Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 21 - แผนการที่แปรเปลี่ยน ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9812163/W9812163.html
13
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9846618/W9846618.html
14
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9875051/W9875051.html
15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892519/W9892519.html
16
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9907488/W9907488.html
17
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9916888/W9916888.html
18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9927562/W9927562.html
19
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9939927/W9939927.html
20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9980469/W9980469.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ runaway guy - ท่าทางไม่อยากให้กะหลั่วโดนตัดคอ แต่ฆาตกรรมอย่างพิสดารซะงั้นแฮะ ^^a

จิตอีกด้านเหมือนอิด ผมว่าใช่เลยละครับ ตอนเขียนนี่ก็นึกว่าความอยากที่ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมหรือศีลธรรม มันก็อิดจริงๆ นี่นะ

ส่วนแอชกับอาเมียร์คงมีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวละครับ สองคนนี้ยิ่งชอบนึกไปถึงอะไรๆ นอกเหนือจากตัวเองอยู่ด้วย ^^a

คุณ scottie - ที่จริง มาลิอาก็มีเรื่องเบื้องหลังอยู่ในอีกภาคหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ลงในพันทิพน่ะครับ คิดว่าถ้าได้รีไรท์แล้วก็คงจะนำมาลงเหมือนกัน แต่ในนี้ก็คงจะเล่าคร่าวๆ ให้รู้เป็นพื้นหลังไว้ก่อน

นึกดูก็แปลกดี เพราะพอจับคู่กับลูเธียน ใครๆ ก็บอกกันว่าลงตัวกันดีเหมือนกัน :)


* * * * *

บทที่ ๒๑
แผนการที่แปรเปลี่ยน



“นี่หมายความว่าอย่างไร”

ในห้องรับรองของอารามหลวงแห่งเมอร์คาห์ มาดายยังคงนั่งเฉยอย่างใจเย็น ต่อหน้าเจ้ามณฑลอุลทูร์ผู้ขมวดคิ้วเคร่งเครียด และเรียกได้ว่ามีสีหน้าต่อว่าอย่างเปิดเผย

“ทำไมถึงไม่ให้เชิญพระมหาเถระอีกคนมาจากซาเกรดา โซล”

“พระมหาเถระลูเธียนยังไม่ตาย ท่านจะให้เชิญเขามาพิสูจน์ศพที่ไม่มีอยู่แต่แรกหรือ”

“ก็ท่านบอกว่าจะทำให้ลูเธียนกลายเป็นศพ” ขุนนางชราเอ่ยเสียงแข็ง แม้จะยังข่มระดับความดังไว้

“ข้าเคยพูดเช่นนั้นเสียที่ไหน” พระเถระเลิกคิ้ว

“ใช่ ท่านไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เขาควรถูกปีศาจของไอ้คนทรายนั่นฆ่าตาย และซาเกรดา โซล ก็ควรจะอยู่ข้างพวกเราด้วยเหตุดังว่า”

“แต่ในเมื่อเขาไม่ได้ถูกฆ่าตาย ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป” มาดายแย้ง “ท่านแฟคท์นา ท่านไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับเรื่องภายในมหาวิหารของพวกเรา แต่หากข้าเดินหมากผิดไปเพียงตาเดียว...ข้าก็รักษาตำแหน่งของตนไว้ไม่ได้ ...ไม่สิ อาจจะรักษาไม่ได้กระทั่งหัวของตัวเอง แล้วจะเอาอะไรไปช่วยลูกชายท่านขึ้นเป็นกษัตริย์ได้อีก”

“สุดท้าย ท่านก็คิดแต่จะเอาตัวรอดไว้ก่อน”

“ท่านเองก็คิดว่า...ขอแค่ให้ดูลัสได้ขึ้นครองราชย์ จะต้องขายข้าหรือใครต่อใครให้ซาเกรดา โซล พิพากษาโทษก็ยิ่งกว่ายินดีไม่ใช่หรือ” ชายชรากลับแย้มยิ้มน้อยๆ ผิดความแรงร้ายของวาจา “เราทั้งสองต่างก็ร่วมมือกันในแบบนี้เอง”

