Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 16 - ปะทะ ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ แก้วกังไส - ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ^^


* * * * *


บทที่ ๑๖
ปะทะ


ซิอ์บุลรู้สึกเหมือนตนได้ยินเสียงของตกกระทบพื้นอยู่ไกลๆ...แล้วก็เสียงคล้ายเสียงร้องเบาๆ

ทั้งสองเสียงเลือนรางจนเหมือนหูแว่ว สิมายังคงคัดถั่วสำหรับทำอาหารเย็นต่อไปโดยไม่มีวี่แววจะสังเกต ทว่าอดีตนักรบไม่อยากละเลยสังหรณ์ของตน นั่นไม่น่าใช่เสียงลูกบอลที่ลูกสาวทั้งสองเล่นอยู่ในสวนดอกไม้หน้าบ้าน หรือเสียงของเล่นชิ้นใดก็ตามของอาซิซ เขาบอกได้ว่าไม่เหมือน

อีกอย่าง เสียงร้องนั้นดูเหมือนจะเป็นเสียงผู้ชาย ไม่ใช่เสียงของเด็กหรือผู้หญิงเสียด้วย

...ชักไม่ดีแล้ว...

ชายวัยกลางคนลุกจากเก้าอี้เงียบกริบ จนภรรยาเงยมองอย่างสงสัยจึงได้กระซิบ

“อาจมีคนลอบเข้ามา”

สิมามีสีหน้าเคร่งเครียดตามทันที แต่ก็ยังดูสงบ ขณะนิ่งฟังสามีพูดต่อไป

“ข้าจะตามเด็กๆ กับลีชาเข้ามา เจ้าปิดประตูหน้าต่าง ลงกลอนให้มิดชิด แล้วพาทุกคนไปหลบในห้องลับเสีย”

หญิงสาวพยักหน้า ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไปเมื่อซิอ์บุลปลดดาบโค้งจากเข็มขัดส่งให้

“ข้าเอาดาบออกไปไม่ได้ พวกมันจะไหวตัวทัน แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าเก็บไว้เถอะ เผื่อต้องใช้”

ภรรยาของเขารับมันไป พร้อมคำตอบแผ่วเบา

“ระวังตัวด้วยนะคะ”


* * * * *


ซิอ์บุลทำเป็นยืนยืดเส้นสายหน้าประตูหลังบ้าน จนได้ยินเสียงภรรยาลงกลอนประตู จึงได้เดินไปในสวนหลังบ้าน คอยเงี่ยหูฟังเสียง มองสอดส่องหาพิรุธ ขณะทำเหมือนกับว่าตนกำลังเดินเล่นธรรมดา

บ้านพักตากอากาศของท่านเจ้ามณฑลมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ทั้งสวนผลไม้ บ้าน และทุ่งเลี้ยงสัตว์ล้อมด้วยกำแพงหินสูงข้างนอก แล้วจึงมีรั้วไม้ หรือพุ่มไม้สูงแซมดอก ซึ่งตัดเป็นทรงสี่เหลี่ยมล้อมอยู่ตามบริเวณต่างๆ

อดีตนักรบได้ยินเสียงสวบสาบบนพื้นหญ้านอกกำแพงพุ่มไม้ที่ขนาบข้างตัวบ้าน ห่างเกินกว่าจะมองลอดพุ่มไม้ออกไปเห็นตัว แต่เขายังไม่ต้องเร่งหาอีกฝ่าย เพียงเดินไปเรื่อยๆ ตามจังหวะของตน จนล้ำหน้าเสียงเดินของใครก็ตามที่อยู่ข้างนอกนั้น...พร้อมกับค่อยๆ แยกจากเสียงว่ามีคนกำลังมากี่คน

...มีเสียงแกว่งของดาบที่ข้างเอว...แต่เสียงฝีเท้าบนพื้นหญ้าเหมือนรองเท้าบู๊ตหนัง...ไม่น่าใช่ทหารหลวงที่แต่งเกราะโลหะมาพร้อมบุกโจมตี...ว่าไปก็เหมือนเสียงของพวกยามอารักขา ซึ่งท่านเบเรคส่งมาผลัดเปลี่ยนเฝ้ารอบคฤหาสน์ไว้ตลอดเวลา...

