Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 19 - หวั่นไหว ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9924896/W9924896.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9812163/W9812163.html
13
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9846618/W9846618.html
14
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9875051/W9875051.html
15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892519/W9892519.html
16
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9907488/W9907488.html
17
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9916888/W9916888.html
18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9927562/W9927562.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - สัจธรรมของเรื่องนี้คือมู้ดเมคเกอร์เป็นทรัพยากรอันมีค่ายิ่งกว่าทอง ดังนั้นจะปล่อยให้เสียไปง่ายๆ ไม่ได้ครับ ^^a

น้องแตม - ฟังบรรยายตารางแล้วเห็นความหนักหนาเลย ค่อยๆ อ่านตามสบายแหละครับ ^^a

ที่จริงพี่ก็เรียนป. โท ทำวิทยานิพนธ์อยู่ แต่งานไม่ค่อยเดินเท่าไหร่เลยนี่สิ =__=a ณ เวลานี้หาเลี้ยงตัวเองด้วยการสอนพิเศษ ยังไม่ได้ทำงานประจำน่ะ

ภาคหนึ่งรีไรท์ พี่ใส่ไว้ที่หัวกระทู้ว่าตอนไหนเขียนหรือแก้ไขใหม่บ้าง ลองดูตรงนั้นแล้วเลือกอ่านเฉพาะฉากก็ได้นะครับ ถ้าสนใจ

เรื่องตีพิมพ์ ตอนนี้ส่งสนพ. ไปที่นึงแล้วแต่ยังไม่ผ่าน ก็กำลังส่งไปอีกที่อยู่ ตอนนี้คงลองส่งไปเรื่อยๆ ก่อน แต่ถ้าเขียนจบสมบูรณ์แล้ว (แบ่งเป็นสามภาคจบ) ยังไม่ได้ตีพิมพ์เสียทีก็อาจจะ Fastbook หรือไม่ก็เขียนเรื่องแนวเบาๆ สั้นๆ จบในเล่ม ซึ่งน่าจะได้ตีพิมพ์ง่ายกว่า สร้างฐานคนอ่านของตัวเองขึ้นมาก่อน แล้วค่อยดูกันว่าเรื่องยาวจะมีโอกาสมากขึ้นมั้ย

ไปลอยกระทงให้สนุกเหมือนกันนะ :)


* * * * *


บทที่ ๑๙
หวั่นไหว


ไยจึงลืม...ไยจึงลืม...

อาเมียร์ตื่นขึ้นพร้อมกับคำคำนั้น และอาการปวดศีรษะหนึบ

ครั้นเพ่งมองจนสายตาปรับเข้าที่ ก็เห็นเพดานไม้อยู่ตรงหน้า ลองหันไปข้างๆ ก็เห็นแต่ห้องเปล่าๆ ...มีหีบสัมภาระ ถังไม้หลายใบ และเสื้อผ้าวางตากอยู่ แต่กลับไม่มีใครอยู่ในห้องเลย

ห้องโคลงเคลง ...เด็กหนุ่มค่อยนึกออกว่าตนอยู่บนเรือ

แต่เกิดอะไรขึ้น แอช...รูอาร์ค...ชาลัวห์...ทุกคนไปไหนกันหมด

เขาพยายามรบกับอาการปวดศีรษะ จนดึงผ้าห่มออกไป และยันตัวขึ้นนั่งได้สำเร็จ ...เมื่อนั้นเอง ถึงได้พบความจริงที่ทำให้ตนใจหายวาบ และถึงแก่หนาวเยือกไปทั้งตัว

...เขาไม่ได้ใส่เสื้อ ...ไม่สิ ไม่ได้ใส่มากกว่าเสื้อด้วยซ้ำ...