“หึ” เจ้ามณฑลแค่นหัวเราะ “แต่หากท่านใส่ใจกับผลประโยชน์ของข้าบ้าง ข้าก็ยิ่งกว่าพร้อมตอบแทน หากท่านเป็นผู้กำจัดปีศาจที่สังหารได้กระทั่งพระมหาเถระลูเธียน ตำแหน่งพระมหาเถระ...รวมไปถึงมหาสังฆราชา...ก็ย่อมไม่ไกลเกินเอื้อมไม่ใช่หรือ”

“ท่านกำลังบอกว่าจะช่วยข้าปราบปีศาจ?” มาดายนึกขันอยู่ในใจ

“หากว่าข้า หรือพันธมิตรของข้าทำได้”

ช่างอวดดีนัก... นักบวชคิด ...แต่เอาเถอะ ก็เพราะอวดดีอย่างนี้ไม่ใช่หรือ จึงได้คิดว่าจะปลิดชีพ ‘เจ้าชายแห่งความมืด’ ได้ง่ายๆ ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าแกมันก็แค่มนุษย์หน้ามืดตามัว ไร้อำนาจ เปราะบาง มีค่าด้อยกว่าผงธุลีในสายพระเนตรขององค์เทพเจ้าเท่านั้น...

ดังนั้น จงเตรียมแพ้ภัยตนเองเสียแล้วกัน


“เอาเถิด” พระเถระชราตัดบท “ข้ารู้ว่าลูเธียนยังมีชีวิตอยู่แน่ เด็กนั่นเจ้ามารยานัก ตราบใดที่ยังไม่พบศพ ก็อย่าได้คิดเลยว่ามันตายไปแล้ว ยิ่งข้าเร่งแจ้งศาสนจักรว่ามันตายแล้ว มันก็จะมีช่องกลับมากล่าวหา ว่าข้าวางแผนฆ่ามันจริงๆ ดังนั้น ในเวลานี้จึงยังหยุดการค้นหาไม่ได้ จนกว่าจะพบตัวมัน หรือจนกว่ามันจะเผยตัวออกมาเอง”

“หากรู้ตัวว่าถูกปองร้าย มันจะเผยตัวออกมาเองได้อย่างไร” แฟคท์นาแย้ง “ป่านนี้ไม่ชิงหนีกลับซาเกรดา โซล และกล่าวหาท่านไปเรียบร้อยแล้วรึ”

“ข้าไม่ได้ลงมือทำร้ายเขา ท่านแฟคท์นา แต่เป็นบริวารของ ‘ผู้มีมนตร์มืด’ ต่างหาก แล้วอีกอย่าง เด็กนั่นถือว่าหน้าที่ของตัวมันเองสำคัญยิ่งกว่าอะไร ดังนั้น ตราบใดที่ยังกำจัดปีศาจที่ได้รับมอบหมายไม่ได้ มันก็ย่อมติดตามปีศาจนั้นไปอย่างไม่ลดละแน่นอน ...ต่อให้มันจับได้ว่าข้าอยู่เบื้องหลังแผนการล่อมันออกมาก็ตาม” มาดายอธิบาย “และยิ่งเข้าใกล้ปีศาจร้ายมากเท่าใด โอกาสที่มันจะถูกปีศาจร้ายสังหารลงจริงๆ ...ก็ย่อมมากขึ้นเป็นทวีคูณ แผนการของเราเพียงแต่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเท่านั้น”

สีหน้าของเจ้ามณฑลบอกความเคลือบแคลง แต่เขาก็ยังคงพยักหน้ารับ

“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด ท่านมาดาย”

“แน่นอน มันจะเป็นเช่นนั้น” พระเถระผงกศีรษะ

แผนการของข้าเพียงแต่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเท่านั้น...