แต่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนเวร จะมีเสียงดังกว่านี้ และเสียงพูดคุยทักทายยามอีกผลัด รวมถึงทักทายคนในบ้าน...คงเพราะเอ็นดูเด็กเล็กๆ ที่ช่างพูดช่างคุยและยังไม่รู้อะไร แม้ยามเหล่านี้จะรู้ว่า ‘แขก’ ที่ต้องอารักขา เป็นครอบครัวของผู้ต้องสงสัยว่าฆ่าลูกชายของนายท่านก็ตาม

...ครั้งนี้พวกเขามาเงียบเกินไป...

ซิอ์บุลเดินไปเรื่อยๆ จนเลี้ยวหัวมุมสู่สวนดอกไม้ด้านหน้าบ้าน เห็นลูกสาวทั้งสองเล่นโยนลูกบอลกัน ขณะที่ลีชาให้อาซิซนั่งตักบนชิงช้าตัวใหญ่ใต้ซุ้มกุหลาบ ทุกสิ่งเงียบสงบเป็นปกติ...ทว่าเสียงฝีเท้ากำลังไล่ตามมา

สุดท้าย อดีตนักรบจึงตะโกนออกไป

“นาสิรา! ฟาร์ฮานาห์! แม่ทำขนมอินทผลัมเชื่อมที่พวกเราชอบนะ! รีบเข้าไปกินกันเร็ว!”

ทั้งลีชา นาสิรา กับฟาร์ฮานาห์หันมามองเขาเป็นตาเดียว ฟาร์ฮานาห์วิ่งตึกตักเข้ามาหาบิดาที่เดินมาเปิดประตูหน้าอย่างดีใจ นาสิราวิ่งตามมา แต่ด้วยสีหน้าสงสัย และถามเสียงดัง

“แต่ที่นี่ไม่มีอินทผลัมนี่นา แม่เคยบอกว่าอินทผลัมในธีร์ดีเรแพง”

ซิอ์บุลชะงักไปแวบหนึ่ง แต่ก็รีบพูดขณะที่เสียงฝีเท้าดังกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ

“เมื่อเช้า ลุงเบเรคเอาอินทผลัมมาให้ถุงใหญ่ แต่แม่ยังไม่บอก เพราะอยากให้พวกเราแปลกใจ”

“แล้วทำไมบอกตอนนี้ละจ๊ะ ถ้าจะให้แปลกใจจริงๆ ต้องไม่บอกจนเห็นขนมเองสิ”

อดีตนักรบแทบสะอึก

“เอ่อ...พ่อหลุดปากไป”

“พี่นาสิรา ไปเถอะ รีบไปกินขนมกันดีกว่า” เคราะห์ยังดีที่ฟาร์ฮานาห์ช่วยจับมือ เร่งเร้าพี่สาว แล้วเด็กทั้งสองจึงวิ่งเข้าไปในบ้าน ตามด้วยลีชาผู้อุ้มอาซิซ

ซิอ์บุลกระซิบเบาๆ เมื่อเด็กสาวเดินผ่าน

“ลงกลอนประตูหน้า แล้วรีบไปหาสิมา ซ่อนในห้องลับ”

ลีชาหยุดนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าและเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม

ชายวัยกลางคนปิดประตูตามหลังเด็กสาว ครั้นได้ยินเสียงกลอนด้านในก็หมุนตัว หันกลับไปเผชิญหน้ากับชายในเครื่องแบบทหารยามห้าคนซึ่งเดินเข้ามา เรียงเป็นแถวหน้ากระดานหลวมๆ ก่อนจะค้อมคำนับ

“บอกตามตรงดีกว่า ว่าพวกเจ้าเป็นใคร” อดีตนักรบพูดเคร่งขรึม ขณะกวาดมองพวกเขาทุกคนอย่างละเอียด “เพราะข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ใช่ยามที่นี่เด็ดขาด”


* * * * *


เกอร์มอนคิดว่าภารกิจของตนกำลังไปได้ราบรื่นแท้ๆ ...จนชายคนทรายผู้เป็นคนเดียวในกลุ่มเป้าหมายที่มีวิชาต่อสู้มาเรียกลูกๆ กับหญิงธีร์ดีเรที่ดูเหมือนจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กเข้าบ้าน ...ก่อนพวกเขาทันได้เข้าใกล้ด้วยซ้ำ

