Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อักษรจากหัวใจ และความรักในแผ่นกระดาษ (ตอนที่ 31 - 32) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 31

“แกเป็นอะไรหรือเปล่า...” ยาใจถามเพื่อนสาวด้วยความห่วงใย เมื่อทั้งสองกลับมาถึงห้องพัก หลังจากที่พวกเธอเดินกลับบ้านมากับกานต์อย่างเงียบ ๆ โดยแทบไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยอะไรกันเลยสักคำ

ท่าทีของขนมผิงที่แตกต่างไปจากเมื่อวานนี้ที่เธอเล่าเรื่องของกานต์ให้เธอฟังอย่างตื่นเต้นและมีความสุขและในตอนนี้ที่ดูเศร้าซึมลง ทำให้ยาใจแน่ใจว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่างอย่างแน่นอน

“เปล่าจ๊ะ...” ผู้ถูกถามบอกปัดเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่น้ำเสียงสะท้อนและเอ่อล้นไปด้วยความไม่สบายใจ

ยาใจยืนเท้าสะเอว มองดูท่าทีและสีหน้าของเพื่อนรักด้วยความกังวล

ไม่ว่าขนมผิงจะปฏิเสธอย่างไร แต่ยาใจมั่นใจว่าเธอกำลังปิดบังความรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่

“กานต์เขาดูน่ารักดีนะ แม้จะเป็นคนขี้อาย พูดน้อยไปหน่อย...” ยาใจลองเปลี่ยนเรื่องคุย เผื่อว่าจะทำให้ขนมผิงสบายใจขึ้นมาบ้าง

ขนมผิงก้มหน้าต่ำ กัดริมฝีปากแน่น

“แน่ล่ะสิ... เขาน่ารักอยู่แล้ว และเขาก็คงคิดว่าเธอน่ารักด้วย เพราะแอบจ้องมองเธอทั้งคืน...” ขนมผิงได้ยินเสียงในหัวใจตอบโต้ไป แต่ก็สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ก่อนที่คำพูดและความรู้สึกเหล่านั้นจะหลุดออกไปจากริมฝีปากเธอ

“จ๊ะ...” ขนมผิงรับคำเบา ๆ แทน และมุ่งหน้าเดินไปยังห้องน้ำ อยากที่จะอยู่คนเดียวเงียบ ๆ สักพัก เธอไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอถึงรู้สึกผิดหวังหรือน้อยใจขนาดนี้

ทั้ง ๆ ที่กานต์ก็เป็นแค่เพื่อนใหม่ ที่เธอเพิ่งได้พบเจอและรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน...

เพื่อนที่แสดงความห่วงใยต่อเธอตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักพูดคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เพื่อนที่เธอพูดคุยด้วยอย่างมีความสุข

เพื่อนที่พาเธอเดินและชี้ให้เห็นสิ่งต่าง ๆ บนเส้นทางที่คุ้นเคยแต่ไม่เคยสนใจ

และเพื่อนที่เธอรู้สึกราวมีสายใยอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงผูกมัดพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน ราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน

หรือจริง ๆ แล้วกานต์มีความหมายมากกว่าที่เธอคิด...

ขนมผิงส่ายหน้าเบา ๆ พยายามขับไล่ความคิดดังกล่าวออกไป

มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเธอเพิ่งรู้จักกับเขาแค่ไม่นานนี้เอง

“แกจะไปไหนน่ะ...” เสียงของยาใจดังขึ้น แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะฉุดรั้งเธอไว้แต่อย่างใด

ขนมผิงยังเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ และปิดประตูห้องน้ำลง ขังตัวเองไว้กับความรู้สึกมากมายที่กำลังเอ่อล้นอยู่ในใจ

เธอกดสวิชเปิดไฟ และเพ่งมองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกเงาอย่างเนิ่นนานและลึกซึ้ง ราวกับจะพยายามขุดคุ้ยและเสาะหาคำตอบอะไรบางอย่าง...

แต่เพียงไม่ทันไร ภาพเหตุการณ์ในช่วงเย็นวันนี้ ก็พัดผ่านเข้ามาในห้วงความคิด สะกิดให้ความอัดอั้นตันใจแตกกระเซ็น

ทุกสายตาของกานต์ที่มองข้ามเธอ และแอบมองไปทางยาใจ ยิ่งตอกย้ำความเจ็บช้ำและความรวดร้าว จนขนมผิงต้องใช้แขนซ้ายยันไว้กับขอบอ่างล้างหน้า และยกมือขวาขึ้นปิดปากและจมูกพยายามกลั้นสะอื้นและระงับน้ำตาที่กำลังก่อตัวอยู่หลังขอบตา

