|
มาน่ายิ้มกว้างให้คู่กรณีทั้งสอง ถึงยังไงพวกเราทั้งหมดก็ต้องไปอยู่ที่วัลฮัลลา ดังนั้นเป็นเพื่อนกันไว้ดีกว่า ใครอยากเป็นเพื่อนกับพวกเธอกัน ซิกมันด์แค่นเสียง คิดว่าฉันอยากหรือไง อนาสตาเซียโต้กลับ มาน่าถอนใจเบา ไม่ไหวๆ งั้นเอาแบบนี้...ถ้าอันนาและนายผากกว้างไม่อยากเป็นเพื่อนกัน งั้นก็เป็นคู่รักกันแทนดีไหม พูดบ้าอะไรออกมา!!! ทั้งสองคนหันมาตวาดใส่มาน่าพร้อมกัน โอ้ ขนาดพูดยังพร้อมกันเลย เหมาะกันดีออก มาน่ายิ้มกว้าง ไม่มีทางหรอก ไอ้เจ้าผู้ชายปากเสียพรรค์นี้น่ะเรอะ อนาสตาเซียชี้นิ้วใส่ซิกมันด์ ฝ่ายชายหนุ่มองก็เถียงกลับ หนอย ยัยผู้หญิงไร้เสน่ห์พรรค์นี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ ในขณะที่การโต้เถียงเริ่มมีทีท่าว่าจะขยายต่อไปไม่จบ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นที่ท้ายยาน ขอโทษด้วยครับ แต่พวกคุณเกรงใจผู้โดยสารคนอื่นหน่อยได้ไหม ผู้พูดเป็นชายหนุ่มผู้มีผมและดวงตาสีดำสนิท ใบหน้าดูไร้อารมณ์ ผิวขาวจนออกซีด อนาสตาเซียพิศดูอีกฝ่าย คาดว่าน่าจะมีอายุไล่เลี่ยกันกับพวกเธอ แต่บรรยากาศที่อยู่รอบตัวชายหนุ่มผู้นี้ออกจะผิดแผกไปจากคนอื่นๆ ซึ่งเธอก็ไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดเช่นไร เฮ้ ถ้าจะว่าก็ว่ายัยนี่ดีกว่า ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มนะ ซิกมันด์ชี้ไปทางอนาสตาเซีย ผมแค่อยากนอนหลับอย่างสงบก่อนจะไปถึงที่หมาย เรื่องที่ใครถูกผิดหรือเริ่มก่อนนั้น ผมไม่สนหรอก ถ้าอย่างนั้นต้องขอโทษด้วย ที่รบกวนเวลาหลับ... อนาสตาเซียโค้งให้เล็กน้อย ซิกมันด์ถอนใจเบาๆ เขาเริ่มสงบอารมณ์ได้เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้กล่าวขอโทษ เฮ้อ อดฟังเถียงกันต่อเลย มาน่าถอนใจเฮือกใหญ่ ชายหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ท้ายยานนั้นเมื่อได้ฟังคำถอนใจของมาน่าแล้วก็พูดขึ้น ดูท่า...เรื่องที่ว่าเป็นคนเร่ร่อนจะไม่ได้พูดเล่นสินะ ทำไมต้องพูดเล่นด้วยล่ะ มาน่าถามกลับ เปล่า แค่คิดว่าสมแล้ว เพราะพวกเร่ร่อนมักชอบสร้างความวุ่นวายโดยเห็นเป็นเรื่องสนุก รู้ดีเหมือนกันนี่ นั่นเป็นวิถีชีวิตของเราเลยนะ มาน่ายิ้มกว้าง น่าสนใจดีแฮะ นายชื่ออะไรเหรอ ...รุย กาเบรียล งั้นก็... มาน่าตรงไปที่เขาแล้วยื่นมือให้ แต่รุยไม่ยื่นตอบ ธรรมเนียมของเธอคือหากจับมือแล้วจะถือว่าเป็นเพื่อนกันสินะ ใช่แล้วจ้า อย่าบอกนะว่าทำแบบนี้กับทุกคนที่เพิ่งเจอน่ะ แหะๆ รุยจ้องเด็กสาวตรงหน้า ท่าทางอันแสนไร้เดียงสานั้นทำให้เขาหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นมือไปแตะเบาๆ แค่แปะไว้ก่อนแล้วกัน แค่นี้ก็พอ... แล้วมาน่าก็ตรงไปยื่มือให้ซิกมันด์ เอ้า นายด้วย นายผากกว้าง ใครอยากเป็นเพื่อนกับหล่อนฟะ!!! นายไม่อยาก แต่ฉันอยากนี่ เพราะนายตลกดี ซิกมันด์ทำหน้าเหยเก เขาไม่รู้จะโต้ตอบเช่นไรจึงปัดมือของมาน่าทิ้ง แต่เด็กสาวกลับยิ้มให้ โดนมือแบบนี้ก็ถือว่าตอบรับไปครึ่งแล้วนะ ซิกมันด์ถึงกับพูดไม่ออก ส่วนอนาสตาเซียเมื่อได้เห็นกิริยาของชายหนุ่มผู้ทระนงตนคนนี้แล้วก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ เอาล่ะ เท่านี้พวกเราก็เป็นเพื่อนกันหมดแล้วนะ!!! มาน่าร้องขึ้น อันนา ผากกว้าง... เลิกเรียกแบบนั้นได้แล้ว!!! ซิกมันด์แย้ง ไม่ชอบฉายางั้นเอาเป็นชื่อเล่นก็ได้...