ความคิดเห็นที่ 1 จัดกระเป๋าคู่ชีพสองใบเสร็จ เราก็พร้อมลุย วันแรกนี่เหนื่อยน่าดูเพราะบินแต่เช้าตีห้าเพื่อจะไปถึงกัวเตมาลาตอนเที่ยงๆ ภูมิประเทศที่เห็นจากตอนอยู่บนเครื่องบินดูแปลกตา ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูง มีแม่น้ำสายใหญ่ลดเลี้ยวพาดผ่าน ไม่แปลกใจเลยที่แถบนี้เป็นแถบที่มีอัตราการเกิดแผ่นดินไหวสูง ขนาดบินผ่านแวบๆเจ้าภูเขาไฟที่ยังแอคทีฟก็ยังอุตส่าห์พ่นควันปุ๋ยๆออกมาให้เห็น แอบถ่ายภาพไว้ได้ด้วย สนามบินที่นี่เล็กทางออกมีทางเดียว เลยไม่หลงกันถึงแม้ว่าไฟท์จะมาจากคนละที่ ภาพบรรยากาศสนามบิน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:56:37

ความคิดเห็นที่ 2 ทริปนี้เรามีรถส่วนตัวพร้อมคนขับที่จะไปกับเราตลอดทาง พี่คนขับชื่อ Eric ขับรถแวนใหญ่นั่งได้แปดคนสบายๆมารับ จุดหมายแรกคือเมืองแอนติกัว เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบบารอคที่ยังเหลือรอดมาจากสมัยโคโลเนียล เมืองแอนติกัวนี้อยู่ห่าง Guatemala City ไปราว 45 กม. ด้วยความที่เมืองแอนติกัวนี้ร่ำรวยคุณค่าด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม องค์การยูเนสโกจึงได้ประกาศให้เมืองแอนติกัวเป็นหนึ่งใน World Heritage Site ในปีคศ. 1979 ขับรถออกจากกัวเตมาลาซิตี้ไปแอนติกัวนี่ก็ใช้เวลาพอประมาณ เมืองหลวงเค้าดูสบสนวุ่นวายยุ่งเหยิงใช่ย่อย บรรยากาศก็คล้ายๆบ้านเรา อาจจะซักห้าถึงสิบปีที่แล้ว มีร้านสองข้างทางเป็นคูหาๆ มีประตูกรงเหล็กกันโขมย การจราจรก็ติดขัด คนก็ขับรถไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ดีที่พี่เอริคขับรถได้เรียบร้อย น่าปลื้มมากๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:56:58

ความคิดเห็นที่ 3 มาถึงแอนติกัวเราก็ได้เข้าห้องล้างหน้าล้างตาหลังจากที่เยินกันมานาน Hotel Casa Florencia ที่เราจองเป็นโรงแรมเล็กๆน่ารัก จากระเบียงหน้าห้อง มองไปจะเห็นภูเขาไฟด้วย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:57:14

ความคิดเห็นที่ 4 เก็บกระเป๋าเสร็จก็มีไกด์ส่วนตัวมาพาเที่ยวชมเมือง คุณไกด์เริ่มจากพาไปที่ Mirador la Cruz ซึ่งเป็นจุดชมวิวจากยอดเขาเป็นจุดแรก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:57:33

ความคิดเห็นที่ 5 เมืองแอนติกัวนี้อยู่ท่ามกลางภูเขาไฟสามลูกคือ Agua (น้ำ), Fuego (ไฟ) และ Acatenango (มีสองยอด) จากจุดชมวิวนี้เราจะมองเห็นวิวของเมืองแอนติกัวทอดไกลจรดภูเขาอีกลูกเลยทีดียว คุณไกด์เลือกโลเคชั่นบิวด์อารมณ์ได้เหมาะเจาะแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแอนติกัวทันใด จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:57:52