เป็นคู่ต่อสู้ที่ประมาทไม่ได้จริงๆ สินะ

“พวกข้าเป็นคนของทางการ ได้รับคำสั่งให้มาเชิญพวกท่านทุกคนไปในความคุ้มครองของเรา จนกว่าลูกชายท่านจะยอมมอบตัว หรือถูกจับกุม” ชายหนุ่มบอก “หวังว่าท่านจะให้ความร่วมมือ เพราะเราไม่ต้องการใช้กำลัง”

ชายร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าหรี่ตา

“ข้ากับครอบครัวไม่ได้ทำผิดอะไร และหากเจ้าได้รับคำสั่งจากทางการจริง ทำไมถึงไม่มาอย่างทหารในเครื่องแบบ แต่กลับปลอมตัวมา ซ้ำไม่แสดงหมายจับ” อีกฝ่ายแย้ง

“นี่เป็นคดีพิเศษ” เกอร์มอนให้คำตอบ “เราจึงได้รับอนุญาตจากท่านผู้สำเร็จราชการให้ดำเนินการอย่างลับๆ ได้ ลูกชายของท่านไม่เพียงแหกคุกพร้อมลูกชายเจ้ามณฑลชอร์ซา ทั้งที่คดีฆ่าพระคู่หมั้นยังไม่สิ้นสุด แต่ยังลักองค์เจ้าหญิงแอชลีนน์ไปด้วย”

“แล้วพวกข้ามีความผิดอะไร” คนทรายยังคงถาม “ตอนที่ลูกข้าอยู่ในคุก พวกข้าอยู่ไกลถึงยาร์ลาธ จะช่วยเขาหนีออกมา หรือไปลักตัวเจ้าหญิงได้อย่างไร หากจะกล่าวหาว่าข้ามีส่วนฆ่าท่านเฟลิม พวกเจ้ามีหลักฐานหรือ”

“พวกข้าเพียงได้รับคำสั่งมา นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตุลาการจะตัดสิน”

“ตัดสินพวกข้าในฐานะจำเลยคดีใด ในเมื่อเจ้ามาจับพวกข้าเป็น ‘ตัวประกัน’ ชัดๆ”

เกอร์มอนรักษาท่าทางให้นิ่งไว้ ขณะอดคิดไม่ได้ว่านักรบรับจ้างชาวทรายนี้พูดจามีสติปัญญาเกินคาด

“จะในฐานะใด ท่านก็ไปกับเราแต่โดยดีเถอะ ที่นี่มีทั้งเด็กและผู้หญิง ท่านคงไม่อยากให้พวกเขาเห็นภาพรุนแรง หรือเป็นอันตรายไปด้วยใช่ไหม ...หรือท่านคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะนักรบหน่วยพิเศษถึงห้าคนได้”

ชายวัยกลางคนมองตรงมาอย่างแน่วแน่ ครั้นแล้วก็สืบเท้าตั้งท่าเตรียมสู้ ทั้งมือขวาและแขนซ้ายที่ไร้มือยกขึ้นพร้อมป้องกัน

“ก็ต้องลองดู”

หัวหน้าหน่วยรบพิเศษเลื่อนมือไปแตะด้ามดาบ ยังผลให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสี่ทำตามแทบพร้อมเพรียงกัน

“แต่ก่อนอื่น” นักรบชาวทรายกลับพูดขึ้นก่อน “ข้าอยากรู้ว่ายามทุกคนที่เจ้าเล่นงานไปเป็นอย่างไร และตอนนี้อยู่ที่ใด”

“วางใจเถอะ เราแค่ทำให้พวกเขาสลบ แล้วมัดไว้นอกกำแพงชั้นในเท่านั้นเอง”

“ก็ดี” ชายผู้มากวัยกว่าดูเหมือนจะยิ้มเกรียนๆ “ข้าจะได้ออมมือให้พวกเจ้าง่ายขึ้น”

จะอวดดีไปได้ถึงไหน! ...นักรบธีร์ดีเรขบฟัน ก่อนจะชักดาบออกมาโดยเร็ว

ลงมือ!

