Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 22 - ตื่น ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9812163/W9812163.html
13
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9846618/W9846618.html
14
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9875051/W9875051.html
15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892519/W9892519.html
16
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9907488/W9907488.html
17
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9916888/W9916888.html
18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9927562/W9927562.html
19
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9939927/W9939927.html
20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9980469/W9980469.html
21
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10002038/W10002038.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne กับน้องแตมสำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - แหะๆ ก็ได้บู๊บ้างหลังจากสงบมานานละครับ ^^a


* * * * *


บทที่ ๒๒
ตื่น


“ขอทรงวางพระทัย นั่นเป็นเพียงเลือดวัวที่ได้มาจากในตลาดเท่านั้น” ราชองครักษ์เอ่ยอย่างเรียบเฉย ต่อเจ้าหญิงซึ่งร่ำร้อง “เจ้าคนทรายมันกลัวเลือด ไม่ทราบว่าองค์หญิงทรงทราบเรื่องนี้หรือไม่”

ไม่มีคำตอบจากเจ้าหญิงแอชลีนน์ เด็กสาวไม่แม้แต่จะมองเขา สายตาของเธอจดจ่ออยู่แต่กับภาพของเจ้าคนทราย ซึ่งเมื่อล้มลงก็ถูกนักรบหน่วยเรเวนเหวี่ยงแหลงครอบร่างอย่างปลา จัดการตามมาตรการคุมตัวที่แน่นหนายิ่งกว่าเพียงพันธนาการแค่มือหรือเท้า

“ขอทรงวางพระทัย” ชายหนุ่มย้ำคำเดิม ดังขึ้น แต่ละพยางค์หนักหน่วงเหมือนตอกค้อน “หากเขาสู้ต่อไม่ได้ เราก็จะไม่ฆ่าเขาเสียที่นี่ แต่พาตัวกลับไปคุมขัง รอการพิจารณาโทษตามเดิม”

“ไม่!” เด็กสาวสะบัดเสียงมาพร้อมกับใบหน้า “ท่านต้องพาเขาไปส่งท่านเบเรค! พร้อมกับรูอาร์คและชาลัวห์! การพิจารณาคดีของพวกเขาจะจัดขึ้นที่เคนมารา! นี่เป็นคำสั่ง!”

“ฝ่าพระบาทยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ บัดนี้อำนาจการตัดสินใจยังคงเป็นของท่านผู้สำเร็จราชการ” ดูลัสรู้สึกเหมือนตนกำลังหาข้ออ้าง...แม้ว่าสิ่งที่พูดออกไปจะเป็นความจริง

และมันก็เป็นความจริงที่ต้องย้ำเตือนไม่ใช่หรือ หากยังมิได้อภิเษกสมรส เจ้าหญิงก็ยังคงอยู่ในความดูแลของผู้สำเร็จราชการ ยังมิใช่ราชินีซึ่งสามารถออกพระบัญชาได้...ผ่านทางราชา

“ถึงข้าครองราชย์แล้ว...อำนาจในการตัดสินใจก็ไม่ได้เป็นของข้าอยู่ดี!”

ดวงเนตรสีน้ำตาลกราดเกรี้ยว คลอด้วยอัสสุชล ชายหนุ่มนึกสะท้อนในใจ...เจ้าหญิงน้อยวัยสิบสามชันษามองเขาเช่นนี้หรือเปล่าหนอ เมื่อเธอฝังเขี้ยวลงบนท่อนแขนของเขา เพราะเขาขัดคำสั่งของเธอ

“ในเมื่อทรงเข้าพระทัย กระหม่อมก็หวังว่าจะทรงยอมรับแต่โดยดี”

“แต่ข้าขอแค่เรื่องเดียว! เป็นเรื่องเดียวในชีวิตที่ข้าจะขอจริงๆ !” อีกฝ่ายยังคงร่ำร้อง “ดูลัส...ข้าไม่คิดจะไปกับเขาไกลกว่านี้เลย ขอแค่เขาปลอดภัย...ข้าก็จะกลับวัง ขอแค่ท่านยอมปล่อยเขาไป...ท่านจะให้ทำอะไรข้าก็ยอม ต่อให้ท่านขอเป็นราชา ข้าก็...”