* * * * *



“แปลก”

บนเรือใหญ่ซึ่งกำลังเทียบท่าเมืองเคนมารา เมืองหลวงของแคว้นยาร์ลาธ หญิงสาวร่างสูงผู้รวบผมสีดำเป็นมวย มีหมวกปีกกว้างติดชายผ้าลูกไม้บังแดดร้อนจัดจ้าเปรยเบาเป็นกระซิบ

จะไม่ให้กระซิบคงไม่ได้ เพราะเสียงของเธอนั้น...ฟังอย่างไรก็ไม่เหมือนเสียงผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าพวกนั้นตั้งด่านตรวจเข้มงวดจริงๆ แถวคนรอน่าจะยาวกว่านี้”

แถวที่ว่ายังทอดอยู่ห่างออกไปไม่กี่มากน้อย มีทั้งช่องทางสำหรับนักเดินทางและพ่อค้าย่อยโดยทั่วไป กับพ่อค้ารายใหญ่ซึ่งมักขนสินค้าลงจากเรือไปพักในโกดังที่เช่าไว้ และให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบในโกดังโดยตรงเพื่อความสะดวก

“แสดงว่าไม่ได้ตรวจเข้มงวด แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง” ชายผมดำหนวดโค้งกระซิบตอบ “ยายเปี๊ยกจะได้ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในหีบนานเกินไปด้วย”

“แต่ข้าว่าอย่างไรก็แปลกอยู่ดี” อาเมียร์ในคราบหญิงสาวไม่วายแย้ง “ดูลัสไม่น่าประมาทขนาดนี้”

“เอาน่า เห็นเป็นปกติยังบ่นอีก ที่เหลือก็ทำตัวตามสบายแล้วกัน ‘แผนสำรอง’ ก็วางไว้แล้วนี่” อีกฝ่ายทำเป็นกระแอม แล้วพูดดังขึ้น “เดี๋ยวข้าไปตรวจดูสินค้าอีกทีนะ เมียจ๋า”



* * * * *



ดูลัสจับตามองสำเภาลำใหม่ที่เข้าเทียบท่า เป็นเรือสินค้ากึ่งโดยสาร ซึ่งมีไว้สำหรับบริการนักเดินทางทั่วไป และพ่อค้ารายย่อยที่มีสินค้าไม่มากนัก

ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน พวกของอาเมียร์ย่อมไม่อาจซื้อหรือเช่าเรือเดินทะเลทั้งลำเป็นของตนเองได้ อีกทั้งพ่อค้ารายใหญ่คงไม่รับคนแปลกหน้าขึ้นทำงานบนเรือสินค้าโดยไม่สอบประวัติ อย่าว่าแต่จะให้คนแปลกหน้าพวกนั้นซุกซ่อนหรือพาคนที่บาดเจ็บจนมือใช้การไม่ได้มาด้วย การเดินทางโดยเรือประเภทต่างคนต่างจ่ายค่าโดยสาร ปะปนกันเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อให้ตรวจจับและสังเกตยาก จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นี้

แต่แน่นอน หากตรวจค้นไม่เลือกกันแบบรายต่อราย หีบต่อหีบ ถังต่อถังให้พวกมันเห็นมาแต่ไกล ก็มีแต่ทำให้ไก่ตื่นก่อนเท่านั้น

ชายหนุ่มจึงให้ทหารองครักษ์ที่มาด้วยกันไม่ต้องลงไปค้นที่ด่าน แต่แต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ท่าเรือธรรมดาปะปนในฝูงชน พกตรารับรองตำแหน่งกับหนังสือคำสั่งซึ่งมีผู้เป็นธุระทำไห้เพื่อแสดงตามจำเป็น ขณะลอบสังเกตผู้โดยสารแต่ละคน แต่ละกลุ่มที่ลงจากเรือ หากพบว่ามีพิรุธจึงค่อยเข้าค้น

