Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 15 - กับดัก ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ถ้าเป็นละครออนแอร์ สงสัยจะได้เปลี่ยนพระเอกกลางเรื่อง จากอาเมียร์เป็นรูอาร์คแหงๆ ^^a


* * * * *


บทที่  ๑๕
กับดัก


แค่สี่ปีเองหรือ...

พระมหาเถระลูเธียนคิดในรถม้าที่แล่นออกประตูเมืองหลวง แล้วเลี้ยวจากถนนสายหลัก สู่ทางลูกรังเล็กๆ ซึ่งขรุขระจนล้อสะเทือนโกกเกก กระนั้นคนขับก็ไม่ได้บ่น และมุ่งหน้าต่อไปตามทิศทางที่นักบวชหนุ่มเปิดหน้าต่างบอกเป็นระยะๆ

สถานการณ์น่ากังวลกว่าที่คาดไว้ทีแรก เขาสัมผัสได้ว่าบัดนี้อำนาจมนตร์มืดของ ‘ตัวต้นเหตุ’ ฟุ้งกระจาย สังเกตง่ายราวกับกลิ่นไหม้และควันไฟลามทุ่งจากตัวเด็กคนนั้น...ไม่สิ...จะเรียกว่าเด็ก อีกฝ่ายก็มีอายุกว่าเขาตั้งมากมาย

ลำพังลูเธียนยังไม่รู้ว่าตนจะมีอำนาจพอสะกดมนตร์ในกายของอีกฝ่ายได้หรือไม่ หากปราศจากการแทรกแซงของมนตร์มืดด้วยกัน

แต่จะให้ไปวิ่งหามนตร์มืด ‘อีกคน’ ก็ทันเสียที่ไหน...ป่านนี้เจ้าหล่อนเร่ร่อนในทุ่งกว้างสบายใจอยู่เสียกระมัง

ชายหนุ่มจึงบอกตนเอง ว่าถึงอย่างไรก็ได้แต่ลองดู เขารวบรวมสมาธิ สัมผัสเวทมนตร์ของอีกฝ่ายต่อไป...กระทั่งรถม้าหยุดลงโดยไม่ทันสั่ง

“ขออภัยขอรับ พระมหาเถระ” คนขับเปิดหน้าต่างเข้ามา “สุดทางแล้วขอรับ ข้างหน้ามีแต่ป่าเท่านั้นเอง”

“ไม่เป็นไร” นักบวชหนุ่มตอบ ครั้นแล้วก็เปิดประตูลงจากรถ

แนวป่าโอบล้อมทางเกวียนซึ่งแทบเรียกได้ว่ารกร้าง ขณะที่ไอเวทมนตร์มืดดูเหมือนจะอวลอยู่เบื้องหน้าเพียงไม่ไกล

ลูเธียนนำไม้คทาของตนมาสะพายหลัง จากนั้นก็หยิบถุงหนังใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คาดเอวออก ประพรมน้ำพร้อมบริกรรมคาถาโดยรอบรถ ครอบคลุมทั้งม้าซึ่งดูตื่นน้อยๆ และสารถี

เมื่อบทสวดจบลง รอยน้ำสีเข้มบนพื้นดินแห้งผากเปล่งประกายขึ้นแวบหนึ่ง

“รออยู่ในนี้ อย่าล้ำออกไปภายนอก แต่หากตะวันใกล้ตกดินแล้วข้ายังไม่กลับมา ก็จงขับรถกลับอารามหลวงที่เมอร์คาห์โดยเร็วที่สุด แจ้งให้พวกเขากลับมาตามหาข้าในตอนเช้า”

“ขอรับ” คนขับรถรับคำ พร้อมทั้งทำมือเป็นสัญลักษณ์คารวะสุริยเทพ “ขอให้องค์เทพเจ้าคุ้มครองท่าน”

พระมหาเถระวัยหนุ่มเพียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในหมู่ไม้เบื้องหน้า


* * * * *


“ช่วยด้วย! ท่านนักบวช! ช่วยข้าด้วยค่ะ!”

