คนทั้งสองวิ่งลัดเลาะไปท่ามกลางฝูงชน หลายคนยังคงทำธุระของตนต่อไปตามปกติ แม้จะมีบ้างที่เริ่มพูดถึงเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ทำร้ายคนเดินทาง ที่ท่าเรือ
เมื่อวาน รูอาร์คร่างแผนที่เมืองเคนมาราให้เขา รวมทั้งบอกเส้นทางลัดซึ่งไม่ต้องผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ท่าเรือ แต่ตัดตรงไปยังด้านหลังของศาลาว่าการเมืองโดยตรง โดยอาศัยการลัดเลาะตามซอยเล็กซอยน้อยเป็นส่วนใหญ่ ปกติเป็นเส้นทางที่พวกชาวประมงนิยมใช้ จึงเรียกกันว่า ตรอกขนปลา
เด็กหนุ่มพยายามจำเส้นทางนั้นให้ขึ้นใจ และภาวนาว่าความทรงจำของเขานั้นแม่นยำดี
แน่นอนว่าเมื่อถอดช้องผมกับเสื้อผ้าผู้หญิงที่ดูเด่นชัดออก เขาก็ไม่เหลืออุปกรณ์และเวลาปลอมตัวเป็นคนอื่นได้อีก แอชที่เพิ่งออกจากหีบเสื้อผ้ามาก็เช่นกัน บัดนี้ทั้งสองไม่มีสินค้า ไม่มีสัมภาระใดจะอ้างตนเป็นคนเดินทาง แต่ขอแค่ไม่ต้องผ่านด่านตรวจ ศาลากลางเมืองเคนมาราก็อยู่ไม่ไกลนี้แล้ว
ขอเพียงทำความเร็ว และไม่มีใครมาขัดขวางเท่านั้น
เงาคนก้าวออกขวางหน้า ยังผลให้อาเมียร์ชะงัก
เวลานี้ทั้งสองอยู่ในตรอกเล็กๆ ซึ่งแคบกระทั่งผู้ชายตัวใหญ่สองคนไม่อาจเดินสวนกันได้ ชายที่ขวางอยู่แต่งกายอย่างชาวประมง แต่ท่าทางจับดาบของเขาบอกเด็กหนุ่มว่าเสื้อผ้าเป็นแค่การปลอมตัว
อาเมียร์ชะงักไปเพียงครู่เดียวก็มองแผนการของอีกฝ่ายออกทันที ...หากพวกเขาถอยกลับ ก็จะพบคนอีกกลุ่มดักข้างหลังไว้ ไล่ต้อนกักให้ตกอยู่ในวงล้อม เลือกฝ่าไปข้างหน้ายังจะมีทางรอดมากกว่า
แอช! ตามข้ามา! เด็กหนุ่มผมดำตะโกน ครั้นแล้วก็ปล่อยมือจากเด็กสาว ชักดาบที่ข้างเอวออกจู่โจมชาวประมงตัวปลอมที่ขวางหน้า
อีกฝ่ายรับดาบของเขาได้ แต่ไม่ทันคาดศอกซ้ายของเด็กหนุ่มซึ่งหมุนตัว กระแทกมันเข้าที่อกของอีกฝ่าย ยังผลให้มันเซถอยไปกระแทกผนังตึกข้างทาง ก่อนถูกขาขวาของอาเมียร์ยันเข้าเต็มท้องจนจุกตัวงอ ร่างรูดลงริมตรอกไปในทันที
เด็กหนุ่มรีบวิ่งผ่านร่างของคู่ต่อสู้ที่ยังไม่อาจลุกขึ้น ก่อนจะเหลียวกลับไปดูให้แน่ใจว่าเด็กสาวในความอารักขาสามารถตามมาได้
* * * * *
การไล่ล่าเริ่มสับสนวุ่นวาย...
