Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 1 (รีไรท์) - บทที่ 6 - 10 ติดต่อทีมงาน

ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ

ภาคแรก เจ้าชายไร้บัลลังก์กับเจ้าหญิงไร้อำนาจ
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

ภาคสอง เจ้าชายแห่งความมืดกับเจ้าหญิงแห่งความฝัน
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

บทนำ - บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892447/W9892447.html

หลังจากติดต่อกับสำนักพิมพ์ ได้ความคืบหน้าว่าอาจใช้เวลาพิจารณา 1-2 เดือน หากผลออกมาว่าผ่าน ก็จะลบกระทู้เนื้อเรื่องภาค 1 ออกไป แต่ในช่วงนี้ยังลงอยู่ เผื่อใครยังไม่ได้อ่านตัวรีไรท์ หรืออยากทบทวนเนื้อเรื่องก่อนขึ้นภาค 2 ครับ

ฉากที่เขียนใหม่ในฉบับรีไรท์
- คห. 5 ฉากแรก (บทที่ 8) การพบกันครั้งแรกของแอชลีนน์กับอาเมียร์


* * * * *


คุณ eagle1000 - ขอบคุณครับ มีคอมเมนต์อะไรก็บอกได้ตามสบายนะครับ ^^

คุณ scottie - ตามสะดวกครับ แต่ถ้าจะเปิดผ่านๆ ทบทวนความจำ หรืออ่านเฉพาะฉากที่เขียนใหม่ก็ได้นะครับ ตั้งใจจะบอกเอาไว้ท้ายการลงทุกครั้งครับ

คุณ แก้วกังไส - ขอบคุณครับ ^^

น้องเคจ - ตามสบายครับผม ตัวที่รีไรท์คือตัวที่ลงในเด็กดีอยู่แล้วครับ :)


* * * * *


บทที่ ๖
ข้อเสนอ


เวลาผ่านไปเกือบเดือน วันหนึ่งตอนบ่ายแก่ๆ มีคนมาเคาะประตูบ้าน อาเมียร์นึกว่าเป็นท่านอาที่มีกำหนดกลับมาในเย็นวันนั้น จึงเปิดให้โดยไม่ถาม แต่กลับพบชายวัยกลางคนที่ดูมีอายุกว่าอดีตนักรบเล็กน้อย ร่างกายสันทัดแต่ก็ดูภูมิฐาน ไม่ถึงกับกำยำล่ำสันแต่ก็ไม่ได้ท้วมเกินควร ผมสีทองของเขาตัดสั้นเรียบร้อย ดวงตาสีเขียวน้ำเงินดูหลักแหลมและจับมองทุกสิ่งอย่างพินิจพิเคราะห์

“ท่านซิอ์บุลอยู่ที่นี่ใช่ไหม” เสียงถามของเขาสุภาพแม้จะไม่มีคำลงท้าย

“ใช่ขอรับ” อาเมียร์ตอบ “มีธุระอะไรหรือ”

“ข้าชื่อบราน เป็นนายหน้าค้าบ้าน มีบ้านมาเสนอให้พวกท่าน อยู่ที่หมู่บ้านทราธ”

“ทราธ...หรือขอรับ” เด็กหนุ่มจำได้ว่าหมู่บ้านชื่อทราธเป็นที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศของเหล่าผู้มีอันจะกิน และเจ้าที่ดินจำพวกไร่สวนใหญ่ๆ ที่มีบ้านพักคนงานอยู่ในบริเวณนั้นพร้อมสรรพ แทนที่จะเป็นบ้านของชาวไร่เล็กๆ ซึ่งมีที่ดินแต่ละผืนเป็นของตนเอง

นั่นเป็นเรื่องแปลกอยู่สักหน่อย และทำให้อาเมียร์อดสงสัยไม่ได้ว่านายหน้าค้าบ้านคนนี้เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า กระนั้นแม่ก็เชิญให้บรานเข้ามานั่งดื่มน้ำชา รอจนหัวหน้าครอบครัวกลับมาในอีกไม่นาน


* * * * * *


อาเมียร์นั่งฟังท่านอาพูดกับบรานไปเรื่อยๆ แล้วก็ตกใจเมื่อได้ยินนายหน้าบอกพื้นที่ของบ้านนั้นชัดเจน รวมทั้งสิ่งอื่นๆ

“บ้านสองชั้น มีห้องใต้หลังคากับห้องใต้ดิน ที่หลังบ้านมีบ่อน้ำ เลยไปเป็นสวนผลเอรี ทุ่งหญ้าโดยรอบ ท่านจะทำไร่อย่างอื่นหรือเลี้ยงปศุสัตว์ก็ได้”