หากจะมีสิ่งใดซึ่งนักบวชผู้เตรียมตัวพร้อมรับมือปีศาจทุกรูปแบบไม่ได้คาดการณ์ไว้...ก็เห็นจะเป็นภาพตรงหน้านี่เอง

หญิงสาวผมยาวสยายรุงรัง...แต่ใบหน้าดูคุ้นตาอย่างประหลาด สวมชุดขาดวิ่นที่พอมองออกว่าเคยเป็นเสื้อผ้าของคนชั้นสูง ถูกมัดติดกับต้นไม้ตรงหน้าด้วยเชือกสีดำอันดูพร่าเลือนเหมือนหมอกควัน ราวกับทิ้งไว้เป็นเหยื่อล่ออสูรร้าย

“เจ้าเป็นใคร” ลูเธียนตั้งคำถาม มือกระชับคทาแน่นขึ้น

“ข้าเป็นนางกำนัลในวังหลวง...ชายคนทรายนั่นล่อลวงข้าให้ช่วยเขาหนี แล้วก็จับตัวข้ามา มันว่าคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด มันจะทำพิธี...ให้ข้ากลายเป็นทาสมันชั่วนิรันดร์” เธอพูดพลางสะอื้นไห้ น้ำตานองหน้า “ท่านช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าจากปีศาจร้ายที!”

พระมหาเถระจำได้ว่าเคยเห็นภาพวาดของเธอแบบผ่านๆ ในประกาศจับ ครั้นเพ่งจิต ก็จับได้ว่าความมืดพวยพุ่งจากเชือกมนตรา แต่มิใช่หญิงคนนั้น เขาจึงก้าวเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย ครั้นแล้วก็บริกรรมคาถาจนแก้วใสที่หัวคทาสว่างวาบขึ้น และใช้คทาที่มีหัวโค้งเหมือนไม้เท้าเลี้ยงแกะเกี่ยวเบาๆ ที่เส้นเชือก จนพวกมันสลายเป็นหมอกควันดำโดยง่าย

หญิงสาวผู้เคยถูกมัดทรุดฮวบลงกับพื้นแทบทันที ทว่าลูเธียนเพียงถาม

“เป็นอะไรหรือเปล่า แม่หญิง”

“ท...ท่านนักบวชช่วยประคองข้าทีเถอะค่ะ ข้าถูกมัดอย่างนี้มาเป็นวันๆ น้ำหรืออาหารไม่ได้แตะต้อง ตอนนี้เลยเพลียจนไม่อาจลุกยืน ท่าน...ช่วยพยุงข้าขึ้นมาหน่อยได้ไหมคะ“

“นักบวชไม่ควรแตะต้องร่างกายสตรี” นักบวชหนุ่มเพียงส่งหัวคทาให้ “แตะนี่ไว้เป็นหลักก็แล้วกัน”

เธอกลับมองสิ่งที่เขายื่นให้นิ่งอยู่

“เช่นนั้น...ขอน้ำดื่มให้ข้าก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง “ข้ากระหายน้ำเหลือเกิน หากได้ดื่มน้ำสักหน่อย...อาจจะมีกำลังขึ้นบ้าง”

“ข้ามีแต่น้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับปราบปีศาจ” ลูเธียนตอบ “แต่เจ้าจะดื่มเล็กน้อยก็ได้ จะได้ขจัดไอปีศาจที่ติดตัวอยู่เสียด้วย”

มือของชายหนุ่มเลื่อนไปยังถุงน้ำที่ข้างเอว ปลดมันออกมา วางลงบนพื้นตรงหน้าหญิงสาวแต่โดยดี

“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มเหนื่อยอ่อน มือของเธอค่อยๆ เอื้อมหาถุงน้ำบนพื้นหญ้า...แต่แล้วนัยน์ตาก็พลันเบิกกว้างขณะร่ำร้อง “ท่านนักบวช! ข้างหลัง!”

พระมหาเถระหนุ่มหมุนตัวกลับ เกี่ยวหัวคทาเข้ากับด้ามดาบที่ฟาดฟันเข้ามาอย่างฉิวเฉียด แต่ครั้นจะพยายามบิดให้ดาบนั้นร่วงจากมือ มันก็กลับสลายเป็นหมอกควันไป และชายผมดำผู้โถมเข้าจู่โจมก็เพียงแต่สะบัดมือใหม่ ให้ไอความมืดรวมตัวเป็นดาบอีกเล่ม

ลูเธียนพึมพำมนตร์ให้หัวคทาสว่างวาบขึ้น ยังผลให้ชายถือดาบผงะถอยไป ก่อนจะกระทุ้งปลายด้ามคทาอีกด้านซึ่งลงอักขระไว้ไปข้างหลัง...กระทั่งสัมผัสได้ว่าคมมีดแสงที่บังเกิดจากอักขระชำแรกผ่านบางสิ่งหนาหนัก และสร้างเสียงกรีดร้องโหยหวน

