Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ 2 - 24 - หัวอกพ่อแม่ ติดต่อทีมงาน

อ่านเนื้อหาภาค 1 ได้ที่นี่ครับ

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=471973

พันทิพ
บทนำ - บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892447/W9892447.html
บทที่ 6-10
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9906021/W9906021.html
บทที่ 11-15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9924896/W9924896.html
บทที่ 16-20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9958591/W9958591.html

เนื้อเรื่องต่อภาค 2

เด็กดี
http://writer.dek-d.com/Anithin/writer/view.php?id=623553

พันทิพ
บทนำ - 1 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9280262/W9280262.html
1 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9290547/W9290547.html
2
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9301954/W9301954.html
3 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/05/W9315581/W9315581.html
3 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9326678/W9326678.html
4
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9355723/W9355723.html
5
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9380192/W9380192.html
6
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/06/W9404897/W9404897.html
7
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9435713/W9435713.html
8
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/07/W9500605/W9500605.html
9
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9571637/W9571637.html
10
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/08/W9623060/W9623060.html
11 (ครึ่งแรก)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9647241/W9647241.html
11 (ครึ่งหลัง)
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/09/W9678374/W9678374.html
12
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9812163/W9812163.html
13
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2010/10/W9846618/W9846618.html
14
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9875051/W9875051.html
15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9892519/W9892519.html
16
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9907488/W9907488.html
17
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9916888/W9916888.html
18
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9927562/W9927562.html
19
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9939927/W9939927.html
20
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W9980469/W9980469.html
21
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10002038/W10002038.html
22
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10021934/W10021934.html
23
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10051706/W10051706.html

* * * * *


ขอบคุณคุณ Mnemosyne สำหรับกิฟท์นะครับ ^^

คุณ scottie - ดีใจที่ชอบท่านเบเรคนะครับ ^^


* * * * *


บทที่ ๒๔
หัวอกพ่อแม่


ชาลัวห์ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก

เขาจำได้เลือนรางว่าถูกใครก็ไม่รู้พาตัวไปขังไว้พร้อมกับรูอาร์ค และกำลังจะถูกทรมาน แต่แล้วจู่ๆ ก็พบตนเองกำลังเดินไปตามทางเดินในอาคารสักแห่ง โดยมีคนหิ้วปีกประคองทั้งซ้ายขวา สิ้นสุดลงที่ถูกพามานั่งในห้อง บนเก้าอี้นวมซึ่งสบายที่สุดในรอบหลายวัน มีหมอมาดูปากที่บวมเจ่อปวดแสบ ป้ายยาสมุนไพรกลิ่นฉุนให้

ดูเหมือนรูอาร์คจะอยู่ไม่ห่าง...ถูกพามาด้วยกัน เวลานี้ก็นั่งบนเก้าอี้อีกตัว เด็กหนุ่มมีสภาพเลวร้ายกว่าเขา ผ้าขาวที่หมอใช้ซับเลือดในช่องปากชุ่มไปเป็นผืนๆ ...เจ้าตัวรายงานว่าฟันข้างในเหมือนจะโยก คงเพราะถูกเลวอนถีบเข้าไปตรงหน้า

แต่เจ้าตัวแสบหัวแดงก็ย้ำว่าเรื่องแค่นี้ไม่หนักหนา ฟันจะหลุดก็ถอนมันออกไปเลย หมอต้องเตือนให้ห้ามพูดในเวลานี้ อย่างน้อยก็จนกว่าเลือดจะหยุด มิหนำซ้ำบอกว่าดีแค่ไหนแล้วที่ลิ้นไม่กระทบกระเทือนไปด้วย

ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ได้แต่นึกขอบคุณสวรรค์ที่พวกตนยังไม่ตาย เขาแทบไม่เหลือสติให้คิดสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน และทั้งสองจะเป็นอย่างไรต่อไป

อย่างน้อย...ก็จนกระทั่งชายวัยกลางคนคนหนึ่งรีบรุดเข้ามาในห้อง และเรียกชื่อเพื่อนร่วมทางของตน

“รูอาร์ค!”

ชายคนนั้นตรงเข้ามายืนค้ำร่างเด็กหนุ่มซึ่งเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยสายตากึ่งขุ่นใจกึ่งโล่งอก แต่ครั้นรูอาร์คจะขยับปากส่งเสียง หมอก็รายงานเรื่องฟันและการห้ามเลือดแทนเสียก่อน

“เจ้ายังไม่ต้องพูดอะไร ให้หมอเขาดูแลก่อน อาการดีขึ้นแล้วค่อยว่ากัน” ชายผู้เข้ามาออกคำสั่ง ก่อนจะหันมาถามผู้รักษา “เวลานี้ เขาเดินทางได้ใช่ไหม แล้วท่านหมอก็ร่วมทางไปกับเขาเลย ข้าคิดว่าให้เขากลับไปนอนพักที่จวนคงสะดวกสบายกว่า”

