Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เท่านี้ก็พอ ติดต่อทีมงาน

แดดบ่ายเริ่มคล้อยลงบ้างแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมง ดวงอาทิตย์คงเลื่อนลับยอดเขา บรรเทาแสงแจ่มจ้าให้จางลง อากาศช่วงต้นฤดูหนาวไม่อบอ้าวเหมือนช่วงอื่นของปีเพราะมีลมเย็นๆ โชยผ่านมาพัดไล่ความร้อนไปได้บ้าง
แม้จะผ่านฤดูฝนไปได้ไม่นานท้องทุ่งนากว้างใหญ่บริเวณแอ่งกระทะแห่งนั้นก็หาได้เขียว ชอุ่มชุ่มชื้นอย่างที่ควร กลับกลายเป็นซากตอข้าวเน่าเปื่อยจมอยู่ในน้ำที่ยังขังสูง ส่งกลิ่นเน่าอบอวลไปตามสายลม
ท่ามกลางนาล่มมีเนินดินสูงพ้นระดับน้ำเนื้อที่ไร่เศษซึ่งกระท่อมใต้ถุนสูงหลังเล็กตั้งอยู่ รอบๆ กระท่อมปลูกไม้ผลจำพวกขนุน มะม่วง น้อยหน่าไว้จำนวนหนึ่ง กระท่อมนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านพอสมควร แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าไฟฟ้าจะเข้าถึง
ไม่ไกลจากตัวกระท่อมนักชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำ ผิวกายคล้ำแดดกำลังใช้จอบขุดพลิกหน้าดินเป็นแปลงยาวๆ หลายแปลงขะมักเขม้น
ขณะเดียวกับที่ผู้ใหญ่สนหัวหน้าหมู่บ้านเป็นชายวัยกลางคนร่างท้วม เดินลัดเลาะตามคันนาเข้ามาหาผู้ทำงานง่วนอยู่ขณะนั้นอย่างเงียบเชียบ
“เรื่องไปทำงานต่างประเทศ ตกลงเอ็งว่าไงวะโทน” ผู้ใหญ่เอ่ยทักขึ้น เมื่อมาถึงตัว
เจ้าของชื่อชะงักมือ เงยหน้ามองตามเสียงเรียก “อ้าว พ่อผู้ใหญ่นั่นเอง” โทนร้องขึ้น “เข้ามาตอนไหนฉันไม่ทันเห็น”
“เอ็งทำงานเพลินละสิ ข้ามาถามข่าวเรื่องงานเอ็ง ตกลงว่าไง”
โทนเงยหน้าดูตะวันเห็นบ่ายคล้อยแล้วจึงยกจอบในมือขึ้นพาดไหล่
“ไปกินน้ำกินท่าที่บ้านก่อน ค่อยคุยกันพ่อผู้ใหญ่” โทนว่าก่อนเดินนำเข้าไปบริเวณบ้านบ้าน เก็บจอบไว้มุมหนึ่ง เดินขึ้นบ้านก่อนลงมาพร้อมขันใส่น้ำฝนจากโอ่งดินเย็นฉ่ำยื่นส่งให้ผู้ใหญ่ที่นั่งรออยู่บนแคร่ใต้ต้นขนุนหน้าบ้าน
ผู้ใหญ่ยกขันน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย
“เย็นชื่นใจจริง เออ แล้วเอ็งว่าไงเรื่องทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นน่ะ เอ็งจะไปกับเขาหรือเปล่า”
คิ้วเข้มบนใบหน้าคล้ำแดดของคนหนุ่มขมวดเข้าหากันเป็นปม แสดงถึงความหนักอกหนักใจและไตร่ตรอง “ฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยพ่อลุง”
“เฮ้ย ยังไม่ได้ตัดสินใจอีกหรือวะ แต่ก็เอาเถอะคิดดูให้ดีๆ ปีนี้นาล่มคนในหมู่บ้านเราสิ้นเนื้อประดาตัวไปหลายราย หนีไปตายเอาดาบหน้าหางานก่อสร้างทำก็เยอะ ที่ญี่ปุ่นทิดมั่นกับไอ้ทองดีมันไปสองสามปีก็หาเงินมาไถ่นา สร้างบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ได้แล้ว”