นักบวชปราบมารรีบวาดด้ามคทาเฉียงขึ้น ครั้นแล้วก็หมุนตัวกลับไป เห็นหญิงสาวในชุดขาดวิ่นชะงักค้าง มือขวาที่บัดนี้แปรเป็นคมเคียวสีดำเงื้ออยู่ห่างจากศีรษะของพระมหาเถระแค่หนึ่งช่วงแขน ตั้งแต่กลางลำตัวไปจนถึงไหล่ซ้ายของเธอ...ซึ่งถูกเขากรีดด้วยคมแสงสว่างเมื่อครู่...กลับกลายเป็นหมอกดำฟุ้งกระจายจนมองเห็นแนวไม้ข้างหลัง ใบหน้าบิดเบี้ยวของเธอแปรเปลี่ยนเป็นหญิงชราในชั่วแวบ...ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะพลันสลายไปพร้อมกับเสียงร้องแหบพร่า

ศัตรูร่วงไปหนึ่งแล้ว แต่นักดาบแห่งความมืดยังคงปราดเข้ามา จนลูเธียนต้องรีบเบี่ยงหลบดาบที่ฟาดฟันเข้ามาเป็นชุด ก่อนจะยันคทารับไว้

เด็กหนุ่มผมดำรั้งดาบออก และเตะขัดขาเขาจนล้มหงายแทน

พระมหาเถระไม่ทันตั้งตัว จึงล้มลงกองบนพื้น แม้สองมือจะยังกำคทาแน่น บิดปัดดาบที่เสือกแทงลงมาได้อีกครั้ง ก่อนจะพลิกกายพยายามลุก ดาบคลาดจุดตายไปฉิวเฉียด กระนั้นก็ฟันถูกชายโครงอย่างถากๆ จนเป็นแผลยาว เลือดไหลซึมอาบเสื้อคลุมสีขาว

ให้ตาย! ไม่เจอกันไม่กี่ปี...ใช้ดาบจะเก่งเท่าพ่อมันแล้วหรือนี่!

ลูเธียนสบถในใจ ขณะข่มความเจ็บปวดจนยืนขึ้นได้ และกระทุ้งด้ามคทาบนลำต้นไม้...สร้างจุดเชื่อมเขตอักขระ เขาลืมนึกไปเสียสนิทว่าอีกฝ่าย ‘เติบโต’ ได้แล้ว และคงได้เรียนวิชาดาบจากบิดาเพิ่มเติมมาเกินพอ กระทั่งนักบวชหนุ่มซึ่งได้บทเรียนจาก ‘หมาป่าทมิฬ’ ไปฝึกวิชาพลองตั้งแต่สามปีก่อนก็ยังตามกันไม่ทัน

แต่ถึงทักษะยุทธ์จะล้ำเลิศ เด็กหนุ่มก็ยังใช้เวทดำได้ไม่สมบูรณ์แบบนัก เห็นได้จากการเลือกโจมตีระยะประชิดเป็นหลัก การถอยออกห่างเพื่อตั้งเขตอาคมสะกดล้อมรอบอีกฝ่ายน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

นักบวชหนุ่มจึงถอยพลางหลอกล่อพลาง ขณะใช้ด้ามคทากระทุ้งพื้นดิน หรือต้นไม้ตามความเหมาะสมไปเรื่อยๆ กระนั้นศัตรูก็รุกไล่เข้ามาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และวาดคมดาบเข้ามาใกล้ใบหน้าเขา...ขณะกำลังจะสร้างอาณาเขตจุดสุดท้าย

...เพียงเพื่อถูกหยดน้ำใสสาดกระเซ็นราวฝนกรดจนร้องโหยหวน และถลาลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้น...