อาเมียร์นั่งงงปนหวาดผวาในสวัสดิภาพร่างกายของตนอยู่อีกครู่ ครั้นแล้วจึงค่อยๆ นึกออก ...ว่าเมื่อคืนเขาตกจากเรือ

คงต้องนับว่าโชคดีมากแล้วที่รอดมา ...แต่ใครก็ตามที่ช่วยพาเขามานอนพัก ทำไมถึงไม่ช่วยหาเสื้อใส่นอนให้เรียบร้อยสักหน่อยก็ไม่รู้

เด็กหนุ่มพันผ้าห่มรอบเอว แล้วก็ลุกไปหยิบเสื้อที่ตากอยู่ หมายจะแต่งตัวเอง แต่ไม่ช้า ก็พบว่าทั้งเสื้อกางเกงชุดนั้นยังเปียกชื้นอยู่

...แถมครั้นจะรื้อหีบเสื้อผ้า ก็พบว่ามันลงกลอนไว้ ลูกกุญแจคงอยู่ที่เจ้าเด็กหนุ่มผมแดง พ่อค้ากำมะลอเจ้าของทรัพย์สิน

...วางยากันได้เจ็บแสบดีแท้...

อาเมียร์ถอนใจ แล้วก็ถอยกลับไปนั่งบนเตียงตามเดิม มองไปมาในห้องพร้อมกับปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้อีก

แล้วจิตก็กลับไปหวนนึกถึงตอนจมน้ำ...อาการปวดศีรษะ...เสียงลึกลับ...และภาพคล้ายฝันเลื่อนเปื้อน เกี่ยวกับพระเถระมาดาย นาสิรา แม่...

...แล้วก็...

ประตูห้องเปิดเข้ามา

เด็กหนุ่มหันขวับ เห็นคนที่หน้าประตูสะดุ้งเฮือก ถาดไม้ ช้อน และชามไม้ที่คนคนนั้นถืออยู่สั่นดังกึก

“ต...ตื่นแล้วเหรอ”

เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบๆ มัวแต่จ้องผู้เข้ามาอย่างประหลาดใจ จนอีกฝ่ายที่ดูจะหน้าแดงผิดปกติถึงกับเบือนหนี

“ม...มองอย่างนั้นหมายความว่ายังไง ข...ข้าดูแปลกไปตรงไหนเหรอ”

“เอ่อ...” อาเมียร์เริ่มตั้งสติ “ก็...เจ้าแต่งตัวเป็นผู้หญิง?”

“ก...ก็รูอาร์คน่ะสิ” เป็นคำตอบของเด็กสาวในชุดกระโปรง (ซึ่งเด็กหนุ่มเป็นคนสวมเมื่อวานตอนขึ้นเรือ) มีหมวกปีกกว้างห้อยอยู่ข้างหลังด้วยสายรัดคาง ที่บัดนี้รั้งอยู่ตรงปลายคอ “เขาเห็นท่านหลับอยู่ เลยให้ข้าปลอมตัวออกไปแทน จะได้เอาอาหารเช้ามาให้ท่านนี่แหละ”

“อ๋อ” เด็กหนุ่มรับคำ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ “แล้วชาลัวห์ล่ะ”

“ออกไปข้างนอก เห็นรูอาร์คบอกว่าปะปนกับพวกผู้โดยสารคนอื่นๆ คงไม่มีใครสังเกตหรอก” แอชยังไม่มองเขาตามเดิม “ว่าแต่ท่าน...ตื่นแล้วก็รีบแต่งตัวสิ อยู่ในสภาพนั้นไม่...เอ่อ...”

“ข้าก็ว่าจะแต่งอยู่แล้ว แต่เสื้อยังไม่แห้ง แล้วก็ไม่มีกุญแจหีบด้วย” อาเมียร์ยิ้มแห้งๆ พร้อมกับยักไหล่ “มันอยู่กับรูอาร์คใช่ไหม”

เด็กสาวเงียบไปอีกครู่ ก่อนจะยื่นถาดให้เขาโดยแทบไม่หันมาเช่นเคย

“ด...เดี๋ยวข้าไปตามรูอาร์คให้ ท่านรับประทานไปก่อนก็แล้วกัน”

“ขอบใ—“ เด็กหนุ่มผมดำรับถาดมาวางบนตัก เอ่ยได้ไม่ทันจบก็มีอันต้องกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง เมื่อแอชแทบปราดไปที่ประตู แล้วผลุบออกไปโดยเร็วอย่างกับแมว จนเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะรอฟังคำพูดของเขาด้วยซ้ำ


* * * * *


“ขออีก...”

