Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - บทที่ 20 - ความกลัวและความจริง ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9812163/W9812163.html
13
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9846618/W9846618.html
14
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9875051/W9875051.html
15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892519/W9892519.html
16
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9907488/W9907488.html
17
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9916888/W9916888.html
18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9927562/W9927562.html
19
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9939927/W9939927.html


* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - มาลิอาความนิยมเกินคาดแฮะ ^^

น้องแตม - แหะๆ พี่ยังไม่เคยอ่านทั้งสองเรื่องเลย แต่เพื่อนชอบอาร์เทมิส ฟาวล์ ก็คิดว่าน่าจะลองดูอยู่เหมือนกัน

ถ้าแตมได้แวะลงมาก็อยากเจอกันนะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าถึงตอนนั้นจะมีเล่มใหม่ให้ซื้อหรือเปล่า ตอนนี้ต้องพยายามเข็นเรื่องที่น่าจะตีพิมพ์ได้มาก่อนแหละนะ

ช่วงนี้พี่ตัวกลมเป็นกระปุกเพราะนั่งหน้าคอมจะทั้งวันนี่แหละ แต่นิยายเดินมากกว่างาน...เง้อ -__-;;; พูดถึงวีต้าแล้วก็พลอยนึกถึงเพียวริคุรสโกจิเบอร์รี่ เห็นโฆษณาว่าบำรุงสายตา แต่ข้างขวดมันดันบอกว่าวิตามินซีสูง วิตามินเอไม่ได้พูดถึงซักแอะ แอบเป็นงงเหมือนกัน

แล้วจะบอกเฮียบลูให้นะ

ป.ล. ดีใจที่ชอบชุดของแอชด้วย ใช้เวลาทำพอควรเหมือนกัน ^^


* * * * *


บทที่ ๒๐
ความกลัวและความจริง


ปวดศีรษะอีกแล้ว...

อาเมียร์แทบครางเมื่อค่อยๆ ได้สติอีกครั้ง หลังจากรู้สึกราวกับฝันวกวน ทั้งเรื่องตกน้ำ ภาพประหลาดต่างๆ นานาที่เห็น ...แล้วยังเรื่องทะเลาะกับแอช...

นั่นสิ มันคงเป็นความจริงไปไม่ได้เด็ดขาด เขาน่ะหรือจะ...จูบเธอ แล้วก็จำไม่ได้เสียเอง จนเธอโมโหขึ้นมาแบบนั้น

ต้องฝันเพ้อไปเพราะเป็นไข้แน่ๆ

ถ้าไม่เป็นไข้ จะมีผ้าชุบน้ำวางอยู่บนหน้าผากของเขาได้อย่างไร และคนวางก็คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...

“...แอช”

“ขออภัยด้วย ที่ไม่ใช่หวานใจเจ้า” เสียงของใครอีกคนตอบมาอย่างแห้งๆ “ข้าวใหม่ปลามันกันจริงนะ ตื่นแล้วถึงเรียกหากันทันทีเชียว”

เด็กหนุ่มนึกอยากก่อคดีฆาตกรรมในห้องพักบนเรือเดินสมุทรขึ้นตงิดๆ ...แต่ติดที่สภาพร่างกายไม่อำนวย

“ก็ปกติเจ้าจะให้นางพยาบาลข้า แล้วข้าคิดถึงนางเป็นคนแรกจะแปลกตรงไหน”

“ขอรับ...ขอรับ ไม่แปลกเลยสักนิดเดียวขอรับอาจารย์ ที่แปลกคงเป็นว่ายายเจ้าหญิงเปี๊ยกตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน แถมทิ้งท่านให้นอนสลบอยู่บนพื้นแบบนั้นกระมัง”

อาเมียร์จ้องหน้าไม่อินังขังขอบของอีกฝ่าย ทั้งที่ยังไม่อาจลุกขึ้น

“เจ้าไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหน?”