ลูเธียนเงยมองที่มาของน้ำบนฟ้า ก่อนจะเห็นนกสีดำตัวหนึ่งบินวนอยู่ พร้อมกับถุงหนังใส่น้ำที่จิกไว้ในกรงเล็บ เขาเลื่อนสายตาลงมองบนพื้นบ้าง เห็นร่างที่ควรจะเป็นเด็กหนุ่มผมดำกลับกลายเป็นเงาดำ...สลับกับชายอีกคน...ชายผมสีน้ำตาลในวัยราวยี่สิบต้นๆ

“...ช......ช่วยด้วย...” ชายคนนั้นพึมพำก่อนร่างสลายเป็นหมอกควัน เล็ดลอดจากเขตอาคมที่ยังไม่ได้ทำให้สมบูรณ์ออกไป...โดยที่ลูเธียนไม่ทันกักมันไว้

นักบวชหนุ่มได้แต่ลดคทาลงอย่างไม่สบอารมณ์ ถุงน้ำร่วงลงกระทบพื้นหญ้า ก่อนที่เสียงเล็กๆ ของผู้หญิงซึ่งดูเหมือนจะยังไม่พ้นวัยเด็กทักขึ้นข้างหลัง

“ว่าอย่างไร หนูขาว เกือบได้ลงไปนอนเล่นในท้องแมวดำเข้าแล้วสิ” เสียงฝีเท้าสวบสาบ รวมทั้งกระพรวนกรุ๋งกริ๋งดังตามมา “‘นาย’ ของพวกนั้นคงใช้งานวิญญาณที่รู้มนตร์ขาวอย่างเจ้าได้คุ้มค่าแทบกระอักทีเดียวเชียว”

“เจ้าทำลายแผนข้า” ลูเธียนกลับหลังหันไปตอบโต้

ที่เดินเข้ามาคือเด็กสาวร่างเล็ก ผู้สวมผ้าคลุมสีดำปักลูกปัดพราวพรายอย่างชาวทะเลทราย แต่กลับไม่ปิดบังใบหน้า และเรือนผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งร้อยลูกปัดสีต่างๆ ระย้า ซ้ำผ้าคลุมภายนอกยังโปร่งบางจนเห็นเสื้อเอวลอยสีแดงปักเลื่อมแวววาวข้างใน กับผ้าคาดเอวสีชมพูสดและกางเกงขาพองสีขาว รับกับรองเท้าหัวงอนและกำไลกะพรวนทั้งข้อมือข้อเท้าอย่างนางรำ

ไม่ได้พบกันสี่ปี รายนี้ก็แต่งตัวเปิดเผยขึ้นจนน่ากลัว ถึงอายุร่างกายจะยังดูไม่น่าเลยสิบห้าด้วยซ้ำ

ขณะที่เขาจ้องมองอีกฝ่าย เธอก็เลิกคิ้ว ชายตาค้อน พลางยกมือขึ้นให้นกสีดำ ซึ่งมีขนปีกและหางไหวมัวเหมือนควันร่อนลงเกาะ

“ข้าช่วยเจ้าจากการถูกฟันหัวแบะต่างหาก”

“จะล่อศัตรูก็ต้องยอมเสี่ยง”

“ให้ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าต้องมีแผลเป็น หรือดั้งแหว่งโหว่ไปหรือ พ่อนักบวชรูปงาม” อีกฝ่ายหยอดเสียงหวาน ทั้งๆ ที่แก้วตาสีน้ำตาลอมเหลืองใสราวลูกแก้วสองดวงของเธอไม่อาจสะท้อนภาพใด

“มองไม่เห็นแล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้ารูปงาม”

เด็กสาวหัวเราะเสียงใส ขณะลูบขนนกดำมะเมื่อมของตน ซึ่งเพ่งตรงมาทางลูเธียนด้วยประกายแสงสีฟ้าสองจุดต่างดวงตา

“ข้าก็ต้องมี ‘หูตา’ แทนตัวบ้าง...หรือไม่ใช่ เจ้าดูโตเป็นหนุ่มกว่าเมื่อสามปีก่อนมากทีเดียว”

“เจ้าสิ ดูไม่โตพอจะแต่งตัวอย่างนี้หรอกนะ ถึงอายุจะพอเหมาะเป็นยายแก่แล้วก็เถอะ”

“ยายเชียวหรือ ข้าว่าข้าอายุน้อยกว่าแม่เจ้าหรอกนะ” อีกฝ่ายยังไม่ยอมเลิกรา

นักบวชหนุ่มโคลงศีรษะน้อยๆ ก่อนจะหันมาร่ายมนตร์รักษาให้แผลที่ยังปวดแสบตรงชายโครง แล้วก็คิดว่าควรรีบถามตรงประเด็นเสียที

“เจ้ามาถึงนี่ คงรู้แล้วใช่ไหมว่า ‘ทัมมุซ’ อยู่ที่ไหน”