ตรอกแคบบังคับให้คู่ต่อสู้เข้ามาได้เพียงทีละหนึ่ง และอาเมียร์ก็เลือกที่จะปะทะกับศัตรูเบื้องหน้า ล้มมันให้เร็วที่สุด...ก่อนจะฝ่านำแอชไปโดยตลอด แต่นั่นเท่ากับเขาไม่มีเวลาให้คิดมากนัก แม้จะสงสัยว่าดูลัสลอบนำคนมากมายเพียงนี้เข้ามาแฝงตัวอยู่ในพื้นที่ได้อย่างไร ที่เลวร้ายกว่าคือเส้นทางแผนที่ในสมองเริ่มตีปั่นป่วน จนเด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าบัดนี้พวกเขาอยู่ที่จุดไหนของทางลัดซึ่งรูอาร์คบอก อย่างไรก็ดี เขาได้แต่หวังว่ายอดหลังคาของศาลากลางเมืองที่เห็นอยู่ไกลๆ จะเป็นหลักบอกทางได้ว่าพวกตนมาถูกแล้ว
ปลายตรอกข้างหน้าดูจะกว้างขึ้น...และนั่นเองที่ทำให้อาเมียร์ยิ่งเคร่งเครียด
ที่แคบซึ่งคู่ต่อสู้เข้ามาได้เพียงทีละหนึ่งทำให้เขาได้เปรียบ ยิ่งโดยเฉพาะเด็กหนุ่มบุกตะลุยไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล และไม่ยอมเสียเวลาให้พวกที่วิ่งไล่ตามมาทัน แต่ในทางกลับกัน หากออกสู่ที่กว้าง ฝ่ายนั้นจะสามารถกลุ้มรุมเข้ามาได้เต็มที่จากหลายทิศทาง ...มิหนำซ้ำยังมีพวกที่คอยสมทบจากข้างหลัง ซึ่งคงจะรุกไล่บีบให้ทั้งสองออกไปยังที่โล่งกลางวงล้อมในไม่ช้า
อาเมียร์! แอชร้องเรียก ขณะที่เขาได้แต่หันมองไปมารอบๆ แข่งกับเสียงฝีเท้าซึ่งดังไล่เข้ามาทุกขณะ
จนสุดท้าย สายตาของเขาก็ปะเข้าที่ลังขนปลา ซึ่งวางซ้อนกันอยู่ เด็กหนุ่มพยักพเยิดไปทางนั้น
ปีนขึ้นไป! ขึ้นบนหลังคา!
เด็กสาวไม่ถามอะไร แต่รีบทำตามโดยเร็ว แม้จะเซเกือบเสียหลักไปบ้าง เมื่อเธอขึ้นไปยืนทรงตัวบนหลังคากระเบื้องซึ่งไม่ถึงกับลาดชันมากได้แล้ว อาเมียร์จึงได้ตามขึ้นไป...โดยไม่ลืมจะผลักกองลังที่ทั้งสองใช้เป็นบันไดขึ้นมาให้ล้มครืน ป้องกันไม่ให้ปีนขึ้นมาได้ง่ายดายอีก
จากบนนี้เขาเห็นทัศนียภาพรอบด้านได้กว้างขึ้น ด้านหลังของศาลาเมืองอยู่ห่างออกไปแค่ไม่ไกลจริงๆ และกลุ่มชาวประมงติดอาวุธข้างล่างก็เริ่มลังเล
อย่าเพิ่งบุกขึ้นไป! เจ้าหญิงอาจเป็นอันตรายไปด้วย!
เป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อแอชมาอยู่ในที่เสี่ยงเช่นนี้ พวกนั้นจะไม่กล้าลงมืออย่างเต็มที่ ที่ต้องห่วงก็มีเพียงอาวุธไกล...ซึ่งหากมีซุ่มรออยู่ ก็ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่พวกมันต้องการชิงตัวคืนเช่นเดียวกัน
อาเมียร์จึงก้าวเข้าไปใกล้แอชซึ่งบัดนี้ชักมีดสั้นประจำราชวงศ์ออกถือไว้พร้อม ยืนระวังหลังให้แก่กัน
ค่อยๆ ไป เด็กหนุ่มกระซิบ พร้อมกับพยักพเยิดไปทางศาลากลางเมือง ก้าวไปด้วยกัน ถ้าบนนี้ พวกมันต้องคิดให้หนักถ้าจะขึ้นมา หรือโจมตีเรา
แต่เราก็ลงไปไม่ได้...