แค่ที่ดินอย่างเดียวก็กว้างกว่าไร่เดิมของพวกเขาในกลาสเดลสามเท่าตัว หากมีบ้านและสวนผลไม้พร้อมมูลราคาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นอีก อดีตนักรบรีบบอกทันทีว่าตนสู้ราคาไม่ไหว แต่บรานยังคะยั้นคะยอ

“ค่อยๆ ผ่อนไปก็ได้”

“กี่ปีจะหมด”

อาเมียร์คำนวณค่าผลผลิตที่น่าจะได้รับในแต่ละฤดูเก็บเกี่ยว หักลบรายจ่ายของคนอีกเจ็ดคน และค่าเสียหายที่อาจเกิดเมื่อมีภัยธรรมชาติหรือภัยแล้งเงียบๆ ในใจ แล้วก็ได้คำตอบว่าเกินยี่สิบปีแน่นอน กระนั้นบรานยังพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนัก

“ปีสองปีก็หมดแล้ว หากท่านสนใจงานที่ข้าเสนอให้”

“ท่านรับเป็นนายหน้าหางานด้วยหรือ” ท่านอาถามอย่างเคลือบแคลง ครั้นบรานพยักหน้าก็ถามต่อ “งานอะไรให้เงินสูงขนาดนั้น”

“หัวหน้ากองกำลังป้องกันมณฑล” บรานขยายความเมื่อคู่สนทนาเงียบไป “ท่านเบเรค เจ้ามณฑลของเราได้ข่าวมาว่าท่านนำพวกชาวบ้านปราบโจรป่ากลุ่มหนึ่งจนราบคาบ แต่กลับไม่ได้ค่าตอบแทน ซ้ำถูกเจ้ามณฑลชอร์ซาขับไล่มาอย่างไม่เป็นธรรม ท่านเบเรคเสียดายคนมีฝีมืออย่างท่าน จึงอยากให้ท่านมาร่วมงานด้วย”

เด็กหนุ่มเหลือบดู เห็นอดีตนักรบเริ่มขมวดคิ้วอย่างระแวง

“เรื่องของข้าไม่ใช่ข่าวใหญ่โต ท่านเจ้ามณฑลทราบได้อย่างไร”

“ในเวลาเช่นนี้ ขุนนางระดับสูงทุกคนล้วนต้องมีหูตากว้างไกลทั้งสิ้น” บรานอธิบายเรียบๆ “เพราะเราก็เหมือนกำลังสู้รบกันอยู่เงียบๆ”

“ท่านหมายถึงพิธีเลือกคู่ของเจ้าหญิงหรือ”

บรานพยักหน้า

“เจ้ามณฑลชอร์ซาใช้พวกโจรเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองจากชาวบ้าน นำเงินนั้นมาจ้างอาจารย์และนักรบที่มีฝีมือให้แก่ลูกชายเขา เพื่อเตรียมตัวสำหรับพิธีสยุมพร นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมเสียค่าตอบแทนให้ท่าน และไล่ท่านออกมาแทน”

นั่นอย่างไร อาเมียร์นึก เขาเดาไว้ตั้งแต่เห็นกับตาแล้ว ว่าลูกชายเจ้ามณฑลชอร์ซาประพฤติตนไม่ต่างจากโจรเลย กระนั้น...คำตอบของท่านอาก็ขัดใจนัก

“ขอปฏิเสธ ข้าอยากทำไร่เลี้ยงสัตว์เพราะไม่อยากจับอาวุธอีก และข้าก็ไม่มีความสามารถพอจะนำกองกำลังของมณฑลได้”

“แต่หากไม่มีทั้งความสามารถด้านกลยุทธ์และการรบ ท่านจะนำกลุ่มคนที่ไม่มีประสบการณ์ปราบโจรสำเร็จ...โดยไม่มีใครในกลุ่มบาดเจ็บหรือตายเลยได้อย่างไร”

“นั่นแค่โชคเข้าข้าง ข้าไม่มีความสามารถพอ ซ้ำยังเป็นคนพิการอย่างที่เห็น จะไปคุมใครได้”

“แล้วถ้าไม่ใช่งานที่ต้องสั่งการสู้รบล่ะ” บรานยังหว่านล้อม “แต่เป็นงานที่ต้องอาศัยความสามารถของท่านไม่ด้อยกว่ากัน”

“งานอะไรอีก” เสียงของท่านอายิ่งบอกความรำคาญขึ้นทุกขณะ

“อาจารย์สอนอาวุธให้ลูกชายของท่านเจ้ามณฑล เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประลอง” บรานรีบเสริม “วางใจเถอะ ข้าเคยพบลูกชายของท่านเจ้ามณฑลมาแล้ว เขาเป็นคนดี เหมาะสมกว่าลูกเจ้ามณฑลชอร์ซาแน่นอน หากท่านยังไม่แน่ใจ จะลองพบเขาดูก่อนตกลงรับงานก็ได้”