“ไม่ให้”

“ข้าต้องเติมพลังนะ”

ลูเธียนแทบถอนใจกับเสียงโอดของเพื่อนร่วมทางจำเป็น ซึ่งนั่งเท้าคางกับลังตรงหน้า มือหนึ่งถือจอกเหล้าที่ว่างเปล่ายื่นตรงมา นัยน์ตาที่มองไม่เห็นหรี่ปรือ หนำซ้ำแม้สีผิวจะค่อนข้างคล้ำตามเชื้อสาย ก็ยังดูออกว่าแดงเกินปกติ

“เป็นเด็กเป็นเล็ก แถมเป็นหอบ ยังริจะดื่มอีก”

“...ไม่ดื่มแล้วข้าจะเอาพลังมาจากไหน ให้จูบเจ้าแทนเรอะ” มาลิอาแหว ก่อนจะเริ่มหายใจขัด จนต้องหยิบกล้องยาขึ้นมาสูดแทน

นักบวชหนุ่มในเครื่องแต่งกายอย่างคนทะเลทรายนั่งขัดสมาธิ มองคนในชุดนางรำตรงหน้า กึ่งขันกึ่งหมั่นไส้ เมื่อคืนเกือบตายแล้วยังไม่เข็ดเสียอีก

เกิดเขาลงไปหยิบกล้องยาสำรองอันหนึ่ง (จากที่มีอยู่ราวๆ สิบอันในย่ามสัมภาระ) มาเป่ายาให้ไม่ทัน เจ้าหล่อนคงไม่ได้ร่อนออกไปขวางเจ้าชายแห่งความมืดอีกรอบ แล้วก็รอดชีวิตกลับมาดวดเหล้าแต่หัววัน...ทั้งๆ ที่อยู่ในร่างเด็กผู้หญิงเปราะบาง มีหอบหืดเป็นโรคประจำตัว ไม่ควรแตะเหล้าด้วยประการทั้งปวงด้วยซ้ำ

“ว่าแต่...เจ้าแน่ใจหรือว่าตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

“ควรจะเป็นอย่างนั้น” เด็กสาวตอบ “เพราะเป็นตอนกลางคืน แถมเจ้าตัวยังสลบไม่ได้สติหรอก อีกฝ่ายถึงได้ออกมาแผลงฤทธิ์ ถึงอย่างไร สะกดชั่วคราวคงยังพอรับมือได้...จนกว่าจะถึงยาร์ลาธ ได้พบท่านเนมอสกับท่านสิมาริเมสแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“อือม์” พระมหาเถระหนุ่มรับ “หวังว่าก่อนนั้นมันคงไม่ทำเรื่องมากเกินไปกว่านี้ ว่าแต่เจ้าไม่เตือนเจ้าหญิงบ้างหรือ”

“เตือนอะไร” มาลิอาถามอย่างไม่สนใจนัก

“ก็เป้าหมายของมัน”

แม่มดในคราบนางรำกลับหัวเราะ

“ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ถ้าจะเกิดเรื่องอย่างเมื่อคืนขึ้นอีก เจ้าคิดว่าตัวเองบ้าพลังพอจะเข้าไปขวางได้ทุกครั้งรึยังไง ยายเด็กหอบ”

เขาทำท่าจะเขกศีรษะคนตรงหน้าทีหนึ่ง แต่อีกฝ่ายก็ยกมือที่ยังว่างจากจอกเหล้าขึ้นรับได้ทันควันราวกับมองเห็น

“แหม...แต่เตือนเรื่องอะไรแบบนี้ ไม่ใช่วิสัยของแม่มดหรอกนะ นักบวชอย่างท่านควรทำมากกว่า” เด็กสาวชายตามาทางเขาอย่างแฝงนัย “ไม่อย่างนั้น...ท่านก็ทำให้มันถูกต้องสิ ในเมื่อสองคนนั้นรักกันปานจะกลืนกิน ก็ทำพิธีสมรสให้ไปเลย จะได้ไม่ต้องมาห่วงเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก”

