Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...Dragon Delivery...#17 (1/5) ติดต่อทีมงาน

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9480037/W9480037.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9697712/W9697712.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9915681/W9915681.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9989714/W9989714.html
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10043028/W10043028.html

###

แมวแป้ง @ ยกที่นอนแมวมาให้ละกันนะ

คุณกาปอมซ่า @ นั่นสินะคะ :)

แพร @ แกก็เป็นงั้นจริง ๆ นี่นา...

เป้ @ เขาเรียกใช้พิษแก้พิษสินะนั่น...

คุณริเวอร์ @ คนเขียนก็คิดถึงเหมือนกันค่า T-T

ทินา @ เริ่มเห็นภาพลุงถูกชาวบ้านลุกฮือประท้วงยังไงไม่รู้แฮะ

อนิธิน @ นั่นสิ  ตั้งแต่เขียนมาเพิ่งเคยเห็นตัวร้ายถูกไล่ขนาดนี้แหละตัวเอง

คุณสาวไกด์ @ มาต่อละค่า ^^

หน่าจัง @ เออ...ว่าไปพวกนี้ใส่สมญาแล้วก็ดูหรูผิดหูผิดตาจริง ๆ แฮะ

คุณ chaiyanun @ ได้ยินเทย์ฟูมฟายแหกปากมาว่า "ทุกคนรังแกข้าาา" อะค่ะ

คุณ canossa @ โอ๊ะจริง ๆ ด้วยผู้ชายบ้านนี้ประสบวิกฤตอาหารที่ไม่ได้คาดคิดซะแล้ว - -''

คุณ nutxnut @ ซีมาร์ตนี่ใครเหยอตัวเอง 0_0?

พี่โร @ ค่ะ  แล้วคนอื่น ๆ ก็กำลังจะตามไป (มั้ง...)

คุณ scottie @ แหม่  มันต้องมีประโยชน์สิขอรับ

อมมี่ @ อา...ลุงไซธีนในดินแดนสนธยาของยายนานา...

เบ๊บ @ ท่านตาน่ารักมานานแล้วเน่อ > <

คุณแก้วกังไส @ เอ่อ...จริง ๆ มาอ่านก็ดีใจแล้วคับ

น้องธาร @ เอ่อ...คนของข้า

คุณวารี @ จะจบแล้วต้องเครียดหน่อยเน้อ  นี่พยายามไม่ให้เครียดมากแล้วนะขอรับ > <'
นั่นสิ...ถ้าเป็นเวลาปรกติตาเทย์มันจะทำอะไรแก้เขินหว่า...

###

The Case of the Shop Owner's Death

###

๑.

โซลโทพบว่าตัวเองอยู่บน...พื้น

ชั่วขณะหัวของเขาว่างเปล่าอย่างยิ่ง   คล้าย ๆ เพิ่งหลับยาวนานแล้วค่อยตื่นขึ้นมา   ชายหนุ่มงุนงง  เกิดอะไรขึ้น  เหตุใดจึงมานอนบนพื้นได้  เมื่อครู่เขากำลังจะทำอะไร

ครั้นแล้วเจ้าของร้านเอชานก็คิดว่าตนนึกออกแล้ว   เมื่อกี้เขาอยู่ที่หอไอดา  กำลังไปตามเรนากลับบ้าน   ที่จริงเขายังคิดด้วยว่าก่อนกลับบ้านจะพาเธอไปเลี้ยงขนม   โซลโทชอบเลี้ยงขนมเรนามาก   รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น  อีกอย่างหนึ่ง วันนี้เพิ่งมีลูกค้าเล่าให้เขาฟัง...มีร้านขนมอบเปิดใหม่ในเมือง  ทำขนมฤดูหนาวรูปกลม ๆ ที่ข้างในมีไส้ข้นเยิ้มหอมหวาน   เพียงเอาส้อมจิ้มลงไปก็จะละลายร้อนกรุ่นออกมา  โซลโทฟังจนน้ำลายยืด  ในใจย่อมคิดว่าต้องพาเรนาไปกินให้ได้   และต้องซื้อกลับมาฝากท่านเจวานด้วย

สรุปว่าเขาอยู่ที่หอไอดา  จะมาพาเรนาไปกินขนม  และที่อยู่บนพื้นนี่คง...หกล้มไปกระมัง

