|
บทที่ 23 ค้นพบ
เวลานี้มนต์ของอำมาตย์จงกรดยังคงไม่คลายลง มณีนิลจึงเสมือนหลับใหลไปชั่วขณะ ภุชคินทร์รีบเข้าบังกายกลิ่นจันทร์ไว้แม้ตัวเองจะเจ็บเจียนตาย กลุ่มกัณหาโคตมะยืนประจันหน้ากับนิลนาคตามคำสั่งของอำมาตย์เฒ่า แต่ทั้งหมดก็ไม่กล้าผลีผลามเข้าใส่
กลุ่มหมอกสีเทาหนาทึบค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตกคล้ายควันไฟที่เผาผลาญทุกสรรพสิ่งในวันสิ้นโลก ไอเย็นเยียบแผ่ซ่านเข้าใส่นาคทุกตน ณ ที่นั้น อรวินทร์หน้าถอดสีลงทันทีหลังจากอ่านใจพวกนาคาสีดำตรงหน้า พวกกัณหาโคตมะกำลังเกรงกลัวกับบางอย่างที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
มือสั่นเทาของกลิ่นจันทร์ยังคงกุมมือภุชคินทร์ไว้แน่น หมอกสีเทาหนาทึบแผ่ลงมายังผืนดินริมน้ำมณีนิลในที่สุด ภายในกลุ่มควันสีเทาหม่นหมองนั้นปรากฏร่างของมนุษย์สามคนที่ค่อยๆ เยื้องกรายออกมา
ทุกร่างเหมือนหุ่นที่ถูกแช่แข็งยังไงยังงั้น ไอหมอกเหล่านั้นจางหายไปแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สองคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำยืนรั้งท้ายหญิงสาวรูปร่างผอมสูงตรงหน้าผู้ซึ่งสวมอาภรณ์สีดำสนิทเฉกเช่นกัน
ดวงหน้าเย็นชาของวาสิตากวาดมองไปทางด้านซ้าย สองตาสีดำสนิทจับจ้องไปยังประมุขแห่งบ้านนิลนาคเรื่อยมาจนกระทั่งถึงมนุษย์คนเดียว ณ ที่นั้น
ริมฝีปากซูบซีดคลายยิ้มกว้าง กลิ่นจันทร์รู้สึกคล้ายกับว่ากำลังถูกอีกฝ่ายสะกดจิต ยินดีด้วยที่เธอยังไม่เป็นอะไร มณีนาคสวาทสีเขียวมรกตคงปรากฏในอีกไม่ช้านี้แน่ ไร้เสียงตอบรับจากนิลนาคเมื่อองครักษ์อันดับหนึ่งแห่งนาคเสนเอื้อนเอ่ย นางเป็นโอปปาติกผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ดังเช่นพิณภัทร์ ถูกไว้วางใจให้ทำงานใหญ่แทนพญาศรีโคตมะผู้ปกครองราชวงศ์นาคเสน ตระกูลนาคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสายกัณหาโคตมะหรือเหล่านาคาสีดำ
อ่อนแออย่างนี้แล้วจะดูแลมณีนาคสวาทได้อย่างไร เจ้านายของพวกเราอยากได้เธอไปอยู่ด้วย ว่าไงล่ะกลิ่นจันทร์สนใจรึเปล่า... อำภุชเปรยเสียงพลิ้ว ทอดมองมนุษย์สาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนยกยิ้มเมื่อเหล่านิลนาคได้แต่นิ่งเงียบ ร่างสูงใหญ่ตรงดิ่งเข้าไปหามนุษย์สาวแต่ทว่าไม่ทันจะครบสามก้าวนาคาหนุ่มก็ต้องยืนนิ่งค้างคล้ายถูกบางอย่างดึงรั้งไว้กลางอากาศ
มือแข็งแกร่งของอำภุชค่อยๆ หงิกงอเข้าหากัน ใบหน้ามีเส้นเลือดผุดขึ้นราวกับไส้เดือนก่อนที่องครักษ์หนุ่มจะครางออกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ประหนึ่งว่ามีใครบางคนเอามีดดาบแหลมคมที่อาบด้วยเปลวเพลิงจ้วงแทงอย่างไม่ยั้งมือ