ความคิดเห็นที่ 6 ภาษาอังกฤษคุณไกด์ทรมานจิตใจเล็กน้อย โน้ตที่จดมาได้ก็เลยมึนๆ ต้องพึ่งเทียบเคียงกับวิกิเล็กน้อยเพื่อความชัวร์ เรื่องก็มีอยู่ว่า แอนติกัวนี้อยู่ในบริเวณ Panchoy Valley เป็นเมืองหลวงเมืองที่สามของกัวเตมาลาหลังจากมีการโยกย้ายมาถึงสองครั้งสองคราเพื่อหนีน้ำท่วมและแผ่นดินไหว ชาวสเปนที่เข้ามายึดครองดินแดนแถบนี้ตั้งแอนติกัวขึ้นเป็นเมืองหลวงในปี คศ.1543 แอนติกัวได้เป็นเมืองหลวงมายาวนานราวสองร้อยปี แม้ว่าระหว่างนั้นจะมีแผ่นดินไหวสร้างความเสียหายนใหญ่ๆให้อยู่หลายครั้งหลายคราก็ตาม จนกระทั่งถึงปี คศ. 1773 ที่เมืองถูกแผ่นดินไหวได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนต้องย้ายไปตั้งเมืองหลวงใหม่ที่อื่นในที่สุด ช่วงที่สเปนเข้ามายึดครองได้มีการสร้างโบสถ์แคทอลิกและสถาปัตยกรรมแบบบารอคไว้มากมายในเมืองแอนติกัว ซึ่งยังเหลือรอดมาให้เราได้เห็นอย่างน่าอัศจรรย์ หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้รักษาสภาพเมืองไว้ได้ราวกับหยุดเวลาไว้ในสมัยโคโลเนียลก็คือการตัดสินใจย้ายเมืองหลวงในปีคศ. 1773   ด้วยความที่ย้ายเมืองหลวงไปที่อื่น ความเจริญก้าวหน้ายังรุกล้ำเข้ามาถึงแถบนี้ได้ไม่มากนัก ดังนั้นสถาปัตยกรรมใดๆที่หลงเหลือจากแผ่นดินไหวก็ยังคงสภาพไว้อย่างนั้นจวบจนกระทั่งทุกวันนี้ จนทำให้เมืองแอนติกัวในปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็น world heritage site และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักแห่งหนึ่งของกัวเตมาลา ไกด์เล่าว่าปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ในแอนติกัวเป็นชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจ แต่ก่อนนั้นเมืองแอนติกัวมีชื่อเสียงด้านการทำไร่กาแฟ ไร่ฝ้าย ทำเซรามิก ทำเครื่องประดับจากหยก ปัจจุบันเน้นการทำไร่กล้วยและไร่อ้อยเพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูปเป็นน้ำตาล รูปเด็กๆตั้งใจฟังคุณไกด์ที่เมาท์แตกลากไม่หยุดฉุดไม่อยู่ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:58:13

ความคิดเห็นที่ 7 กลับเข้ามาในตัวเมืองได้เดินชมโรงแรมหรูๆหลายๆที่ก็เห็นได้เลยว่าชาวต่างชาติที่มาอยู่ที่นี่คงมีฐานะร่ำรวยกันจริงๆ เช่นที่ถัดไปที่เราได้ไปแวะชมอย่าง Hotel Casa Santo Domingo ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรมหรูอันดับต้นๆของเมืองแอนติกัว โรงแรมนี้เดิมคือ Santo Domingo Monastery สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สวยงามยังคงถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี แม้จะมีการแต่งเติมให้บรรยากาศทันสมัยขึ้นเล็กน้อยเพื่อใช้เป็นโรงแรม จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:58:36

ความคิดเห็นที่ 8 โรงแรมสวยขนาดนี้ เหมาะกับการจัดเลี้ยงต่างๆ เห็นมุมหนึ่งมีจัดเตรียมไว้เป็นสถานที่แต่งงานแบบ outdoor ด้วย สวยจริงหรือไม่ดูภาพมุมนี้ซะก่อน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:59:03

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากบรรยากาศสวนแบบเก่าๆที่แสนจะมีสเน่ห์ ที่โรงแรมก็ยังมีนก macaw เลี้ยงอยู่หลายตัว ส่งเสียงเถียงกันดังลั่นไม่หยุดหย่อน บางมุมสวนทางโรงแรมจัดให้เป็นมุมขายของพื้นเมืองที่สีสันสดใสไม่แพ้นกแก้ว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:59:44

ความคิดเห็นที่ 10 และที่ทำให้เราตาเยิ้มกันเป็นแถบก็คือร้านช็อกโกแลตชั้นเยี่ยมที่ประเดิมเงินกัวเตมาลา (quetzal ) ออกจากกระเป๋าเราไปเป็นที่เรียบร้อย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 14:59:59

ความคิดเห็นที่ 11 จากนั้นก็ไกด์กดสูตรเล็กน้อย พาไปลงที่พิพิธภัณฑ์หยก มีสาวน้อยมาเล่าเกี่ยวกับหยกให้ฟัง ให้ดูตัวอย่างหยกรูปแบบต่างๆ และการเจียรให้เป็นรูปร่างที่ต้องการ หยกนั้นมาจากแร่ได้สองชนิดคือ Nephrite หรือ Jadeite Nephrite นั้นส่วนใหญ่จะมีสีเขียว แต่ Jadeite นั้นสามารถเป็นสีอะไรก็ได้ Jadeite มีราคาแพงและหายากกว่า ในโลกนี้พบได้แค่ที่กัวเตมาลา อเมริกา สวิส คาซัคสถาน ญี่ปุ่น และ พม่า เท่านั้น ในสมัยมายัน หยกนี้จำกัดไว้เฉพาะชาวมายันชั้นสูงเท่านั้น การขุดพบทางโบราณคดีทำให้พบว่ามีการทำหน้ากากหยกใส่ให้ศพของราชวงศ์ก่อนจะทำการฝังด้วย ที่พิพิธภัณฑ์หยกนี้ก็มีแบบจำลองของหยกที่ขุดพบ ณ แหล่งโบราณคดีต่างๆมาแสดงไว้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:00:20