ลูเธียนใคร่อยากเอาเหล้าในขวดดินเผาที่ถืออยู่ราดหัวคู่สนทนาเต็มแก่ ทว่าอีกฝ่ายกลับพยักพเยิดไปทางใครบางคนซึ่งเดินเข้ามาเสียก่อน

“พ่อค้าเหล้ากำมะลอมาแล้ว แต่เหล้าที่เขามีอยู่ก็เป็นเหล้าจริง แถมรสนุ่มดีแท้ ซื้อให้ข้าอีกหน่อยสิ” เสียงของเจ้าหล่อนฉอเลาะเหมือนลูกแมว (ที่เขารู้ดีว่าเป็นแมวปีศาจชัดๆ)

นักบวชหนุ่มวางขวดใบเล็กลงบนลัง ใกล้กับมือของเด็กสาวซึ่งถือจอกอยู่

“กินของเดิมให้หมดก่อน แล้วอยากจะซื้อก็ซื้อเอง เมื่อวานพวกพ่อค้าให้ค่าจ้างพิเศษมาไม่ใช่หรือเจ้าน่ะ”

ครั้นแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืน เดินสวนพ่อค้าเหล้าซึ่งตนรู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมทางของเจ้าชายแห่งความมืด หมายจะไปหาเพื่อนร่วมทางอีกคนของเด็กหนุ่ม

น่าประหลาด...แต่จะว่าสะดวกก็คงใช่ เขาเหมือนจะรู้อยู่รางๆ ว่าเด็กสาวอยู่ที่ใดบนเรือลำนี้ คล้ายกับการจับสัมผัสอำนาจความมืดในตัวสาวกของอสุรเทพ หรืออำนาจแห่งแสงสว่างของสาวกแห่งสุริยเทพ ซึ่งบวชเรียนมากพอจะได้รับอนุญาตให้ใช้พลังเหล่านั้น

...แต่เป็นไปได้อย่างนั้นหรือ ที่ว่าพระราชวงศ์ของธีร์ดีเรสืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพจริงๆ...


* * * * *


รูอาร์คไม่อยู่บนดาดฟ้าเรือ

แอชลีนน์หันมองไปมาโดยรอบ ไม่กล้าเข้าไปถามผู้โดยสารที่ดูเหมือนกำลังพักผ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ หรือลูกเรือที่อยู่ประจำที่ เพราะถึงอย่างไร ตอนนี้เธอก็กำลังปลอมตัวเป็นภรรยาใบ้ของพ่อค้าเหล้า

เอ...ก็เมื่อครู่อยู่ตรงนี้แท้ๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ไม่ติดที่นักนะ...

เด็กสาวบ่นอยู่ในใจ เดินหาไปจนเจอชาลัวห์นั่งอ่อนระโหยด้วยอาการเมาเรือไม่หาย หลบอยู่ในที่ร่มซึ่งไม่ค่อยมีใครสังเกต แต่ครั้นถามดู ชายหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กหนุ่มผมแดงไปอยู่ที่ไหน

“แต่คงเร่ขายเหล้าไปเรื่อยๆ กระมัง เห็นบอกว่าอยากขายให้ได้หมดถังหนึ่งนี่” กระนั้น เขาก็ช่วยสันนิษฐาน

ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะลงไปขายในท้องเรือ ซึ่งเป็นที่ที่พวกผู้โดยสารส่วนมากอยู่กัน แอชลีนน์จึงมุ่งหน้าไปทางบันได

เธอกำลังจะลงไปพอดี...เมื่อเห็นชายโพกผมคนหนึ่งเดินขึ้นมา

เขาดูคุ้นตา เหลือบมองอีกครู่ เด็กสาวจึงจำได้ว่าเป็นชาวทะเลทรายที่ช่วยพวกเธอเมื่อคืนก่อน แต่ครั้นจะเอ่ยปากขอบคุณ...แอชลีนน์ก็ระลึกได้ว่าตนปลอมตัวอยู่ จึงทำเพียงค้อมศีรษะเป็นเชิงทักทายและขอทาง

กระนั้น ก็มีอันต้องเย็นวาบกับคำกระซิบของเขา

“ขอกระหม่อมกราบทูลบางอย่างกับเจ้าหญิงได้หรือไม่”