แต่เธอก็ต้องพ่ายแก้โดยสิ้นเชิง และปล่อยให้หยาดน้ำตาอุ่น ๆ รินใหลลงอาบแก้มอย่างจำใจ



กานต์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนล้า หัวสมองหนักอึ้งด้วยความคิดต่าง ๆ มากมาย ที่วนเวียนว่ายวนอยู่ข้างในเหมือนหมู่มัจฉาในบ่อน้ำ และหัวใจหนักอึ้งด้วยความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย

แต่ที่มากที่สุด เหมือนจะเป็นความรู้สึกผิด

เขาถอนหายใจแรง ๆ กัดฟันแน่น เมื่อนึกถึงใบหน้าและแววตาของขนมผิงที่หันมาเห็นเขาบังเอิญแอบมองดูยาใจอยู่

ทำไมเขาจะไม่เห็น ไม่สังเกตสายตาของขนมผิงที่เหมือนจะเปี่ยมไปด้วยความเศร้าซึมและน้อยเนื้อต่ำใจ

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้หันไปมองยาใจได้เลยแม้แต่น้อย

กานต์ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก และส่ายหน้าเบา ๆ ราวผิดหวังกับการกระทำของตัวเอง และรู้สึกผิดอย่างมหันต์ที่ทำให้ขนมผิงต้องเสียใจ

เขาไม่แน่ใจว่าอะไร และทำไมถึงเขาต้องลอบแอบมองดูยาใจครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงคืนนั้น

บางทีมันอาจจะเป็นความอยากรู้ อยากเห็น อยากแน่ใจว่ายาใจจะจำเขาได้หรือไม่ จากการที่ได้พูดคุยกันทางอินเตอร์เน็ตมานานหลายสัปดาห์

เธอจะไม่เคยสนใจที่จะค้นคว้า หาข้อมูลเกี่ยวกับ “ฯลฯ (เปยยาลใหญ่)” ที่เธอพูดคุยด้วยทุกวี่ทุกวันเลยหรือ... เขามีความหมายกับเธอเพียงแค่เพื่อน... ไม่สิ... แค่คนรู้จักผ่าน ๆ ในโลกอินเตอร์เน็ตเท่านั้นน่ะหรือ และในโลกแห่งความเป็นจริง เขาก็เป็นเพียงเงา... เป็นเพียงวิญญาณที่ล่องหน ไร้ตัวตนเช่นนั้นหรือ

เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า เธอไม่ระแคะระคายใจเลยสักนิดเลยหรือว่า กำลังนั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อนในโลก
อินเตอร์เน็ตที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมมาระยะหนึ่ง

กานต์กลืนน้ำลายและความรู้สึกลงคออย่างยากลำบาก

ก่อนที่จะถอนหายใจอีกครั้ง

อดคิดไม่ได้ว่า หากแม้นไม่ต้องเจอตัว ไม่ต้องรู้จัก “แก้วตายาใจ” เสียเลย ไม่สู้ดีกว่าหรือ เพราะเขาก็คง
สามารถเดินหน้าสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างเขากับขนมผิงได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวต่อไป

แต่ในตอนนี้ เขาเองกลับเป็นคนที่ทำให้ทุกอย่างพังลงไป เหมือนกับปราสาททรายที่เขาได้ก่อขึ้นมากับมือตัวเอง แต่ไม่ทันที่จะเสร็จดี ก็ทำลายมันลงด้วยความผิดพลาดอันโง่เง่า

เขาถามตัวเองซ้ำ ๆ นับครั้งไม่ถ้วนว่า เขาแค่เพียงอยากจะรู้ว่าเขามีความหมายทั้งในโลกอินเตอร์เน็ตและในโลกแห่งชีวิตจริง... เพียงเท่านั้นหรือ

หรือว่าต้องการอะไรจาก “แก้วตายาใจ” มากกว่าแค่ความคุ้นเคยของคนที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันในโลกไซเบอร์

ไม่ว่าอย่างไรเสีย กานต์ก็รู้ตัวดีว่า เขาได้ทำให้ขนมผิงเสียใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับพฤติกรรมและท่าทางของเขาในค่ำคืนนี้

เธอจะคิดอย่างไร... เธอคงเข้าใจผิดว่าเขากำลังสนใจเพื่อนรักของเธอ ซึ่งคงจะทำให้เขาดูเป็นผู้ชาวที่เลวร้ายมากในสายตาของเธอ

แต่เธอไม่รู้ความจริง... ไม่รู้ถึงสาเหตุ... ถึงแรงจูงใจที่ทำให้เขาต้องแอบมองยาใจอยู่อย่างนั้น

เธออาจจะคิดไปต่าง ๆ นานา และเสียความรู้สึกกับการกระทำของเขาจนไม่อยากที่จะสุงสิงยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเลยก็เป็นได้

ซึ่งเขาก็เข้าใจดี และคงจะไปถือโทษโกรธเธอไม่ได้

แต่เธอคงจะไม่มีวันรู้ ไม่มีวันเข้าใจหากเขาไม่บอกเธอ

กานต์กัดฟันแน่นอย่างครุ่นคิดและชั่งใจ และส่ายหน้าอีกครั้ง อดโทษโชคชะตาไม่ได้ เพราะอีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันลอยกระทงอยู่แล้วเชียว...