“แต่อย่างน้อยก็ต้องอยู่บนเรือลำเดียวกันไม่ใช่หรือ” รูอาร์คย้อน “เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรให้นางน้อยใจจนเตะก้านคอเจ้าสลบคาห้อง แล้วหนีไปโดดน้ำตายใช่ไหมล่ะ”

เด็กหนุ่มผมดำไม่ตอบ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล...เมื่อความนึกคิดต่างๆ ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น

หากที่เขาปวดศีรษะจนหมดสติไปเป็นความจริง มูลเหตุที่ทำให้ปวดศีรษะ...เช่นเรื่องความทรงจำที่เห็นจากแอช...จะไม่เป็นความจริงไปด้วยหรือ

...แต่เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีวันคิดล่วงเกินแอชอย่างนั้น ไม่มีวันเด็ดขาด...

...ต่อให้อยากรั้งเธอไว้ข้างกายสักเพียงไรก็ตาม...

“ว่าแต่...” เด็กหนุ่มผมแดงเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม “รู้ตัวหรือเปล่า ว่าเจ้าช่วงชิง ‘สิ่งสำคัญ’ ไปจากสาวน้อยใสบริสุทธิ์คนหนึ่งเสียแล้ว”

อาเมียร์แทบสะอึก

“อ้อ อย่าถามล่ะ ว่าสาวน้อยนางนั้นเป็นใคร แต่ที่จริง...ข้าก็ยินดีด้วยแหละน้า ในที่สุด จุมพิตก็ทำให้หอยทากคืนร่างเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายกันเสียที และไม่ช้าธีร์ดีเรก็คงได้ฉลองงานอภิเษกกันครึกครื้นแหงแก๋” รูอาร์คยังร่ายยาวต่อไป “ข้าจะไปเปิดโต๊ะพนัน ให้แทงกันว่าพยานรักคนแรกจะเป็นพระโอรสหรือพระธิดา คงรวยไม่รู้เรื่องกันเชียวงานนี้”

“....เจ้าเอาที่ไหนมาพูด” คนเจ็บที่ยิ่งปวดศีรษะตุบๆ ไปกว่าเดิมพยายามหลบเลี่ยง “นางบอกหรือ”

“โธ่! นางต้องบอกอะไรข้าเล่า ก็ข้าเห็นอยู่เต็มสองตานี่” รูอาร์คทำมือเป็นรูปกรรไกร ชี้เข้าหาใบหน้าของตน (แบบที่อาเมียร์นึกอยากออกแรงดันให้ทิ่มลูกตายั่วเยาะคู่นั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด) “ถ้าไม่ได้ ‘จุมพิตแห่งชีวิต’ จากเจ้าหญิง ป่านนี้เจ้าชายกบที่ดันจมน้ำได้เสด็จขึ้นไปเดินเล่นบนสวรรค์กับพระคู่หมั้นคนก่อนเรียบร้อยแล้วกระมัง”

“หมายความว่าอย่างไร” อาเมียร์ถามในทีแรก ก่อนจะตีโจทย์แตกได้ถี่ถ้วน “นาง...ผายปอดให้ข้า?”

“ก็นั่นแหละ” เจ้าตัวแสบหัวแดงพยักหน้าหงึกหงัก “อย่าเสียใจเลย ที่เสียจูบแรกของตัวเองไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว มันเป็นจุมพิตที่ยิ่งใหญ่ขนาดต่อชีวิตและลมหายใจเชียวนะ มิหนำซ้ำ อะไรๆ ยังเลวร้ายได้ยิ่งกว่านี้อีกน่า ...ถ้ายายเปี๊ยกไม่ลงมือปฏิบัติ แต่เป็นข้าหรือไอ้กะหลั่วแทนละก็นะ”

เด็กหนุ่มผมดำพยายามไม่คิดตามคำพูดของอีกฝ่าย...แม้จะรู้สึกเหมือนหน้าร้อนผ่าวขึ้นด้วยเหตุอื่นนอกจากอาการไข้