คำพูดกลั้วสะอื้นกลับกลายเป็นเสียงครางแผ่วเบา ขณะที่ร่างของเด็กสาวทรุดงอลง

ครู่ต่อมา ชายหนุ่มเพิ่งรู้ตัว ...เขาบีบแขนของเจ้าหญิงเสียเต็มแรง

“ขอพระราชทานอภัย” เสียงพูดของดูลัสแข็งขัด “กระหม่อมไม่ใช่คนคดโกงที่ใครจะติดสินบนได้ ต่อให้เป็นพระองค์ก็ตาม”

ใช่ นี่ไม่ใช่วิธีที่เขาต้องการได้ครอบครองเจ้าหญิง ให้พระองค์เสนอตนเองเข้าแลกด้วยความห่วงใยไอ้คนทรายนั่น

“หากท่านเจ้ามณฑลยาร์ลาธประสงค์ให้ย้ายที่คุมขังและดำเนินคดีนี้ ก็ขอให้เขาถวายฎีกามาที่เมืองหลวงเอง เวลานี้ อำนาจในการคุมขังนักโทษยังคงเป็นของมณฑลหลวง...ของท่านผู้สำเร็จราชการ ตามหลักการ คดีเกิดที่ใด เจ้าหน้าที่มณฑลนั้นย่อมรับผิดชอบดูแล คดีนี้ท่านเสนาบดีตุลาการควบคุมโดยตรง ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้เท่ากับไม่ไว้หน้าท่าน”

ใช่ เขาต้องใช้เหตุผล ต้องทำให้พระองค์เข้าพระทัย ว่านี่เองคือเหตุที่การกระทำของพระองค์เป็นความผิด เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข ด้วยกฎเกณฑ์ ด้วยหลักการ นี่คือสิ่งที่คาดคะเนได้ว่าต้องเป็นไปตามนั้น

ทว่าคำถามต่อมาของเจ้าหญิงแอชลีนน์ต่างหาก ที่ดูลัสไม่ทันคาดโดยสิ้นเชิง

“ต่อให้พ่อของท่านตั้งใจฆ่าอาเมียร์...ท่านก็จะปล่อยให้เขาลงมืออีกครั้งหรือ!”

“ตรัสว่าอะไร”

“คนที่สั่งทรมานอาเมียร์กับชาลัวห์...คือพ่อของท่าน!” เด็กสาวตะโกน “อาเมียร์บอกว่าพระเถระมาดายพูดอย่างนั้น!”

ราชองครักษ์นิ่งงันไปเพียงแวบ...แม้ตนเองจะคาดการณ์ได้เช่นนั้น

“แล้วทรงเชื่อถือลมปากของคนทรายนั่นฝ่ายเดียวได้อย่างไร” กระนั้น ชายหนุ่มยังตั้งคำถาม “หากทรงเชื่อเรื่องที่มันอ้างฝ่ายเดียว ก็จะทรงเชื่อเรื่องที่กระหม่อมกราบทูลด้วยใช่ไหม...ว่ามันอาจจะใช้เวทมนตร์โกงให้กระหม่อมแพ้ชาลัวห์ในตอนนั้น!”

“ใช่สิ! ข้าจะเชื่อท่านทุกอย่าง! ขอแค่ท่านยอมปล่อยอาเมียร์ไป...ต่อให้ท่านบอกว่านกว่ายอยู่ในน้ำ หรือปลาบินอยู่บนฟ้า ข้าก็จะไม่แย้งท่านแม้แต่คำเดียว!”

ดูลัสคว้ามืออีกข้างของเจ้าหญิงแอชลีนน์ไว้ในทันที

ในกายนั้นพลุ่งพล่านกราดเกรี้ยว ทว่าเสียงที่ออกมากลับเยียบเย็นดุจนัยน์ตา ซึ่งมีสีเสมือนซีกหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งในอุลทูร์...ซีกที่ถูกครอบคลุมด้วยเงามืดเบื้องหลังแสงสว่าง

“ขอทรงเลิกทำพระองค์เป็นเด็กๆ เสียที” ชายหนุ่มสบตากับเด็กสาว พยายามใช้ความแน่วนิ่งของตนข่มประกายกราดเกรี้ยวไร้เหตุผลในนั้นลงให้ได้ “จะทรงร้องขอจนพระสุรเสียงแหบแห้งอย่างไรก็ได้ กันแสงอาละวาด ด่ากระหม่อมเป็นปีศาจต่ำช้าอย่างไรก็ได้ แต่กระหม่อมจะไม่มีวันปล่อยตัวคนทรายนั่นไปเด็ดขาด หากไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการจากท่านผู้สำเร็จราชการ”

“ดูลัส!” อีกฝ่ายยังคงร้องประท้วง ทั้งพยายามดิ้นรน สลัดสองแขนให้พ้นจากเงื้อมมือของเขาอย่างไร้ผล ทว่าราชองครักษ์ไม่ใส่ใจ เขาเพียงแต่หันไปทางนักรบหน่วยเรเวนกับราชองครักษ์อื่นๆ และออกคำสั่ง

“เอาตัวมันไป! เราเสียเวลามาเกินพอแล้ว!”

