บทที่ 181 ความมืดภายใน
ทางด้านกิลด์เฮเดส มาร์ทำหน้าที่ขุนพลนำทัพใหญ่ สั่งการให้อัศวินห้าพันคนตั้งทัพรออยู่ที่หน้าเขาวงกตใกล้เทเลพอร์ทตั้งแต่เช้ามืด พวกเขาแบ่งกำลังออกเป็นห้ากองพัน ตั้งแถวเป็นหมวดหมู่ ผู้เล่นทุกคนอยู่ในระเบียบวินัย ยืนตรงในท่าพักอย่างเงียบสงบ ไม่มีการพูดเล่น หยอกล้อ หรือเหลียวมองล่อกแล่กเพื่อดูว่าสัตว์เวทจากนรกจะโผล่มาเมื่อไร
มาร์ชักม้าไปที่เวทีไม้ขนาดสองเมตรคูณสองเมตรยกสูงจากพื้นราวหนึ่งเมตร ที่ตรงกลางมีแท่นไม้ขนาดขนาดกว้างพอให้คนหนึ่งคนยืนตั้งอยู่ บนเวทีนั้นมีคนอยู่ห้าคน คือวินและเพื่อนๆ พวกเขาถูกบรรยากาศอันเขร่งขรึมกดดันจนพลอยยืนนิ่งไม่พูดไม่จาไปด้วยกันทั้งหมด
พร้อมแล้วใช่ไหม มาร์ถามสั้นๆ
วินพยักหน้า แม้จะมีความลังเลฉายอยู่ในดวงตา เอเรสกลับเป็นคนตอบสนองได้ดีกว่า เขาส่งข้อความขอร่วมกลุ่มไปให้มาร์ ทันทีที่มาร์ตอบรับ เขาก็รู้ทันทีว่าทำไม วินถึงต้องมาขอให้เพื่อนๆมาด้วย
ทักษะบัญชาการสูงนี่เรา มาร์พูดออกมาเมื่อพบว่า เอเรสกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มทันทีที่เขาตอบรับ
ก็นิดหน่อยครับ พอดีว่า ตั้งแต่เล่นมาต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มให้เพื่อนๆทุกวัน ทักษะนี้เลยมีมากกว่าอย่างอื่น เอเรสไม่ถึงกับถ่อมตัวนัก เทียบกับมาร์ เขาอาจสู้ไม่ได้ทั้งฝีมือและระดับ แต่ในเรื่องทักษะบัญชาการ เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มอยู่ทุกวัน ทั้งกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันตรงนี้และกลุ่มอื่นๆที่เขาช่วยเลื่อนระดับให้ ในขณะที่มาร์ต้องพัฒนาแต่ทักษะจอมทัพซึ่งเป็นทักษะขั้นที่สองของทักษะบัญชาการ จนแทบไม่ได้ตั้งกลุ่มปกติกับใครเขา มิหนำซ้ำ เขาเองก็มีตำแหน่งสูงมากในกิลด์ โอกาสที่จะรวมกลุ่มสู้กับใครหรืออะไรก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ทักษะบัญชาการของมาร์จึงแทบจะหยุดอยู่กับที่ ไม่มีการพัฒนาในทันทีเขาได้ทักษะจอมทัพ
ดี งั้นเรื่องการรับคนเข้าออกก็ฝากด้วยนะ เมื่อสั่งเสร็จ มาร์ก็ขี่ม้าไปตรวจแถวผู้เล่นกลุ่มอื่น ปล่อยให้เอเรสจัดการเรื่องกลุ่มตามลำพัง
กิลด์เฮเดสได้เปรียบกิลด์อื่นในเรื่องการเตรียมตัว เพราะเฮเดสเคยรับมือกับภูตเวทแสงที่ประจำเทเลพอร์ทและเคยลงไปในนรกมาแล้ว เขาจึงเดาได้ไม่ยากว่า สัตว์เวทจากนรกที่จะขึ้นมาทางกิลด์ของเขาจะเป็นสัตว์เวทที่ใช้ธาตุความมืด ดังนั้น เขาจึงดึงตัววินมาช่วยตั้งแต่ต้น หน้าที่ของวินในศึกคราวนี้คือการใช้ทักษะของพาลาดินเวทแสงสร้างออร่าป้องกันคำสาปให้กับผู้เล่นในกิลด์เฮแดส แต่ทักษะนี้สามารถใช้ได้กับคนในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น