ลงได้ แต่ต้องออกจากย่านนี้ก่อน ถ้าไปถึงที่กว้างหรือที่ที่มีคนพลุกพล่าน พวกมันคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง อาเมียร์ยื่นแขนซ้ายให้เธอ คล้องแขนกันไว้ เชื่อใจข้าไหม
ไม่มีคำตอบด้วยวาจา เพียงมือและแขนที่สอดเข้ามา ยึดแขนของเขาไว้แน่นขณะแผ่นหลังชนกัน
เด็กหนุ่มสูดหายใจลึก และเริ่มเดินนำ ตั้งสติติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนทั้งหมดที่ล้อมพวกเขาอยู่ ตั้งแต่พวกที่ปีนขึ้นมาบนหลังคาแล้ว แต่ยังทำเพียงตามคุมเชิงอยู่ห่างๆ ไปจนถึงพวกที่ลัดเลาะอยู่ใต้ชายคาในระดับพื้นดิน และพวกที่ดูเหมือนจะวิ่งไปดักหน้าตามเส้นทางอื่นๆ
เขารู้ว่าพวกมันกำลังรอคอย ...ทั้งสองไม่อาจอยู่บนหลังคาได้นาน ยิ่งทิ้งเวลาก็มีแต่ทำให้พวกที่ถูกตนเล่นงานให้หมดสภาพชั่วครู่กลับฟื้นตัว และตามเข้ามาสมทบ แต่หากเมื่อใดที่หาทางลงไป...พวกมันก็คงจะกรูเข้ารุมล้อม แยกตัวแอชไปจากเขาทันที
จะหวังให้เกิดการตะลุมบอนใหญ่จนเจ้าหน้าที่ของท่านเบเรคมาระงับเหตุ...ก็ดูจะเสี่ยงเกินไป ไม่รู้ว่าเขาจะถ่วงเวลาไว้ได้นานพอ ก่อนพวกมันเข้าถึงตัวเจ้าหญิงหรือไม่
ไม่คิดเจรจาบ้างหรือ อาเมียร์ตัดสินใจเอ่ยปาก อย่างน้อยข้าก็ควรรู้ว่าพวกท่านเป็นใคร...คนของพระราชวัง หรือคนของขุนนางใดที่ต้องการตัวเจ้าหญิงกลับไป
เราไม่มีหน้าที่เจรจา มีเพียงจับกุมเจ้าและอารักขาเจ้าหญิงกลับไปเท่านั้น เป็นคำตอบจากชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มคนที่ปลอมตัวเป็นชาวประมงทั้งหมด
แต่ข้าตั้งใจจะมากับอาเมียร์เอง! แอชร้องขึ้นบ้าง ไม่ว่าพวกท่านเป็นคนของใคร...ข้าก็คือผู้ปกครองแห่งธีร์ดีเร หากข้าสั่งให้วางอาวุธ...พวกท่านก็ต้องทำ!
ขอพระราชทานอภัย แต่เพื่อธีร์ดีเร พวกกระหม่อมกับสหายเห็นพ้องกันว่าจะปล่อยให้คนทรายนั่นล่อลวงพระองค์ต่อไปไม่ได้อีกเป็นอันขาด
เขาไม่ได้ล่อลวงข้า! เด็กสาวขึ้นเสียง เขาถูกใส่ร้าย! มิหนำซ้ำพวกราชมัลยังพยายามทรมานเขาให้รับสารภาพ! จะให้ข้าทิ้งให้เขาตายอยู่ในนั้นได้หรือ!
ขอทรงคำนึงให้ดี ชายคนนี้เป็นคนต่างชาติ เขาอาจเป็นสายลับของดินแดนอื่น หรือต้องการใช้พระองค์เป็นเครื่องมือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเหนืออาณาจักรของพวกเราก็ได้
ไม่จริงหรอก!
เปล่าประโยชน์ แอช เด็กหนุ่มแทรกขึ้น พวกมันไม่ฟังหรอก หากมีโอกาสก็คงจะจับตัวข้าให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายด้วย
ถ้าอย่างนั้น...