“ได้ขอรับ” หมอรายงาน “คนเจ็บอีกคนเพียงแค่ปากแตกเล็กน้อย ข้าทายาให้แล้ว จากนี้คงไม่ต้องทำอะไร”

ดูเหมือนจะเป็นเมื่อนั้นเอง...ที่ชายวัยกลางคนเลื่อนสายตามามอง ‘คนเจ็บ’ อีกคน

ชาลัวห์ตัวเกร็งขึ้นทันที ครั้นเห็นสายตาของชายผู้นั้นชัดเจน

...เหมือนจะเย็นชาเรียบเฉย กลบฝังความรู้สึกทั้งมวลให้มิดชิด แต่ที่แท้ไม่เป็นเช่นนั้น ประกายเคืองแค้นดุจเดียวกับในดวงตาของอาเมียร์ยังคงเล็ดลอดออกมา แม้จะไม่มากจนฉายชัดเท่าในตาของเด็กหนุ่มเอง...

“ขอบใจท่านหมอ” ชายวัยกลางคนพูดเรียบๆ “พารูอาร์คออกไปเถอะ ข้ามีเรื่องต้องพูดกับคนเจ็บอีกคนตามลำพัง”

“อย่าโหดกับมันนักล่ะ” เด็กหนุ่มผมแดงพูดอู้อี้ ทั้งที่ยังกัดผ้าห้ามเลือดอยู่ “ไอ้กะหลั่วนี่ใจเสาะจะตาย ถึงมันจะยอมโง่เป็นตัวล่อดูลัสกับข้า แถมยังสะเออะเถียงไม่ให้ข้ายอมโดนไอ้เลวอนบีบเล็บจนมือหงิกเหมือนมัน”

“ไว้พูดกันทีหลัง เลือดจะกบปากอยู่แล้วยังไม่เจียมอีก” ชายวัยกลางคนตัดบทเสียงแข็ง ก่อนจะกำชับให้หมอและเจ้าหน้าที่อื่นๆ พารูอาร์คออกไปอีกครั้ง ...เหลือเพียงชายหนุ่มกับเขาอยู่ในห้องตามลำพัง

เมื่อนั้นเอง ชายผู้มากวัยกว่าจึงได้ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา และแนะนำตัว

“ข้าคือเจ้ามณฑลยาร์ลาธ”

ชาลัวห์รู้สึกเหมือนลมหายใจติดขัดขึ้นทันที

เขาค่อยจำได้ว่าอีกฝ่ายดูคุ้นตา...เหมือนกับเคยเห็นมาก่อน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่ได้ใส่ใจจดจำนัก

พ่อของเฟลิม” คงเพราะชายหนุ่มเงียบไป อีกฝ่ายจึงได้เสริมด้วยเสียงหนักๆ

“ข...ข้าทราบแล้วขอรับ” ชาลัวห์ก้มหน้าลง เริ่มลังเลว่าตนควรจะเลื่อนกายลงจากเก้าอี้ แล้วคุกเข่าลงขอขมาเสียเดี๋ยวนี้ไหม

และนั่นเองคือสิ่งที่ชายหนุ่มทำในชั่วครู่ต่อมา ทั้งมือและขาที่สั่นเทา ซึ่งป่ายปะไปถูกโต๊ะรับแขกฝังมุกจนเขยื้อน และทำให้แจกันบนนั้นไหวคลอน

“ข...ขออภัย...ที่...ฆ่าลูกชายของท่าน...ขอรับ”

ชาลัวห์ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่าตนควรจะเอ่ยสิ่งใดต่อไป ...บอกไปว่าตนทำลงไปด้วยจุดประสงค์และความคิดตื้นเขินเพียงไร หรือรับรองว่าตนจะสารภาพความผิดในศาล และยินยอมรับโทษทุกประการ ตามที่อาเมียร์ตั้งเงื่อนไขไว้

ความเงียบงันเนิ่นนานเหมือนจะกดร่างของเขาบี้แบนแนบไปกับพื้น ขณะที่แผลข้างปากปวดตุบๆ ...คงเพราะเวลานี้ศีรษะก้มต่ำเสียจนเลือดไหลลงมาคั่ง

“ลุกขึ้นเถอะ” ความเงียบพลันถูกทำลาย...ด้วยถ้อยคำราบเรียบนัก “นั่งเสีย เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ไม่ควรฝืนร่างกายอย่างนี้”