และตัวเขาเองก็ทำเช่นเดียวกัน

คนแรกที่ก้าวมาตามทางลาดไม้ลงจากเรือนั้นเป็นชายผิวคล้ำ โพกผมแต่งกายอย่างคนทราย ข้างหลังสะพายเครื่องสายรูปทรงแปลกตา แต่นั่นไม่ใช่อาเมียร์ เด็กสาวที่เขาจูงมือลงมา ซึ่งแต่งกายสีฉูดฉาด สวมเครื่องประดับติดกะพรวนระย้าอย่างนางรำ แต่ถือไม้เท้าเหมือนคนตาบอด ก็ตัวเล็กและเยาว์วัยเกินกว่าจะเป็นเจ้าหญิงแอชลีนน์ปลอมตัวมา

ในเมื่อไม่ใช่แน่นอน ราชองครักษ์จึงเลิกสนใจพวกเขา และมองหาเป้าหมายของตนต่อไป

คล้อยหลังนักแสดงชาวทรายทั้งสอง ผู้โดยสารคนต่อมาเป็นหญิงร่างสูง แต่งกายอย่างภรรยาพ่อค้าชาวธีร์ดีเร หรือซาเกรดา โซล เงาของหมวกกันแดดปีกกว้างติดผ้าลูกไม้บังใบหน้า

เธอเดินลงมาถึงพื้นหินของท่าแล้วก็ยืนรอ ขณะที่พวกลูกเรือช่วยกันยกหีบเสื้อผ้าใบโตลงจากเรือ แล้ววางข้างตัวหญิงสาว ตามด้วยถังไม้ที่ถูกกลิ้งลงมา ลักษณะของพวกมันบอกชัดเจนว่าเป็นถังเหล้า

เป็นเรื่องแปลกอยู่ ที่ผู้หญิงจะมากับขบวนสินค้า แต่ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้ เธอคงเป็นภรรยาหรือญาติสักคนของพ่อค้าเหล้ากระมัง

ไม่น่ามีพิรุธอะไร...จนดูลัสได้ยินคำพูดของชายหนวดโง้งลงพุงที่กำกับการขนของอยู่บนเรือเข้า

“ถังนี้ไม่ต้องกลิ้ง เดี๋ยวใครคนหนึ่งมาช่วยข้าแบกดีกว่า มันเป็นถังชาดานแซร์ น่าจะเหลืออยู่แค่ครึ่งถังได้กระมัง”

ถังชาดานแซร์?

องครักษ์หนุ่มหรี่ตา ขณะจับตามองถังที่ทั้งสองแบกลงมา สลับกับถังซึ่งวางตะแคงอยู่ข้างหญิงร่างสูงนั้น

ถังไม้ใบนั้นดูใหม่ ซ้ำลักษณะเหมือนถังเหล้าที่ถูกขนลงมาก่อนหน้า จนน่าจะผลิตจากที่เดียวกัน

ทว่า ถังไม้เนื้อหอมสำหรับบ่มเหล้าผลไม้โดยเฉพาะมีราคาสูงกว่าไม้ทั่วไปที่ใช้ทำถังของหมักอื่นๆ รวมทั้งถังชาดานแซร์ ซึ่งเนื้อไม้ย่อมถูกน้ำหมักปลาที่มีฤทธิ์เป็นกรดกัดจนผุเสียสภาพในไม่ช้า

คงไม่มีใคร...นอกจากคนไร้หัวคิด...ที่เอาถังไม้หมักเหล้าราคาแพง ไปใส่ปลาหมักราคาถูกให้เสื่อมค่าเล่นๆ แน่นอน ยิ่งเป็นพ่อค้าเหล้า ยิ่งควรรู้ดีที่สุด