เขายังไม่รู้จริงๆ ...ว่าทำไมแอชถึงมีความทรงจำที่น่ากลัวอย่างนั้นเกี่ยวกับตน ยิ่งไม่รู้ว่าตัวเขาทำลงไปจริงๆ หรือเปล่า ...แต่ในเมื่อเธอโกรธและเสียใจ ก็ต้องขอโทษไม่ใช่หรือ ยิ่งในเมื่อเด็กสาวยอมทำเพื่อช่วยชีวิตเขาถึงขนาดนั้น

เขาต้องขอโทษเธอจริงๆ

“รูอาร์ค” สุดท้าย อาเมียร์ก็ตัดสินใจขอร้องสักครั้ง (ไม่ว่ากระรอกแดงจะทวงบุญคุณเป็นอะไรก็ตาม) “ช่วยไปตามแอชมาตอนนี้เลยได้ไหม ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดกับนาง”

ไม่นึกเลย...ยังมีเรื่องให้เขาปวดหัวยิ่งกว่าเดิมได้มากนัก

“เรื่องอะไร แหวน? ชุดแต่งงาน? หรือจะมีลูกสักกี่คนดี? ปรึกษาข้าก่อนก็ไ—“

เจ้าหัวแดงปากอยู่ไม่สุขเผ่นแผล็วไปที่ทางออกจากห้องทันที เมื่อเด็กหนุ่มรวบรวมแรงแขน หยิบผ้าชุบน้ำบนหน้าผากขึ้นเงื้อเหมือนจะขว้างใส่

“...ให้ตาย เนื้อคู่กันชัดๆ วิธีตอบโต้ลอกแบบกันมาไม่มีผิด” รูอาร์คทิ้งท้ายเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะปิดประตูลง


* * * * *


“ท่านคงทราบแล้ว ว่าในโลกนี้มี ‘เวทมนตร์’ อยู่สองประเภท” หญิงผู้อ้างตัวว่าชื่อ ‘มาลิอา’ เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ดังชัดเจน ไม่ได้เบาจนเป็นกระซิบ...ราวกับไม่เกรงกลัวคนอื่นจะได้ยินแต่ประการใด “เวทมนตร์แห่งแสงสว่างของสาวกสุริยเทพ และเวทมนตร์แห่งความมืดของสาวกอสุรเทพ อ้อ...ท่านไม่ต้องกังวลหรอกว่าความลับจะรั่วไหล ข้ากางข่ายมนตร์ป้องกัน ไม่ให้ใครมองเห็น หรือได้ยินพวกเราไว้แล้ว”

แอชลีนน์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ เมื่ออีกฝ่ายดักความคิดเอาทันที มิหนำซ้ำยังเสริมเหมือนล่วงรู้ความคิดต่อมาของตนด้วย

“ใช่ ที่ ‘เจ้าชายแห่งความมืด’ เข้าไปหาท่านได้ถึงวังชั้นใน ก็เป็นเพราะเวทมนตร์อย่างเดียวกัน แต่เขาทำลงไปโดยไม่รู้ตัวหรอกนะ” นางรำตาบอดยักไหล่ “อาณาจักรของเขาเป็นสาวกของเทพองค์นั้น และที่ถูกทำลาย ก็ด้วยเหตุนั้น ท่านเคยได้ยินไม่ใช่หรือ...อาณาจักรของกษัตริย์ดอร์มิน กับราชินีสิมาริเมส ผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งความเลวทรามทั้งปวงในโลกนี้”

ท้ายประโยค ผู้เอ่ยทำเสียงราวกับประชดประชัน แต่ผู้ฟังกลับตกใจด้วยเหตุอื่น

“แต่...อาณาจักรมนตรานั่น...”