ขอโทษด้วย อำภุชแค่ล้อเล่นเท่านั้น ดวงตาสีดำสนิทของวาสิตาหันไปยังร่างเพรียวลมของพิณภัทร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มนิลนาค ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านกระแสจิตค่อยๆ คลายลงก่อนที่นาคหนุ่มจะรีบเดินหอบหายใจกลับมาหาพรรคพวก
อสุนีทอดมองวิรูปักษ์ผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความยำเกรง สายฟ้าที่ตนสามารถควบคุมได้นั้นคงทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้กระมัง องครักษ์หนุ่มคลี่ยิ้มเย็นเยียบส่งให้พิณภัทร์ก่อนจะหันมาวาสิตา
รีบจัดการเรื่องของเราดีกว่า... คำนั้นทำให้ผู้เป็นหัวหน้าหันขวับมาหาอำมาตย์เฒ่าที่ยืนเลือดขึ้นหน้าอยู่นาน สีหน้าเย็นชาประดับไปด้วยรอยยิ้มราบเรียบ
พวกเราทำลายวิมานของท่านจนพังพินาศหมดแล้วหละอำมาตย์จงกรด ไพร่ฟ้าที่อยู่ยังเมืองบาดาลก็ไม่มีเหลือรอดสักตน เราทั้งสามมีหน้าที่ต้องกำจัดของเสียที่บ่อนทำลายราชวงศ์นาคเสน พูดจบก็ผินหน้ามาทางอำภุช
ท่านซ่องสุมกำลังนาคาเพื่อหวังจะโค่นล้มนาคเสนในอนาคต อีกทั้งยังใส่ร้ายพวกเราว่าเข้ามาแย่งชิงมณีนาคสวาททั้งที่ความจริงแล้วตัวท่านเองน่ะแหละที่เป็นคนอยากได้อัญมณีมีฤทธิ์อันนี้ไว้เอง เพื่อว่าวันนึงจะได้นำมาต่อกลอนกับพญาศรีโคตมะ แต่ว่ามันช่างเป็นความคิดที่โง่เขลายิ่งนัก พวกท่านรนหาที่เองนะ จบคำสมุนนาคาทั้งหมดของอำมาตย์เฒ่าก็ลอยคว้างขึ้นสู่อากาศเบื้องบน กลุ่มหมอกสีเทาบีบอัดร่างของนาคเหล่านั้นไว้ด้วยอิทธิฤทธิ์ของอำภุชผู้เป็นสมุนมือขวาก่อนที่ดวงตาสีดำขลับของอสุนีจะกลายเป็นขาวสว่างจ้าขึ้นมา สายฟ้าที่มีพลานุภาพทำลายล้างมหาศาลฟาดใส่กลุ่มนาคาเหล่านั้นจนร่างแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี
กลิ่นจันทร์ใจหายวาบ หอบหายใจจ้องมองเศษเนื้อหนังที่ร่วงหล่นลงยังพื้นดินเบื้องล่าง วาสิตาทอดมองร่างอำมาตย์จงกรดผู้คิดคดทรยศตรงหน้าที่กำลังกางแขนออกเพื่อกลายร่างเป็นนาคาก่อนที่ผืนพสุธาจะเคลื่อนออกจากกัน นิลนาครีบจับแขนเกาะกลุ่มกันไว้ อำมาตย์เฒ่าเซถลาล้มคว่ำลงกับพื้น พยายามจะหยัดกายลุกขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล แผ่นดินเคลื่อนไหวแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงกำหนดของวาสิตา ร่างของนาคสีดำผู้คิดไม่ซื่อต่อนาคเสนร่วงลงสู่ผืนดินดำมืดพร้อมกับเสียงโหยหวนที่ดังก้องมณีนิล
แผ่นดินปิดเข้าหากันดังเดิมเมื่อหมดสิ้นขยะที่เหล่าองครักษ์นาคเสนจะต้องกำจัด ภูรินทร์ถอนหายใจคล้ายโล่งอกแต่ทว่าดวงตาสีดำขลับของวาสิตาที่ยังจับจ้องใครบางคนอยู่ก็ทำให้ประมุขนิลนาคหายใจติดขัดขึ้นมาอีกครั้ง