นักรบที่ยังคงตีวงล้อมร่างของอาเมียร์ในระยะห่างค่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างระแวดระวัง ...ภารกิจของพวกเขาใกล้เสร็จสิ้นแล้ว

แต่เมื่อนั้นเอง ที่ร่างของคนทรายซึ่งควรจะหมดสติไปแล้วกลับสั่นเทิ้ม รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ...เรื่อยๆ ...

...และไม่ช้า เสียงกรีดร้องโหยหวนดุจไม่ใช่มนุษย์ก็ดังก้องขึ้นในที่แห่งนั้น...


* * * * *


เมื่อแอชถูกดูลัสคุมตัวไว้ อาเมียร์ตระหนักแต่ว่าตนต้องสู้ ...ฝ่าพวกมันออกไป ช่วยพาเธอหนีไปให้จงได้

แต่นั่นกลับเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน

พวกชาวประมงตัวปลอมยังพอรับมือไหว โดยเฉพาะเมื่อพวกมันเข้ามาทีละคน ไม่ได้กรูเข้ามาพร้อมกัน ทว่าพวกนี้ยังผิดกับพวกที่เข้ามาสมทบภายหลัง ซึ่งแต่งกายอย่างเจ้าหน้าที่ท่าเรือ หรือนักรบที่เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นคนของฝ่ายใด...แม้จะเดาว่าคงเป็นคนของดูลัส

คนกลุ่มหลังล้วนแต่มีฝีมือดี...อาจไม่เกินไปหากจะบอกว่าดียิ่งกว่าทหารของกองทัพหลวงตามปกติ ซึ่งเขาเคยประมือด้วยในการทดสอบ ถ้าสู้กันตัวต่อตัวอาจชิงโอกาสฝ่าไปถึงตัวแอชและหลบหนีได้ไม่ยาก แต่ในเมื่อพวกมันตีวงเข้ามาทุกทาง ผลัดกันล่อหลอกโจมตี เด็กหนุ่มก็ไม่อาจทำได้ บางทีเขาไม่อาจห้ามความคิด...หากว่าตนเก่งกาจเหมือนท่านอา ทุกสิ่งคงง่ายดายได้ยิ่งกว่านี้

อย่างไรก็ดี อาเมียร์รู้ว่าเพียงความคิดไม่อาจช่วยอะไรได้ เขาไม่รู้จะหยุดต่อสู้ได้อย่างไร ต่อให้ใจด้านที่มีเหตุผลบอกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้เปล่าประโยชน์ ไม่มีทางที่เขาจะเข้าถึงตัวดูลัสและช่วยแอชได้ ไม่มีทางที่เขาจะโค่นล้มคนทั้งกลุ่มได้ โดยไม่ทำให้ใครบาดเจ็บขั้นรุนแรง หรือตายไปเสียก่อน

ไม่มีทาง ไม่มีทาง

คงเมื่อนั้นเอง ขณะที่รบกับทั้งกลุ่มคนติดอาวุธ และความรู้สึกสิ้นหวังของตน ที่ของเหลวข้นเย็นกลิ่นคาวสาดกระทบร่าง แทบดับความคิดทุกอย่างลงสิ้นเชิง

เหลือเพียงผัสสะ...ความคลื่นเหียน...เสียงแว่ว...ภาพสีแดง

น้ำสีแดงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทะเลโลหิตกำลังดึงให้เขาจมลง...จมลงไป

จมดิ่ง ตาเห็นภาพสีแดง หูได้ยินเสียงกรีดร้อง จมูกคลุ้งกลิ่นเหม็นคาว รสเหล็กฝาดเฝื่อนอัดแน่นเต็มลำคอและช่องปาก

สติของเด็กหนุ่มแทบดับไปแล้ว...หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเสียก่อน เสียงที่เป็นเหมือนมือสีขาวท่ามกลางทะเลสีแดง มือที่ฉุดรั้งขึ้นมา

“อาเมียร์!”

...แอช?...

ความมืดสีแดงค่อยๆ พร่าเลือน เป็นภาพของเด็กสาวที่กำลังดิ้นรนสุดแรงจากชายอีกคน...ดูลัส อาเมียร์พยายามขยับตัว แต่ไม่ได้...รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ ทับอยู่ ไม่สิ...รัดพันร่างกาย ...ตาข่ายสีดำๆ...

แห?