มีแต่ต้องหนีไปให้ได้ อาเมียร์คิดพร้อมกับกระชับแขนของเธอ แต่มิได้เอ่ยออกไป
เวลานี้ทั้งสองก้าวตัดเส้นทางบนหลังคา จนเห็นได้ชัดว่ากำลังจะออกจากลานโล่งสุดเขตตรอกขนปลา ซึ่งพอมีผู้คนอยู่บ้างแล้ว อย่างไรก็ดี กลุ่มชาวประมงปลอมท่าทางประหลาดต่างล้อมปิดแทบทุกทางเบื้องล่าง...จนดูเหมือนจะเหลือเพียงทางเลือกเดียว
เมื่อนั้น อาเมียร์สังเกตเห็นเกวียนใหญ่ที่จอดขวางทางอยู่...เกวียนขนกระสอบซึ่งสูงจนต้องใช้เวลาพอสมควรในการปีนข้าม กั้นระหว่างลานกว้างและตรอกเล็กๆ สายหนึ่งที่สามารถลัดเลาะไปทางตัวเมืองได้
ต้องเสี่ยงลงไปตรงนั้น แล้วอาศัยความเร็วไปให้ถึงศาลาเมืองก่อนพวกมันทันเข้าถึงตัว
หากเป็นเขาคนเดียวอาจจะทำได้ แต่หากพาแอชไปด้วย...
ไม่สิ หากจะให้แอชไปให้ถึงศาลาเมือง ให้เธอปลอดภัย...
...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม...
เด็กหนุ่มหัวเราะออกมา ท่ามกลางสายตาประหลาดใจซึ่งแวบขึ้นบนใบหน้าเครียดขมืงของทุกคนในที่นั้น
ให้ตายสิ ไม่ว่านายของพวกเจ้าจะเป็นใคร ก็นับว่าฉลาดใช้ได้จริงๆ
อาเมียร์สะบัดแขนของเจ้าหญิงที่คล้องอยู่กับแขนเขาออกไป ครั้นแล้วก็พลิกตัว ทิ้งดาบของตนแต่คว้าข้อมือที่ถือมีดสั้นของเธอ ปลดมีดประจำราชวงศ์นั้นมาอย่างง่ายดาย ขณะที่อีกมือหนึ่งคว้าข้อมือซ้ายของเด็กสาว บิดไพล่หลังในชั่วครู่เดียวกัน
เด็กสาวหลุดเสียงร้องอย่างตกใจ ก่อนจะเงียบไปทันที เมื่อคมมีดจรดลงริมลำคอของตน
กลุ่มชายติดอาวุธดูตื่นตระหนกขึ้นทันที แต่ไม่ช้าก็เหมือนจะคุมสติได้ และเพียงแต่กระชับดาบในมืออย่างระแวดระวังยิ่งกว่าเดิมเท่านั้น
คิดจะนำชีวิตของเจ้าหญิงมาขู่พวกเรารึ
ใครคิดเล่า ว่าข้าจะเล่นลูกไม้ตื้นๆ พวกนั้น เด็กหนุ่มพยายามทำเสียงเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเมื่อข้าเป็นปีศาจจริงๆ อย่างที่ไอ้เถระแก่พูดนั่นล่ะ
...อย่าพูดจาเพ้อเจ้อ พวกเราไม่หลงกลเจ้าหรอก
เพ้อเจ้อ? อาเมียร์คลี่ยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ยิ้มอันโหด:-)ม ...และไร้ความรู้สึกใดๆ ของมนุษย์ หากข้ากรีดลำคอสวยๆ ของเจ้าหญิงของเจ้าเสียตรงนี้ แล้วชุบชีวิตนางขึ้นมาเป็นราชินีอมตะเคียงคู่กับข้า หนอนแมลงหน้าโง่อย่างพวกเจ้าจะยังหาว่าปีศาจเช่นข้า เพ้อเจ้อ อีกไหมล่ะ
บรรยากาศอันตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ...กระทั่งเด็กหนุ่มได้ยินเสียงลั่นของหน้าไม้
เขารู้ว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาจากข้างหลัง จากพลซุ่มยิงซึ่งคงประจำอยู่แต่แรก เพื่อเล็งหามุมที่จะปลิดชีพของเขา โดยพยายามไม่ให้เจ้าหญิงได้รับอันตรายไปด้วย