ศีรษะมนขององครักษ์สาวโคลงไปมาก่อนเปรยขึ้นเสียงเรียบ ยังเหลืออีกหนึ่ง... จบคำศฤงคารก็ถอยกรูไปหาเหล่านิลนาค วารีเห็นแล้วก็สมเพช แสยะยิ้มเบือนหน้าหนีอย่างไม่ใยดี ปณาลีรีบเข้าไปโอบกอดคนรักไว้อย่างน้ำตานองหน้า
ศฤงคารเป็นนาคสีเขียว เขาแค่หลงผิดถูกพวกอำมาตย์จงกรดหลอกใช้ ได้โปรดอย่าทำอะไรเขาเลยนะ ปณาลีอ้อนวอนทั้งน้ำตาแต่ทว่าสามร่างตรงหน้ากลับวางท่านิ่งเฉยเหมือนไม่ใส่ใจ อสุนีมองเลยไปยังร่างเพรียวลมของวิรูปักษ์ผู้ยืนเงียบอยู่เบื้องหลัง
ถ้าท่านวิรูปักษ์ไม่คัดค้าน เราก็จำเป็นต้องทำตามกฎ สิ้นเสียง นิลนาคทุกคนก็หันขวับมาหาพิณภัทร์เป็นตาเดียว มีทั้งสายตาวิงวอนขอร้องแหละบางคนที่ยืนกรานคัดค้านไม่ให้ปล่อยศฤงคารไว้ กลิ่นจันทร์ได้แต่รอฟังคำตอบจากดวงหน้านิ่งเฉยของเพื่อนหนุ่ม เพราะว่ามันจะเป็นคำตัดสินชีวิตของศฤงคาร
ดวงตาสีน้ำตาลทองทอดมองร่างของชายหนุ่มผู้ที่ปณาลีโอบกอดไว้อย่างหวงแหน ศฤงคารคบคิดกับอำมาตย์จงกรด จงใจลักพาตัวกลิ่นจันทร์ไปเพื่อหวังจะได้มณีนาคสวาท ซึ่งถือเป็นความผิด คนผิดก็ย่อมต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา
คำตอบอยู่บนใบหน้าเรียบเฉยของพิณภัทร์แล้ว วาสิตาจุดยิ้มก่อนเบือนหน้าไปหาสมุนหนุ่ม
อำภุช... เพียงสองคำที่หลุดออกมาก็ทำให้ร่างสูงใหญ่ของอำภุชปราดเข้าไปหาศฤงคาร ปณาลีกระหืดกระหอบรีบเอาทั้งร่างบังคนรักไว้ทั้งน้ำตา
ได้โปรดให้โอกาสเขา เห็นแก่พวกเราและลูกในท้องของปณาลี น้ำเสียงแหบพร่าของภูรินทร์ทำให้องครักษ์หนุ่มชะงักชัน วารีสะบัดหน้ามาหาอรวินทร์ที่ไม่พอใจเช่นเดียวกัน
นาคเสนทั้งสามตนเชิดหน้ามองศฤงคาร นิลนาค ด้วยสายตาหยั่งเชิง แต่ไม่ว่ายังไง กฎก็ต้องเป็นกฎ... วาสิตากระพริบตาถี่ก่อนถอนหายใจเบาหวิว ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองภูรินทร์แน่นิ่ง
คนทำผิดก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา จงจำเอาไว้ด้วยว่านาคเสนไม่เคยให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง คำตัดสินเด็ดขาดที่ได้ยินแทบจะทำให้ปณาลีล้มฮวบลงต่อหน้าคนรัก หญิงสาวเอาสองแขนกอดสามีไว้แน่น ดวงหน้าเรียบเฉยของวาสิตาหันไปหากลิ่นจันทร์พร้อมรอยยิ้ม
ขอให้เธอโชคดี... อวยพรแก่มนุษย์สาวก่อนหันมาจดจ้องมองร่างนาคหนุ่มแห่งนิลนาคผู้บังอาจสมคบคิดกับอำมาตย์จงกรดโค่นล้มราชวงศ์นาคเสนเป็นครั้งสุดท้าย ดวงหน้าซูบตอบเบือนมาทางอำภุชอีกครั้ง เอ่ยบอกสมุนหนุ่มด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
ช่วยจัดการทีอำภุช ฉันอยากกลับบ้านแล้ว
ดุจราวกับว่าเป็นราตรีแห่งความพินาศย่อยยับแม้ว่าความเงียบสงบจะยังปกคลุมมณีนิลอยู่ก็ตามที เศษซากแห่งความตายของเหล่านาคาสีดำผู้หลงผิดถูกเก็บกวาดโดยนายโมกข์ก่อนที่มนต์ดำที่สะกดเหล่ามนุษย์ไว้จะเสื่อมคลาย แต่ทว่า... กลับมีนางมนุษย์ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ได้รู้เห็นเรื่องราวทั้งหมดในคราด้วย