ท่านเจ้าของร้านคิดได้อย่างนั้นก็หน้าแดง   รู้สึกเขินที่ซุ่มซ่ามต่อหน้าคนรัก   ที่จริงระยะหลังนี้เขาพยายามไม่ซุ่มซ่ามแล้ว   ท่านชายสอนมา   ท่านชายบอกว่าหากไม่ทำตนให้ดูดีเป็นหลักเป็นฐาน   ผู้หญิงจะคิดว่าใช้การไม่ได้  แต่นึกอีกที...เขาล้มตั้งนานยังไม่ได้ยินเสียงเรนาว่าอะไร   คงไม่ได้ไปแหมะให้เธอเห็นคาตากระมัง

พอคิดได้อย่างนั้นโซลโทจึงเร่งยันร่างขึ้น   นึกในใจว่าต้องรีบปัดเนื้อปัดตัวกลบเกลื่อนหลักฐานโดยไว   กระนั้นพอลุกได้จริง ๆ   ยังไม่ทันทำอะไร  ชายหนุ่มก็นิ่งไป

...ที่นี่ไม่ใช่หอไอดา

ไม่มีพื้นปูพรมอย่างดี   ไม่มีชั้นหนังสือสูงถึงเพดานรายลึกเข้าไป   ไม่มีหนังสือมหาศาล   ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้   ที่สำคัญ...ไม่มีเรนา

โซลโทพบว่ารอบกายเขาเป็นสถานที่ประหลาด  ดูคล้ายถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นทราย   ท้องฟ้าเป็นสีเหลืองเข้มคล้ายตอนจะมีพายุเข้า   ภูมิประเทศรอบตัวแห้งแล้งเวิ้งว้าง   สองข้างถนนมีแต่ต้นไม้หงิก ๆ งอ ๆ ที่ไม่มีใบ  หมอกบางตกปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง   บอกไม่ถูกว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน

ชายหนุ่มกะพริบตาอยู่สองสามครั้งจึงได้ยกมือขึ้นขยี้  แต่แม้ขยี้อย่างไร   ที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่กลายเป็นอย่างอื่นอยู่ดี   เขาจึงลุกขึ้นยืน  ลูบต้นคองง ๆ  ...โลกในใจของใครหรือเปล่า...ชายหนุ่มถามตนเองต่อไป   อย่างไรก็ตาม โซลโทค่อนข้างแน่ใจว่านี่ไม่ใช่โลกของเรนาหรือท่านชาย   ที่นี่ไม่ใช่เมืองเอลิส   และท่านชายก็ชอบต้นไม้ยิ่งนัก  ก่อนนี้เขาเคยปลูกต้นไม้ได้แต่ในบทกวี   ดังนั้นจึงทนเขียนอะไรที่ไม่มีสีเขียว ๆ บ้างไม่ได้   ...ว่าไป โซลโทก็เริ่มแน่ใจว่าถ้านี่เป็นโลกในใจของใครจริง   เขาคงไม่ใคร่อยากอ่านหนังสือของคนคนนั้นนัก   มันออกจะ...แห้งเกินไป

ระหว่างที่ยังคงยืนงง ๆ อยู่นั้น   ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่ามีเงาร่างผ่านไปมา   เขาสะดุ้ง  ถดถอยไปเล็กน้อย   ครั้นแล้วก็เริ่มรู้สึกขนลุกเกรียวตลอดสันหลังจรดต้นคอ...สิ่งที่เห็นดังกล่าวดูคล้ายเงาคน   ทว่าบัดเดี๋ยวก็เหมือนมี  บัดเดี๋ยวก็เหมือนไม่มี   เดี๋ยวมาเดี๋ยววับหาย   ว่าไป...ที่เดินอยู่นั่นก็ไม่ใช่ทุกร่างที่สามารถเรียกได้ว่า "สมประกอบ" เสียด้วย

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเงาร่างหนึ่งหันมาเห็นเขาเข้า   ทั้งสอง (หรือหนึ่งคนกับหนึ่งอะไรก็ไม่ทราบ) ต่างจ้องกันนิ่งอยู่ราววินาที   ก่อนที่อะไรก็ไม่ทราบดังกล่าวจะก้มลง  จิ้มมือเข้าไปในพุงตน

และค่อย ๆ ดึง...ไส้...ออกมา

ท่านเจ้าของร้านเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน   หลังจากยืนเป็นหินนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์  ระบบประมวลผลในหัวของเขาก็ส่งสัญญาณมา...

"อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"

...