และเขาก็เพิ่งเปิดแผ่นหลังของตนให้แก่มันเมื่อครู่นี้เอง
อย่างไรก็ดี อาเมียร์ไม่ยี่หระแต่ประการใด เขาเพียงยืนเฉยต่อเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศ...รู้สึกได้ว่าศรหน้าไม้ปะทะเข้ากับกำแพงหนาเบื้องหลังตน และทิ้งซากที่ถูกความว่างเปล่าบีบอัดจนหักสะบั้นลงบนหลังคาในไม่ช้า
เสียงอุทานเริ่มดังขึ้นประปราย ...ดูเหมือนกลุ่มรบฝีมือดีทั้งหมดจะยังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ก็อย่างที่พวกเจ้าเห็น เด็กหนุ่มเอ่ยเรียบเรื่อย ไม่ว่าอาวุธใกล้หรือไกลก็ทำอันตรายข้าไม่ได้ ถึงอย่างนี้ยังจะทิ้งศพพวกเจ้าให้ข้าข้ามไปง่ายๆ อีกหรือเปล่า
อาเมียร์! หยุดนะ! ท่านอย่ายอมแพ้มันสิ! แอชกลับร่ำร้องและดิ้นรน จนกระทั่งอาเมียร์ต้องรั้งคมมีดออกห่างเล็กน้อย และบิดข้อมือซ้ายแรงขึ้น ให้เธอเจ็บจนไม่อาจขัดขืนเสียก่อน
ต่อให้ไม่อยากทำร้ายเธอแม้เพียงปลายเล็บ...ไม่ว่าด้วยเหตุประการใดก็ตาม
ข้าขอโทษ...แอช อาเมียร์นึกในใจ ข้าทำเพื่อเจ้า...ไม่ได้หวังให้เจ้าเข้าใจหรือให้อภัย...
แต่หวังให้เจ้าปลอดภัย...เท่านั้น
มือที่จับแขนของเด็กสาวไพล่หลังค่อยๆ เลื่อนไปกุมมือนั้นไว้แทน จากนั้นก็ออกแรงกดช้าๆ สั้น...ยาว...สั้น...ยาว...เป็นจังหวะ
...และหวังให้เธอเข้าใจการกระทำนั้น
* * * * *
แอชลีนน์หวาดหวั่นถึงที่สุด...เมื่อนึกไปว่าอาเมียร์เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งแล้ว อย่างน่ากลัวเสียจนเธอไม่อาจทำอะไรได้
หากว่าการบีบที่ย้ำซ้ำๆ บนมือ ซึ่งคลายความแรงลง จะไม่เรียกสติคืนมาเสียก่อน
แอช ฟังข้า
เขาย้ำเช่นนั้นอยู่สองครั้ง จึงได้เปลี่ยนรหัส เป็นถามว่าหากเข้าใจให้บีบตอบสามครั้ง เด็กสาวทำตาม ก่อนจะรอรหัสสัญญาณมือต่อไปจากเด็กหนุ่ม
โดด รถกระสอบ วิ่ง ศาลาเมือง
คนเดียว
เจ้าหญิงตั้งท่าจะบีบค้าน แต่ไม่อาจนึกรหัสได้เร็วเท่าอีกฝ่าย
อย่าเถียง เจ้าสำคัญสุด ข้าไม่เป็นไร
เขาไม่ฆ่าตอนนี้ เจ้าช่วยสามคน ทีหลัง
แต่ว่า... แอชลีนน์กระซิบ ทว่าไม่ทันอาเมียร์กระชากตัวเธอไปทางหนึ่ง และผลักลงจากหลังคา
ร่างของเด็กสาวกระแทกพื้นนุ่มหยุ่น แต่ขณะเดียวกันก็ยังแรงจนมึนงง ใช้เวลาอีกครู่จึงตั้งสติได้ว่าตนร่วงลงมาบนเกวียนที่มีผ้าคลุมกระสอบซ้อนกันเป็นตั้ง ซึ่งจอดขวางตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่งอยู่
...เป็นทางเดียวที่พวกชาวประมงปลอมไม่อาจข้ามเกวียนมาดักรอ
อาเมียร์กระโดดลงมาตามเธอ ฉุดแขนให้ลุกขึ้นยืนและร้องไป
ลงไป! รีบไปทางนั้น!