และต้องเป็นกลุ่มแบบปกติ ไม่ใช่กลุ่มกองทัพที่สามารถบัญชาการโดยใช้ทักษะจอมทัพแบบที่มาร์ใช้ เอเรสที่มีทักษะบัญชาการสูง แต่ระดับไม่มากพอที่จะออกรบเป็นแนวหน้าจึงเข้ามาเสริมในจุดนี้ได้พอดี เขามีหน้าที่รับคนเข้ากลุ่มมารับออร่าป้องกันคำสาป และไล่คนออกจากกลุ่ม หากว่า คนๆนั้นถอนตัวช้าเกินไป ส่วนธนู น้ำฝนและลูน่า แม้จะไม่มีประโยชน์นัก แต่ทั้งสามคนก็สามารถทำหน้าที่ป้องกันวินและเอเรสได้ ไม่ต้องไปขอคนเพิ่มจากมาร์เพื่อมาทำหน้าที่นี้ วินจึงออกหน้าขออาหมวยเมื่อเพื่อนๆขอตามมา
พระอาทิตย์ขึ้นได้ไม่นาน ท้องฟ้าด้านนี้ก็กลับมืดมัวลงไปใหม่ วินรู้ตัวก่อนเพื่อนว่าสัตว์เวทจากนรกมาแล้วทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวตน มันมาแล้วครับ วินรีบกระโดดขึ้นไปยืนบนแท่นไม้ ใช้ทักษะชำระใจเปล่งแสงออกจากตัวมากลบแสงเรืองๆรอบตัวที่เกิดจากเครื่องรางผู้พิทักษ์ทำงาน ส่วนเอเรสก็ส่งข่าวให้มาร์รู้ทันทีว่าทางนี้พร้อมแล้ว
ทักษะชำระใจเป็นทักษะที่ต้องใช้ประกอบกับทักษะอื่น ที่วินสามารถล้างคำสาปให้เพื่อนร่วมกลุ่มได้ก็เพราะเขาเป็นสุพรีมชาร์แมนอยู่ก่อนแล้ว หากวินไม่มีทักษะล้างคำสาปมาก่อน ทักษะชำระใจก็เปล่าประโยชน์ การพนันกับภูตแสงและศึกที่ช่องเขาเทพประนม ทำให้วินต้องใช้ทักษะชำระใจจนถึงขีดจำกัดไปไม่รู้กี่รอบ ทักษะนี้ของวินจึงพัฒนาเร็วแบบก้าวกระโดด ในขณะนี้วินไม่เพียงสามารถใช้ทักษะชำระใจช่วยเพื่อนในกลุ่มที่อยู่ในรัศมียี่สิบเมตรเท่านั้น แต่คนออกนอกเขตรัศมีไปยังจะมีออร่าป้องกันคำสาปติดตัวไปอีกสิบนาทีอีกด้วย และออร่านี้จะยังคงอยู่แม้คนๆนั้นจะออกจากกลุ่มไป มีเพียงสองทางที่จะทำให้ออร่าหายไปก่อนกำหนดก็คือต้องให้วินเป็นคนเรียกคืน หรือไม่ก็ต้องฆ่าผู้เล่นคนนั้นทิ้ง
ทันทีที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม มาร์ก็สั่งให้ทัพหน้าซึ่งมีแต่คนที่มีทักษะป้องกันคำสาปติดตัวเดินแถวไปตั้งรับที่หน้าทางเข้าเขาวงกตทันที การออกคำสั่งด้วยเสียงราบเรียบ ตามด้วยเสียงตบเท้าของกองหน้า ไม่มีเสียงคุย เสียงโห่ร้อง หรือแม้แต่เสียงลมพัด ทำให้บรรยากาศโดยรอบมีแต่ความกดดันอันแสนจะหนักอึ้ง
มาร์คาดว่าสัตว์เวทจากนรกจะต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะโผล่ออกมาจากเขาวงกตได้ แต่การคาดเดาก็คือการคาดเดา สัตว์เวทจากนรกไม่จำเป็นต้องทำตามที่มาร์คาด
กองหน้าเคลื่อนแถวได้ไม่ถึงห้าเมตร ต้นไม้ในเขาวงกตก็สั่นไหวพร้อมๆกันราวกับถูกมือยักษ์จับเขย่า ตามมาด้วยด้วยเสียงกิ่งไม้ฟาดกันทั้งๆที่ลมสงบนิ่ง สักพักก็มีเสียงครืดคราดเหมือนของหนักๆกำลังถูกลากให้พ้นทาง ท้องฟ้าก็มืดหม่นลงเรื่อยๆจนกระทั่งมืดสนิทเหมือนคืนเดือนแรม สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ท้องฟ้าผืนนี้ไร้แสงดาว