เด็กสาวสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ และระแวง ครั้นแล้วจึงพบว่าสีผิวของชายคนนั้นอ่อนเกินกว่าจะเป็นชาวทะเลทราย...อ่อนยิ่งกว่าอาเมียร์...แทบเรียกได้ว่าเป็นสีผิวแบบชาวธีร์ดีเรหรือซาเกรดา โซล มิหนำซ้ำตายังเป็นสีฟ้าอ่อนเช่นกัน

“ขอทรงวางพระทัย กระหม่อมมาดี และกระหม่อมคือพระมหาเถระลูเธียน ที่ปลอมตัวมาเช่นนี้เพราะมีเหตุบางอย่าง และกระหม่อมทราบว่าคนทรายนั้นไม่ได้ทำผิดตามที่กล่าวหา หากพระองค์ทรงประสงค์หลักฐานแสดงตน กระหม่อมก็ยินดีที่จะพิสูจน์ตนเอง”

เด็กสาวไม่พูดตอบ ยังคงไม่แน่ใจว่าควรเปิดเผยตนเองหรือไม่

หากเขาคือพระมหาเถระจริงๆ ...เหตุใดจึงรู้จักเธอ เป็นไปไม่ได้เชียวหรือที่จะเป็นคนของทางการ ซึ่งต้องการเอาตัวเธอกลับไป และจับกุมอาเมียร์

สุดท้าย เจ้าหญิงจึงตัดสินใจโบกมือไม้ ทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่อง ก่อนจะรีบผลุบลงไปข้างล่างโดยเร็วแทน

ยิ่งต้องหารูอาร์คให้เจอเร็วๆ แล้ว...

ไม่มีเสียงฝีเท้า...ดูเหมือนชายอีกคนจะไม่ได้ตามมาแต่ประการใด


* * * * *


แอชลีนน์ต้อง (ฝ่าด่านผู้ชายบนเรือ ซึ่งส่งคำพูดกรุ้มกริ่มมาให้ภรรยาใบ้ของพ่อค้าเหล้าพอสมควร) ลงไปถึงท้องเรือจริงๆ จึงได้พบรูอาร์ค...ในสภาพที่ทำให้เธอจะอารมณ์เสียไปกว่าเดิม

หมอนั่นกำลังนั่งชนแก้ว คุยสนุกปากอยู่กับใครสักคนที่ดูคุ้นตาจนไม่น่าเชื่อ

นางรำชาวทรายตาบอดคนนั้นเอง

แต่เพราะอีกฝ่ายมองไม่เห็น และเธอก็เล่นบทพูดไม่ได้ อาจจะดีแล้วกระมัง ไม่อย่างนั้นเด็กสาวนางรำคงจำเสียงได้เปล่าๆ ...ได้ยินว่าคนตาบอดมักจะหูไวเป็นพิเศษเสียด้วย

แอชลีนน์จึงชะเง้อชะแง้ และกวักมือเรียกรูอาร์ค

...ซึ่งก็ไม่รับมุกเอาเสียเลย...

“อ้าว! ยายเปี๊ยก! มานี่สิ” เขากวักตอบ “มาดื่มด้วยกัน”

“ท่านพูดกับใครหรือ” นางรำสาวตั้งคำถาม

“อ้อ เมียข้าน่ะ นางเป็นใบ้ แต่คุยกันผ่านข้าก็ได้ คนเราดื่มเหล้าคุยถูกคอก็ถือว่าเป็นสหายกัน รู้จักกันไว้ทั้งครอบครัวก็ดีใช่ไหมล่ะ”

ทว่าเจ้าหญิงแห่งธีร์ดีเรไม่เห็นด้วย เธอยิ่งขมวดคิ้วใส่รูอาร์ค กวักมือเรียก ขยับปากเงียบๆ ว่า ‘เรื่องสำคัญ’ ...นั่นทำให้เด็กหนุ่มผมแดงเลิกคิ้ว แต่ก็ยังไม่ยอมขยับจากที่นั่ง

“มีอะไรหรือ”

เด็กสาวตัดสินใจใช้มาตรการสุดท้าย วิ่งเข้ามาคว้าแขนเขาเสียดื้อๆ ฉุดดึงให้ยอมลุกขึ้นยืน แล้วก็ลากถูลู่ถูกังออกจากห้องไป