“ล่มสลายไปเป็นพันๆ ปี ใช่” มาลิอารับ “แต่ท่านก็คงทราบเช่นกัน ฝ่ายมนตร์มืดมีเวทบิดผันกาลเวลา บังคับเวลาในสถานที่หนึ่งให้เดินเนิ่นช้าไปกว่าอีกที่หนึ่งได้ ...และนั่นเอง คือเหตุที่ ‘เจ้าชายรัชทายาททัมมุซ’ มาปรากฏตัวต่อหน้าท่านได้ในเวลานี้”

หากปราศจากเวทมนตร์ที่ตรึงร่างกาย แอชลีนน์อาจจะเข่าอ่อน ทรุดฮวบลงไปเสียแล้ว

ใช่ว่าเธอไม่เคยได้ยิน...กษัตริย์ดอร์มินผู้ถูกราชินีสิมาริเมสล่อลวงให้กลายเป็นปีศาจ และโอรสผิดประหลาดของทั้งสอง เจ้าชายรัชทายาททัมมุซ ซึ่งหนังสือภาพวาดให้ดูน่าเกลียดน่ากลัวผิดมนุษย์ เป็นร่างเด็กทารกในครรภ์ขนาดยักษ์ที่มีหมอกพิษรอบกาย

“แล้ว...พ่อแม่ของเขา...” เด็กสาวถามอย่างลังเล

“ชายที่เจ้ารู้จักในนาม ‘ซิอ์บุล’ คือพระอนุชาเนมอส ส่วนสิมาก็คือราชินีสิมาริเมส ทั้งสองรอดชีวิตมาพร้อมกับเจ้าชาย...”

พระอนุชาเนมอส...หมาป่ายักษ์ร้อยหัว สิมาริเมส...มารดาแห่งหญิงคณิกาทั้งมวล แอชลีนน์ยิ่งทำสีหน้าไม่ถูก

“พวกเขาไม่มีเจตนาร้ายหรอก” สายตาของเด็กสาวนางรำยิ่งดูมืดมน ราวกับอายุมากกว่าผู้ฟังเสียเป็นร้อยเป็นพันปี ทว่าขณะเดียวกันก็ยังอ่อนโยนอย่างประหลาด “ท่านเนมอสกับท่านสิมาริเมสเพียงต้องการใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบ ส่วนเจ้าชายทัมมุซเพียงแต่เจ็บปวด เคืองแค้น และขมขื่น ท่านเองเคยสูญเสียผู้ที่ไม่อาจทดแทนได้ไปเหมือนเขา ย่อมเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นดี ปัญหาอยู่ที่ว่าเขามีอำนาจที่ตัวเขาเองไม่ควรมี...อำนาจแห่งความมืด ซึ่งข้าไม่เคยเห็นเลยว่าสามารถทำให้ใครมีความสุขอย่างแท้จริง

“ถึงอย่างนั้น เพราะผู้ที่เขารักและไม่อยากสูญเสียไปอีกถูกทำร้าย เขาจึงได้พยายามใช้พลังที่ไม่ควรมีอยู่รักษามันเอาไว้...เรียกได้ว่าใช้จนถึงขั้นไม่อาจถอยกลับ ข้ากับนักบวชลูเธียนได้พบเขาในตอนนั้น ...มีเรื่องมากมาย... แต่สุดท้าย ทุกคนก็ช่วยให้มันจบลงได้ด้วยดี เราใช้มนตร์แห่งความมืดกับแสงสว่างประสานกัน ผนึกอำนาจมหาศาลของเขาเอาไว้ พร้อมกับความทรงจำที่เขาอยากลืมเลือนไป” มาลิอาถอนใจ “เขาก็แค่อยากใช้ชีวิตสงบสุขเหมือนคนธรรมดา ‘พวกเรา’ แทบทุกคนต้องการเพียงเท่านี้กันทั้งนั้น”

นางรำชาวทรายเงียบไป เพียงหยิบกล้องยาขึ้นมาสูดอึกหนึ่ง และหมุนเล่นช้าๆ ในมือ กระทั่งเจ้าหญิงแห่งธีร์ดีเรประมวลความทั้งหมดจนสิ้น แล้วจึงเอ่ย