“ข้าขอปฏิเสธ” ซิอ์บุลพูดทันควัน “ข้าไม่เก่งขนาดจะสอนว่าที่พระราชา”

ไม่เก่งขนาดจะสอนว่าที่พระราชา...อาเมียร์นึกขุ่นเคืองในใจ เสด็จอาผู้สอนเขาทุกอย่างเกี่ยวกับดาบตั้งแต่ยังสูงไม่ถึงเอวท่านคนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว ท่านเคยบอกแท้ๆ ว่าการฝึกดาบไม่ใช่วิชาฆ่าฟัน และมิใช่เพียงการป้องกันตัว ทว่าเป็นการฝึกประสาทรับรู้ให้เฉียบคม...ฝึกจิตให้นิ่ง ราชาที่ดีควรมีทั้งการรับรู้ที่แม่นยำ...มองคนออกว่าใครไว้ใจได้และเป็นมิตร ใครกำลังระวังตัวหรือคุกคาม และมีจิตที่สงบ...ไตร่ตรองได้รอบคอบถี่ถ้วน ตอบรับเหมาะสมในเวลาอันสั้น ความขุ่นเคืองนั้นทำให้เขาพูดออกไปทันควัน

“ท่านเคยสอนดาบให้ข้านี่”

อดีตนักรบหันมามองเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วก็ออกตัว

“นั่นมันนานมาแล้ว ก่อนข้าเสียแขนไปด้วยซ้ำ”

“แล้วพวกชาวบ้านล่ะ ท่านมีมือเดียวยังสอนพวกเขาได้เลย” เด็กหนุ่มไม่ลดรา

“ข้าสอนเพราะพวกเขาขอมา แต่ก็ได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้นเอง”

“ข้าว่าท่านซิอ์บุลถ่อมตัวเกินไป” บรานพูดขึ้นบ้างด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ถึงอย่างไรก็ลองดูเถอะ จะได้ค่อยๆ ผ่อนบ้านให้ครอบครัว ท่านเองอยากให้ภรรยาและลูกๆ ได้อยู่สุขสบายไม่ใช่หรือ”

“ขอโทษด้วย ข้าไม่อาจรับงานจากท่านเจ้ามณฑล และคงไม่สบายใจหากจะมีบ้านใหญ่เกินตัว” อดีตนักรบยืนกราน “ข้าไม่ใช่ชาวธีร์ดีเรแต่กำเนิด ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องเหตุบ้านการเมืองของพวกท่าน และข้าไม่ชอบการเลือกคู่ครองแค่ด้วยความสามารถกับความเหมาะสม...ไม่ใช่ความสมัครใจ”

“ท่านเชื่อในรักแท้หรือ” น้ำเสียงของบรานแฝงความขบขัน

“ข้าเชื่อ และข้าเกลียดการคลุมถุงชน” ท่านอาพูดเสียงแข็ง

...มันก็แค่เรื่องส่วนตัวนั่นล่ะ!... อาเมียร์ร้องอยู่ในใจ ...ทำไมข้าจะไม่รู้ ท่านเกลียดการคลุมถุงชนเพราะท่านรักแม่ข้า...แต่แม่ข้าต้องแต่งงานกับเสด็จพ่อเพราะความเหมาะสม ท่านเลยพาลเกลียดการแต่งงานเพื่อความเหมาะสมทั้งหมด...

...แล้วบางที...ท่านคงเกลียดข้าที่เกิดมาจากการแต่งงานครั้งนั้นด้วย... ความคิดผุดตามมาโดยที่เขาไม่ต้องการ เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าตนคิดมากไปหรือไม่ ที่จริงท่านอาก็รักเขาตอนเป็นหลานชายตัวเล็กๆ มิใช่หรือ มิเช่นนั้นจะเล่นกับเขา สอนดาบเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ และยอมแลกแขนซ้ายกับชีวิตเขาอย่างไม่ลังเลได้อย่างไร

แต่ตอนนี้ท่านอาคงมองเขาเปลี่ยนไป อาเมียร์รู้ตัวว่าเค้าหน้าของตนเหมือนเสด็จพ่อ ยิ่งไว้ผมยาวตามที่เสด็จพ่อทรงขอไว้...ตามความเชื่อในแคว้นบ้านเกิดของเสด็จย่าว่าผมยาวหมายถึงพลังอำนาจ...คงยิ่งเหมือนพระองค์ ท่านอาอาจไม่ตั้งใจ แต่ก็คงสะกิดใจว่าอาเมียร์เป็นเหมือนหลักฐานความสัมพันธ์ของแม่กับชายอื่น เป็นส่วนเกิน ท่านอามีลูกแท้ๆ กับแม่จะสามคนแล้ว ท่านมองแต่ครอบครัวของตน ห่วงแต่ครอบครัวของตน หากเป็นเมื่อก่อนท่านคงไม่ยอมก้มหัวให้คนพวกนั้น คงเล่นงานพวกมันไม่ให้ผยองกดขี่คนอื่นได้อีก