โดยพยายามไม่สนเสียงหัวเราะปนกระเซ้ามาจากใครต่อใคร รวมถึงเสียงตอบนางรำสาวตาบอดขำๆ ว่าเพื่อนร่วมวงเหล้าของเธอแค่ “โดนเมียมาตาม” เท่านั้นเอง


* * * * *

 
“เป็นอะไรไป เจ้าเปี๊ยก” รูอาร์คยังคงถามขำๆ เมื่อแอชลีนน์ยอมหยุดเท้าบนทางเดินใกล้ห้องพักของพวกเขา ซึ่งเวลานี้ร้างคนโดยสิ้นเชิง “จะรีบหาพยานไปทำพิธีแต่งงานรึ”

“เจ้าเมาแล้วใช่ไหม” เด็กสาวคาดคั้น เมื่อได้กลิ่นเหล้าชัดในลมหายใจเขา

เด็กหนุ่มผมแดงกลับหัวเราะราวกับชื่นมื่นเต็มประดา

“ให้ตาย... เก็บคำพูดนี้ไปถามอาเมียร์ไม่ดีกว่าหรือ ก็ข้าไม่ใช่—“

“รูอาร์ค!” เจ้าหญิงขึ้นเสียง “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ! มีคนจับเราได้แล้ว!”

“ว่าอะไรนะ” อีกฝ่ายค่อยดูจริงจังขึ้นได้

แอชลีนน์รีบเล่าให้เขาฟัง เรื่องชายที่น่าจะเป็นชาวธีร์ดีเรซึ่งปลอมตัวเป็นชาวทะเลทราย และเข้ามาทักเธอเมื่อครู่ที่ผ่านมา

“เราจะทำอย่างไรดี” เด็กสาวถามหลังจากพูดจบ “ถ้าเขารู้ถึงขั้นนี้ ไม่นานต้องมาจับพวกเราแน่ๆ”

“คงต้องปรึกษาอาเมียร์” เด็กหนุ่มตอบ “แต่ถ้าให้ข้าเดา เขายังไม่ทำอะไรแน่ จนกว่าจะขึ้นฝั่งเช้าพรุ่งนี้ ถึงอย่างไร ตอนนี้เราก็หนีไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งเขาน่าจะรู้ดีจนเกินพอ ว่าอาเมียร์ไม่มีเวทมนตร์พาคนดำน้ำหรือเดินบนน้ำหนีได้หรอก”

แอชลีนน์เพิ่งตระหนักได้ในตอนนั้น ว่าชายชาวทรายที่ว่าเป็นคนเดียวกับที่นำเชือกมาช่วยอาเมียร์นั่นเอง

นั่นสิ หากเขาต้องการเอาตัวเธอกลับไป หรือคิดจับกุมอาเมียร์ ทำไมถึงไม่พาพรรคพวกมาจับกุมทั้งสามในตอนนั้น หรือไม่ปล่อยให้เด็กหนุ่มจมน้ำตายไปเสียเลย

หมายความว่าเขาปรารถนาดีต่อพวกเธอจริงๆ ...ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีกำลังพลอยู่บนเรือมากพอจะทำเช่นนั้นใช่ไหม

“แต่ว่าไป ข้าว่าเราก็คงต้องระวังตัวให้มากขึ้น” เด็กหนุ่มผมแดงเอ่ยต่อ “เขามากับนางรำตาบอดคนนั้น ...ไม่รู้ข้าโดนล้วงความลับไปเท่าไรแล้วสินี่”

“...สองคนนั้นมาด้วยกันหรือ” เด็กสาวยิ่งนิ่งอึ้ง

“ฮื่อ” รูอาร์คพยักหน้า “เขาเป็นนักดนตรี เมื่อวานในงานเลี้ยงของพวกพ่อค้า สองคนนั้นยังมาแสดงอยู่เลย แต่ข้าก็ไม่ทันสังเกตหรอกว่าเขาไม่ใช่คนทราย รู้แต่พวกเขาทั้งเล่นทั้งรำเก่งจนเหมือนฝันทีเดียวล่ะ”

แอชลีนน์ขมวดคิ้ว เริ่มไม่สบายใจยิ่งขึ้นอีกกับคำที่เด็กสาวตาบอดเอ่ย เรื่องเกี่ยวกับอาเมียร์...ชะตาของมหาราชและทรราช

...นั่นเกี่ยวข้องอะไรกับท่าทางแปลกๆ ของเขา กับสิ่งที่เขาทำลงไปหรือเปล่านะ...