เอ... มาน่าคิดอะไรบางอย่างออกจึงดีดนิ้วขึ้นเหมือนครั้งแรก เรียกซิกกี้ก็แล้วกัน อะไรกันน่ะ มาน่าไม่โต้แย้งกับอีกฝ่าย แต่ตัดบทด้วยการหันไปที่รุย ชื่อของนายสั้นอยู่แล้ว เรียกรุยเฉยๆก็แล้วกันนะ ตามใจเถอะ รุยตอบกลับเบาๆ อนาสตาเซียถอนใจเบาๆพลางมองดูเด็กสาวจอมแก่นคนนี้ เธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างน่าแปลกเหลือเกิน ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ กลับสามารถปั่นหัวผู้คนและยังเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบไปได้ตามใจ ทั้งที่ตอนแรกเธอรู้สึกแต่เพียงว่าอีกฝ่ายน่ารำคาญเท่านั้น ขณะที่ห้วงความคิดกำลังดำเนินไป ทันใดนั้นยานทั้งลำก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แล้วทั้งหมดก็พบว่าสภาพของอวกาศด้านนอกยานพลันเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่ายานกำลังพุ่งเข้าสู่ความเร็วสูงจนมองเห็นอวกาศด้านนอกยานเป็นเส้นลำแสง อนาสตาเซียรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ากำลังยืนอยู่ภายในรถด่วนที่แล่นด้วยความเร็วสูงสุด แต่เฉพาะห้องที่อยู่นั้นไม่ได้เคลื่อนตามไปด้วย ความรู้สึกเช่นนี้เธอเคยเผชิญมาแล้ว มันคือช่วงเวลาที่ยานอวกาศกำลังเข้าสู่การกระโจนด้วยความเร็วเหนือแสง หรือที่เรียกว่าการวาร์ป เดี๋ยวสิ ทำไมเราต้องวาร์ปด้วย อนาสตาเซียร้องทัก วัลฮัลลาน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้วนี่ ซิกมันด์พูดเสริม ไม่กี่อึดใจต่อมา ยานโดยสารก็กลับสู่สภาพการเดินทางเช่นเดิม ทั้งหมดรีบดูอวกาศด้านนอกผ่านทางกระจกยาน และพบว่าบัดนี้ยานอยู่ไม่ห่างไปจากกลุ่มดาวเคราะห์เล็กๆกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากเมื่อครู่นี้โดยสิ้นเชิง ที่ไหนกันเนี่ย ทำไมเราต้องวาร์ปมานี่ด้วย ซิกมันด์ร้อง ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน อนาสตาเซียรีบเปิดวงจรสื่อสารถึงห้องนักบินเพื่อสอบถาม แต่กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ทันใดนั้นประตูห้องนักบินก็เปิดออก ผู้ที่เดินออกมาคือผู้ช่วยนักบิน เขาเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางกำยำ ใบหน้าสงบนิ่ง อนาสตาเซียกำลังจะอ้าปากถาม จู่ๆเธอก็ถูกชายคนนี้ยึดจับเอาไว้สุดแรง เธอพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่อาจสลัดหลุดได้ และยังถูกเอาปืนขึ้นมาจ่อที่ศีรษะ อนาสตาเซียถึงกับตาค้าง เธอตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ทันใดนั้น ซิกมันด์ก็พุ่งปราดเข้าไปชกเข้าใส่ผู้ช่วยนักบินก่อนที่อีกฝ่ายจะทันลั่นไกปืน