคมฟลูออเรสเซนต์ที่อยู่ตามเสาไฟฟ้าเสียอีก
คืนที่พระจันทร์สว่างแบบนี้ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเปิดโคมไฟที่ถนนก็ได้ ผมคิดในใจขณะออกเดินอาบแสงจันทร์ไปยังบ้านพี่ชาย
พอถึง เปิดประตูเข้าไปในบ้าน ผมก็เจอพี่สาวกำลังเฝ้านังใบหญ้าอยู่ สีหน้าดูกระวนกระวายใจมาก " มันชักตลอดเลยเปา สงสัยว่าจะโดนยาเบื่อ พี่ว่าจะตอกไข่ใส่ปากมัน แต่น้ำลายมันก็ไม่ฟูมปาก พี่เลยไม่แน่ใจ จะตอกไข่ใส่ปากมันดีไหม ? หือ ? " " ผมว่าอย่าเลยดีกว่าครับ มันชักแบบนี้เดี๋ยวมันจะสำลัก " " อื้อ พี่ก็ว่าอย่างนั้น เดี๋ยวมันจะสำลักเนอะ "
ผมหันไปมองนังใบหญ้า มันถูกพี่สาวเอาผ้าห่อมันทั้งตัวโผล่แค่หัวออกมา มันกำลังชักอยู่ ปากกัด อากาศ ฟันกระทบกันดังกึกกักตลอด เสียงครางหงิงหงังไม่ขาด " แล้วมันเป็นยังไงถึงได้เป็นแบบนี้ ? " " พี่ตื่นมาเข้าห้องน้ำ เดินไปเจอมันนอนอยู่ตรงทางเดิน มันขี้แตกเต็มไปหมดแถมตัวเย็นเฉียบ พี่ เลยเอาผ้ามาห่อมันไว้ "
ผมเอื้อมมือไปจับตัวมัน ตัวของมันเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว " ตัวก็เริ่มอุ่นขึ้นมาแล้วนี่ "
" อือ " พี่สาวรับคำพร้อมกับเงียบลง
เราทั้งสองจับจ้องไปที่ใบหญ้า มันยังชักไม่ยอมหยุด ปากกัดอากาศถี่ยิบ สักพักมันเริ่มหายใจติดขัด จมูกมันเสียงดังฟืดฟาด ๆ
" จมูกมันเริ่มแห้งเเล้วเปา " พี่สาวบอก
ผมหันไปดูนาฬิกาข้างฝาบ้าน ตีสี่ครึ่ง เอาไงดี
เราทั้งสองคนยังทำอะไรไม่ได้ ไม่สิ เรายังคิดที่จะทำอะไรไม่ออก คิดไม่ออก ทำได้แค่จ้องมอง อาการของใบหญ้าเท่านั้น ทำได้แค่นั้น แล้วจู่ ๆ ความเข้าใจบางอย่างเข้ามาในหัว
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกฝรั่งที่ฆ่าสัตว์อาการแย่ ๆ ทิ้ง เพราะไม่อยากให้มันทรมาน
ใช่แล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากให้มันทรมาน
ทุบคอมันให้หักดีไหม ?
.... ... ...
ผมไม่กล้าพอที่จะทำอย่างนั้น แต่ต่อให้มีปืนหรือเข็มฉีดยาสำหรับน็อคมันอยู่ในมือ ผมก็ยังไม่กล้า ทำอยู่ดี ผมขี้ขลาดเกินไป
แล้วจะนั่งดูเฉย ๆ เหรอ ? ผมถามตัวเอง
ไปเปิดคอม เสริชดูอาการมัน หาวิธีรักษาในเนตไม่ดีกว่าเรอะ ! แล้วไง รู้วิธีรักษา แล้วผมมียารักษามันเหรอ ตอนนี้ผมสามารถรักษามันได้เหรอ
ผมจึงได้แต่นั่งเฝ้าดูมันต่อไป
ตีห้า
นังใบหญ้าชักหนักกว่าเดิม มันกัดลิ้นตัวเอง พี่กับผมพยายามหาอะไรขัดปากมันแต่ก็ไม่อยู่ มันกัด แล้วทำหลุดหมด ผมตัดสินใจเอามือรวบปากมันไว้ แต่รวบได้สักพัก มันหายใจขัดมากกว่าเดิม ผมจึงต้องปล่อยมือออก พอปล่อยมือ มันก็กัดลิ้นตัวเอง สุดท้ายผมตัดสินใจเอาม้วนถุงเท้ายัดปาก มัน
เอ๋งงงงงงงงงง !!!!!!! แต่พอจะยัด มันก็ร้องสุดเสียง
เอ๋งงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!! มันร้องอีกครั้ง
แล้วมันก็นิ่งเงียบไป อาการทุรนทุรายมันหายไป
พี่สาวลูบหัวมัน มันกระพริบตาปริบ ๆ ผมจับขามัน พยายามควานหาชีพจร ก็พบว่ามันยังเต้นอยู่ พอเห็นเช่นนั้น เราก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นอาการขึ้นมาบ้าง ยังพอมีหวัง
ตีห้าสี่สิบ
เราตัดสินใจพามันไปหาสัตวแพทย์