สิ้นเสียงตะโกนสั่งของเกอร์มอน ผู้ใต้บังคับบัญชาสามคนก็พุ่งเข้าหาเป้าหมายแทบพร้อมกันจากทั้งสามด้าน ดาบในมือเงื้อสุดแขนก่อนจะฟาดเข้าหาอีกฝ่ายเป็นจุดเดียว

หากชั่วพริบตาก่อนที่ดาบจะทันถึงเป้าหมาย ร่างสูงใหญ่ที่หยุดนิ่งดังรูปปั้นพลันพลิ้วกายหลบออกข้างซ้าย แล้วกระแทกฝ่ามือขวาสวนเข้าปลายคางนักรบทางซ้ายที่อยู่ใกล้ตัวสุดเต็มรัก

จากนั้นจึงพลิ้วตัวอีกครั้ง หลบดาบของนักรบทางขวา สับสันหมัดเข้าเต็มก้านคอจนล้มคว่ำแทบพร้อมกับนักรบคนแรก ก่อนจะโผนร่างเข้าปะทะนักรบคนที่สาม

เขากระแทกฝ่ามือขวาใส่ข้อมือข้างที่ถือดาบของอีกฝ่ายอย่างแรงจนดาบกระดอนหลุดไป แล้วใช้มือขวาโน้มคอฝ่ายตรงข้ามไว้แน่น พร้อมกับกระแทกเข่าใส่ติดกันสามครั้งซ้อน จนอีกฝ่ายล้มลงรูดคาเท้าในชั่วอึดใจ

พริบตานั้น นักรบคนที่สี่ซึ่งพุ่งเข้าใส่จากด้านหน้าก็ฉวยโอกาสที่ซิอ์บุลเปิดช่องว่างหลังจัดการนักรบคนที่สาม โถมตัวเข้าแทงดาบใส่ หมายต้นขาเป็นเป้า...

นักรบวัยกลางคนสืบเท้าหลบได้ แต่ทันใดนั้น ดาบที่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าแทงเข้ามาตรงๆ พลันเปลี่ยนทางเป็นฟันกวาดเข้าใส่ขาของซิอ์บุลในทันใด

นักรบเจ้าของดาบลอบยิ้มอย่างลำพอง หมายใจว่าอีกฝ่ายคงหมดท่าด้วยดาบนี้เป็นแน่

ทว่า นักรบชาวทะเลทรายกลับสลับเท้า สืบเข้าประชิดทางด้านซ้ายที่เปิดโล่งอย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่าง และก่อนที่นักรบคนที่สี่จะทันได้มีโอกาสแสดงสีหน้าตื่นตะลึงใดๆ กำปั้นขวาของอีกฝ่ายก็ซัดเข้าเต็มปลายคาง ส่งเขาลงไปนอนกองพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนแล้ว      

ภาพที่เห็นทำเอาเกอร์มอนชะงักไปด้วยความตะลึงงัน ตลอดชั่วชีวิตที่เคยผ่านการต่อสู้ในฐานะหน่วยรบพิเศษแห่งอุลทูร์มาอย่างโชกโชน เขาไม่เคยเห็นใครที่มีฝีมือรบรวดเร็วและเด็ดขาดเยี่ยงนี้มาก่อนเลย

ร้ายกาจอะไรอย่างนี้ ยิ่งกว่าหัวหน้าใหญ่ของพวกเราเสียอีก... หัวหน้าหน่วยย่อยแห่งหน่วยเรเวนตะลึงพรึงเพริดอยู่ในใจ

อดคิดต่อไปไม่ได้... ว่าขนาดเหลือแขนเพียงข้างเดียว ซ้ำไม่ได้ใช้อาวุธยังร้ายกาจถึงเพียงนี้ แล้วหากฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเล่า จะร้ายกาจสักเพียงไหน

"เหลือเจ้าคนเดียวแล้วสินะ" ชายวัยกลางคนเอ่ยปาก พร้อมกับหันไปมองเกอร์มอนด้วยสายตาแข็งกร้าว ขณะค่อยๆ สืบเท้าเข้ามาหา

แต่พริบตาที่ขาดความระวังชั่ววูบนั้นเอง นักรบคนที่สามซึ่งโดนเข่าถองจนร่วงไปก่อนหน้านี้ก็พลันยันตัวขึ้นจากพื้น ตรงเข้ารัดลำตัวของซิอ์บุลไว้จากด้านซ้าย...ซึ่งไม่มีมือไว้ปัดป้อง