เด็กหนุ่มเองพยายามดิ้นรน แต่ก็เหมือนร่างกายยิ่งกว่าหนักอึ้ง สติที่เหลืออยู่เลือนรางบอกว่าดิ้นจากแหไปก็เปล่าประโยชน์ มีแต่จะทำให้เส้นใยเหนียวพันยุ่งเหยิง ดาบตัดมันไม่ขาด มือของเขาก็แหวกมันออกไปไม่ได้

เท่ากับพ่ายแพ้จริงๆ แล้วใช่ไหม

ท่านจะยอมให้เป็นอย่างนี้หรือ เจ้าชาย เสียงลึกลับทว่าเคยคุ้นกลับดังแว่วขึ้นในศีรษะ จะยอมจำนน ทั้งๆ ที่ท่านมีอำนาจเหนือกว่าพวกมันมากมาย จะยอมให้เกิดโศกนาฏกรรม ทั้งๆ ที่ท่านอยากยับยั้งพวกมัน...ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมไม่ใช่หรือ...

ภาพที่ผ่านสายตาพลันแปรเปลี่ยน ต่อเนื่อง รวดเร็ว ...เสด็จพ่อกลางวงล้อมของพวกนักรบสวมหน้ากาก ...แม่ที่อุ้มนาสิรา อยู่กลางวงล้อมของชาวทะเลทรายโพกผ้าถือดาบโค้ง ...เหล่าพี่หญิงของอารามฮอว์ธอร์นและแม่เล็กของเขา...ซึ่งถูกฆ่าฟันในแสงสว่างเบื้องนอก ขณะที่เขาขดตัวอยู่ในความมืด

ใช่... อาเมียร์...ไม่สิ...ทัมมุซไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว

เช่นนั้นก็ใช้พลังสิ... เสียงเล็กๆ ของเด็กชายเอ่ยฮึกเหิม ใช้พลัง สังหารพวกมัน ชิงผู้หญิงของเจ้าคืนมา

ร่างของเด็กหนุ่มกระตุกเฮือก รู้สึกเหมือนมีสิ่งหนึ่งไหวรัววิ่งพล่านในร่าง มันแล่นจากอกไปยังแผ่นหลัง ประหนึ่งฝูงงูใหญ่เลื้อยอยู่ในกระแสโลหิต

และระเบิดออกมา

เขากรีดร้อง ความเจ็บปวดประดังราวกับแผ่นหลังฉีกขาดเป็นริ้วใหญ่...เป็นแผลเหวอะหวะเหมือนกับภาพของแม่ในความฝัน

สิ่งที่กระชากเนื้อหนังออกมาคือปีกสีดำ ปีกซึ่งมีรูปทรงคล้ายปีกค้างคาว มีขนพลิ้วไหวเหมือนนก แต่ที่แท้ประกอบขึ้นจากหมอกควันมืดมัว

ปีกนั้นแผ่สยาย เส้นขนดำพร่าเลือนคมกริบยิ่งกว่าดาบใดๆ กรีดตัดเส้นใยแหจนกระจุยกระจาย พาร่างของเขาให้ลุกขึ้นยืน ยังผลให้วงของนักรบที่รุมล้อมอยู่แตกกระจายทันทีพร้อมเสียงอุทาน

สีแดงยังคงอาบคลองจักษุ แต่ไม่ใช่แดงที่ทำให้คลื่นเหียนสิ้นพลังอีกต่อไป มันแดงอย่างผ้าที่มีไว้ล่อวัวกระทิง เร่งเร้าโทสะให้คุกรุ่น กราดเกรี้ยว

ดี จากนี้ก็สังหาร

เด็กหนุ่มไม่คัดค้านคำนั้นแม้แต่นิดเดียว

หรือพูดให้ถูก...อาเมียร์ไม่เหลือสติที่จะคัดค้านคำคำนั้นของ ‘เจ้าชายทัมมุซ’ อีกต่อไป


* * * * *


ดูลัสเบิกตาโพลงกับภาพไม่คาดฝันเบื้องหน้า

จู่ๆ คนทรายที่เขาคิดว่าถูกเลือดสาดหน้าจนสิ้นฤทธิ์ก็กลายร่างเป็นปีศาจมีปีก ทำลายแหจนยับเยิน ก่อนจะลุกขึ้นยืน นัยน์ตาสีทองส่องประกายเจิดจ้า แลตรงมาอย่างมาดร้าย

ราชองครักษ์หนุ่มสาบานได้...ว่ามันไม่ได้ขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ขณะที่ทั้งราชองครักษ์คนอื่นๆ และนักรบหน่วยเรเวนของเขาทรุดลงร้องโหยหวนบนพื้น ดิ้นทุรนทุราย และกุมลำคอของตน

เกิดอะไรขึ้น

ดูลัสไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ อย่างพวกเขา ชายหนุ่มยังยืนนิ่งได้เป็นปรกติ ยึดแขนของเจ้าหญิงแอชลีนน์ซึ่งเงียบค้างไป รู้สึกราวกับภาพตรงหน้าเป็นละครมายาที่ตนไม่มีวันเข้าใจ

เขารู้เพียงว่าหากปีศาจร้ายมีจริง...มันก็กำลังอวดโฉมหน้าและศักดาอยู่ต่อหน้าต่อตาเขานี่เอง

“อาเมียร์!”