พี่สาวอุ้มนังใบหญ้าทั้งห่อผ้า นังใบหญ้ายังหระพริบตาปริบ ๆ อยู่ มันไม่ชักไม่ร้องแล้ว ส่วนผมก็ ขับรถมุ่งหน้าไปยังตัวเมือง ตอนเช้า พระจันทร์เลิกส่องแสงสีเงินไปแล้ว ส่วนพระอาทิตย์ก็ยังไม่ ทันขึ้นให้เห็นแต่ก็มีสว่างมองเห็นทางได้ ผมขับรถฝ่าหมอกยามเช้า พอหมอกปะทะกับกระจกรถ มันก็กลายเป็นฝ้าขาวจับที่หน้ากระจก ผมต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนเพื่อปัดมันออกเป็นระยะ ๆ
ขับออกจากบ้านสิบกว่าโล เข้าสู่ตัวเมือง จู่พี่สาวก็พูดขึ้นมา " เปา สงสัยนังใบหญ้ามันจะตายแล้ว "
ผมหันขวับ รีบเอามือไปจับตัวมัน ยังอุ่น ๆ อยู่เลย แต่ตัวมันเเข็งค้างไปซะเเล้ว
ผมจอดรถเข้าข้างทาง
" เอาไงดีเปา กลับบ้านกันเถอะมันตายแล้ว " พี่สาวหันมามองหน้าผม
ผมคิด " ไหน ๆ ก็มาแล้ว เอามันไปให้หมอดูหน่อยเถอะ "
แล้วผมก็หันรถกลับคืนสู่ถนนพร้อมกับใช้มืออีกข้างตบตูดนังใบหญ้า มุ่งหน้าไปหาคลินิกสัตว์
" อาการมันเป็นยังไงเหรอ " " มันถ่ายค่ะ ถ่ายเป็นมูกเลือด แล้วก็ชัก " " มันเป็นลำไส้อักเสบ พอเห็นมันเริ่มถ่ายมีมูกก็ต้องรีบพามันมารักษาไม่งั้นจะไม่ทันหรือไม่ก็ต้อง ฉีดวัคซีนกันไว้ก่อนนะ ตอนนี้ก็เอามันกลับบ้านเถอะ " " ค่า ขอบคุณมากค่า คุณหมอ "
แล้วเราก็มุ่งหน้ากลับบ้าน
ระหว่างทางกลับ เราเงียบไม่พูดไม่จา ผมก็ไม่คิดอยากจะชวนพี่สาวคุยด้วยและพี่สาวเองก็คงไม่ได้ อยากจะคุยเหมือนกัน เราเลยปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์รถปกคลุมเราต่อไป
ผมหันหน้าไปมองข้างทาง ก็เห็นหมอกสามสายกำลังไหลจากทิวเขาดูแล้วก็สวยงามแปลกตาดี ผมเลยชี้ให้พี่สาวดู " ดูนั่นสิ หมอกสามสายกำลังไหลลงจากเขา "
พี่สาวหันไปมองตาม แล้วเราก็เงียบอีก
พอเรากลับมาถึงบ้านพี่ชาย ก็เห็นพี่ชายตื่นมาพอดี เราก็เลยคุยกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจฝังมัน พี่สาวไปหาจอบมาให้ ผมรับจอบมาก็จะเดินไปที่ข้างบ้าน หาทำเลเหมาะ ๆ ที่จะฝังมัน พอได้ทำเล จรดจอบเตรียมจะขุด พี่สะใภ้ที่เพิ่งมาสมทบก็บอกว่าอย่าขุดตรงนั้น มันเป็นทางน้ำไหลตอนฝนตก ผมก็เลยต้องย้ายที่ พี่ชายเลยชี้ให้ไปขุดใต้ต้นไม้แทน ผมก็เลยเเบกจอบไปที่ใต้ต้นไม้ ถากดินเอา หญ้าออก กะบริเวณให้กว้างพอที่จะฝังนังใบหญ้าได้ทั้งตัวก่อนจะเงื้อจอบขึ้นสูงแล้วก็สับลงมา
ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ
เสียงขุดดินดังเป็นระยะ ดินถูกจอบโกยขึ้นมา ลึกลงไปเรื่อย ๆ ผมสลับไปขุดทางซ้ายที ขวาที ขุด ไปเรื่อย หลุมก็ค่อย ๆ ก่อรูปทรงสีเหลี่ยมผืนผ้า ดินที่หลับใหลอยู่ข้างใต้ ถูกโกยขึ้นมาอาบแสงแดด อ่อน ๆ ยามเช้า
แล้วหลุมศพก็เสร็จ พี่สาวอุ้มนังใบหญ้าที่ยังคงถูกห่อด้วยผ้า หย่อนลงในหลุม
ผมเงื้อจอบขูดดินที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมากลับใส่หลุมคืน แต่ก่อนที่จะขูดดินลง ใบไม้สีน้ำตาลแก่ ใบหนึ่งก็ร่วงหลุดจากลำต้นของมัน ปลิวหมุนวนลอยอ้อยอิ่งมาใส่หลุมศพนังใบไม้ แล้วก็นอน หยุดนิ่งตรงอกของนังใบหญ้า
ผมหยุดมือ มองใบไม้นั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วผมก็ขูดดินกลบนังใบหญ้าและใบไม้ใบนั้น ดินทั้งหมดที่ขุดขึ้นมากลับลงคืนสู่หลุม ผมใช้ จอบตบดินให้แน่น ตบจนคิดว่าแน่นที่สุดแล้วจึงได้หยุดมือ
พี่ชายและพี่สาวที่นั่งเฝ้ามาตลอดก็ลุกขึ้น เราเดินกลับเข้าบ้าน หันหลังให้กับหลุมศพของนังใบหญ้าและใบไม้
จากคุณ |
:
garnet19th
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ต.ค. 53 22:55:49
|
|
|
|