“หมายความว่า...ที่เขาบอกว่าจะกอบกู้อาณาจักรขึ้นมาอีก ก็เป็นเพราะ...ถูกอำนาจนั่นครอบงำหรือ แล้วเรื่องที่เขาฆ่าคนทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจก็เหมือนกัน”

“ท่านเข้าใจเร็วดีนี่ เจ้าหญิง” มาลิอาค้อมศีรษะ “ใช่ ผู้มีโลหิตดำ หรือแหล่งอำนาจมนตร์มืดอยู่ในกาย ก็มักจะมีส่วนหนึ่งของจิตตนที่เหมือนคนแปลกหน้า เป็นก้อนอำนาจมืดที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์จนเกินไป...กระทั่งเกิดมีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาอย่างนี้เอง ...แต่ต่อให้บอกว่ามี ‘ความรู้สึกนึกคิด’ มันก็ยังเป็นสิ่งที่ซื่อตรงและบิดเบี้ยวกว่าจิตของมนุษย์จริงๆ นัก”

แอชลีนน์เลิกคิ้ว ไม่ใคร่เข้าใจว่าลักษณะทั้งสองประการจะไปด้วยกันได้อย่างไร

“เช่นนั้น ขอให้ตอบตามตรง...ท่านเห็นว่า ‘อาเมียร์’ ที่แสดงความปรารถนาต่อท่านเมื่อคืนนี้ ‘ชั่วร้าย’ หรือไม่”

เด็กสาวนิ่งงัน

ชั่วร้าย...อย่างนั้นหรือ ที่จริงแอชลีนน์ก็อยากครองคู่กับเขา อยากให้เขาแสดงความรักต่อเธอ แต่เพราะรู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องดีต่อธีร์ดีเร จึงไม่อาจเรียกร้องและคาดหวัง ยิ่งไม่อยากให้เขาตอบรับความรู้สึกของเธอโดยมีจุดประสงค์อื่น...เช่นการครอบครองอาณาจักรของเธอและกอบกู้อาณาจักรของตน...อยู่ในใจ

และที่บอกว่าอยากให้แสดงความรัก...ก็ไม่ใช่ด้วยวิธีเช่นนั้น ไม่ใช่สัมพันธ์ทางกายที่ไม่เหมาะสมอย่างนั้น

อย่างนี้ จะเรียกว่าชั่วร้ายก็ได้ใช่ไหม

“หากการรักษาสภาพจิตใจ และสนองความปรารถนาของตน โดยไม่คำนึงถึงผู้อื่นหรือความถูกต้องเหมาะสมใดๆ คือความชั่วร้ายในมุมมองของ ‘มนุษย์’ ก็คงจะใช่” มาลิอาเอ่ยขึ้น “แต่ก้อนอำนาจมืดจะคิดเช่นนี้เอง ...เพื่อให้ตนอยู่รอด เพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนา จะไม่สนทุกสิ่งที่ซับซ้อนไปกว่านั้น และเพราะซื่อตรงเช่นนี้ จึงได้ดูบิดเบี้ยวในสายตาของมนุษย์ทั้งปวง...แม้กระทั่งจิตอีกส่วนของตนเอง ซึ่งต่อให้ต้องการสิ่งที่อำนาจมืดพยายามสนองอยู่ลึกๆ ก็จะมีสำนึกละอายในความไม่ถูกต้องเหมาะสมต่างๆ จนไม่อาจยอมรับ”

“หมายความว่า...อาเมียร์เองก็...” เด็กสาวพึมพำได้เท่านั้น ใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนพูดอะไรไม่ออก

“แต่มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ” หญิงตาบอดแย้ง “ข้าหมายถึง...ไม่ผิดที่ปรารถนา โดยเนื้อแท้แล้ว มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรารถนาความสุขของตัวอย่างนี้เอง”