ดูลัสรีบสาวเท้าเข้าไปหาราชองครักษ์อีกคน แล้วก็ทำมือเป็นสัญญาณให้ตามเข้ามาสมทบ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาชายหญิงที่น่าจะเป็นสามีภรรยากำมะลอ  และเข้าถึงตัวพวกเขาเมื่อถังใบนั้นถูกวางตั้งใกล้ถังตะแคงใบอื่นๆ

“ขออภัย นายท่ามีคำสั่งให้สุ่มตรวจสินค้า ขอพวกท่านให้ความร่วมมือด้วย”

สีหน้าของหญิงสาวใต้หมวกปีกกว้างตกอยู่ในเงามืดจนยากจะดูออก แต่ชายร่างสูงลงพุงก็พูดอย่างร่าเริง

“ย่อมได้อยู่แล้ว ข้ากับเมียเป็นสุจริตชน มีอะไรต้องปิดบังละขอรับ”

ชายคนนั้นหยิบถ้วยไม้ใบเล็กออกมาจากถุงที่คาดตรงเข็มขัด ครั้นแล้วก็ทำท่าจะเปิดจุกถังใบหนึ่งที่ตะแคงอยู่

“ไม่ต้อง ที่ข้าต้องการดูคือถังนี้”

พูดจบ องครักษ์หนุ่มก็เปิดถังชาดานแซร์ออกมาในทันที พบกับดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง...ของใครคนหนึ่งที่ร้องอุทานอย่างตกใจ และห่อตัวลีบลงในถังยิ่งกว่าเดิม

“ชาดานแซร์ของพวกท่านตัวโตดี แต่ยังเป็นอยู่เลยนี่” ดูลัสพูดขึ้น

“อะไรกัน!” พ่อค้าไว้หนวดดูตกใจทันควัน “ชาดานแซร์ของพวกเรา...กลายเป็นอะไรไป!”

“ช...ช่วยด้วย!” ชายในถังร้อง พร้อมกับพุ่งตัวขึ้นยึดเสื้อของดูลัสไว้ “ข...ข้าหนีไอ้คนทรายนั่นมา! พวกมันจะฆ่าข้าที่ท่าเรือ...ข...ข้าเลยหนี...จนมาเจอถังชาดานแซร์...เลยเทมันทิ้งแล้วเข้ามาซ่อนตัวในนี้! ท่านช่วยข้าที!”

องครักษ์หนุ่มไม่ทันตั้งตัว ไม่ทันทำอะไรเลยจนเสียงตะโกนดังขัด

“นี่แก—”

ท้ายเสียงตะโกนคือเสียงร้องอย่างเจ็บปวดขององครักษ์อีกคน ดูลัสหันมองตาม แล้วก็เห็นหญิงร่างสูงวิ่งไปกับเด็กหนุ่มร่างเล็กผมสีน้ำตาลที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด ผ่านเพื่อนร่วมงานของเขาซึ่งบัดนี้กองตัวงออยู่บนพื้น ข้างหีบเสื้อผ้าที่เปิดกว้างและมีเสื้อผ้าหล่นกระจาย

ใช่จริงๆ เสียด้วย!

“ท...ท่านช่วยข้า—“ ชาลัวห์พูดได้แค่นั้นก็ล้มหงายลงพร้อมกับถังที่มันยืนอยู่ข้างใน ด้วยฤทธิ์หมัดของราชองครักษ์ซึ่งใส่มาเต็มแรงด้วยอารมณ์

แต่แล้ว ดูลัสก็มีอันต้องสบถอีกครั้ง เพราะชายหนวดดำตรงเข้าขวางหน้า ยึดไหล่เขาไว้อีกคน

“ม...เมียข้า! เมียข้าซ่อนชู้ไว้ในหีบเสื้อผ้า! แถมยังซ่อนอีกคนในถังปลาหมัก! ท่านเจ้าหน้าที่ช่วยข้าที! รีบตามนาง—“

“เกะกะ!”