หลังจากเผ่นแน่บป่าราบไปเป็นระยะทางหลายเส้น  โดยทิ้งอะไรก็ไม่ทราบให้ช้ำใจอยู่ข้างหลังเพราะอุตส่าห์ทักทายแล้วกลับถูกแหกปากอย่างหยาบคายใส่   ท่านเจ้าของร้านก็พบตัวเองในป่า   ...เขาก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าตนออกจากถนน   ข้ามทุ่งโล่งแล้งมาถึงป่าแห่งนี้ได้อย่างไร   ทว่าหลังจากหยุดยืน   หันไปหันมารอบ ๆ เพื่อความแน่ใจว่าไม่มีตัวอะไรตามมาแล้ว   โซลโทก็เริ่มสำรวจสภาพรอบตัวอีกครั้ง

ใช่  ที่นี่เป็นป่า   ทว่าต้นไม้ทั้งปวงกลับตายซาก   ไม่มีดอก ผล หรือใบ  เนื้อไม้เป็นสีดำแห้งแล้งหงิกงอ   ดูคล้าย ๆ ป่าในฤดูหนาว  แต่เมื่อคิดถึงฤดูกาล  โซลโทกลับเริ่มแปลกใจว่าตนอธิบายสภาพอากาศในตอนนี้ไม่ได้   เขาไม่ได้รู้สึกร้อนหรือหนาว   พูดไม่ถูกว่าโล่งโปร่งมีลมพัดหรืออับทึบ  สบายหรือไม่สบาย  ...เขาไม่รู้สึกอะไรเลย

ชายหนุ่มเดินผ่านระหว่างต้นไม้ด้วยความงุนงง   เริ่มเชื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าที่นี่เป็นโลกในใจ...ของใครไม่ทราบ  อาจเป็นของนักเขียนเรื่องสยองขวัญที่เรนาอ่านแล้วก็กลัวหลับตาปี๋แต่ยังขืนอ่านนั่นก็ได้  พอคิดได้อย่างนั้น โซลโทจึงยิ่งมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องออกจากโลกนี้ให้ได้   ดังนั้นจึงต้องไปหาเจ้าของโลกให้เจอ

เขาเดินผ่านต้นไม้ที่มีตัวอะไรไม่ทราบเกาะอยู่ เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลยทักไปสองสามคำ  แต่เมื่อไม่มีคำตอบมา ทั้งตัวอะไรไม่ทราบนั้นยังไม่มีขน   ไม่ชวนเข้าใกล้   ท่านเจ้าของร้านจึงเดินต่อไป   พบโคนต้นไม้หลายต้นมีหัวกะโหลกเรียง ๆ ไว้คล้าย ๆ ภูเขาย่อม ๆ   ซึ่งทำให้นึกถึงนีโค   ...วิดามอรีเคยอธิบายให้โซลโทฟังว่าคนเรียนมนตร์ดำได้เป็นของหายาก  ส่วนใหญ่ต้องสืบทอดกันมาในสายเลือดเท่านั้น   แต่ช่วงเด็ก ๆ การควบคุมมนตร์ดำออกจะลำบากสักหน่อย   ทำให้เด็กในบ้านเธอบางคนเรียนช้า   วิดามอรีจึงใช้เวลาหลังเลิกเรียนสอนหนังสือเสริมให้หลานชายบ่อย ๆ   ไอสลินน์ชอบไปนั่งดู  โซลโทเองนาน ๆ ทีก็ไปเช่นกัน   เขารู้สึกว่านีโคเรียนช้าเหมือนตน  จึงพยายามช่วยเท่าที่ทำได้   เวลานีโคเรียนเสริมก็จะมีเรียงหัวกะโหลกแบบนี้   มีต้มยา   โซลโทมักเอาขนของคอคคาทริส  เกล็ดมังกร  หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่สัตว์ประหลาดของเจ้าหญิงทำหล่นไว้ไปให้เด็กชาย   ท่านวิดาบอกเขาว่ามนตร์ดำส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการผสมยา

หรือว่านี่เป็นโลกในใจของนีโค

เจ้าของร้านเอชานมองไปรอบตัวอีกครั้ง   หาอะไรบางอย่างที่อาจจะบ่งบอกถึงตัวเด็กชายมนตร์ดำได้   ...นีโคชอบทำงานศิลปะชิ้นใหญ่ ๆ    การบ้านวิชาศิลปะที่เขาส่งไปก่อนปิดเทอมฤดูหนาวเป็นรูปแกะสลักมหึมาที่เด็กชายทำทั้งวันทั้งคืนอยู่เป็นสัปดาห์ ชื่อ "ชีวิต ความตาย  และปิดเทอมฤดูหนาวของข้า"  ว่าไปแล้วมันเป็นรูปอะไรโซลโทก็ไม่รู้เหมือนกัน   รู้แต่ว่าพออาจารย์ศิลปะเห็นเข้าถึงกับปลาบปลื้มน้ำตาไหล   บอกว่าเด็กชายมีพรสวรรค์มาก   ทำให้ช่วงนี้นีโคออกจะคิดหนักว่าพอจบชั้นต้นแล้วควรเรียนที่วิทยาลัยเวทมนตร์ต่อ  หรือย้ายไปเรียนที่วิทยาลัยศิลปะในเมืองหลวงของแคว้นดี

อย่างไรก็ตาม  ที่นี่ไม่มีงานศิลปะแต่อย่างใด จะว่าไป...ไม่มีอะไรที่เหมือนนีโคแม้แต่น้อยด้วย  มีแต่ท้องฟ้าเหลือง ๆ  ต้นไม้ตาย ๆ  ตัวอะไรฝูงหนึ่งเกาะอยู่ตามกิ่งไม้  เบิกตาสีแดง ๆ มองมา  กับหัวกะโหลกซึ่งกองอยู่ที่นั่นที่นี่มากมาย   ตลอดจนเปลือกไม้ที่บางทีก็ดูเหมือนหน้าคนจนน่าสงสัยชอบกล   ท่านเจ้าของร้านมองจนไม่รู้จะมองอะไรจึงได้หันกลับไป

ครั้นแล้ว เขาก็พบว่าตนไม่ได้อยู่ในป่านี้กับฝูงตัวอะไรไม่รู้ตามลำพังเสียแล้ว

มีม้าตัวหนึ่งอยู่ตรงนั้น   ม้าใหญ่ยิ่งนัก  เกือบเท่ารัฟได้   ดวงตาสีแดงฉาน  ขนดำสนิทราวรัตติกาล  ข้างขมับของม้ามีเขาสองข้างเหมือนกวาง   เขาแตกกิ่งก้านสาขาออกไป   เป็นสีเลื่อมประหลาดคล้ายทองแดง   ครั้นโซลโทยืนมองนิ่งงัน   ม้าตัวนั้นก็พ่นลมหายใจพรืดออกมา  ลมหายใจดังกล่าวเย็นยิ่งนักราวกับลมหนาว   เป็นสิ่งแรกในดินแดนนี้ที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงร้อนเย็น

หลังจากมองม้าด้วยความทึ่ง   โซลโทจึงได้ไล่สายตาขึ้นไป   ครั้นแล้วเขาก็เห็นร่างร่างหนึ่งในชุดเกราะสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า   แต่ชุดเกราะดังกล่าวไม่เหมือนอัศวินทองคำของท่านชาย   มีบางอย่างที่ดูป่าเถื่อนกว่า  รอยต่อของเกราะเช่นตรงบ่าและข้อศอกบุขนสัตว์สีดำ  หมวกเกราะทำเป็นคล้ายหน้ากากปีศาจแยกเขี้ยว  ตรงรอยต่อสำหรับเปิดปิดนั้นเป็นฟันแหลมคมขบเรียงกัน   ดวงตาหลังกากดังกล่าวเรืองวาว ๆ อธิบายไม่ถูกว่าเป็นสีอะไร

...หลงมาไกลยิ่งนัก...เสียงหนึ่งดังขึ้น

โซลโทที่กำลังงงสะดุ้งมองไปรอบ ๆ  เสียงนั้นไม่ดังไม่เบา  ไม่ทราบว่าเป็นชายหรือหญิง  ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใด   นอกจากนั้นยังไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนด้วย   อย่างไรก็ตาม เมื่อหันไปรอบ ๆ โดยไม่พบอะไร   ชายหนุ่มจึงหันกลับมาหาคนตรงหน้า

"ท่าน...พูดกับข้าหรือเปล่า"

แต่พูดยังไม่ถึงคำสุดท้าย   คนในชุดเกราะก็กระตุ้นม้าเข้ามาใกล้  คว้าคอเจ้าของร้านเอชานลากขึ้นม้าไปด้วยเสียแล้ว

................................................................................................

จากคุณ : ลวิตร์
เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 23:27:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com