กลิ่นจันทร์ทาบมืออุ่นๆ ลงบนแผ่นอกหนาของชายหนุ่ม ดวงหน้าซีดเผือดคลายยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ภุชคินทร์ดีใจที่หญิงสาวไม่บาดเจ็บแม้แต่ปลายก้อย เธอเพียงแค่ตกใจที่ต้องพบกับเรื่องที่ไม่คาดฝันมาก่อนเท่านั้น
ฉันช่วยเธอไว้ไม่ได้อีกแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียวทำให้กลิ่นจันทร์ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นที่เขาต้องมาบาดเจ็บสาหัสเยี่ยงนี้
เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว ต่อไปถ้าพวกเราได้มณีนาคสวาทก็จะไม่มีใครกล้ามาทำแบบนี้อีกแล้ว
พวกเรา... ภุชคินทร์ทวนคำช้าชัด สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังทำให้กลิ่นจันทร์นิ่งค้างพูดอะไรไม่ออก
ฉันดีใจที่ได้ยินคำนี้จากปากเธอนะ ริมฝีปากหยักสวยคลายยิ้มกว้างก่อนที่หญิงสาวจะรีบก้มหน้างุด อรวินทร์ผู้ซึ่งออกไปลาดตระเวนรอบหมู่บ้านมณีนิลกลับมาพร้อมกับวารี ทั้งสองตรงเข้ามาเยี่ยมอาการภุชคินทร์ก่อนเป็นอันดับแรก
ในแผนที่อันนี้มีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ปราสาทหลังนี้ วารีวางปลายนิ้วลงบนสัญลักษณ์รูปปราสาทขอมโบราณที่วางอยู่ด้านบนสุดของแผนที่เก่าแก่
เราจะต้องรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด อรวินทร์ว่าก่อนที่ภุชคินทร์จะแย้งขึ้น
นี่ก็ใกล้จะฟ้าสางแล้ว ฉันกลัวว่ามันจะไม่ปลอดภัย
ตอนไหนก็ไม่ปลอดภัยหมดนั่นแหละ ดวงหน้าวงรีของอรวินทร์สะบัดไปหากลิ่นจันทร์ บาดแผลน้อยใหญ่เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเพราะได้ยาดีจากวารี
นายอยู่นี่ให้กลิ่นจันทร์คอยดูแล ส่วนฉันกับน้าวารีและคุณอาภูรินทร์จะเดินทางไปยังปราสาทนั่นเอง วารีเบือนหน้าเคร่งขรึมมาหาหลานชายที่นอนเจ็บก่อนจะมองเลยไปยังร่างบอบบางที่นั่งอยู่ข้างเตียง
บางที...ถ้ากลิ่นจันทร์ไม่ไปกับเราด้วยก็อาจจะไม่ได้มณีนาคสวาทกลับมาก็ได้ คำพูดของนายหญิงของตระกูลทำให้หลานทั้งสองต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ มือหนาของภุชคินทร์จับท่อนแขนกลมกลึงไว้ทันที
ถ้าจันทร์ไป ผมก็ต้องไปด้วย สมาชิกนิลนาคทั้งสามคนต่างวางหน้าเคร่งเครียด ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเอง พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก มณีนิลกลับมามีชีวิตอีกครั้งภายหลังจากหลับใหลในราตรีอันแสนยาวนาน
