รอยเท้าของการเดินทาง บัณฑิต ปิยะศิลป์ ช่วงขวบปีที่ผ่านพ้นมา บ้านเมืองของเราก็ยังมิคลายจากความขัดแย้งของกลุ่มบุคคลกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ผลประโยชน์ อำนาจ มันช่วงหอมหวานจนนำพาไปสู่ความขัดแย้งของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจวาสนา และต่างบอกว่าทุกคนทำเพื่อประเทศชาติแต่ที่เขาเหล่านั้นไม่ได้บอกที่แอบซ้อนอยู่ข้างหลังบางทีผมกลับมองว่าต่างคนต่าง”เห็นแก่ตัว”คนไร้อำนาจอย่างเราๆท่านก็ได้แต่แหงนหน้ามองตาปริบๆ สิ่งที่เป็นบทเรียนที่พร่ำสอนใต้สำนึกของตัวตนของความเป็นตัวเรานั้น บางครั้งเราอยากเลือกข้างแต่บทเรียนประวัติศาสตร์มักบอกว่าเสมอว่า”คนชั้นใดก็จะทำเชื่อชนชั้นนั้น”ความเรื่องราวของบุคคล”นายผี”ที่ประสบแต่หลายเรื่องอาจจะเหมือนและต่างแต่แง่มุมในเรื่องผลประโยชน์ที่มันม่านหมอกบังตาบางครั้ง”แค่เงิน”ทำให้คนจน คนชั้นล่างตกเป็นเครื่องมือแห่งผลประโยชน์โดยที่ขาดการประติดประต่อกับเหตุผลทางประวัติศาสตร์ของ”คนจน”เราจะเชื่ออยู่มิคายว่าการรวมกลุ่มของคนจนนั้น ต้องเอาตีนมารวมกันมันถึงจะมีพลังและอำนานในการนำเสนอเรื่องราวเพื่อนำไปสู่การคลี่คลายของปัญหาที่มันมากระทบกับคนจน”จึงเรียกมันว่าการเมืองบนท้องถนน”เพราะคนจนไร้อำนานพูดเขาไม่ฟังจึงรวมกันแต่วันนี้ทุกคนต่างเดินไปตามเกมของบุคคลที่หวังแค่ผลของตนเอง บทเรียนนี้ทำให้ผมค่อยข้างเชื่อว่า”เรากำลังยอมรับการโกงกินขอเพียงแต่เขาต้องทำให้บ้านเมืองพัฒนา(มีเงินให้ยืม ตามโครงการประชานิยม) และนำพาเศรษฐกิจให้คนเข้าใจไปเองว่ามันดี หลายเรื่องเราฟังเราท้อใจ เพราะหลายเหตุผลของคน ทำให้เกิดการโต้เถียงทางความคิด แตกแยกก่อนผมเชื่อว่าความขัดแย้งจะนำพาไปสู่ความแตกต่างและก็พัฒนาการมองมุมต่างไม่ผิดแต่วันนี้มุมต่างรึต่างมุมไม่รู้มุมใดมืดบ้าง คนจนต้องออกมาสู้กันเองตามท้องถนนความความคิดตนเอง หรือว่าคนอื่นป้อนให้ หลายเดือนที่ผ่านมาผมไม่ได้เดินทางก็มัววุ้นวายอยู่กับปัญหาของตนเอง การเดินทางมันหมายถึงการปลดปล่อย ความเป็นอิสระทำให้เราได้คิดทบทวนเรื่องของตัวเราเอง เวลาออกเดินทางเวลาทีใช้ส่วนใหญ่คือการได้อยู่กับตัวเองเป็นหลักเพราะคนที่ร่วมเดินทางเราไม่รู้จักใครทำให้เราได้เรียนรู้คนอื่นเป็นเหมือนเงาสะท้อนกลับมาสู่ตัวตนแห่งเรา ใช้เวลาอยู่กับตัวเรามองฟ้ายามค่ำคืนมองดาวระหยิบระยับบนฟากฟ้า คนไร้เงายามขาดแสงแห่งดวงตะวันที่ลับขอบฟ้าบางทีการนั่งขบคิดภายใต้ดวงดาวบนท้องฟ้า ตัวเรามันช่างเล็กนิดเดียวเทียบไม่ได้เลยกับจักวาลที่กว้างใหญ่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเราช่างเล็กนิดเดียวยามเราแหงนมองฟ้ายามค่ำคืน การเรียนรู้ผ่านธรรมชาติน่าจะเป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่เพราะมนุษย์จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติเพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีแต่มนุษย์ที่เรียกตนเองว่า”มีสมอง”ที่ต่างจากสัตว์แต่มนุษย์มัวมองอยู่กับเรื่องของเศรษฐกิจ การพัฒนา ค่าเงินบาทแข็ง หนี้บัตรเครดิต ส่งออกได้น้อย ขาดดุลการค้า ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ดาราเลิกกันฯหลายเรื่องวนเวียนอยู่แค่ปัญหาที่มีคนสร้างมันผ่านช่องทางการสื่อสารตามหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ที่บ้านทำให้ขาดวิธีคิดที่เชื่อมโยงที่จะอยู่กับความเป็นจริงกับธรรมชาติ ถ้าคุณออกเดินทางวันนี้คุณจะรู้ค่าของธรรมชาติว่าการเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่นที่เราไม่รู้จัก การเรียนรู้ความเป็นตัวเราของเราผ่านธรรมชาติที่อ่อนไหวสายลมพัดเย็นผ่านต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเราสายหมองยามเช้ามันอาจจะเป็นรอยเชื่อมระหว่างจิตรใจของเราบางทีปัญหาที่เราพบมันอาจจะเล็กนิดเดียวถ้ามองเรื่องดวงดาวจากฟากฟ้ามาสู่ความเป็นปัญหา ถ้าเราไม่ลองไม่อยู่กับมันมากเกินไปมองมันผ่านเรื่องอื่น”ผมเชื่อเช่นนั้น”โลก ท้องฟ้า ดวงดาว ตัวเรา มันจะต้องเชื่อมโยงกันและกัน
จากคุณ |
:
ดูเธอทำ
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ธ.ค. 53 08:08:32
|
|
|
|