ดูลัสสะบัดพ่อค้าเหล้าออกไป ไม่ทันคาดว่าเขาจะถึงแก่ล้มฟาดพื้น และร้องเสียงดังราวกับเจ็บปวดเจียนตาย

แต่ครั้นก้มลงมองร่างที่คุดคู้อยู่บนพื้น ชายหนุ่มก็ผงะเมื่อเห็นของเหลวสีแดงเข้มอาบเสื้อของพ่อค้าเป็นวงกว้างบนพุง...ซึ่งบัดนี้มีมีดสั้นที่เคยคาดอยู่ข้างเอวของราชองครักษ์ปักคาไว้ ตั้งแต่เมื่อไร และได้อย่างไรก็สุดรู้

“จ...เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน! เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน! เจ้าข้าเอ๊ย!!”

ชายหนวดโง้งตะโกนปนร้องโอดโอย เรียกผู้คนให้มุงดู ซ้ำเจ้าหน้าที่ตัวจริงของท่าเรือก็ทำงานดีเกินคาด...พวกเขาล้อมวงเข้ามากักคนทั้งสี่ไว้จนไม่ทันได้วิ่งกวด ‘ผู้ต้องหาที่แท้จริง’ ซึ่งวิ่งหายไปกลางฝูงชนเลย

กระนั้น ดูลัสยังคงมีเพียงสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเจ้าหน้าที่นั้นเริ่มซักถามและขอดูตราสังกัดของเขา

จับนกกระจอกแตกรังได้สองตัว ส่วนอีกสองนั้น...นกนักล่าอย่างเรเวนย่อมมีสติปัญญาเกินพอจะรับมือ



* * * * *



“ดีที่วางแผนสำรองไว้” อาเมียร์พึมพำ หลังจากลอกคราบชุดผู้หญิงกับหมวกติดผ้าลูกไม้ หมกทิ้งไว้ในกองขยะในตรอก เหลือชุดเสื้อกางเกงธรรมดาทะมัดทะแมงไว้ภายใน

แอชลีนน์มองแผ่นหลังของเขาอย่างงุนงง

“นี่อะไร ทำไมท่านไม่บอกข้า”

“รูอาร์คคิดว่าท่านต้องคัดค้านแน่ เราสามคนเลยตกลงกันว่าจะปิดเป็นความลับ”

เด็กสาวกำมือแน่น ขุ่นเคือง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเพื่อนร่วมทางขึ้นมาอย่างท่วมท้น

“แน่ล่ะสิ! ใครจะอยากหนีเอาตัวรอด...ทิ้งคนอื่นไว้ข้างหลังแบบนั้นล่ะ!”

เหมือนตอนนั้น...ตอนที่ทิ้งเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กับเสด็จพี่ไป...แล้วก็ไม่ได้พบกันอีกเลย...

“แต่ก็ต้องทำ เรายอมให้พวกมันเอาตัวท่านกลับไปไม่ได้” เด็กหนุ่มพูดเสียงแข็ง ขณะคาดดาบซึ่งเคยซ่อนไว้ใต้ชายกระโปรงกับเข็มขัด “ทั้งสองคนไม่เป็นไรหรอก ดูลัสไม่ฆ่าพวกเขาแน่ ขอแค่เราหนีไปถึงท่านเบเรคได้ ก็จะเจรจาขอตัวพวกเขาคืนได้ไม่ยาก”

“แน่ใจหรือ!” เด็กสาวร้องขึ้น “ไม่ใช่หลอกให้ข้าสบายใจ ส่วนชาลัวห์กับรูอาร์คจะถูกจับถูกทรมานยังไงก็เท่ากับเสียสละเพื่อข้าหรอกนะ!”

“...ข้าขอโทษ” อาเมียร์พูดโดยแทบไม่มองเธอ แต่ก็ยังส่งมือมาให้ “เราต้องรีบไป ยิ่งพบท่านเบเรคได้เร็วเท่าไร ก็รับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้เร็วเท่านั้น”



* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 10:09:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com