"หัวหน้า!! ตอนนี้!!" นักรบผู้นั้นตะโกนจนสุดเสียง ขณะรัดลำตัวของอีกฝ่ายไว้สุดแรง

เกอร์มอนได้สติในทันใด รีบถลันเข้าไป เงื้อดาบขึ้นในแนวขวาง หมายฟันขาของอีกฝ่ายให้บาดเจ็บเพื่อตัดกำลัง

ทันใดนั้น ศอกซ้ายของนักรบชาวทะเลทรายก็กระแทกโครมเข้ากลางศีรษะของนักรบที่จับตัวเขาไว้ ราวกับเหวี่ยงค้อนฟาดใส่เสาปักรั้ว

นักรบผู้นั้นตาเหลือก เลือดออกปากออกจมูก สลบรูดคาเท้าไปอีกหน

จัดการคู่ต่อสู้ที่จับตัวไว้เสร็จ นักรบวัยกลางคนก็หันขวับมาหาเกอร์มอนด้วยประกายตาดุร้าย จนนักรบหนุ่มขนลุกซู่ ชะงักเสียจังหวะไปชั่วขณะ

พริบตานั้น ฝ่ายตรงข้ามก็หมุนตัวหลบดาบของนักรบหนุ่ม วาดขาเป็นวงโค้งสูง...จนเกอร์มอนสัมผัสได้ถึงแรงลมวูบ

ตามด้วยความรู้สึกเหมือนถูกของแข็งกระแทกเต็มแรงเข้าที่ก้านคอ แล้วจากนั้น...เกอร์มอนก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย


* * * * *


"ขอโทษที เขายังเหลือศอกซ้ายไว้ให้ข้า" ซิอ์บุลพึมพำเบาๆ ขณะมองร่างไร้สติของผู้บุกรุกทั้งห้าซึ่งกองกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ครั้นกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรกับพวกเขาต่อไปดี...ก็เกิดได้ยินเสียงร้อง...และเสียงโลหะกระแทกบางสิ่งดังแว่วมาจากข้างหลัง

...โธ่เว้ย!

เขาลืมคิดไปเสียสนิท ว่าพวกมันอาจจะล่อตนเองออกมาเพื่อลอบเล่นงานคนอื่นๆ ในบ้าน อดีตนักรบรีบวิ่งอ้อมมุมบ้านไปยังประตูครัวด้านหลัง และพบมันเปิดกว้าง...

แต่ก่อนจะทันได้ใจหายอะไรมากไปกว่านั้น เขาก็เห็นสิมายืนอยู่หน้าประตูที่เชื่อมห้องครัวกับห้องโถง สองมือถือด้ามกระทะ ซึ่งมีรอยบุบนูนชัดเจนที่ก้น

"ท่านซิอ์บุล! อย่าเพิ่งเข้ามาค่ะ!" เธอร้อง

ชายวัยกลางคนรั้งเท้าได้ทัน ก่อนจะก้มลงมองพื้น เมล็ดถั่วลันเตาแห้งเกลื่อนกระจาย ที่แทบเท้าภรรยาของเขาคือชายในชุดทหารยามซึ่งนอนสลบไม่ได้สติ

"เขาพังประตู วิ่งเข้ามาหาข้า ข้าเลยซัดถั่วไปบนพื้น เขาหยุดไม่ทัน ก็เหยียบถั่วล้มลง" หญิงสาวเล่าง่ายๆ "จากนั้นก็...เป็นอย่างที่ท่านเห็นนี่ละค่ะ"

"เจ้าปลอดภัยใช่ไหม" ซิอ์บุลถามอย่างห่วงใย "น่าจะเข้าไปซ่อนกับเด็กๆ ไม่เห็นต้อง--"

"เข้าไปซ่อน แล้วให้มันหาจนเจอ หรือซุ่มโจมตีท่านอยู่ในบ้านหรือคะ" สิมายิ้มอ่อนๆ ขณะวางกระทะลงบนโต๊ะ "ในเมื่อท่านรับมือพวกมันที่ประตูหน้า อีกทางที่พวกมันจะบุกเข้ามา...ก็คือประตูหลังนี่ล่ะ"

