Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ ๒ - ๑๔ - ความสงบสุขเฉพาะที่ ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ความหมายของมาดายคือ จะล่อให้อาเมียร์ฆ่าลูเธียน เพื่อให้ศาสนจักรเข้าแทรกแซงและช่วยกำจัดอาเมียร์ ในสงครามที่จะเกิดขึ้นครับ


* * * * *

บทที่ ๑๔
ความสงบสุขเฉพาะที่


สีเหลืองของดอกแนร์คิแซสป่าดารดาษทั่วท้องทุ่งและริมถนน กลีบชั้นในที่มีรูปทรงคล้ายถ้วยทองคำขอบหยักล้อมรอบด้วยกลีบดอกหกกลีบซึ่งดูไกลๆ ราวกับดาวหกแฉก ชวนให้แอชลีนน์คิดไปถึงบทกวีพรรณนาความงามของทุ่งแนร์คิแซสสีเหลืองทองริมธารน้ำว่าเหมือนหมู่ดาวบนทางช้างเผือก แต่ละดอกนั้นเล่าก็ไหวก้านน้อยๆ ในสายลมอ่อน ประหนึ่งทักทายนักเดินทางใดๆ ก็ตามที่มาเยือนดาวิมีในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งก็มีมากมายอย่างที่เด็กสาวไม่คาดคิด

เกวียนใหญ่น้อย รวมทั้งรถม้าท่าทางจะมาที่นี่บ่อยครั้งและหลายขบวน เพราะถนนซึ่งทำด้วยดินลูกรังเหมือนหมู่บ้านอื่นๆ กลับเรียบราบอัดแน่น มีรอยล้อให้วิ่งตามเป็นทางชัดเจนจนเกวียนแทบไม่กระเทือนเลยเวลาวิ่งในบริเวณหมู่บ้าน แล้วยังโรงแรมที่มีถึงสามแห่ง แต่ละแห่งล้วนครึกครื้น ไม่นับบ้านพักตากอากาศของพวกขุนนางที่สร้างคล้ายๆ กระท่อมชาวไร่ แต่ก่อด้วยหิน และมีกำแพงล้อมรอบมิดชิด นอกบริเวณสวนดอกไม้สวยงาม

แต่ที่มีมากที่สุดและเด่นชัดที่สุดในหมู่บ้านดาวิมีเห็นจะเป็นสวนเอรี ซึ่งบัดนี้ออกผลดิบรูปไข่ เปลือกสีเขียวมัน รอวันสุกเป็นสีแดงสดในฤดูร้อน และสวนพีราที่ออกดอกสีขาวเล็กๆ สะพรั่งแซมใบเขียวทั้งสวน ดอกเหล่านั้นจะกลายเป็นผลพีราทรงน้ำเต้าสีเหลืองแซมชมพูในฤดูใบไม้ร่วงหลังจากผลเอรี ที่จริงแอชลีนน์ก็ไม่เคยได้เห็นต้นเอรีกับต้นพีราจริงๆ อย่างนี้มาก่อน แต่อาเมียร์เป็นคนแนะนำให้รู้จัก
“หมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องไวน์จากผลเอรีกับผลพีรา เราจะไปซื้อไวน์พวกนั้นเป็นสินค้าเข้าเมืองหลวง แล้วนั่งเรือจากที่นั่นกลับไปยาร์ลาธแทน”  เด็กหนุ่มบอกเธอก่อนหน้านี้

และตอนนี้ ทั้งอาเมียร์กับรูอาร์คก็เข้าไปเจรจาซื้อไวน์ในโรงหมักที่เด็กหนุ่มผมแดงแนะนำว่าขึ้นชื่อ ทิ้งให้เธออยู่เฝ้าเกวียนกับชาลัวห์ใต้ร่มไม้หน้าอาคารหลังใหญ่ติดกับสวนพีรากว้างขวาง เด็กสาวเลยถือโอกาสนี้ชมทิวดอกแนร์คิแซสสวยงาม ซึ่งดูเหมือนจะชูช่อต้อนรับพวกเขาเช่นเดียวกับคนสวนที่กำลังดูแลต้นพีรา ผู้หันมาโบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร แม้จะไม่ได้พูดอะไรกัน

ขณะโบกมือตอบ ใจของเด็กสาวก็แช่มชื่นขึ้นมาก ในบรรดาเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ที่เธอเคยเห็น โดยเฉพาะเมื่อเพิ่งผ่านหมู่บ้านที่ถูกปล้นและอันเวียนเมืองราตรีมาเพียงไม่กี่วันก่อน นี่คือหมู่บ้านที่ดูร่มรื่นและน่าอยู่ที่สุด

เธออยากให้หมู่บ้านทุกแห่งเป็นอย่างดาวิมีเหลือเกิน ที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ มีดอกไม้สวยงาม และผู้คนที่ดูเป็นมิตรอย่างไม่น่าเชื่อ

หากแอชลีนน์ได้ขึ้นเป็นราชินี เธอหวังว่าจะทำให้เมืองและหมู่บ้านทุกแห่งของธีร์ดีเรเป็นเช่นนี้ได้จริงๆ

คงมีโอกาสเป็นไปได้...ใช่ไหม หากในธีร์ดีเรยังมีผู้ที่มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างพวกของโทมา หมอหญิงซานา กับเกลอยู่ หากคนที่เคยทำผิดอย่างชาลัวห์ยังสำนึกในความผิดของตนได้ หากมีผู้ที่ภักดีและมีความสามารถอย่างท่านน้าคอนรอยกับดูลัสคอยช่วยเหลือเธอ เธอคงจะทำให้ภาพเหล่านี้ปรากฏขึ้นทั่วธีร์ดีเรได้ในสักวันมิใช่หรือ

“ข้าไม่เคยเห็นหมู่บ้านแบบนี้มาก่อนเลย” แอชลีนน์พูดขึ้น หลังจากสูดกลิ่นหอมของดอกแนร์คิแซสที่ลอยมาตามลมจางๆ เข้าไปให้เต็มปอด “ถ้าทั่วธีร์ดีเรเป็นอย่างที่นี่ได้ก็ดีสินะ”

“...นั่นสิ” เสียงของใครอีกคนตอบมาเบาๆ “ข้าก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าได้อยู่ในที่แบบนี้ ทุกคนคงจะมีสุขภาพดี คนที่ป่วยก็ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนไกลๆ ด้วย”

“หือม์” เด็กสาวหันกลับไปมองชาลัวห์ “หมายความว่าอย่างไรหรือ”

“คือข้า...ข้าเคยมาที่นี่ตอนเด็กๆ ตอนนั้นข้าไม่สบาย เลยต้องหาที่พักฟื้นที่อากาศดีๆ แล้ว...แล้วก็เลยมาที่ดาวิมี ข้า...ชอบที่นี่มากเหมือนกัน ยังอยากให้ชอร์ซาเป็นอย่างนี้ได้เลย”

“นั่นสินะ” เด็กสาวรับ

ดูเหมือนว่าหลังจากชายหนุ่มขอยืมเงินของเธอก่อนออกเดินทางจากอันเวียน เธอก็พอจะพูดคุยดีขึ้นกับอีกฝ่าย...อย่างที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะทำได้ ตอนนั้นแอชลีนน์ยื่นคำขาดว่าถ้าอยากให้เธออนุญาตให้ยืมเงิน เขาก็ต้องบอกมาเสียก่อนว่าจะนำเงินนั้นไปทำอะไร และในคืนนั้นเขาออกไปที่ไหน ด้วยเหตุใด

ไม่นึกเลย ว่าชาลัวห์จะยอมเล่าทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะดูกระอักกระอ่วนขณะพูดไม่น้อยไปกว่าคนฟัง เรื่องของเกรเนียเป็นเรื่องที่เด็กสาวพบว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอควรปฏิเสธที่จะช่วย และที่จริง เธอก็อยากจะช่วยหญิงคนนั้นได้มากกว่าให้เงินเพียงแค่นี้ด้วยซ้ำ

คนผิดอาจเป็นชาลัวห์กับครอบครัว เขาเป็นคนพูดเองกับปากว่าเงินเท่านี้ไม่ใช่การไถ่โทษที่ลบล้างความผิดของพวกตนได้ แต่เขาก็ยังอยากให้เกรเนียได้มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้

และในฐานะผู้ปกครองของธีร์ดีเร แอชลีนน์ก็รู้สึกว่าตนควรจะเริ่มทำบางสิ่งอย่างจริงจังเช่นกัน เพื่อให้ชาวธีร์ดีเรผู้เคราะห์ร้ายสักคนมีความสุขสบายเพิ่มขึ้นจากที่เป็นอยู่...อย่างน้อยสักนิดก็ยังดี