อย่างน้อยเขาก็น่าจะบอกให้ขนมผิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเสียก่อน ก่อนที่จะมอบหมายให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า เธอยังอยากที่จะรู้จักและเป็นเพื่อนกับเขาต่อไปหรือไม่

กานต์พลิกตัวนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง และหันไปเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท๊อปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน และรู้สึกเหมือนกำลังเกิดสงครามขึ้นในใจของเขาว่า เขาควรจะเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปพูดคุยกับ “แก้วตายาใจ” เสียหน่อย เหมือนที่ทำมาจนแทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน หรือไม่

แต่ชายหนุ่มก็หลับตาลงอย่างข่มใจ เมื่อนึกถึงการพบปะกับเจ้าของรหัสชื่อดังกล่าวเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
และท่าทีของเธอที่มีต่อเขา

กานต์นึกถึงตอนครั้งเขายังเป็นเด็กที่เฝ้ามองดูหิ่งห้อยส่องแสงสว่างวับวาว และดูสวยงามน่าหลงใหลเหมือนหมู่ดาวดวงน้อยบนผืนฟ้าสีดำมะเมี่ยม

แต่เมื่อเขาไปจับหิ่งห้อยมาตัวหนึ่ง มันกลับไม่ได้สวยงามเหมือนที่เคยเห็น จนราศรีและความสวยงามของมันก็จะค่อย ๆ ลดและดับแสงลงไป

บางสิ่งบางอย่างที่สวยงาม มันสวยงามเพราะเราเฝ้ามองดูอยู่ห่าง ๆ ซึ่งเราควรจะพอใจที่จะปล่อยให้มันสวยงามอยู่ไกล ๆ อย่างนั้นต่อไป โดยไม่ต้องนึกอยากที่จะครอบครองหรือใกล้ชิดมันมากไปกว่าที่เป็นอยู่

ซึ่งก็คงไม่ต่างอะไรจากมิตรภาพทางอินเตอร์เน็ต ที่อาจจะดูงดงามเหมือนฝัน เมื่อได้รู้จักกันเพียงผ่านตัวอักษรบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องรับรู้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น ในชีวิตจริงจะเป็นใคร ทำอะไรอยู่ที่ไหน ทั้ง ๆ ที่เจ้าของมิตรภาพบนโลกไซเบอร์เหล่านั้น อาจจะเดินสวนกัน หรือกระทบใหล่กันอยู่แทบทุกวี่วันก็เป็นได้





“นี่แก... เรามาคุยกันให้รู้เรื่องหน่อยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ยาใจเดินเข้าไปประชิดตัวเพื่อนรัก เมื่อขนมผิงก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากที่ปล่อยให้เธอต้องยืนรออยู่หน้าประตูห้องน้ำด้วยความห่วงพะวง

“ไม่เป็นไร...” ผู้ถูกซักเบือนหน้าหนี และบอกปัดอย่างเสียไม่ได้

“แกไม่เคยเป็นอย่างนี้...” เพื่อนสาวไม่ลดละ และเดินเข้าไปจับใหล่ของเพื่อน

ขนมผิงเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่เคยนึกว่าตัวเองจะต้องมาเผชิญหน้ากับความรู้สึก และสถานการณ์ของการประจัญหน้ากันเช่นนี้ โดยมีผู้ชายเป็นสาเหตุ

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” ขนมผิงส่ายหน้า และพยายามจะเดินเลี่ยงยาใจไปยังมุมของเธอ

“อย่ามาโกหกน่า เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว” ยาใจไม่ปักใจเชื่อ “นี่มันต้องเป็นเรื่องนายกานต์อะไรนั่นแน่ ๆ
เลยใช่มั้ย เพราะก่อนหน้านี้ แกก็ยังดี ๆ อยู่”

ขนมผิงนิ่งอึ้งไปเหมือนถูกจี้ใจดำ

“แล้วมันเรื่องอะไรกัน ไหนว่ามาสิ...” สาวภาคเหนือซักไซ้ต่อเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนสาว

ขนมผิงกัดริมฝีปากแน่น พยายามที่จะระงับ... หรือไม่ก็ควบคุมความรู้สึกต่าง ๆ ที่กำลังพุ่งพรวดขึ้นมาจากหัวใจ