อดีตนักรบหัวเราะออกมาเบาๆ นึกอยากเข้าไปกอดภรรยาเป็นรางวัลฝีมือเธอสักที แต่ก็ตระหนักว่ามีเรื่องอื่นที่ตนต้องรีบทำ

"ช่วยเอาเชือกมาที ข้าจะมัดพวกมันไปส่งท่านเบเรค" เขาบอก และหญิงสาวก็เดินไปค้นตู้เก็บของโดยเร็ว

"ค่ะ ฝากบอกท่านเบเรคให้ส่งกระทะใหม่ กับถั่วมาอีกกระสอบนะคะ เห็นแบบนี้แล้ว ข้าเริ่มคิดว่ามีติดบ้านไว้เยอะๆ ก็ดีเหมือนกัน"


* * * * *


“ท่านมีสิทธิ์อะไรมาจับคนของข้า!” ชายหนุ่มผู้สวมเครื่องแบบทหารเอ่ยเสียงกร้าว กับชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ในห้องรับรองของกรมเมือง

“แล้ว ‘คนของท่าน’ มีสิทธิ์อะไรมาบุกรุกที่ดินของข้า” เจ้ามณฑลยาร์ลาธย้อนเรียบเฉย

“พวกเขาทำตามคำสั่งที่ข้าได้รับจากท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านต่างหากที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ยอมมอบคนทรายพวกนั้นให้ทางการ”

“งั้นข้าขอถาม...ที่นี่คือที่ไหน” มังกรน้ำขมวดคิ้ว ชี้นิ้ววกเข้าหาอกของตน “แล้วข้าเป็นใคร”

ดูลัสขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่า

“ถึงท่านจะเป็นเจ้ามณฑลที่นี่ ก็ไม่ได้หมายความว่า—“

“ราชองครักษ์ดูลัส” เบเรคเรียกเสียงหนัก จงใจละคำแสดงความเคารพอย่างชัดเจน...คงเพื่อย้ำให้ชายหนุ่มรู้ว่าตนมียศและฐานะต่ำกว่า “หลังได้รับสารจากท่านผู้สำเร็จราชการ ข้าก็ได้ให้ม้าเร็วนำสารตอบไปยังเมืองหลวงแล้ว ว่าชาวทะเลทรายเหล่านั้นอยู่ในการคุ้มครองดูแลของข้าเรียบร้อย...หรือเรียกอีกทางว่า ‘คุมตัว’ ก็ไม่ผิดหรอก ถ้าท่านยังเห็นพวกเขาเป็นคนร้ายนัก ทั้งๆ ที่ไร้ข้อกล่าวหาที่มีมูลต่อพวกเขาด้วยซ้ำ”

“แต่พวกเขาอาจวางแผนกับอาเมียร์” ชายหนุ่มยังคงแย้ง “และทำร้ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ข้อนี้ท่านปฏิเสธได้หรือ”

“’เจ้าหน้าที่บ้านเมือง’ ที่ท่านว่า บุกรุกที่ดินส่วนตัวของข้าโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่มีหมายค้น ไม่มีหมายจับ” ชายวัยกลางคนกล่าวช้าๆ “ท่านผู้สำเร็จราชการมีสารอนุญาตให้ท่านนำหน่วยรบพิเศษของตนมาละเมิดผู้อื่นในอีกเขตการปกครองหรือ”

ดูลัสลอบกำมือแน่น...ด้วยรู้ดีว่าไม่มีสารเช่นนั้นจริงๆ

“แต่คนทรายนั่นทำร้ายพวกเขา”

“เพื่อป้องกันตัว ...จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์ถึงหกคนพร้อมดาบครบมือ มาบุกรุกบ้านที่ข้าอนุญาตให้เขาอยู่ ทำร้ายยามเฝ้าบ้านที่เป็นคนของข้า แถมข่มขู่จะพาตัวเขากับผู้หญิงอีกสองคน และเด็กอีกสามคนไป เขาตัวคนเดียว มีดดาบก็ไม่ได้ใช้ ไม่ได้เล่นใครจนกระดูกหักสักท่อน ทำเกินกว่าเหตุตรงไหน”

ราชองครักษ์หนุ่มแทบกัดฟันกรอด เมื่อชายผู้มากวัยกว่ายกข้อโต้เถียงที่เขาไม่ทันพูดออกมาอุดช่องว่างเสียก่อน