ณ เวลานี้ ทุกคนจึงเห็นความมีระเบียบวินัยของกองทัพเฮเดส นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจนกระทั่งฟ้ามืดสนิทมองไม่เห็นแม้แต่คนที่เดินอยู่ข้างหน้า เหล่าผู้เล่นกองหน้าก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าด้วยจังหวะสม่ำเสมอเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีการหยุดหรือสะดุดเลยแม้แต่นิด
ท่ามกลางความมืดสนิท แสงนวลเย็นตาเริ่มสาดส่องมาจากด้านหลัง ทักษะชำระใจของวินทำงานเต็มที่ ร่างของวินส่งแสงสีนวลเย็นตาออกมาโดยรอบ เหล่าผู้เล่นที่อยู่ภายใต้รัศมีแห่งแสงรู้สึกผ่อนคลายในทันที ธนูลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาแอบปล่อยคันศรคู่ใจ เอามือมาถูกับกางเกงเพื่อเช็ดเหงื่อ
เอเรสกวาดตาลูกทีม น้ำฝนกับลูน่ายังตั้งสติไม่ได้ เขาแอบขมวดคิ้วด้วยความกังวล นี่ถ้าเขาไม่บังเอิญได้ข้อมูลมาว่า นักเวทที่ใช้เวทภายใต้รัศมีทักษะชำระใจจะใช้เวทสนับสนุนคนที่อยู่ในรัศมีได้ทีเดียวพร้อมกันโดยเสียค่าพลังจิตเท่ากับการร่ายเวทแค่หนึ่งครั้งเท่านั้นละก็ เขาคงไม่ขอให้สองสาวนี้มาทำคุณไถ่โทษที่ก่อเรื่องมาหลายครั้งหลายหนเป็นแน่
ลูน่า น้ำฝน เริ่มร่ายเวทได้แล้ว เอเรสออกคำสั่งทันที เขาหวังว่าเมื่อสองสาวต้องจดจ่อกับการร่ายเวท พวกเธอก็จะลืมบรรยากาศกดดันนี้ไปได้
ค่ะ สองสาวรับคำพร้อมกัน พวกเธอเป็นนักเวทคนละสาย น้ำฝนเริ่มร่ายเวทสนันสนุนการป้องกันและเพิ่มความเร็ว ส่วนลูน่าก็เริ่มร่ายเวทรักษาทั้งๆที่ยังไม่มีคนบาดเจ็บ เอเรสมองการร่ายเวทของสองสาว ที่แม้จะเริ่มต้นอย่างตะกุกตะกัก แต่ก็เริ่มไหลลื่นขึ้นอย่างพอใจ ทั้งสองคนนี้ยังไม่เคยเจอความกดดันขนาดนี้มาก่อน ทำได้เท่านี้ เขาก็พอใจแล้ว
ธนูหันไปสบตากับเอเรส เขาพยักเพยิดให้เอเรสมองไปที่ความมืดนอกรัศมีทักษะชำระใจ ผมมองไม่เห็นอะไรเลย จะทำหน้าที่ป้องกันวินได้อย่างไร
ดูแค่สัตว์เวท หรืออาวุธที่เข้ามาในรัศมีก็พอ เอเรสตอบสั้นๆ มาร์เริ่มสั่งให้กองหลังหมุนเวียนมารับออร่าแล้ว เอเรสจัดการจับคนเข้า ขับคนออกอย่างรวดเร็วให้ทันกับขบวนม้าที่กำลังหมุนเวียนเข้ามาไม่หยุดหย่อน
---------------------------------------------- ครืด... ตึง ครืด... ตึง
ผู้เล่นที่อยู่แถวหน้าต่างจ้องตรงไปในความมืดเมื่อเสียงครืดคราดตามปกติเริ่มมีเสียงตึงๆเหมือนของหนักๆถูกผลักให้ไปกระทบกันถี่ยิบ พวกเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากพุ่มไม้ใหญ่ที่เป็นกำแพงของเขาวงกตเริ่มสั่นไหวมากขึ้นทุกทีๆ
ครืด...