“ฟังที่เค้าเล่ามาฉันเองก็อยากไป แต่ก็อดห่วงแม่สร้อยกับลูกไม่ได้ ไม่มีฉันซะคนสองคนนั่นเขาจะอยู่จะกินกันยังไง” น้ำเสียงคนหนุ่มผสมปนเปกันระหว่างความลังเลกับความวิตกกังวล นาล่มก็ทำให้ครอบครัวของโทนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เงินลงทุนไม่มีทางได้คืน ซ้ำยังเหลือเงินติดบ้านเพียงไม่กี่สตางค์
ปีนี้น้ำมากแต่กลับไม่เป็นผลดีเพราะเมื่อประจวบกับน้ำเหนือไหลบ่าเข้ามาอีกทางหนึ่ง มันก็เอ่อท่วมมิดยอดข้าว เวลานั้นเขาเฝ้าภาวนาให้น้ำลดโดยเร็วแต่ไม่เป็นผล วันแล้ววันเล่าเขาได้แต่มองปลายข้าวปริ่มน้ำค่อยๆ เหลืองตายไปทีละน้อย
“ถ้ามีเงิน ลูกกับเมียเอ็งมันก็อยู่กันได้” ผู้ใหญ่ว่า “ไอ้สิงห์ลูกชายข้าก็จะไปเหมือนกัน นาล่มปีนี้ หนี้ธนาคารกู้มาไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาใช้ นี่ข้าก็เอานาไปไว้กับเถ้าแก่ เอาเงินไปเป็นค่านายหน้าให้มัน”
“เขาว่าไปไม่กี่ปีกลับมาก็สบายใช่ไหมลุง” โทนถามอย่างเลื่อนลอย พูดถึงหนี้สินเขาก็เป็นอีกคนที่กู้เงินธนาคารมาทำนา นาล่มไม่มีข้าวขายก็ไม่มีเงินใช้หนี้
“ที่โน่นเงินมันดีกว่าบ้านเราเป็นสิบเท่า ค่าเงินมันสูงกว่ากัน” ผู้ใหญ่อธิบาย “ข้าอยากให้เอ็งไปดู เอ็งกับไอ้สิงห์ก็เป็นเพื่อนกันมานาน ถ้ามันไปกับเอ็งข้าก็วางใจ”

พูดคุยกันได้สักพักโทนก็เหลือบไปเห็นสร้อยภรรยาของเขากลับจากบ้านแม่จูงลูกชายวัย 5 ขวบเดินเข้ามาเธอส่งยิ้มทักทายเมื่อเห็นว่าใครนั่งคุยกับสามีอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน
“พาลูกไปไหนมาละนั่น แม่สร้อย”
“หวัดดีจ้ะ ลุงผู้ใหญ่ ไปบ้านแม่มาจ้ะ ได้ผักมาเยอะเชียว เดี๋ยวฉันแบ่งให้ผู้ใหญ่ไปกินบ้างนะจ๊ะ” ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายขึ้นบ้านปล่อยให้สามีคุยธุระกับผู้ใหญ่บ้านโดยสะดวก พักใหญ่ก่อนกลับลงมาพร้อมกับผักกำใหญ่ที่ใช้ตอกไม้ไผ่มัดแบ่งเป็นพวงไว้
“เออๆ ขอบใจ” ผู้ใหญ่รับมัดผักมาถือไว้
“วันนี้ข้ากลับก่อนล่ะ มานานแล้ว” ว่าพลางลุกขึ้นยืน
“ฉันขอบคุณลุงผู้ใหญ่มากนะจ๊ะที่มาถามข่าวถึงนี่” โทนยกมือไหว้ขอบคุณ
“ตกลงยังไงก็บอกมาแล้วกัน มีคนอยากไปกันหลายคนแต่ข้ามาถามเอ็งก่อน เห็นว่าเอ็งขยันขันแข็งดี แล้วเอ็งกับไอ้สิงห์ก็เป็นเพื่อนกัน ข้าก็อยากให้มันได้เอ็งไปเป็นเพื่อน”
“จ้ะ ขอฉันคิดดูก่อน ยังไงพรุ่งนี้ฉันจะไปหาที่บ้านแต่เช้า”

โทนกับสร้อยมองตามหลังผู้ใหญ่ไปจนลับตา เงียบกันพักหนึ่งก่อนที่สร้อยจะหันมาทางสามี
“พี่ว่ายังไงจ๊ะ” เธอถามเสียงอ่อน ดวงตาดำขลับมองโทนอย่างเป็นกังวล