“ข้าไม่อยากไล่ใครให้จนตรอกหรอกนะ ราชองครักษ์ดูลัส” มังกรน้ำพูดเมื่อเขาเงียบไป “ข้ารู้ว่าท่านเป็นหัวหน้าที่ดี ห่วงใยคนของตนเอง ข้าก็ห่วงใยคนของข้าเหมือนกัน”

ดูลัสหรี่ตามองอีกฝ่าย...ขณะคาดเดาว่าเขาตั้งใจพูดอะไรต่อไป

“เอาอย่างนี้ไหม เราพบกันครึ่งทาง ครอบครัวของอาเมียร์ก็อยู่ในความดูแลของข้าแล้ว ถ้าไม่มีใครเล่นตุกติก คิดลอบฆ่าพวกเขา ข้าก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาซ่อนตัวหรือหนีออกนอกอาณาจักร รอแค่อาเมียร์เดินทางเข้ามามอบตัวกับชาลัวห์ เพื่อให้พระมหาเถระลูเธียนไต่สวน และส่งเสด็จเจ้าหญิงกลับเมืองหลวง ข้าจะขอคุมตัวคนของท่านไว้หนึ่งสัปดาห์ก่อนปล่อยตัว ตามบทลงโทษสถานเบาที่สุด และจะไม่แพร่งพรายไปว่าพวกเขาเป็นนักรบหน่วยพิเศษของอุลทูร์...แม้แต่กับท่านผู้สำเร็จราชการเอง หวังว่าท่านคงไม่ปฏิเสธ”

ข่มขู่กันชัดๆ... ชายหนุ่มรู้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ เขาเองทำผิดกฎจริงๆ ที่นำหน่วยเรเวนของมณฑลตนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แต่หากเจ้ามณฑลยาร์ลาธรายงานเรื่องควบคุมคนทรายเหล่านั้นไว้ ความรับผิดชอบย่อมตกแก่ตัวเจ้ามณฑลเอง...หากคนเหล่านั้นหายไปจากอาณาจักร ไม่ว่าเขาจะตั้งใจปล่อยให้หนีไป หรือพลั้งพลาดเผอเรอ ไม่ทันกลอุบายของพวกมันก็ตาม

ส่วนเรื่องของอาเมียร์ ชาลัวห์ กับเจ้าหญิง ก็ยังมีทางอื่นให้ดูลัสจัดการได้อยู่

“จะดำเนินการอย่างไร ก็สุดแท้แต่ท่านมังกรน้ำเถอะ” สุดท้าย ราชองครักษ์หนุ่มจึงตัดสินใจตอบง่ายๆ “ข้าเป็นแค่ลูกกริฟฟอนโง่เขลาเพิ่งหัดบิน จ้าวแห่งท้องทะเลตะปบลงน้ำแล้ว จะบีบกรงเล็บก็ตาย...จะคลายก็รอดเท่านั้น”

เบเรคมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ และเพียงตอบรับเบาๆ เมื่อดูลัสขอตัวเพื่อไปดูลูกน้องซึ่งถูกขังไว้ในห้องขังของกรมเมือง


* * * * *


ที่ชั้นใต้ดินของกรมเมือง นอกจากจะมีคลังเก็บเอกสารและบันทึกต่างๆ แล้ว ยังมี ‘เรือนจำ’ กักขังนักโทษที่รอการไต่สวน หรือทำผิดคดีเล็กน้อยจนไม่ต้องถูกส่งเข้าพิจารณาคดีในเมืองหลวง หรือส่งไปใช้แรงงานตามชายแดนกันดารอยู่ด้วย

นักรบหน่วยเรเวนทั้งหกถูกขังรวมกันในห้องขังใหญ่ห้องเดียว พวกเขาทุกคนล้วนสวมตรวนมือและเท้า แม้ไม่หนักหนาถึงขั้นจำขื่อคาให้ขยับตัวไม่ได้ แต่ละคนดูจะได้รับการทำแผลแล้วตามสมควร ทว่ามีคนที่ดูอิดโรย ศีรษะแตก หรือคางบวมปูดอยู่บ้าง