"ไม่คิดว่าเจ้าต่อราคามากไปหรือ" เสียงถามของเพื่อนร่วมทางอีกคนดังแว่วมา

เด็กสาวหันไปเห็นอาเมียร์กับรูอาร์คเดินกลับมาที่เกวียน เด็กหนุ่มผมแดงยักไหล่ตอบคำพูดเมื่อครู่

"เขาก็ลดให้ตามที่ข้าบอกนี่นา ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร"

"แต่เจ้าเล่นตัดราคาลงเสียเกือบครึ่ง แล้วที่จริงพวกเราก็มีเงินเกินพอจะซื้อเต็มราคาด้วย" อาเมียร์ให้เหตุผล

"เจ้านี่ประหลาด ไม่ชอบของถูกรึยังไง" รูอาร์คกลอกตาพลางตอบ

ผ่านไปแค่วันเดียว ก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มผมแดงจะถนัดเรียกอดีตอาจารย์ของตนในฐานะ ‘เพื่อน’ ที่เท่าเทียมกันตามคำบอกของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

"ข้ากลัวพวกเขาจะขายได้ไม่คุ้มทุน"

"ให้ทุกๆ คนต่อราคาบ้าเลือดได้แบบข้าทั้งธีร์ดีเรก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน" รูอาร์คพูดอีกอย่าง "ขายให้เราแค่นี้ พวกเขาไม่เสียหายหรอก ถ้ามันขาดทุนจริงๆ เขาก็ไม่ยอมขายอยู่แล้ว มีคนตั้งมากมายที่จะยอมซื้อไวน์ของดาวิมีในราคาสูงกว่านี้ แล้วอย่างนี้ก็สะดวกถุงเงินของพวกเราด้วย ถามจริง บ้านเจ้าไม่เคยต่อราคาของในตลาดเลยรึยังไง"

"ถ้าราคามันสมเหตุสมผล ก็ไม่จำเป็นต้องต่อนี่" เด็กหนุ่มผมดำแย้ง "คิดถึงหัวอกคนค้าขายบ้าง ถ้าคนซื้อคิดแค่ว่าอยากซื้อของในราคาถูกที่สุด คนค้าขายจะได้กำไรพอคุ้มทุนหรือเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร แล้วอีกอย่าง ภาษีเหล้าไวน์ของธีร์ดีเรก็ไม่ใช่ถูกๆ ไม่ใช่หรือ ถึงเขาจะลดให้เรา ก็ต้องเสียภาษีให้ทางการเต็มอัตราอยู่ดี ถ้าราคาขายเดิมไม่เอากำไรเกินควร ก็จ่ายตามนั้นดีกว่า"

เด็กหนุ่มผมแดงกลับยักไหล่

"เขาเรียกว่าการแข่งขัน ที่เขาขายให้เราถูกลงนี่ไม่ใช่อะไรหรอก เพื่อกันไม่ให้เราไปซื้อไวน์จากโรงหมักคู่แข่งต่างหาก แล้วเขาก็เห็นว่าเขาไม่เสียกำไรอะไรหนักหนาด้วย ถึงได้ยอมขายตามราคาที่ข้าต่อ ยอดขายกับความพอใจของลูกค้าสำคัญต่อคนค้าขายอะไรก็ตามจะตายไป เราได้ลด เขาได้ชื่อ มันก็เท่านั้นเอง"

อาเมียร์ถอนใจ แล้วก็เงียบไปเหมือนไม่อยากต่อความอีก แอชลีนน์จึงตัดสินใจถามขึ้น

"เจ้าไปต่อเหลือเท่าไรหรือ รูอาร์ค"

"จากถังละแปดสิบวีร์เหลือห้าสิบ" คนตอบกลับเป็นอาเมียร์ที่ยังคงขมวดคิ้วอยู่

"ห...ห้าสิบเชียวหรือ!" เด็กสาวอุทานแล้วก็รีบคำนวณในใจ ลดไปตั้งสามสิบวีร์จากแปดสิบนี่... "เท่ากับ...ลดร้อยละ...เท่าไรนะ"