เป็นเจ้าหญิงที่เคลื่อนไหวก่อน และสะบัดตนเองออกจากการเกาะกุมของเขา ...ก่อนองครักษ์หนุ่มทันไขว่คว้าเธอกลับมา

“องค์หญิง! อันตราย!” ดูลัสตะโกน แต่ก็ราวกับเสียงของเขาไปไม่ถึงเธอ ครั้นจะก้าวตาม ฝ่ามือทั้งสองก็เหมือนปะทะกับกำแพงที่มองไม่เห็นข้างหน้า

ได้แต่มอง ขณะที่เด็กสาววิ่งออกไป ผมซึ่งเป็นอิสระจากช้องผมแล้วปลิวสยายตามการเคลื่อนไหว

เธอตรงเข้าโผกอดปีศาจปีกสีดำนัยน์ตาทองที่ยืนนิ่งอยู่กลางลาน ท่ามกลางเหล่าผู้คนที่เจ็บปวดทรมานและกำลังจะตาย


* * * * *


แอชลีนน์รู้เพียงว่าตนต้องหยุด หยุดสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นให้จงได้

“อาเมียร์! ไม่ได้นะ! ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้!” เด็กสาวร่ำร้องขณะโอบรอบไหล่ของเด็กหนุ่มไว้แน่น หวังให้เสียงของเธอส่งผ่านไปถึงเขา “อย่าฆ่าใครเลยนะ...ท่านไม่อยากฆ่าคนไม่ใช่หรือ ท่านเป็นคนบอกเองนี่...ว่าการฆ่าไม่ว่าด้วยเหตุไหนก็ถือเป็นความผิดทั้งนั้น!”

ปฏิกิริยาตอบรับของเขามีเพียงการยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบแผ่นหลังของเธอ รั้งร่างของเจ้าหญิงเข้ามาแนบชิดอย่างหวงแหน ทั้งๆ ที่สายตายังคงทอดมองไปโดยรอบอย่างเย็นชา ต่อหน้าผู้คนที่กำลังจะตาย...ด้วยอำนาจอนธการของตน

“ไม่นะ” แอชลีนน์สั่นศีรษะ สองมือเอื้อมขึ้นแตะข้างแก้มของเขา โน้มใบหน้าของอาเมียร์ลงสบตากับเธอ “ต่อให้เพื่อข้า...ก็อย่าฆ่าใคร ข้าไม่อยากให้อาเมียร์ต้องเสียใจ พอเถอะนะ...”

นัยน์ตาสีทองดูเหมือนจะหวั่นไหวไปวูบหนึ่ง

“ไม่มีใคร...อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องกลายเป็นปีศาจหรอก” เด็กสาวกระซิบ ทั้งน้ำตาที่ไหลอาบหน้า “พอเถอะนะ...ทัมมุซ”

เจ้าหญิงยืดกายขึ้น ให้ริมฝีปากของตนสัมผัสกับริมฝีปากของเจ้าชายแห่งความมืด พร้อมกับหลับตา...

เธอมองไม่เห็นแววตาเบิกกว้างตะลึงงันของเขา... หรือต่อให้ลืมตาอยู่ ม่านน้ำตาก็คงบดบังภาพรอบด้านจนสิ้น แต่แอชลีนน์เหมือนจะรู้สึกได้ ความกดดันคุกคามอย่างประหลาดค่อยๆ เจือจาง ครั้นแล้วก็อันตรธานหายไป ไม่ช้า...มือที่เคยโอบรัดแผ่นหลังของเธอก็คลายแรง ก่อนจะตกลงข้างกาย

และสุดท้าย ร่างกายของอาเมียร์ก็อ่อนยวบลงในอ้อมแขนของเธอ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนร่างบอบบาง ซึ่งพยายามหยัดยืนรับไว้ทุกๆ สิ่ง

...ทั้งน้ำหนักของร่างกาย และน้ำหนักของหัวใจ...


* * * * *

แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 53 22:42:46

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 22:41:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com