เช้าวันที่เก้าของเดือนสิงหาคม ปักษาสองตนแห่งตระกูลรักตปักษ์ก็กลับคืนสู่คฤหาสน์บนเขาสูงในที่สุด มติในที่ประชุมของเหล่าปักษา ณ วิมานฉิมพลีนั้นทำให้สองพี่น้องแทบจะไม่มองหน้ากันเลยตลอดการเดินทางกลับมายังมนุษย์โลก ตรีดาวผู้พี่เห็นความถูกต้องและเกียรติยศของตระกูลเป็นใหญ่รวมทั้งยังมีความรักในวงศ์วานและเผ่าพันธุ์ปักษา ผิดกับตรัศวินน้องชายที่เห็นชอบกับอารมณ์และความต้องการของหัวใจสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ร่างสูงโปร่งยืนเด่นอยู่หน้ารั้วบ้านของนางสายบัวในเวลาสายของวันเสาร์ ประตูบานเล็กถูกผลักออกก่อนที่ร่างอรชรในชุดเสื้อแขนกุดสีชมพูกับกางเกงขายาวสีขาวจะรีบวิ่งเข้ามาหาแขกหนุ่มด้วยสีหน้าสดใส
กลับมาแล้วเหรอวิน... รูปหน้าปานเทพบุตรไม่คลายยิ้มอบอุ่นให้เธอเหมือนเคย ดวงตาสีน้ำตาลแดงก้มลงมองยังข้อมือซ้ายของกลิ่นจันทร์
ฉันทำมันหลุดเมื่อสามวันก่อนโน้นเอง กลัวว่ามันจะหล่นหายอีกเลยถอดเก็บไว้บนห้อง ตรัศวินละเรื่องสร้อยข้อมือที่ตนให้อีกฝ่ายไว้แค่นี้ สองตาคมเข้มช้อนขึ้นจ้องมองหญิงสาวปานจะกลืนกิน
ต่อไปนี้จันทร์ต้องห้ามไปที่บ้านผมอีก ห้ามอยู่ใกล้พวกเพื่อนผมทั้งสองคน ห้ามเข้าใกล้รักตปักษ์แม้แต่คนเดียว เข้าใจมั้ยครับกลิ่นจันทร์ น้ำเสียงหนักหน่วงและคำพูดรัวเร็วรวมทั้งสีหน้าตื่นตระหนกทำให้กลิ่นจันทร์ผายยิ้ม
แล้วนายล่ะตรัศวิน ฉันเข้าใกล้นายได้รึเปล่า ไม่รู้ว่าคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของหญิงสาวได้อย่างไร ตรัศวินคล้ายกับว่าต้องมนต์สะกดในบัดดล กลิ่นจันทร์เองก็ยืนหน้านิ่งทำอะไรไม่ถูกเพราะคำพูดที่บอกชายหนุ่มไป ตอนนี้เธอรักภุชคินทร์ไม่ใช่หรือแล้วทำไมถึงยังก่อความหวังให้กับตรัศวินอีกเล่า... ไม่เข้าใจตัวเองเลยกลิ่นจันทร์
ตรัศวินหลุบสายตาลงต่ำ กลิ่นจันทร์เองก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางเพื่อตั้งหลัก คุณรู้มั้ยว่ามติของเหล่าปักษาที่ผมไปเข้าร่วมชุมนุมมานั้น... ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดจนได้ยินเสียง กลิ่นจันทร์ค่อยๆ หันมาจ้องมองเสี้ยวหน้าคมคายที่เครียดเกร็งอย่างช้าๆ
พวกเขามอบหมายให้รักตปักษ์ทำลายมณีนาคสวาทหรือไม่ก็ขัดขวางอย่าให้พวกนาคาค้นพบสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันนี้ คำพูดที่ได้ยินทำให้หญิงสาวชาวาบไปทั้งตัว ดวงตากลมใสจดจ้องมองใบหน้าซูบซีดที่เค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
ตรัศวินเม้มปากเข้าหากันจนแน่นขณะที่หันมายังวงหน้างดงาม แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณได้ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
มะลิที่วิ่งโร่มาแต่ไกลต้องทำให้สองร่างที่กำลังเครียดเคร่งต้องคลายสีหน้าเป็นปกติ น้องสาวคนนี้ของกลิ่นจันทร์เป็นคนช่างสังเกตดีกว่าใคร เมื่อมาถึงรั้วก็ยื่นหน้าถามแขกหนุ่มทันที