"ร้อยละสามสิบเจ็ดจุดห้า เยอะเกินไปแล้วใช่ไหมล่ะ" เด็กหนุ่มผมดำตอบทันควัน ขณะที่คนตอบโคลงศีรษะ

"ข้าแค่ต่อราคา ไม่ได้ไปก่ออาชญากรรมร้ายแรง...ขนาดทำให้ธีร์ดีเรขาดดุลการค้าล่มจมเสียหน่อย"

"แต่ถ้ามีคนทำอย่างเจ้าสักร้อยละเจ็ดสิบของชาวธีร์ดีเรทั้งหมด การค้าของเราจะโตไหม" อาเมียร์ติง

"โตสิ เพราะชาวธีร์ดีเรจะมีเงินไว้ซื้ออย่างอื่นมากขึ้นอย่างไรล่ะ" รูอาร์คตอบอย่างร่าเริง

"แล้วสวนผลไม้กับโรงหมักไวน์ที่ขาดกำไรไป จะให้ทำอย่างไร ให้พวกเขาแบกรับภาษีที่จะส่งเข้ารัฐเอง หรือให้รัฐลดภาษีให้ แล้วถ้าทางการมีภาษีไม่พอสำหรับใช้เป็นงบประมาณแผ่นดินที่จำเป็นจะเกิดอะไรขึ้น ราคาสินค้าเขาตั้งไว้ในจุดที่เหมาะสมเพื่อประกันให้ระบบมันดำเนินต่อไปได้ ยังจะไปต่อเอาสบายตัวเองเข้าว่าอีก"

"ให้ตายสิ นี่เจ้าไม่เห็นความงามของระบบการค้าเสรีเลยหรือ"

"ไปถามพวกชาวไร่ชาวสวนสิ ว่าพวกเขาจะชอบการค้าเสรีไหม ถ้าไม่มีการประกันราคาผลผลิต ต้องยอมรับราคาซื้อที่พ่อค้าคนกลางตั้งให้ต่ำสุดๆ แบบไม่ห่วงต้นทุนถึงขายออก ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยให้ผลผลิตตัวเองเน่าไปเสีย"

"เอ่อ..." แอชลีนน์มองเพื่อนร่วมทางที่ทำท่าจะถกปัญหาเศรษฐศาสตร์ยืดเยื้อไม่ยอมหยุด สลับกับชายสองคนของโรงหมักที่ค่อยๆ กลิ้งถังไม้ใส่ไวน์มายังเกวียนของพวกเขาทีละใบ ดูเหมือนอาเมียร์กับรูอาร์คจะยอมเงียบได้เมื่อเห็นพวกเขาเข้ามาใกล้ แล้วจึงช่วยกันปลดพานท้ายกระบะเกวียนลง ทำเป็นทางลาดขึ้นให้คนของโรงหมักกลิ้งถังไวน์ขึ้นเก็บ

เด็กสาวมองพวกเขาทำงานอย่างเงียบๆ แล้วก็อดตั้งคำถามไม่ได้...เมื่อเห็นถังไวน์ใบแรกวางเคียงถังชาดานแซร์ที่ตั้งอยู่ก่อนหน้า

"ถ้าตั้งถังไวน์จะสะดวกกว่าไหม...ขอรับ ข้าว่าแบบนี้มันกินที่บนเกวียน แล้วก็น่ากลัวว่าถังจะกลิ้งหล่นลงมาด้วย"

ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เป็นหนึ่งในคนขนถังไวน์กลับยิ้มน้อยๆ

"เจ้าไม่เคยเห็นเวลาเขาขนส่งหรือเก็บถังไวน์หรือ น้องชาย"

"เอ๋..." แอชลีนน์กะพริบตาปริบๆ

"ถังไวน์เขาต้องเก็บตะแคง เพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปทางปากถัง ไม่อย่างนั้นรสของไวน์ข้างในจะเปลี่ยนไป" อาเมียร์รีบอธิบาย

"อ๋อ..." เด็กสาวในคราบเด็กหนุ่มพยักหน้ารับ เพิ่งนึกได้ว่าร้านอาหารและโรงแรมที่ผ่านมาก็ใช้วิธีเก็บถังไวน์อย่างนี้กันทั้งสิ้น