เขาพูดอย่างนั้น แต่ก็กลับกระโจนลงไปอีกข้างหนึ่ง...ทางลานกว้าง ตรงเข้ารับหน้าใครก็ตามที่มุ่งมาทางนี้...ทั้งๆ ที่เวลานี้เขาถือเพียงมีดสั้นประจำราชวงศ์ของเธอ สกัดกั้นเพื่อให้เธอหนีรอดไปได้คนเดียว
เป็นอย่างนี้...เป็นอย่างนี้ทุกที!
เด็กสาวรู้...ทุกคนอยากให้เธอปลอดภัย คิดกันว่าต่อให้ตนเองต้องตาย ก็จะต้องให้แอชลีนน์หรือเจ้าหญิงรอดชีวิตไปให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้น...
เธอควรลุกขึ้นยืน กลับหันหลังและวิ่งไป ทิ้งอาเมียร์ไว้ข้างหลัง เหมือนเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และเสด็จพี่...
แต่...ข้าทำไม่ได้
เด็กสาวทำได้เพิ่งนิ่งงันอยู่บนนั้น ดูชาวประมงตัวปลอมกลุ้มรุมเด็กหนุ่ม ซึ่งแย่งดาบเล่มหนึ่งมาได้สำเร็จ แต่ต่อให้ปัดป้องคุ้มกันตนเองได้อย่างไร ก็ย่อมจะเหนื่อยอ่อนในไม่ช้า ยิ่งไม่นับว่ามีกลุ่มคนที่แต่งกายอย่างเจ้าหน้าที่ท่าเรือหรือนักรบซึ่งยังไม่รู้สังกัดเข้าสมทบแทนที่ คนเหล่านั้นไม่มีวันไว้ชีวิตอาเมียร์ ไม่มีวันเด็ดขาด
แอชลีนน์จึงตัดสินใจกระโดดลงจากเกวียน
...แต่ไม่ใช่ด้านที่เด็กหนุ่มต้องการให้เธอไป
ข้าอยู่นี่แล้ว! พวกเจ้าจับข้าไป! แต่ปล่อยอาเมียร์ รูอาร์ค กับชาลัวห์ไปเดี๋ยวนี้! เด็กสาวตะโกน ข้าจะสั่งให้ท่านเบเรคคุมตัวพวกเขาไว้เอง! ข้าบอกให้หยุดไงเล่า!
ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครฟัง ดูเหมือนอาเมียร์จะสบถอะไรออกมาคำหนึ่ง แต่ก็ติดพันกับศัตรูจนไม่อาจเข้ามาหาเธอ
ผู้ที่ทำเช่นนั้นกลับเป็นใครคนอื่น...ซึ่งเจ้าหญิงไม่ทันคาดเลยในสถานการณ์นี้
ฝ่าบาท! ทรงปลอดภัยหรือไม่!
เป็นเสียงของดูลัส ซึ่งยึดแขนของเธอไว้แน่นในทันที โดยที่แอชลีนน์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเข้ามาถึงตัวเธอได้อย่างไร
ปล่อยอาเมียร์! เด็กสาวหันขวับไป เสียงกราดเกรี้ยว สั่งให้คนของท่านปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!
ขอประทานอภัย กระหม่อมไม่อาจทำได้
ทำไม!
เขาเป็นคนร้ายที่ทางการต้องการตัว
เขากำลังจะไปมอบตัวกับท่านเบเรค! ที่ข้าพาเขาออกมาก็เพราะ
กระหม่อมทราบ แต่กฎต้องเป็นกฎ ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ แอชลีนน์เงยหน้า เห็นเพียงสายตาเรียบเฉยเย็นชาของราชองครักษ์หนุ่ม หากองค์หญิงทรงประสงค์ให้เขารอดชีวิตแบบไม่บุบสลาย ก็ขอให้ตรัสบอกให้เขายอมจำนนแต่โดยดีเถิด ไม่เช่นนั้น...