“เอาเถอะ เจ้ากลับไปหาอาเมียร์แล้วกัน เสร็จเรื่องแล้วข้าจะรีบกลับไปคุยกับพวกเจ้าในห้อง อย่างน้อยคงต้องไปลานางดีๆ ก่อน ไม่ให้เป็นพิรุธ แล้วก็หาทางขายเหล้าให้ได้หมดถังหนึ่ง จะได้เอาไปใช้ยัดปลาชาดานกะหลั่วตอนลงจากเรือได้”

คำพูดของรูอาร์คดึงความคิดของเด็กสาวไปอีกเรื่องทันที

“จริงสิ! อาเมียร์จะขอกุญแจหีบ เสื้อเขายังไม่แห้ง ข้ามาตามเจ้าทีแรกก็เพราะเรื่องนี้แท้ๆ”

“อ้าวเรอะ” เด็กหนุ่มผมแดงหรี่ตาลงอย่างมีเลศนัย “ข้ารึนึกว่า...พวกเจ้าอยู่ด้วยกันไม่เห็นต้องแต่งตัวเต็มยศสักหน่อย”

รูอาร์คชักเท้าของตน หลบรองเท้าที่กำลังจะบดปลายนิ้วทันท่วงที

“อะไร ไม่เห็นต้องอายเลยเจ้าหญิงเปี๊ยก ลองมีจูบแรกไปแล้ว แถมเจ้าเล่นลอกคราบเขาได้หมดจดแบบนั้น ก็รู้ๆ กันอยู่แหละนะ...ว่าไปกันถึงไหน”

“เอากุญแจมา” เด็กสาวพยายามแหว แต่กลับติดอาการหายใจขัดกับร้อนวูบทั้งศีรษะ ซึ่งจู่ๆ ก็เป็นขึ้นมากะทันหัน

อีกฝ่ายคว้าลูกกุญแจจากในถุงมาหมุนเล่นกับนิ้วอย่างสบายอารมณ์

“อือม์...ให้โดยมีข้อแม้ดีไหมนะ”

“คอยดูเถอะ กลับถึงวังข้าจะสั่งประหารเจ้า!”

“งั้นข้าจะไปอ้อนวอน ‘พระสวามี’ ของเจ้าให้เขาเมตตา ด้วยค่าที่ข้าเป็นพระสหาย—“

แอชลีนน์กระโจนเข้าคว้ากุญแจ ทว่ากระรอกแดงตัวแสบไวกว่า จึงโยกหลบได้ทันท่วงที

กระนั้น เขาก็ยังโยนกุญแจส่งมาให้เด็กสาวคว้าแทบไม่ทัน

“ฝากแสดงความยินดีกับอาเมียร์แทนข้าด้วยล่ะ” เขาพูดอย่างร่าเริง “กลับถึงจวนแล้วข้าจะทำขนมมงคลให้ อ้อ...แล้วจะวางแผนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ให้พวกเจ้าด้วย ชอบภูเขา ทะเล หรือน้ำตกกันล่ะ”

เด็กสาวโมโหแทบเป็นไฟ แต่ก็ยังอายจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กำกุญแจไว้ในมือขณะรีบก้าวยาวๆ ไปตามทาง

อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือหนึ่งขึ้นแตะริมฝีปาก ทั้งใบหน้าร้อนผ่าว ขณะนึกถึงบางสิ่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน...เรื่องที่ไม่ควรเกิด และทำให้เธอไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรกับทุกอย่างรอบตัว...ทั้งธีร์ดีเร การตัดสินใจของตน และอาเมียร์...

เขาทำอย่างนั้นกับเธอได้อย่างไร


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 53 23:43:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com