ใบหน้างามขำที่เคยงดงามกว่าหญิงใดในหมู่บ้าน เดี๋ยวนี้กรำแดดกรำฝนจนผิวพรรณที่เคยผ่องใสกลายเป็นดำคล้ำ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าประสาคนยาก เหลือเพียงแววตาที่ยังเปล่งประกายของความสงบสุขคอยส่องสบทำให้เขาไม่รู้สึกผิดมากนัก หากคนสวยอย่างสร้อยเลือกแต่งงานไปกับผู้ชายฐานะดีสักคนที่มาติดพันตอนสาวๆ เธอก็ไม่ต้องมาตกระกำลำบากอาบเหงื่อต่างน้ำถึงเพียงนี้
“พี่เป็นห่วงว่าถ้าพี่ไม่อยู่ สร้อยกับลูกจะอยู่กันยังไงใครจะหาให้อยู่ให้กิน” โทนบอก ความวิตกกังวลห่วงหน้าพะวงหลังยังฉายชัดบนใบหน้าและดวงตา
ถ้ามีเงินก็ไม่ต้องเป็นหนี้ ถ้ามีเงินสร้อยกับลูกก็จะมีบ้านหลังดีๆ อยู่ และถ้ามีเงินอีกเช่นกันครอบครัวของเขาก็คงสุขสบายขึ้น
“พ่อแม่ญาติพี่น้องเขาไม่ทิ้งเราอยู่แล้ว… ถ้าพี่จะไปจริงๆ” สร้อยบอก “ฉันกับลูกก็อยู่กันได้” เธอไม่ต้องการให้เขาต้องจากครอบครัวไปไกล แต่ก็เคารพการตัดสินใจของสามีเพราะเข้าใจฐานะและสภาพของครอบครัวตอนนี้ดี
โทนพยักหน้า “พี่ขอคิดดูให้ดีอีกที”
สร้อยเดินขึ้นบ้านไปทิ้งสามีไว้กับความเงียบ สักครู่โทนจึงขยับตัวลุกขึ้นบ้าง

พอสร้อยขึ้นไปพ้นบันไดก็เห็นลูกชายคนเดียวนั่งเล่นตุ๊กตาไม้รูปสัตว์หลายตัวที่ผู้เป็นพ่อทำไว้ให้อยู่บนพื้นเรือน เธอเดินไปหลังกระท่อม ก่อไฟยกหม้อข้าวขึ้นเตา ก่อนลงบันไดอีกครั้งไปที่สวนหลังบ้าน ลงมือเก็บพริกเก็บมะเขือสำหรับทำน้ำพริกผักลวกกินเป็นกับข้าวเย็น ลัดเลาะไปถึงบ่อปลาสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสลด
เมื่อต้นปีสามีกู้เงินจากธนาคารได้เงินมาลงทุนทำนากับขุดบ่อปลาหลังบ้านบ่อนี้ หาปลามาปล่อย เลี้ยงดูด้วยหัวอาหารอย่างดี หวังว่าไม่นานจะโตพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จับกินจับขาย มีรายได้เข้ามาบ้าง แต่สายน้ำก็พัดพาเอาปลาพันธุ์ดีที่สรรหามาไว้ไปเสียสิ้น
สร้อยกระพริบตาขับไล่น้ำใสๆ ที่ไหลมาคลอหน่วยให้หายไป ทำใจให้เข้มแข็งก่อนเดินไปที่เล้าไก่หยิบไข่มาสองฟองขึ้นบ้าน เตรียบสำรับกับข้าวสำหรับสามีกับลูกชายที่รัก

ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงสลัวของยามเย็น สายลมพัดปอยผมของโทนที่ไม่มีเวลามาใส่ใจจนยาวระต้นคอให้ปลิวไสวไปด้านหลัง เขาเดินลัดเลาะจากริมน้ำตามทาง ผ่านทุ่งนาตายซากไปจนถึงเนินดินที่เพิ่งขุดทำแปลงไว้ปลูกผักหลายแปลง ในมือถือถังน้ำบรรจุปลาจากลอบที่ดักทิ้งไว้ริมหนองน้ำ
หัวคิ้วขมวดมุ่นครุ่นคิดถึงปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก ถ้าเขาไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นก็จะได้เงินกลับมาใช้หนี้ สร้างบ้านใหม่ อาจจะซื้อรถไถไว้ทำนาสักคันไม่ต้องวิ่งไปยืมรถของญาติๆ กันเหมือนที่เป็นอยู่
ถ้าไปเขาก็จะห่างเทือกสวนไร่นา ห่างบ้าน ห่างลูกเมียอีกหลายปี แต่ถ้าแล้วเขาไม่ไปล่ะ…