“ไม่คุยกันดี ๆ คืนนี้ไม่ต้องนอนด้วยล่ะ...” ยาใจเอ่ยต่ออย่างทีเล่นทีจริง หวังว่าอารมณ์ขันจะพอช่วยให้เพื่อนรักสบายใจขึ้นมาบ้าง

แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อเธอคาดการณ์ผิดถนัด

“เธอไม่เห็น หรือว่าแกล้งไม่เห็น” ขนมผิงถามอย่างเหลืออดด้วยน้ำเสียงที่รวดร้าว และเงยหน้าขึ้นสบตากับยาใจ จนทำให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ข้างใน

“เห็นอะไร...” ยาใจถามเสียงอ่อย ไม่เคยเห็นขนมผิงเป็นเช่นนี้มาก่อน

“ก็ที่กานต์เขาแอบมองเธอนับครั้งไม่ถ้วนตลอดทั้งเย็นวันนี้...”

ยาใจแลบลิ้นแตะลิมฝีปากเบา ๆ ในขณะที่หัวใจกำลังเต้นแรงรัว

“ทำไมฉันจะไม่เห็น” ยาใจบอกไปตามความจริง “แต่รู้มั้ย ฉันก็อึดอัดมากนะ...”

“เธอทั้งน่ารัก ทั้งคุยสนุก เฮฮา... เป็นผู้ชายที่ไหนก็คงชอบเธอทั้งนั้น” ขนมผิงเอ่ยออกไป

“แกจะบ้าไปแล้วเหรอ” คู่สนทนาอุทานอย่างเหลือเชื่อ

“ก็ฉันพูดจริง ๆ”

“กานต์น่ะไม่ใช่เสปคฉันแกก็รู้...”

“แต่เธออาจจะเป็นสเปคของเขาก็ได้” ขนมผิงแทรกขึ้นก่อนที่ยาใจจะเอ่ยจบประโยค

“นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว” ยาใจส่ายหน้า “เราคบกันมาเป็นปี ๆ ทะเลาะกันเรื่องอาหารการกินก็มีบ้าง แต่บาดหมางเรื่องผู้ชายไม่เคยมีเลยนะแก”

ขนมผิงนิ่งไปอย่างเห็นพ้อง

“และนี่แกก็เพิ่งเจอนายกานต์นี่มากี่วันเอง เขามีความหมายกับแกมากมายขนาดต้องมาหาเรื่องกัดเพื่อนซี้อย่างฉันเพราะความระแวงที่ไม่เข้าท่าเลยเหรอ” ยาใจถามอย่างข้องใจ

“ก็อาจจะใช่...” ขนมผิงตอบเสียงแข็ง แต่ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นใบหน้าตกใจของเพื่อนรัก พร้อม ๆ กับตระหนักว่าตัวเองหลุดปากสิ่งที่อยู่ในใจออกไป

“แกชอบเขาเหรอ...” ยาใจถาม และยิ้มกว้างอย่างสดใสขึ้นในทันที “แกชอบกานต์จริง ๆ ด้วยใช่มั้ย ถึงหึงและหวงขนาดนี้”

ขนมผิงยิ้มเขิน และอายจนตัวม้วน

“ไป...” ยาใจยื่นมือไปคว้าแขนของเพื่อน “เราไปคุยกับอีตากานต์นี่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”

“จะบ้าเหรอ” ขนมผิงอุทาน และสะบัดแขนหลุดจากมือของเพื่อน ท่าทางของเธอสบายใจและสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนยาใจพลอยยิ้มหรา และดึงร่างของเธอเข้าไปกอด

“แกนี่มันบ้าสิ้นดี...” ยาใจต่อว่าอย่างอารมณ์ดี “หึงได้แม้แต่เพื่อนอย่างฉัน”

“ก็...” ขนมผิงยิ้มอย่างจนมุม

“แกชอบเขาก็ไปบอกเขาเลยสิ” เพื่อนสาวยุ

“ไม่เอาหรอก... ขืนเขาบอกกลับมาว่าชอบเธอ ฉันคงต้องชีช้ำกระหล่ำปีไปอีกนานแน่เลย”

“ไม่เป็นไร หากเขามาบอกว่าชอบฉัน ฉันก็จะหักอกเขาให้ แล้วส่งมาให้เธอดามอกดีมั้ย” ยาใจแซว และหัวเราะอย่างถูกใจเมื่อเห็นท่างอนของขนมผิง “โอ๋ ๆ ไม่แกล้งแล้ว ๆ ว่าแต่ เราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ”  

  “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ขนมผิงถอนหายใจเบา ๆ และปลงว่า เธอก็คงได้แต่รอคอยให้กานต์เป็นฝ่ายบอกชอบเธอก่อนเท่านั้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

จากคุณ : ชาครีย์นรทิพย์
เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 53 15:01:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com