เสียงลากของชิ้นสุดท้ายดังขึ้นพร้อมๆกับที่กำแพงพุ่มไม้ถูกดึงออกไปเหมือนฉากเลื่อน เงาดำที่มีดวงตาสีเขียวเรืองแสงพุ่งออกมาเป็นร้อย ผู้เล่นกองหน้าไม่ทันแม้แต่จะอ้าปากร้อง พวกเขาถูกเงาดำใช้กรงเล็บปาดคอจนกลายเป็นแสงในพริบตา กองหน้าห้าร้อยคนที่คิดว่าจะต้านสัตว์เวทจากนรกที่ออกมาจากเขาวงกตได้อย่างน้อยสิบนาที ถูกฆ่าตายไปกว่าครึ่งภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
บุก มาร์ตะโกนสั่งกองหนุนที่ตอนนี้มีออร่าสีขาวนวลห่อหุ้มร่างกายทั้งคนและม้าให้บุกเข้าไปช่วย พวกเขาขี่ม้าถือทวนพุ่งเข้าหาเงาดำอย่างไม่เกรงกลัว ผู้เล่นที่ถูกบังคับให้เกิดใหม่ พอเกิดมาก็มีเลือดไหลทะลักออกจากหู ตา จมูกและปาก บ่งบอกว่าพวกเขาโดนคำสาปเข้าไปแล้ว
กองหนุนชุดที่สอง ไป มาร์บัญชาการพร้อมกับชักม้าถือดาบนำหน้าเข้าไปช่วยผู้เล่นกลุ่มแรก
กองหนุนชุดที่สองใช้ดาบสองมือเป็นอาวุธทั้งหมด พวกเขาไม่โจมตีเงาดำก่อนเว้นเสียแต่มันจะเข้ามาจู่โจมก่อน กองหนุนกลุ่มนี้มีหน้าที่เข้าไปเอาตัวผู้เล่นกองหน้าที่ได้รับบาดเจ็บกลับไปอยู่ภายใต้รัศมีทักษะชำระใจเพื่อล้างคำสาปและรับการรักษา แต่ถ้าหากว่าอาการของพวกเขาหนักเกินไป พวกเขาจะถูกส่งต่อให้กับผู้รักษาประจำกลุ่ม และหากเกินกำลังผู้รักษา ก็จะจัดการส่งพวกเขากลับเมืองเพื่อออกจากเกมทันที
ภาพการตะลุมบอนระหว่างผู้เล่นที่มีออร่าสีนวล กับเงาดำที่มีดวงตาสีเขียว เมื่อดูจากท้องฟ้า ก็เหมือนฝูงหิ่งห้อยกำลังรวมตัวกันโจมตีบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น เรือเหาะที่เฝ้าอยู่ที่กิลด์เฮเดสลดเพดานบินลงมาเพื่อจะถ่ายภาพให้ได้ และพวกเขาก็ได้ภาพเงาดำที่มีตาเขียวเรืองแสงเงยหน้าแสยะยิ้มให้พวกเขาเป็นภาพสุดท้าย
อ๊าก เสียงลูกเรือและทีมงานช่างภาพร้องลั่นอย่างไร้ทางสู้ ตามด้วยเสียงระเบิดกึกก้อง เรือเหาะทั้งลำกลายเป็นคบเพลิงขนาดยักษ์ลอยอยู่บนท้องฟ้าหลายนาที ก่อนที่เศษซากชิ้นส่วนที่ถูกเผาไหม้จะค่อยๆร่วงหล่นลงมายังพื้นดิน
ช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามีแสงสว่างอีกครั้งนี้เองที่กลุ่มผู้เล่นอิสระที่ซุ่มรอโอกาสอยู่ได้เห็นภาพการรบระหว่างกิลด์เฮเดสกับเงาดำที่เหมือนจะไร้ตัวตน หลายคนพอเห็นสภาพการตายเพราะคำสาปของเหล่านักรบก็รีบถอนตัวกลับเมือง แต่อีกหลายคนก็ยังรออยู่