ทว่า...เขาโทษท่านอาได้หรือ คราวอยู่ในทะเลทรายยังมีนักรบอื่นๆ ที่นับถือท่าน คอยเป็นหูเป็นตาให้ครอบครัวเขาเมื่อท่านออกรบ ตอนนี้พวกเขาเป็นแค่ผู้อพยพที่ไร้ความสำคัญในธีร์ดีเร มีชายแค่สองคน เด็กกับผู้หญิงอีกห้า ซ้ำชายคนหนึ่งยังกลัวเลือด ถึงมีวิชาต่อสู้ก็เหมือนไร้ประโยชน์

ใช่...ท่านอาเปลี่ยนไปจริงๆ และมีภาระรับผิดชอบมากมาย อาเมียร์ยอมรับ แต่นั่นหมายความว่าท่านอาควรปฏิเสธงานที่ตนเองทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนอีกมากมายกว่านี้หรือ หากลูกชายเจ้ามณฑลเป็นคนดี ไม่ต้องดีขนาดเทวดา แต่ก็ดีพอจะเห็นทุกข์สุขของประชาชนบ้าง ท่านอาไม่ควรช่วยเขาหรือ และหากท่านได้ทำงานกับพวกขุนนาง ความเป็นอยู่ที่บ้านย่อมดีขึ้นตามไปด้วย พวกเขาจะได้มีบ้านที่มีที่ทางมากกว่านี้ เรื่องความปลอดภัยก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเจ้ามณฑลต้องคุ้มครองคนของตนอยู่แล้ว

“แต่ลูกชายของท่านเจ้ามณฑลเป็นคนดี สุภาพ และย่อมให้เกียรติเจ้าหญิง หากไม่ลองไปพบด้วยตนเองสักครั้ง ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าเขากับเจ้าหญิงจะเข้ากันไม่ได้” บรานยังพูดต่อไป

“ข้าไม่ใช่เจ้าหญิง ต่อให้พบก็ไม่มีทางทราบได้” อดีตนักรบตัดบท “กลับเถิด ถึงอย่างไรข้าจะไม่ซื้อบ้านนี้ และไม่รับงานของท่านด้วยขอโทษที่ทำให้เสียเวลา”

บรานมองไปทางใครอีกคนในห้อง

“คุณผู้หญิงเล่า ว่าอย่างไร ที่จริงบ้านนั้นกว้างขวางอยู่สบายทีเดียว ถึงราคาจะสูงสักหน่อย แต่ถ้าสามีท่านรับทำงานให้ท่านเจ้ามณฑล ค่าบ้านรวมทั้งค่าใช้จ่ายของพวกท่านทุกคนก็ไม่เป็นปัญหาเลย ลูกๆ ของท่านจะได้มีชีวิตสุขสบายขึ้นด้วย”

“พวกเรามีความสุขอยู่แล้วค่ะ” แม่ตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “ตอนที่รู้ว่าข้าท้องลูกคนนี้ สามีข้าก็สัญญากับตัวเองว่าจะวางมือจากอาชีพที่ต้องจับอาวุธให้เด็ดขาดเสียที หากเป็นความตั้งใจของเขา ข้าก็ไม่คัดค้านหรอกค่ะ ขอแค่เราได้อยู่กันพร้อมหน้า มีความสุขตามอัตภาพเหมือนตอนนี้ก็พอแล้ว”

ว่าแล้วหญิงสาวก็กลับหลังหัน พูดขอตัวแล้วเรียกอาเมียร์ไปช่วยงานในครัว เด็กหนุ่มจำใจเปิดประตูให้เธอก่อนก้าวตามไป แม้จะมีเรื่องอยากพูดกับนายหน้าหรือท่านอามากกว่านี้ เขารู้ว่าแม่เรียกตนเพื่อให้ท่านอาสบช่องปฏิเสธอีกฝ่ายได้เด็ดขาด กระนั้นบรานยังพูดทิ้งท้ายเมื่อท่านบอกลา

“ลาก่อน แต่หากเปลี่ยนใจเมื่อไรก็ไปพบข้าที่ศาลาเมืองนะ ข้ารอคำตอบรับอยู่เสมอ”


* * * * *

แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 53 17:49:14

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 15:29:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com