ผู้ช่วยนักบินถูกชนจนหลุดไปจากอนาสตาเซีย แต่ทั้งที่ถูกหมัดของซิกมันด์เข้าเต็มแรง เขากลับไม่แสดงความเจ็บปวดหรืออารมณ์ใดๆออกมาแม้แต่น้อย ซ้ำยังเตะสวนจนซิกมันด์กระเด็นออกไป ก้มลง รุยซึ่งอยู่ห่างออกไปที่สุด ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วโถมเข้าไปรวบตัวผู้ช่วยนักบินให้ลงไปกองกับพื้น รุยพยายามลงมือต่ด้วยการชกเข้าใส่ที่ใบหน้า แต่ก็เหมือนเช่นเดิม อีกฝ่ายไม่แสดงอาการใดๆออกมา ซ้ำยังยกร่างของรุยขึ้นอย่างสบายราวกับปุยนุ่น รุยพยายามสลัดให้หลุด พริบตานั้นเขาจึงได้มองเข้าไปในดวงตาของ อีกฝ่ายนั้นไร้ซึ่งอารมณ์หรือสติใดๆ ราวกับถูกอะไรบางอย่างเข้าครอบงำจนทำให้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางกาย รุยคิดว่าหากไม่เอาจริงหรือใช้สิ่งพิเศษที่เขามีเหนือมนุษย์คนอื่น ซึ่งเขาปกปิดมันเอาไว้ เขาคงต้องแย่แน่ แต่เขาก็รู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นงานนี้ต้องมีคนตาย จึงเกิดความลังเล ใจเย็นๆ มาน่าส่งเสียงขึ้นเบาๆ เธอเข้ามาที่ด้านหลังของผู้ช่วยนักบินโดยที่รุยไม่ทันรู้ตัว แล้วยื่นมือขึ้นวางที่ท้ายทอยของผู้ช่วยนักบินเบาๆ ทันใดนั้นเขาก็ทรุดลงไปกองบนพื้น และหมดสติไป รุยรีบก้มลงไปดูอาการพลางลูบที่ท้ายทอย พบว่าอีกฝ่ายหมดสติไปแล้ว เธอใช้วิธีอะไรกัน รุยรีบถามมาน่า คนเรามีจุดอ่อนตามร่างกายอยู่แล้ว ขอเพียงรู้จุดและการออกแรง จะทำให้หยุดการเคลื่อนไหวหรือหมดสติไปนานเท่าใดก็ย่อมได้ มาน่ายิ้มรับ พูดเหมือนทำได้ง่ายๆเลยนะ รุยตีหน้านิ่ง ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่พวกเร่ร่อนธรรมดาสินะ แค่กๆ อนาสตาเซียสำลักเบาๆ เธอยังเจ็บจากการที่ถูกกระแทกเข้าไปเมื่ออครู่ ส่วนซิกมันด์ก็บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีบาดแผลภายนอกอะไร ทำไมเขาทำแบบนี้ล่ะ มันเกิดอะไรขึ้น อนาสตาเซียมองไปทางผู้ช่วยนักบินที่นอนหมดสติอยู่ รีบไปดูนักบินก่อนดีกว่า รุยรีบพูดพลางวิ่งตรงเข้าไปในห้องนักบิน แล้วก็พบว่านักบินผู้ควบคุมยานนั้นนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เขารีบพลิกร่างของอีกฝ่ายมาดูอาการ และพบว่านักบินนั้นถูกยิงที่ศีรษะจนทะลุ อะไรกัน... อนาสตาเซียซึ่งตามเข้ามาถึงกับเสียงสั่น เมื่อได้เห็นภาพนี้ ออกไปก่อน!!! รุยร้องขึ้น ส่วนซิกมันด์ตรงเข้ามาดูที่พิกัดของยานซึ่งแสดงอยู่บนหน้าจอสามมิติของแท่นบังคับยาน ดูจากพิกัดแล้ว...เราวาร์ปออกมาห่างจากวัลฮัลลาไม่ไกลมากนัก วาร์ปอีกสักครั้งก็น่าจะไปถึงได้ แต่นั่นก็หมายความว่าเราออกมาอยู่ในเขตพื้นที่อันตรายด้วยน่ะสิ อนาสตาเซียทักขึ้น รุยและซิกมันด์หันไปมองหน้ากัน แล้วรีบดูพิกัดตำแหน่งของยานอีกครั้ง เป็นอย่างที่อนาสตาเซียทัก ตอนนี้พวกเขาหลุดออกมาจากเส้นทางโดยสารยานปกติและกำลังอยู่ในเขตพื้นที่อันตราย นั่นหมายความว่า พวกเขาอยู่ในบริเวณที่อาจจะพบกับผู้รุกรานได้ทุกเมื่อ
| จากคุณ |
:
eagle1000
|
| เขียนเมื่อ |
:
11 พ.ย. 53 14:37:29
|
|
|
|