กองหนุนหนึ่งสอง สลับหน้าที่ มาร์ตะโกนสั่งการเมื่อใกล้ครบสิบนาที กลุ่มที่ใช้ดาบเลื่อนขึ้นมารับหน้าเงาดำพร้อมๆกับกลุ่มที่ใช้ทวนเปลี่ยนไปทำหน้าที่ลากเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นหลังม้า มาร์มองตามอย่างหนักใจ พวกเขาแม้จะพอกู้สถานการณ์ได้หลังจากที่ไม่โดนคำสาป แต่เงาดำพวกนั้นเหมือนไร้ตัวตน บางครั้งเขาแทงเข้าไปเต็มแรงแล้วชัดๆ แต่พริบตาเดียวมันก็กลับมาเหมือนเดิมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ระวัง มันตามมาข้างหลัง ผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บร้องบอกเพื่อนทั้งๆที่เลือดกลบปาก คนฟังมองไปข้างหน้าเห็นว่าอีกไม่กี่เมตรก็จะเข้าสู่รัศมีของแสงสีนวลแล้ว เขาผลักตัวเพื่อนให้ไปซบกับคอม้า
จับให้แน่นๆ เขาสั่งก่อนจะตวัดทวนไปแทงไอ้ตัวที่ลอยตามมาข้างหลัง
สวบ เสียงทวนแทงเข้าเงาดำตามเป้าหมาย อัศวินบนหลังม้ารู้ดีว่าอีกเดี๋ยวมันก็จะกลับเป็นปกติเหมือนเดิม เขาจึงรีบตวัดทวนกลับโดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่จะดึงออก
วูบ อัศวินอดเหลือบตาขึ้นมองเงาดำที่พุ่งข้ามหัวเขาไปไม่ได้ พริบตาเดียว มันก็ถอนตัวเองออกจากปลายทวน มาทำท่าหลอกหลอนเขาอยู่ข้างหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันกางเล็บกว้างเตรียมเชือดทั้งเขาและเพื่อน แต่อัศวินยิ้มที่มุมปาก เขามาถึงขอบของรัศมีแล้ว ชายหนุ่มกระชับทวนขับม้าแทงสวนมันไปโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง
กรี๊ด...........
เสียงกรีดร้องโหยหวนทำให้เกือบทุกคนในสนามรบหันมามอง มาร์ยิ้มออกเป็นครั้งแรกเมื่อเห็นลูกน้องของเขาใช้ทวนแทงเจ้าเงาดำแล้วลากมันเข้าไปในวงรัศมีของทักษะชำระใจ เจ้าเงาดำนั้นลุกเป็นไฟขึ้นทั้งตัว และมันไม่สามารถรักษาตัวมันเองให้กลับเป็นปกติได้อีกต่อไป
ส่วนคนลงมือขี่ม้ามาจนถึงหน้าแท่นไม่ที่วินยืนอยู่ เขาก้มมองซากผ้าคลุมร่างที่ติดกับปลายทวนอย่างไม่เชื่อสายตา เขาฆ่ามันได้จริงๆหรือ
ขอบใจ คนเจ็บที่เกือบตายเมื่อครู่เริ่มมีสีหน้าดีขึ้น
อัศวินยัดม้วนคาถากลับเมืองใส่มือเพื่อน นายตายไปหลายรอบแล้ว ได้เวลาออกจากเกมแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงพวกเรา เราจัดการมันได้แน่
งั้นก็ฝากด้วยนะ คนเจ็บพยักหน้าก่อนจะวาร์ปกลับเมืองไป
----------------------------------------------------
จากคุณ |
:
Deckard
|
เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ย. 53 04:59:24
|
|
|
|