ความคิดเห็นที่ 12 จากนั้นเราก็ออกท่องตัวเมือง ชมโบสถ์วิหารต่างๆตึกรามบ้านช่องของที่นี้ส่วนมากจะเป็นชั้นเดียวหรือสองชั้น ไม่มีตึกสูงๆบดบังทัศนียภาพเท่าไร สีสันก็มักจะตัดกันฉับๆ น่าจะถ่ายรูปขึ้น เสียแต่เรามากันเย็นไปหน่อยแดดหมดแล้ว ฟ้าไม่แจ่มแสงเลยออกมาไม่สวยเท่าที่ควร แน่นอนว่ามาถึงแอนติกัวเราก็ต้องไปถ่ายรูปที่ The Arch of Santa Catalina อันเลื่องชื่อ โค้งประตูนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของ Santa Catalina monastery ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ก่อนที่จะถูกแผ่นดินไหวทำให้เสียหายอย่างหนักจนเหลือแต่โค้งประตูที่เห็นนี้ ถ้าสังเกตถนนจะเห็นว่าทำเป็นถนนหินทั้งหมด (นั่งรถนี่สะเทือนมากๆ) กลางถนนมีแถบๆทำเป็นร่องระบายน้ำตอนฝนตก แต่ไกด์บอกว่าเวลาฝนตกเข้าจริงจะกลายเป็นมีแอ่งน้ำกลางถนนให้ข้ามลำบากแทน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:00:39

ความคิดเห็นที่ 13 โบสถ์หลายๆแห่งในเมืองนี้ประสบชะตากรรมคล้ายคลึงกัน นอกจากจะโดนแผ่นดินไหวแล้วก็ยังผุพังไปมากตามกาลเวลา หลายๆที่เหลือแต่ façade ด้านหน้าอย่างเดียวไว้ให้ชม จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:00:57

ความคิดเห็นที่ 14 เดินผ่านตรอกซอกซอยก็จะได้เห็นความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมือง รวมไปถึงวัฒนธรรมจะวันตกที่รุกล้ำเข้ามา รถส่งพิซซ่าที่นี่เป็น 1730  มีโลโก้บอกยี่ห้ออันคุ้นตา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:01:15

ความคิดเห็นที่ 15 เดินไปเดินมาก็เข้าสู่บริเวณใจกลางเมือง แน่นอนว่าเต็มไปด้วยโบสถ์เก่าๆ และสถานที่ราชการ อย่างอันนี้คือ Catedral de San José หรือ Antigua Guatemala Cathedral จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:01:38

ความคิดเห็นที่ 16 โบสถ์นี่ไปหลายอัน แทบจะจำไม่ค่อยได้ว่าอันไหนเป็นอันไหน อย่างในรูปนี้ขวาบนคือ San Francsico el Grande จตุรัสกลางเมืองมีที่ซักผ้าสาธารณะ (ขวาล่าง) ไว้ให้ประชาชนมาใช้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:01:56

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นจตุรัสกลางเมืองทั้งที ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นน้ำพุ ที่นี่แอบสร้างสรรค์ ปกติจะเห็นแต่เด็กฉี่ แต่คราวนี้เราได้เห็นน้ำพุ่งออกจากปทุมถันของสาวๆ กันมั่ง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:02:39

ความคิดเห็นที่ 18 สวนสาธารณะตรงจตุรัสกลางเมือง มีสาวๆมาขายผ้าทอมือ ว่างๆก็จับกลุ่มเมาท์กันไปตามประสา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:03:47

ความคิดเห็นที่ 19 จากนั้นไกด์จึงพาไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ชั้นสองของโรงแรม Posada de Don Rodrigo วิวข้างบนสวยเชียว แต่ไปช้าไปนิด พระอาทิตย์มุดหลบหลังภูเขาไฟไปเรียบร้อยแล้ว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:04:07