“แต่...ถึงอย่างไรมันก็เป็นจริงไปไม่ได้” แอชลีนน์พยายามนำเหตุผลเข้ามาใช้ “เราครองคู่กันไม่ได้ หากทำอย่างนั้น...จะมีปัญหามากมาย ข้าจะทำให้เขากับชาวธีร์ดีเรต้องลำบากเดือดร้อนไปด้วย อาเมียร์ตัวจริงก็...คงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น”

มาลิอากลับแค่นเสียงโดยไม่คาดฝัน

“ท่านพูดเหมือนกับจิตอีกด้านนั้นเป็น ‘ตัวปลอม’ ที่ไม่ต้องใส่ใจแต่แรกอย่างนั้น”

“เอ๋...”

“อย่าหาว่าข้ายุ่มย่ามไม่เข้าเรื่องเลยนะ เจ้าหญิงแอชลีนน์” เสียงของเด็กสาวเคร่งขรึมขึ้น “อาเมียร์ต้องการความช่วยเหลือ และท่านจะไม่มีวันช่วยเขาได้เลย...หากไม่คำนึงถึงทุกๆ สิ่งที่เป็นตัวเขา...รวมถึงสิ่งที่กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่ยอมรับด้วย”

แอชลีนน์ยังคงไม่เข้าใจ ทว่าคู่สนทนากลับเอาแต่เงียบไปครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“เอาเถอะ สมควรแก่เวลาแล้ว อาเมียร์คนที่ต้องการคุยกับท่านในตอนนี้ ไม่ใช่คนที่ท่านกลัวในเวลานั้น ท่านตัดสินใจเองก็แล้วกัน ว่าจะทำอย่างไรต่อไป” มาลิอาหันร่างมาเผชิญหน้ากับเธอ โค้งกายและถอนสายบัวให้อย่างอ่อนช้อย “และหากการตัดสินใจของเราต้องกัน มาลิอาผู้นี้ก็คงจะได้พบเจอท่านอีก”

ครั้นแล้ว นางรำตาบอดผู้ลึกลับก็ผละจากไป ทิ้งให้เจ้าหญิงนิ่งอึ้งอยู่อีกครู่หนึ่ง จึงเพิ่งค้นพบว่าตนสามารถขยับร่างกายได้ตามปกติอีกครั้ง


* * * * *


“เจ้าใส่อารมณ์จนเกินไป ตอนท้ายถึงไม่ทันได้พูดให้กระจ่างเสียที”

นักดนตรีชาวทรายกำมะลอเอ่ย ทันทีที่เด็กสาวนางรำเดินเข้ามาใกล้เขา ซึ่งยืนซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างนี่เอง

“ก็ยังดีกว่าใครบางคน พูดแค่ประโยคเดียว ผู้หญิงก็วิ่งหนีเสียแล้ว” มาลิอาชายตาใส่เขาอย่างยั่วเย้า “ผู้หญิงมีอารมณ์เป็นที่ตั้ง หากไม่ใส่ใจบ้าง เจ้าก็ไม่มีวันจีบใครติดหรอกนะ”

“ข้าก็ไม่รู้จะไปจีบใคร” ลูเธียนตอบหน้าตาย “มีเจ้าอยู่ใกล้ๆ ก็ปวดหัวเกินพอแล้ว”

“งั้นรึ” หญิงตาบอดรับ พร้อมกับเอียงใบหน้าเข้ากระซิบ “งั้นข้าจะแสดงความรับผิดชอบ ช่วยแก้ให้หายปวดดีไหม”

“ไปแก้ที่เจ้าหญิงก่อนเถอะ” พระมหาเถระหนุ่มเปลี่ยนเรื่องทันควัน “แค่นี้นางก็สับสนมากพอแล้ว เจ้ายังจะให้นางไปทำความเข้าใจจิตด้านมืดนั่นอีก ไม่กลัวนางเป็นอันตรายบ้างหรือ”