ครั้นเห็นดูลัสเดินเข้ามา ทั้งหกก็ค้อมศีรษะคำนับเท่าที่ทำได้ จนชายหนุ่มคุกเข่าข้างหนึ่งลงที่หน้าห้องขัง พูดด้วยระดับสายตาที่เท่าเทียมกัน และเสียงแผ่วเบาไม่ให้ทหารยามที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าได้ยิน

“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“บาดเจ็บกันไม่มากขอรับ แต่พวกข้าต้องขออภัย ที่ไม่อาจทำงานสำเร็จตามคำสั่ง พวกข้า...ประมาทเกินไปจริงๆ” เกอร์มอนตอบ “คนทรายนั่น...เก่งจนไม่น่าเชื่อขอรับ ข้าขออภัย...แต่เขาอาจเก่งกว่าท่านหัวหน้าใหญ่ด้วยซ้ำ”

ครั้นแล้ว หัวหน้าหน่วยย่อยก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้นายฟังโดยละเอียด ขณะที่ดูลัสกัดฟัน ตั้งคำถามอยู่ในใจ

บ้าน่า! จะเป็นไปได้อย่างไร...

กระนั้น สุดท้ายเขาก็พยายามตอบเรียบเฉย

“ช่างเถอะ ข้าต่างหากที่ผิด...ไม่ได้วางแผนให้ดี ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป”

องครักษ์หนุ่มคิดไว้บ้าง...ว่าซิอ์บุล อดีตนักรบรับจ้างผู้นี้ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะเลิศล้ำจนเหลือเชื่อขนาดนี้...ทั้งๆ ที่มีมือเพียงข้างเดียว

เขาเคยประมาณไว้ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจอย่างไร ก็ย่อมอยู่แค่ระดับนักรบรับจ้างมือดี มากประสบการณ์ ไม่อาจเทียบกับทหารหรืออัศวินระดับสูงที่ฝึกฝนเข้มงวดมาแต่วัยเยาว์ ที่สังหารพวกโจรซึ่งบุกกลาสเดลได้มากในทีแรก...ก็เพราะอาศัยความมืดและความพลั้งเผลอไม่ทันตั้งตัวของพวกมันเอง ที่ทลายรังโจรได้ง่ายดาย...ก็เพราะมีพวกชาวบ้านช่วยอีกนับสิบ

แต่เท่าที่ฟังคนสนิท ดูลัสก็ต้องเปลี่ยนความคิดในทันที ซิอ์บุลมีดีมากกว่านั้น ประสาทสัมผัสเฉียบไว...จับสังเกตผู้บุกรุกได้รวดเร็ว ทุกการหลบหลีกและการโจมตีคุ้มค่า เล่นงานคู่ต่อสู้ให้ไม่อาจสู้ต่อได้เพียงในการโจมตีครั้งเดียวต่อคน...โดยไม่เอาชีวิตหรือทำให้พิการ ...มิหนำซ้ำ ภรรยาคนทรายด้วยกันก็ยังมีไหวพริบเกินหญิงทั่วไป ใช้เพียงเม็ดถั่วกับเครื่องมือทำครัวง่ายๆ ก็สามารถเล่นงานคนของหน่วยรบพิเศษหมอบราบคาบได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ดูลัสประมาทเกินไปจริงๆ จึงได้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

“เจ้ามณฑลบอกว่าอีกเจ็ดวันจะปล่อยตัวพวกเจ้า ระหว่างนี้ก็พักฟื้นให้มาก อย่าเพิ่งคิดกังวลอะไร” ชายหนุ่มบอก “พวกเจ้าทำดีที่สุดแล้ว และอีกอย่าง ที่สำคัญคือตัวมัน ไม่ใช่ครอบครัวของมัน ข้ายังพอมีวิธีอยู่”

ทีแรก เขาคิดว่าหากได้ตัวครอบครัวของอาเมียร์มา ก็คงบีบให้เด็กหนุ่มยอมปรากฏตัว และส่งเจ้าหญิงแอชลีนน์คืนมาได้ไม่ยาก แต่ในเมื่อจับครอบครัวมันไม่ได้ ก็ย่อมต้องอาศัยการตรวจจับที่ด่านตามเดิม...

แม้มันจะเป็นคนละด่านกับที่ดูลัสคิดไว้แต่แรก และพลุกพล่านสับสนวุ่นวายกว่าก็ตาม


* * * * *

แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 23:57:17

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 22:17:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com