ระวังนะคะพี่จันทร์ ถ้าพี่ภุชรู้เข้าเป็นได้ไล่เตะก้นพี่วินแน่ๆ เลย มะลิหัวเราะเสียงพลิ้วก่อนหอบหิ้วจานมะม่วงตรงเข้ามาหาพี่สาวแต่ก็เกิดเสียหลักสะดุดล้มเสียก่อน
ร่างเด็กสาวถลาเข้าใส่ตรัศวินที่เบี่ยงตัวมารับได้ทันท่วงที มีดปลายแหลมเล่มเล็กที่วางอยู่ในจานบาดเข้าตรงข้อมือชายหนุ่มจนเกิดแผลใหญ่ กลิ่นจันทร์ป้องปากร้องอย่างตกใจก่อนจะรีบยกแขนเพื่อนหนุ่มขึ้นดู
ตายจริง แผลใหญ่เสียด้วยสิ... ว่าเสียงค่อยก่อนหันมาค้อนใส่น้องสาวที่ยืนยิ้มแห้งๆ
เข้าไปทำแผลในบ้านก่อนเถอะวิน จับท่อนแขนแข็งแรงนั้นไว้ก่อนลากเข้าบ้านในขณะที่แขกหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข อยากจะให้เกิดแผลบนร่างกายอีกสักสิบแผล จะได้อยู่ชิดใกล้หญิงสาว ได้เห็นสายตาที่ห่วงใยเขานักหนาแบบนี้
เลือดเจ้าแห่งเวหาหยดลงยังพื้นดินหนึ่งหยด คล้ายกับหยาดฝนอันชุ่มฉ่ำที่ช่วยปลุกบางสิ่งให้ฟื้นคืนอำนาจ กลิ่นจันทร์พาชายหนุ่มมายังห้องนั่งเล่น รีบขนเอากระเป๋ายาใบใหญ่ออกมา คว้าเอาแอลกอฮอล์และผ้าพันแผลก่อนจะตรงมาหาตรัศวิน
ดวงตาสีน้ำตาลแดงคู่นั้นจับจ้องอยู่กับแจกันใบใหญ่ที่ประดับด้วยดอกบัวสีขาวน้อยใหญ่บนโต๊ะกลมที่อยู่กลางกลุ่มโซฟา ใครกันนะช่างประดิษฐ์ประดอยจัดดอกไม้ได้สวยงามน่าชมเยี่ยงนี้
เอ๊ะ...ทำไมตอนออกไปไม่เห็นเจ้าแจกันนี่นะ เจ้าของบ้านสาวเอียงคอก่อนจะเอนศีรษะมาชายหนุ่ม มือเรียวคว้าข้อมืออีกฝ่ายขึ้นระดับหน้าอก รีบเอาแอลกอฮอล์เช็ดเลือดสีแดงสดและแผลบนข้อมือจนอีกฝ่ายต้องร้องเสียงหลง
โลหิตของสายเลือดแห่งรักตปักษ์หยดลงบนดอกบัวเบื้องล่างอย่างไม่ตั้งใจ ตรัศวินจับข้อมือตัวเองที่มีผ้าพันแผลปิดไว้เบาๆ กลิ่นจันทร์คลายยิ้มก่อนถอนหายใจ ขอโทษแทนมะลิด้วยที่ทำให้นายต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ ปั้นหน้ายิ้มให้อีกฝ่ายก่อนเอียงคอมองกลีบสีขาวของดอกบัวที่ค่อยๆ คลี่กลีบแย้มบานออกทีละนิด
มือเรียวสวยหยิบดอกบัวตรงหน้าที่โดดเด่นขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ คลี่กลีบบัวออกอย่างเบามือ ตรัศวินเอนหน้าเข้าไปจับจ้องสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกลีบบัวหลวงดอกใหญ่เช่นกัน รัศมีสีเขียวมรกตที่ส่องสะท้อนลำแสงทินกรที่ลอดผ่านผ้าม่านมานั้นทำให้กลิ่นจันทร์ใจเต้นจนแทบหลุดออกมาจากอก ครุฑหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าอากาศในห้องนี้น้อยลงทุกที สองหูได้ยินแต่เพียงคำกลอนที่ไตรเวทย์เอ่ยบอกในคืนวันนั้น
พระจันทร์กระพือปีกโผบิน แย้มกลีบดูดกลืนชีวิน ละสิ้นหวังสู่นิพพาน... หรือนี่จะไม่ใช่แค่คำกลอนธรรมดาๆ ที่จารึกไว้ในบันทึกของหมู่บ้านมณีนิล ชายหนุ่มใจหวิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรือว่า...