“ก็รู้ดีกว่าท่าน” เด็กสาวไม่วายยวน “อย่างน้อยข้าก็ไม่ได้เดินเข้ามาในกับดัก แถมทิ้งถุงน้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้บนพื้นเสียดื้อๆ ให้ตัวเองลำบากเล่นอย่างนั้น”

“ข้าทิ้งเพราะมันไม่จำเป็น พกติดตัวไว้ก็มีแต่จะถ่วงให้เคลื่อนไหวลำบาก” ลูเธียนแย้ง “อีกอย่าง ถ้านั่นเป็นทัมมุซจริง เขาก็มีร่างกายเหมือนเจ้า ถ้าไม่มีแผลให้แทรกเข้าไป น้ำศักดิ์สิทธิ์จะสำแดงฤทธิ์ได้อย่างไร”

“เอาเถอะ อย่างน้อยพื้นฐานเจ้าก็ยังแม่นอยู่” เด็กสาวยักไหล่ “แต่อย่าเชื่ออะไรที่ตาเห็นให้มากนัก”

“เป็นคำสั่งสอนที่ดียิ่งจากคนตาบอด”

“ข้าตาบอด...แต่ใจไม่บอดนี่นา” เธอทำเป็นชำเลืองมองเขา “ผู้ครองคัมภีร์อนธการอยู่ห่างไปจากนี้ แต่กำลังมุ่งกลับมาทางเมืองหลวง ดูจากความเร็ว ข้าคิดว่าคงใช้รถม้าหรือเกวียนมา อำนาจเวทมนตร์ในตัวเขาขึ้นๆ ลงๆ ...ติดๆ ดับๆ ...ไม่ได้ปล่อยเต็มที่เหมือน ‘เนยแข็งล่อหนูขาว’ บางตัวหรอก”

ลูเธียนใคร่อยากเอาคทาในมือเขกศีรษะร่างเตี้ยกว่านัก แต่ก็ยั้งไว้

“แสดงว่า เจ้ารู้ว่าจะมีปัญหาเหมือนกัน”

“มันรบกวนจิตใจข้า” อีกฝ่ายตอบเสียงขุ่น “‘พ่อ’ จอมดื้อด้านนั่นต้องวางแผนอะไรไว้อีกแน่ ถึงขั้นฆ่าคนสำคัญ แทรกแซงการปกครองของอาณาจักรแบบนี้”

“‘พ่อ’ ที่ว่านั่น...?” นักบวชหนุ่มตั้งคำถาม ก่อนจะเงียบไปทันควันเมื่อโดนเด็กสาวตาบอดค้อนขวับ

“ไม่ใช่ทัมมุซอยู่แล้ว พ่อที่ให้กำเนิดข้า...เจ้าก็รู้ ข้าไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรดี ‘เทพที่ใครๆ เปลี่ยนชื่อให้ไม่เว้นยุค’ มันยาวเกินไป”

ลูเธียนยิ้มขรึมๆ และเพียงคาดคทาเก็บ ไม่ต้องการยั่วอารมณ์ของธิดาเทพเจ้าผู้ชังบิดานัก

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็มาที่นี่เพราะทัมมุซถูกพ่อเจ้าล่อลวงอีกแล้วสินะ”

“เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้น” เด็กสาวขมวดคิ้ว “ดูจากกระแสอาคมที่จับได้ ข้าคิดว่าผนึกไม่ได้คลายอย่างสมบูรณ์ ทัมมุซคงยังไม่อาจควบคุมพลังในตัว ถ้าก่อนหน้านี้มีเหตุให้เขาพลั้งมือฆ่าคน ผลไม่น่าจะเลวร้ายอย่างที่เห็น วิญญาณที่ท่านพบเมื่อครู่คงเป็นแม่มดแก่ชาวทราย กับลูกชายเจ้ามณฑลที่มีข่าวว่าตายเพราะเขา ถ้าพลั้งมือฆ่าจริง วิญญาณของทั้งสองคงไม่ถูกเขานำมาใช้งานสกปรก ในขณะที่ตัวเขาอยู่ไกลออกไปถึงขนาดนี้แน่

“ดังนั้น ‘ผู้บงการ’ น่าจะเป็นบุตรแห่งอสุรเทพคนอื่นที่ฉวยโอกาสนี้ อีกอย่าง ไม่มีทางที่เขาจะควบคุมวิญญาณรับใช้ถึงสามดวง และปล่อยอาคมมืดมหาศาลล่อท่านจนไม่ทันจับกระแสอาคมของตัวจริงเขาได้หรอก”

“สามดวง?” พระมหาเถระขมวดคิ้วตาม “ที่โจมตีข้ามีแค่สอง?”