"ส่วนเรื่องหล่นน่ะไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวเอาไม้ไปขัดไว้กับพานท้ายเกวียนให้แน่นๆ ก็พอแล้ว" รูอาร์คพูดพลางกอดอก "เสียแต่คนในเกวียนคงต้องทำตัวลีบๆ หน่อย ห้าถังนี่ท่าทางจะกินที่ใช่ย่อย แต่มีคนเดียว...แถมตัวผอมเป็นไม้เสียบผีจนจะมองไม่เห็นอย่างนี้ คงไม่เป็นไรกระมัง"

แอชลีนน์กลั้นเสียงถอนใจไว้ ด้วยรู้ว่าเด็กหนุ่มผมแดงตั้งใจกระทบใครอีกคนในคณะเดินทาง มีแต่ชาลัวห์เท่านั้นที่ต้องนั่งในเกวียนพร้อมสัมภาระเวลาเดินทาง เพราะเด็กสาวนั่งข้างหน้าคู่กับอาเมียร์ ส่วนรูอาร์คมีม้าให้ขี่ไปข้างๆ เกวียน

เธอพยายามพูดหลายครั้งแล้ว ให้เด็กหนุ่มผมแดงยอมรับว่าบัดนี้ชาลัวห์เปลี่ยนไปมาก ไม่เพียงในด้านรูปร่างหน้าตาที่ผอมโทรมลงตั้งแต่ตอนท้องเสียคราวนั้น บวกกับปรับตัวเข้ากับเสบียงอาหารระหว่างทางได้ลำบาก แต่ยังในด้านท่าทีการวางตัว เขาไม่ปริปากเมื่อถูกรูอาร์คกระทบกระเทียบแทนที่อาเมียร์ ทำทุกอย่างตามคำสั่งโดยไม่อิดออด ซ้ำยังช่วยขนสัมภาระและหยิบข้าวของตามคำบอกของคนอื่นเท่าที่จะทำได้เสียด้วยซ้ำ

"ต้องให้พี่เฟลิมฟื้นคืนชีพขึ้นมาก่อน ข้าถึงจะยกโทษให้มันได้" รูอาร์คเคยยื่นคำขาดเมื่อเธอขอร้องให้เห็นใจชาลัวห์บ้าง

"แต่เขาเปลี่ยนไปมากแล้วนะ"

"เปลี่ยนไปมากแล้วอย่างไร เขาเปลี่ยนไปแล้วเรื่องที่เขาทำให้พี่ข้าตายมันหายไปได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูด"


อาเมียร์บอกแอชลีนน์ในเวลาต่อมา ให้ปล่อยเรื่องของทั้งสองไว้เช่นนี้ ซึ่งเด็กสาวจำใจทำตามอย่างเสียไม่ได้ ถึงแม้ว่ารูอาร์คจะไม่ได้ทำอะไรชายหนุ่มมากไปกว่าใช้วาจาระรานบ้างเป็นบางครั้ง...โดยไม่ร้ายแรงนักก็ตาม

"ว่าแต่ พี่ชายพอจะแนะนำโรงทำเนยแข็งขึ้นชื่อที่นี่ให้พวกเราหน่อยได้ไหม" เธอได้ยินรูอาร์คถามคนของโรงหมักไวน์อีกครั้ง

"เนย 'เถระเหม็น' น่ะหรือ เห็นทุ่งเลี้ยงวัวตรงทางโค้งที่มีดงแนร์คิแซสนั่นไหม โรงทำเนยของเจ้านั้นเป็นต้นตำรับเก่าแก่ที่สุดในดาวิมีแล้ว" ชายอีกคนชี้บอก "พวกเขาใช้ไวน์พีราของเราบ่มเนย ดังนั้นรับประกันคุณภาพได้ บอกไปว่าโรงหมักของเราแนะนำมาก็แล้วกัน เขาจะลดให้เป็นพิเศษด้วย"

"อย่างนั้นหรือ ขอบคุณมากพี่ชาย" รูอาร์คตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง

"ไม่เป็นไร แล้ววันหลังแวะมาอุดหนุนพวกเราอีกนะ"

แอชลีนน์เหลือบไปเห็นอาเมียร์ยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะพูดขอบคุณชายทั้งสองอีกครั้งเมื่อพวกเขาขนถังไวน์ทั้งห้าใบมาส่งถึงเกวียนเรียบร้อย แล้วก็บังคับม้าออกไป


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 20:24:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com