ความคิดเห็นที่ 20 จากนั้นก็ถึงเวลาสำคัญของวัน คือเวลาอาหารเย็น ไกด์แนะนำสองสามร้าน จริงๆ โรงแรม Posada de Don Rodrigo ก็ดูบรรยากาศดี มีเล่นมาริมบา (Marimba) เครื่องดนตรีประจำชาติของกัวเตมาลาขับกล่อม แต่เผอิญเราค้นคว้ามาดี โลนลี่บอกว่าจากที่เคยเจ๋งตอนนี้ตกต่ำแล้ว เราก็เลยชิ่งออกมา อยากไปกินร้านพื้นเมืองๆหน่อย เดินหาตั้งนานปรากฏว่าปิด ก็เลยต้องหิ้วท้องกิ่วๆกลับไปกินร้านแถวๆจตุรัสกลางเมืองแทน อาหารที่นี่จะคล้ายๆอาหารเม็กซิกัน แต่ไม่เผ็ด เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ย่างเตาถ่านมาร้อนๆ เสิร์ฟมาพร้อมถั่วดำบด กัวคาโมลี (ที่แสนจะถูกใจพวกเราผู้ชื่นชอบอโวคาโด) แป้ง tortillas และ กล้วยทอด (plantains) ที่เห็นเป็นซุปไก่คือ Chicken Pepian ที่นี่คงฮิตมากเพราะมีในเมนูทุกร้าน แถมเวลาถามไกด์ ทุกคนก็แนะนำให้ลอง คล้ายๆมาเมืองไทยต้องลองต้มยำกุ้งกระมัง ซุปไก่นี้เข้มข้น รสชาติดี เราบรรยายไม่ค่อยถูก เปิดเน็ตดูเค้าเขียนไว้ว่าเป็น Chicken in spicy pumpkin and sesame sauce จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:04:29

ความคิดเห็นที่ 21 ที่ต้องแยกมาโชว์ต่างหากก็คือขนมหวาน เราสั่ง Flan (คล้ายๆคัสตาร์ด) ราด เมเปิ้ลไซรัป แล้วก็ crepe สตอเบอรรี่ อร่อยปลาบปลื้มมากๆๆๆๆ อิ่มสบายแล้วก็กลับโรงแรมนอน เตรียมพร้อมลุยในวันต่อไป ตอนหน้าจะได้ฤกษ์พาชมเมืองโคปานหนึ่งในเมืองโบราณที่เคยรุ่งเรืองที่สุดของชาวมายาแล้วล่ะค่ะ พลาดไม่ได้นะค้า จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:04:47

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับคนที่ติดใจทริปอิยิปต์ ตอนนี้ Mnemosyne ทำบล็อกใหม่กับเพื่อนๆ ลงรูป high quality และตัดต่อเป็นช่องการ์ตูนให้อ่านง่ายค่ะ ใครสนใจติดตามได้ที่ mevblog.com นะคะ นอกจากพาเที่ยวต่างประเทศแล้วยังมีพาเที่ยวไทยและแนะนำร้านอาหารด้วยค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 53 15:10:16

ความคิดเห็นที่ 23 ภูมิประเทศเขาสวยนะคะ สนใจอาหารเป็นพิเศษเหมือนเดิมค่ะ ซุปไก่หน้าตาคล้ายแกงไก่เลย จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 01:09:47

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ละประเทศนี่มีเสน่ห์คนละแบบนะคะ ขนาดกัวเตมาลาไม่ค่อยดังสำหรับคนไทยก็สวยดีเหมือนกัน จากคุณ : thezircon (thezircon) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 10:57:18

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ กุลธิดา (kdunagin) ขอบคุณนะคะที่แวะมาเมนท์ นึกว่าเพื่อนๆถนนฯจะลืมกันไปหมดแล้ว อาหารจะออกมาอีกเรื่อยๆค่า มีวันนึงได้ไปกินร้านของเชฟอาหารฝรั่งเศสมือวางอันดับหนึ่งของกัวเตมาลาด้วยนะคะ คุณ thezircon (thezircon) ใช่เลยค่ะ แต่ละที่ถึงคล้ายก็ไม่เหมือน อย่างไปมาครบทั้งเปรู เมกซิโก กัวเตมาลา ส่วนที่คล้ายคลึงกันก็มีอยู่มาก ทั้งอาหาร งานหัตถกรรม และสถาปัตยกรรมหลายๆอย่าง อาจด้วยเพราะเป็นเมืองขึ้นสเปนเหมือนกัน แต่ยังไงแต่ละที่ก็ยังมีสเน่ห์ในแบบของตัวเองทำให้เราต้องไปเก็บให้ครบ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 12:39:42

ความคิดเห็นที่ 26 เฮ้อ เป็นอิจฉาอีกแล้วค่า บางมุมสวยจริงๆ เลยเน้อ ที่สำคัญ อยากกิน น้ำลายสอจังค่ะ จากคุณ : scottie เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 53 21:19:53