“อีกดวงไปเล่นงานรถม้าท่าน” คู่สนทนาพูดเสียงเครียด “ทั้งม้าและสารถี...หมดลมแล้วตอนข้าไปถึง ถูกดึงวิญญาณไปตามเคย”

“บ้าน่า! ข้าร่ายเขตอาคมคุ้มกันเขาไว้แล้ว!”

“ดูเหมือนมันจะรู้วิธีแก้เขตอาคม เพราะข้าไปถึงก็ไม่เห็นเขตอาคมคุ้มกันของท่านเลย” เด็กสาวพูดต่อ “น่ากลัวว่ามันจะได้วิญญาณนักบวชผู้ทรงเวทขาวไปเป็นพวกก่อนท่านแล้วสิ”

“มาดาย...มิน่าเล่า ข้ายังสงสัยอยู่ว่ามันรอดมาได้อย่างไร” ลูเธียนขบฟัน กำมือทุบต้นไม้เต็มแรง “น่าจะกระชากหน้ากากมันเสียแต่แรก!”

“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป” เด็กสาวตั้งคำถาม “กลับไปทำอย่างนั้นหรือ”

“มันตั้งใจล่อข้ามาตาย...ข้าก็ตายตามที่มันอยากก่อนแล้วกัน” ชายหนุ่มกลับตอบ ก่อนจะกระชากเสื้อคลุมตัวนอกที่เปื้อนเลือดออก พร้อมหมวกคลุมติดหน้ากากและผ้าทอลายประณีต “ฝากภูตรับใช้เจ้าจัดการด้วย ฉีกละเลงเลือดให้เละเทะตามสบาย”

อีกฝ่ายรับคำง่ายๆ ก่อนจะปล่อยให้นกที่เกาะมือบินตรงไปทำตามคำสั่ง แล้วเอ่ยต่อ

“ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จะไปหาทัมมุซเหมือนข้า?”

“ทัมมุซมีสิ่งที่อสุรเทพต้องการ ส่วนเราทั้งสองไม่ต้องการให้แผนของมันสำเร็จ และมนตร์ผนึกต้องใช้คู่กันสองคนไม่ใช่หรือ” ลูเธียนย้อนถาม “แม่มดดำ...มาลิอา”

เด็กสาวตาบอดเหยียดยิ้มรับ ก่อนจะสะบัดกายหันหลัง ก้าวนำไปราวกับรู้เส้นทาง

“ยินดีที่ได้เจ้าเป็นเพื่อนร่วมทางอีกครั้ง พระเถระลูเธียน ไม่สิ...ต้องเป็นพระมหาเถระแล้วนี่นะ” เธอพูดพลางสะบัดมือ จนเงาดำบนพื้นฟุ้งกระจายขึ้น ก่อร่างเป็นม้าสีดำขนาดใหญ่

ม้านั้นค้อมศีรษะ และคู้ขาหน้าให้เด็กสาวประหนึ่งคารวะ เธอลูบแผงคอของมัน ก่อนจะเหวี่ยงร่างตนขึ้นบนหลังม้า แล้วหันมาทางนักบวชหนุ่ม

“เจ้าจะมาด้วยกันใช่ไหม”

“แน่ใจหรือว่าจะไม่มีใครสังเกต” พระมหาเถระขมวดคิ้ว

“ท่านดูถูกข้าหรือ” มาลิยาทำหน้าง้ำทันที “หรือลืมไปแล้ว...ว่ามนตร์มายาของข้าทำอะไรได้บ้าง”

ลูเธียนตัดสินใจไม่ต่อปากต่อคำ และปีนขึ้นหลังม้าข้างหลังเด็กสาวแต่โดยดี

“ก่อนไป ก็ช่วยแวะซื้อผ้าคลุมให้ข้าพรางตัวอีกชั้นแล้วกัน ไม่อยากประมา—“

ชายหนุ่มพูดไม่ทันจบก็ต้องปิดปากก้มหน้าลงทันควัน เมื่อม้าเงาดำพุ่งทะยานไปข้างหน้า ด้วยความเร็วปานสายลม


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 23:50:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com