โทนเดินขึ้นบ้าน ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท หลอดไฟดวงเดียวภายในบ้านถูกเปิดให้แสงสว่างไว้แล้ว
“พ่อกลับมาแล้ว” จ้อยผุดลุกขึ้นจากกองของเล่น วิ่งเข้ามารับพ่อที่หน้าบันใด
“ได้ปลาเยอะไหมพ่อ” พูดพลางเกาะแขนพ่อชะโงกหัวเข้าไปจนใกล้ถังน้ำ ดูปลาในถัง
“เยอะแยะเลยเกือบเต็มถังแน่ะลูก”
“โอ้โห ปลาอะไรบ้างเนี่ยพ่อ ตัวโตๆ ทั้งนั้นเลย” เด็กชายตื่นตาตื่นใจ เป็นปลื้มกับผลงานของพ่อที่จ้อยเห็นเป็นวีรบุรุษเสมอ
ปลาบางตัวแรงยังดี ดิ้นสะบัดหมายหนีออกจากที่คุมขัง ส่งให้ละอองน้ำพุ่งกระจาย กระเด็นมาปะทะใบหน้าน้อยที่ก้มต่ำจนเปียกชุ่ม
เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ
“ปลานิล ปลาหมอ ปลาดุก ปลาช่อน ปลากระดี่ มีทั้งนั้นเลยลูก” เขาบอก ความสดใสของลูกชายทำให้โทนผ่อนคลายลงได้
สร้อยเดินเข้ามาบ้าง พอเห็นจำนวนปลาก็ยิ้มออกอีกคน
“วันนี้ได้แยะจริงพ่อ อย่างงี้แบ่งไว้ทำปลาเกลือเก็บไว้กินได้หลายวัน”
“แบ่งไปให้ที่บ้านย่ากับยายเจ้าจ้อยด้วยนะเดี๋ยวพรุ่งนี้คงได้มาอีก”
“จ๊ะ” รับคำ พร้อมรับถังไปจากมือสามีเดินเข้าครัวที่กั้นแยกส่วนไว้ด้านหลังของตัวกระท่อม
โทนเดินแยกไปอาบน้ำข้างล่าง ขณะที่จ้อยกลับไปที่เดิมนั่งเล่นของเล่นต่อ ปะแป้งแต่งตัวเสร็จพ่อก็มาทรุดลงนั่งข้างตัวลูกชาย
“พ่อทำตุ๊กตาแบบนี้ให้จ้อยอีกตัวนะ” จ้อยชูตุ๊กตาไม้ที่ประกอบกันขึ้นเป็นรูปคนแขนขาขยับได้ให้พ่อดู “จ้อยจะให้มันขี่ควายสู้กัน มีตัวเดียวสู้กันไม่ได้”
“ได้สิลูก วันไหนว่างพ่อจะทำให้”
“เย้” จ้อยตะโกนดีใจก่อนหันไปเล่นตุ๊กตาสู้รบกันต่อ
โทนมองลูกชายแล้วให้นึกสงสาร “จ้อยอยากได้ตุ๊กตาหุ่นยนต์อย่างพี่เพชรไหมลูก” เขาหมายถึงลูกของพี่สาวสร้อยที่แต่งงานไปกับคนมีฐานะเปิดร้านขายของชำอยู่ที่ตัวอำเภอ
จ้อยไม่เคยมีอะไรอย่างที่เพชรมี
จ้อยหยุดเล่น นิ่งคิดนิดหนึ่ง มองหน้าพ่อกับตุ๊กตาไม้ในมือตนเองก่อนตอบว่า “อยากได้จ้ะ พ่อจะทำให้จ้อยเหรอ เอาตัวใหญ่ๆ เลยนะ”
คำตอบของลูกชายทำให้โทนหัวเราะออกมาได้ “ได้สิลูก พ่อทำให้ตัวใหญ่กว่าของพี่เพชรอีก ดีไหม”
“ดี แต่จ้อยขอตุ๊กตาคนก่อนนะพ่อ มันยังไม่มีคู่ต่อสู้”

“พ่อลูกมากินข้าวกันได้แล้วจ๊ะ” สร้อยเรียกเมื่อตั้งสำรับกับข้าวเสร็จ
โทนพาลูกชายไปล้างมือก่อนลงนั่งประจำที่ ได้เวลาสองทุ่มพอดีสร้อยเปิดโทรทัศน์เครื่องเก่าจอเล็กของตัวเองขึ้นปรากฏเป็นภาพข่าวในพระราชสำนัก ภาพข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์เสด็จเยี่ยมเยือนและบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ทุกข์ยาก ทุกคนตั้งตาดูภาพเคลื่อนไหวในจออย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนที่ทำกันในทุกๆ วัน ไม่มีใครลงมือทานข้าวถ้าข่าวไม่จบลงที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะทุกคนในบ้านทั้งรักและบูชาสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะโทนผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่รับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใส่เกล้ามาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
“ปลาย่างกับไข่เจียวของชอบลูกไงจ้อย” แม่บอกหลังตักไข่ให้ลูกชาย ข่าวในพระราชสำนักจบลงแล้ว ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้า
จ้อยตักปลากินเป็นคำแรก “พ่อหาปลาเก่ง เรามีปลากินเยอะแยะ บ้านยายไม่ค่อยมีปลากิน” เด็กน้อยชื่นชมพ่อ
“พรุ่งนี้ก็เอาปลาไปฝากยายบ้างสิลูก” พ่อบอก
“เมื่อไหร่พ่อจะให้จ้อยไปหาปลาด้วยสักที” จ้อยทวง เพราะเคยขอพ่อหลายหน แต่พ่อไม่เคยอนุญาต
“เอาไว้โตกว่านี้อีกหน่อยนะลูก”
“โตแล้ว จ้อยจะช่วยพ่อทำนาทำสวน จับปลาตัวโตๆ เอามาไว้กินกัน”
“เจ้าตัวดีเห็นพ่อทำอะไรก็จะทำตามทุกอย่างเลยนะ” แม่สัพยอกหมั่นไส้ ก่อนหัวเราะออกมาชื่นใจกับความคิดอ่านของลูกชาย
แต่คำพูดของสร้อยมีอะไรบางอย่างกระทบจิตใจโทนอย่างแรง ทำให้เขาหันมามองหน้าภรรยานิ่ง
ใช่... ก็แนวทางของ ‘พ่อ’ มิใช่หรือที่เขาเฝ้าเพียรเรียนรู้ ดำเนินรอยตาม มาตอนนี้ชีวิตพบกับวิกฤติอุปสรรคเข้าบ้าง เขาถึงกับจะล้มเลิกความตั้งใจ หันไปวิ่งตามโลกของวัตถุเชียวหรือ จุดยืนของเขาอยู่ที่ไหนกัน
“อะไรจ๊ะพ่อ” สร้อยแปลกใจในอาการของสามี
“เปล่าจ้ะ” โทนยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่กระจ่างใสกว่าทุกครั้งหลังนาล่ม
“แล้วปลาสระเราล่ะแม่ เมื่อไหร่จะโตสักที จ้อยรอมาตั้งนานแล้ว” จ้อยบ่นไปอีกเรื่องทำให้สีหน้าผู้เป็นแม่เปลี่ยนไป นึกถึงสระปลา ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่ตอบลูกชายก็เศร้าซึมตามไปด้วย
“ปลาสระเรามันหนีไปกันหมดแล้ว น้ำท่วมคราวที่แล้วไงลูก”
“แต่ไม่เป็นไร” เสียงหนักแน่นของพ่อดังแทรกขึ้น “มันหนีไปได้เราก็หามาปล่อยใหม่ได้ ‘ปีหน้า’ เถอะพ่อจะขึงตาข่ายรอบบ่อเลย เอาให้สูงจนน้ำท่วมไม่ถึง คราวนี้ต่อให้น้ำมากแค่ไหนมันก็หนีไปไม่ได้อีก”
ปากบอกลูกชายสายตาก็ยิ้มให้ภรรยา ก่อนจะเลื่อนไปจับที่ฝาด้านหนึ่งของบ้านซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถประดิษฐานอยู่ ด้วยสายตามุ่งมั่นดวงเดิม
สร้อยยิ้มออกมาได้กับคำตอบของสามี

จากคุณ : มนตราสิริ
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 21:04:04 A:182.232.127.226 X: TicketID:085111




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com