“หน้าที่ปกป้องลูกแกะไร้เดียงสาจากมนตร์มืด เป็นของท่านนักบวชผู้พิสุทธิ์ ข้าคงไม่บังอาจยุ่งเกี่ยว” มาลิอายักไหล่ “แต่พูดจริงๆ ...เจ้าคงไม่คิดว่าปัญหานี้จะแก้ไขได้ง่ายดายเพียงแค่สะกดอำนาจของคัมภีร์อนธการไว้อีกครั้งหรอกนะ ในเมื่อจิตอีกด้านของทัมมุซพัฒนาขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้แล้ว”

“แต่ภาระก็ไม่ควรจะไปลงที่เจ้าหญิง นางมีปัญหาของนางเองมากพออยู่แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง “ข้ารู้หรอก เจ้าพูดแบบนั้นเพราะเห็นเรื่องของตัวเองแทนที่เรื่องของเขากับนางชัดๆ”

แม่มดดำยักไหล่ซ้ำเหมือนไม่ยี่หระ

“พระมหาเถระ การล่วงล้ำจิตใจผู้อื่นเป็นความสามารถของมนตร์มืด อย่าอวดโอ้เหมือนตัวเองก็ทำได้เลย เดี๋ยวเวทขาวในตัวเจ้าจะเสื่อมเปล่าๆ” มาลิอาผละไปจากเขาอีกคน “อย่าว่าแต่เจ้าเดาผิด หากข้ายังยึดติดกับ ‘เรื่องนั้น’ อยู่ ข้าจะแยกจากสองคนนั้น มาใช้ชีวิตตามสบายตัวเอง หาเพื่อนดื่มเพื่อนคบอย่างเสรีได้แบบนี้หรือ”

นักบวชหนุ่มได้แต่มองตามคู่สนทนาที่ผละจากไป ครั้นแล้วก็โคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ

...ผู้หญิงปากแข็งอย่างนี้กันทุกคนหรือเปล่าหนอ...


* * * * *


“เจ้าเปี๊ยก” “รูอาร์ค”

คนทั้งสองพบกันในทางเดินของเรือ ราวครึ่งทางก่อนถึงห้องพัก ครั้นเรียกชื่อพร้อมกันแล้วต่างก็เงียบกันไปครู่หนึ่ง

“อาเมียร์มีเรื่องจะพูดกับเจ้า” “ข้ามีเรื่องต้องพูดกับอาเมียร์”

ต่างฝ่ายนิ่งอึ้งกันไปอีกรอบ ก่อนรูอาร์คจะแสร้งถอนใจ

“ให้ตายสิ ไม่ต้องมาทำใจตรงกับข้าก็ได้ ประเดี๋ยวเขาหึงจนฆ่าข้าขึ้นมา ข้าจะซวย”

“ถ้าข้าใจตรงกับเขา เจ้าคงตายไปเป็นร้อยรอบแล้ว” เด็กสาวอดไม่ได้ แม้ในใจจะจดจ่ออยู่กับเรื่องเคร่งเครียดกว่านั้น

“นี่ ข้าอุตส่าห์เป็นพ่อสื่อและพยาน ‘จูบแรก’ ให้เจ้าทั้งสองนะ” เด็กหนุ่มผมแดงพูดแห้งๆ “แล้วก็จะรับเป็นพ่อทูนหัวให้ลูกคนหัวปีของพวกเจ้าด้วย”

“หาแม่ให้ลูกของตัวเองให้ได้ก่อนเถอะ” แอชลีนน์ตอบกลับทันที ก่อนจะเดินต่อไป ทิ้งพ่อสื่อช่างยุให้ยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น พร้อมคำบ่นไล่หลัง

“คืนแต่งงานเขามีแต่ดื่มเหล้าน้ำผึ้ง แต่พวกเจ้าไปกินรังผึ้งมาจากไหนกันละนั่น!”


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 00:15:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com