ไม่เช่นนั้น...อะไร เด็กสาวถามเสียงสั่น กับรอยยิ้มเยือกเย็นของคู่สนทนา
ไม่เช่นนั้น...เราคงต้องเปลี่ยนแผนการให้รุนแรงขึ้น
แอชลีนน์พยายามสะบัดตนเองออกจากเงื้อมมือของเขา แต่ไม่เป็นผล ดูลัสยึดแขนของเธอไว้แน่นหนา แม้เด็กสาวจะตะโกนบอกเด็กหนุ่ม ซึ่งเหลือบมาอย่างพะวักพะวงกลางวงล้อม เหมือนกับเห็นแล้วว่าเธอก็ไม่อาจหนีรอดเช่นกัน
อาเมียร์! ไม่ต้องห่วงข้า! ท่านรีบหนีไป! สลัดหลุดจากพวกมันแล้วรีบไปเสีย!
กระนั้น เด็กหนุ่มก็ยังคงสู้ต่อไป อาจเพราะเขาไม่อยากทิ้งเธอไว้ หรืออาจเพราะเขาเองก็ไม่มีทางปลีกตัวออกจากหมู่คู่ต่อสู้มากมายเพียงนี้ได้ กระนั้น กำลังแรงของอาเมียร์ก็ยังคงมากจนน่าตกใจ หากจะทำให้เขาจำนนได้คงมีเพียงตรึงกำลังจำนวนมากเข้ากลุ้มรุมถ่วงเวลาจนเหนื่อยอ่อน หรือมิเช่นนั้นก็...
สีแดงสาดกระจายกลางอากาศ
เจ้าหญิงนิ่งอึ้งไปเพียงครู่เดียวก็กรีดร้องสุดเสียง
ร่างของอาเมียร์นิ่งค้างอยู่กลางวงล้อม...เชื่องช้า...เหมือนเนิ่นนานเป็นนิรันดร์...แต่ที่แท้เป็นเพียงชั่วอึดใจ...ก่อนที่เขาจะทรุดราบลงกับพื้น
ท่ามกลางของเหลวสีแดงมากมายซึ่งอาบกายของเขา และไหลนองไปบนพื้น...
* * * * *
คนเขียนขอคุย
สำหรับตอนนี้ นอกจากแผนการของตัวละครแต่ละตัวจะเปลี่ยนไปหมด แผนการของคนเขียนก็เปลี่ยนไปหมดด้วยเหมือนกัน ถือเป็นตอนที่เขียนยากตอนหนึ่งเลยทีเดียว แต่ก็หวังว่าจะให้ออกมาไหลลื่นสมเหตุสมผลที่สุด ซึ่งอาจจะต้องไปแก้ไขกันตอนรีไรท์ด้วยก็ได้
เหตุที่แอชไม่ยอมหนีไป นึกดูกับตัวเองแล้วก็รู้สึกว่าเป็นตัวอารมณ์ล้วนๆ เหมือนกัน (ถ้าเป็นพฤติกรรมผู้นำก็ถือกันว่าสอบตกราบคาบ) แต่เมื่อมองในมุมของแอชที่มีแผลในใจมาจากเหตุลอบสังหาร กับความตั้งใจที่แค่ไม่อยากให้ใครต้องบาดเจ็บล้มตายเพื่อตัวเอง ก็คิดว่านี่คงเป็นทางเลือกที่แอชตัดสินใจในชั่วขณะนั้น...ถึงจะทำให้ความพยายามของสามหนุ่มพังเลยก็เถอะ =__=a
อาเมียร์กับแอชจะเป็นอย่างไรต่อไป จะมีใครมาช่วยหรือไม่ ขอให้ติดตามในตอนต่อไปขอรับ
จากคุณ |
:
Anithin
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ธ.ค. 53 10:14:41
|
|
|
|