วงหน้าคมเข้มตวัดมองกลิ่นจันทร์อีกครั้ง พระจันทร์กระพือปีกโผบิน เปรียบดังเช่น หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ดุจดังจันทรา ที่สำคัญจันทราดวงนี้กลับมีชีวิต โผบินไปได้ตามที่ใจต้องการ
ดวงตาสีน้ำตาลแดงก้มลงมองดอกบัวสีขาวตรงหน้าอีกหน คำกลอนท่อนที่สองดังแว่วผ่านเข้ามา แย้มกลีบดูดกลืนชีวิน... สิ่งใดเล่าที่เปรียบเสมือนชีวิตของเหล่านาคา มิใช่มณีนาคสวาทหรอกหรือ... ที่แท้มณีนาคสวาทก็ถูกซุกซ่อนไว้ในดอกบัว แล้วคำกลอนท่อนสุดท้ายเล่า มันหมายความว่าเช่นไร...
มณีนาคสวาทถูกค้นพบแล้ว แต่ยังไม่ทั้งหมด หน้าที่ของฉันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วกลิ่นจันทร์ ดวงหน้าเนียนละเอียดปานอิสตรีของพิณภัทร์ประดับไปด้วยรอยยิ้มสดใส ภาพความทรงจำสมัยเด็กๆ ที่กลิ่นจันทร์วิ่งเล่นกับเพื่อนหนุ่มตรงหน้าผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงภาพแล้วภาพเล่า... พิณภัทร์ที่สนุกสนานเฮฮา คอยเป็นคู่คิด ปกป้องเธอตลอดมา จวบจนวันที่เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของสหายรักแต่หญิงสาวก็ยังคงรักเพื่อนสนิทคนนี้เสมอ ไม่ว่าเนื้อแท้แล้วเขาจะเป็นอะไร แต่พิณภัทร์ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีเคียงข้างกายเธอตลอดมา
สร้อยเงินนั้นใช่มั้ยภัทร์ จี้ของแม่ฉันคือมณีนาคสวาทใช่มั้ย ดวงหน้างดงามทั้งตื่นเต้นและดีใจ พิณภัทร์สูดลมหายใจยาวก่อนเอ่ย
ความลับสุดท้ายที่ฉันจะบอกก็คือ... ดวงหน้าอ่อนหวานเอนไปทางซ้าย แหงนมองพระจันทร์ดวงโตที่โผล่พ้นเกลียวเมฆออกมา สายลมเย็นลอยมาปะทะสองร่างที่ยืนอยู่ริมหนองน้ำใหญ่
สิ่งที่ให้แสงสว่างมีอยู่สองสิ่ง คือดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ตอนนี้เธอได้ดวงจันทร์มาครอบครองแล้ว จะเหลือก็แต่ดวงอาทิตย์ เมื่อทั้งสองอย่างนี้อยู่คู่กันจึงจะทำให้ทุกสรรพสิ่งเกิดสมดุล
หมายความว่ายังไงภัทร์ มีสองอย่าง... ชายหนุ่มหันมาจดจ้องมองร่างบอบบางตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนผายยิ้มอ่อนโยน
ในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด จงมองไปยังทิศตะวันออกแล้วเราจะได้พบกันอีกครั้ง มือนุ่มนิ่มบีบสองมือกลิ่นจันทร์ไว้แน่น ฉันต้องไปแล้ว... พิณภัทร์ปล่อยมือก่อนถอยร่างออกห่างหญิงสาวที่ยืนน้ำตาริน ยกมือโบกลาเพื่อนสนิททั้งน้ำตา ร่างเพรียวลมตรงหน้าค่อยๆ เลือนหายไปกับอณูอากาศอันว่างเปล่าในที่สุด
| จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
| เขียนเมื่อ |
:
12 พ.ย. 53 13:38:14
|
|
|
|