ชาลัวห์ค่อยๆ ทำตาม มือเท้ายังคงไม่หายสั่น สายตายังไม่กล้าเงยมอง

“ข้าเป็นเพียงญาติของผู้ตาย ไม่ใช่ผู้พิพากษา รายละเอียดอะไรในคดี เจ้าก็ไปรายงานต่อเขาแล้วกัน” เจ้ามณฑลเอ่ยต่อไป “เวลานี้ คงต้องคุมตัวเจ้าไว้ในศาลาเมืองก่อน แต่หากอยากไปคารวะหลุมศพของเฟลิม...ก็บอกมา ข้าจะจัดคนพาไปให้”

“ข...ขอรับ” ชายหนุ่มรีบรับ “ข...ข้าจะไปขอรับ ท...ทันทีที่ท่านสะดวก”

“ก็คงได้เร็วที่สุดพรุ่งนี้ เพราะวันนี้มีเรื่องวุ่นวายมากอยู่” ชายวัยกลางคนตอบด้วยเสียงดังเดิม “ข้ามีงานต้องทำ เดี๋ยวจะให้คนพาเจ้าไปยังห้องขัง ข้ารู้ว่าในนั้นคงไม่สะดวกสบายเท่าไร แต่หากขาดเหลือสิ่งจำเป็นใดๆ ก็ขอให้บอกมา”

“ข...ขอรับ”

ผ้าหุ้มเบาะขยับแสกสากเมื่ออีกฝ่ายลุกจากเก้าอี้ จากนั้นจึงมีเสียงสั่นกระดิ่งเรียกเจ้าหน้าที่ และเสียงฝีเท้า...ของทั้งผู้ที่เข้ามาประชิดตัวชาลัวห์ และผู้ที่กำลังจะออกไป

“ท...ท่านเจ้ามณฑลขอรับ” ชายหนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ และเรียกออกไปทันเวลา

“มีอะไรหรือ” เป็นเสียงถามเรียบเฉยของชายวัยกลางคน...ซึ่งชาลัวห์ยังคงไม่กล้ามองตรงๆ เช่นเดิม

“จ...เจ้าหญิง...กับอาเมียร์...มาถึงที่นี่โดยปลอดภัย...ใช่ไหมขอรับ”

“เจ้าหญิงทรงปลอดภัยดี และอาเมียร์ก็เช่นกัน อย่าห่วงเลย”

เสียงปิดประตูดังตามหลังคำตอบแทบในทันที แต่กลับนำความดีใจมาให้ลูกชายเจ้ามณฑลชอร์ซา ซึ่งกลายสถานะมาเป็นผู้ต้องขังอีกครั้ง

แต่ด้วยหัวใจที่หนักอึ้งน้อยกว่าครั้งอยู่ในคุกกรงน้ำมากนัก


* * * * *

ในความทรงจำของซิอ์บุล วันที่อาเมียร์กลับมาในที่สุดนั้นไม่มีลางหรือวี่แววบอกเหตุล่วงหน้าอันใดเลย ...จู่ๆ ในเวลาบ่าย รถม้าของศาลาเมืองก็แล่นมาถึงบ้านพัก ผู้ที่ลงมาเป็นคนแรกคือชายผมทองในชุดอย่างชาวทะเลทราย กับหญิงร่างเล็กสวมชุดอย่างนางรำชาวทะเลทรายเช่นกัน

ทหารยามที่เฝ้าหน้าคฤหาสน์ตรงไปช่วยแบกร่างของใครอีกคนตามลงมา ...ใครซึ่งทำให้อดีตนักรบรู้สึกทั้งโล่งอกและเป็นกังวลขึ้นมาพร้อมกัน

อาเมียร์!

หากไม่ติดว่าตนมีเพียงมือเดียว ชายวัยกลางคนก็คงจะเข้าไปอุ้มลูกชายซึ่งก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วเสียเอง ทว่าทหารยามทั้งสองนายบอกว่าจะนำตัวเด็กหนุ่มไปส่งให้ที่ห้องนอน และผู้มาเยือนอีกสองก็ดูท่าทางจะต้องการพูดคุยกับเขาตั้งแต่เดี๋ยวนั้น

“ลูเธียน...มาลิอา” ซิอ์บุลเห็นชัดในไม่ช้าว่าพวกเขาเป็นใคร “พวกเจ้ามากันได้อย่างไร”

คนทั้งสองค้อมคำนับอดีตนักรบอย่างนอบน้อม

“นั่นเป็นเรื่องยาว ข้าคิดว่าเข้าไปพูดข้างในกันดีกว่า” พระมหาเถระตอบ “และอย่าห่วงอาเมียร์เลย เขาเพียงแต่ใช้พลังมากจนเหนื่อยอ่อน จึงได้หลับไป ไม่ช้าจะตื่นขึ้นมาเอง”

“เชิญเลย” ชายวัยกลางคนผายมือไปทางประตู “นี่ไม่ใช่บ้านของข้าเอง แต่ก็ทำตัวตามสบายเถอะนะ”

เขาเดินนำคนทั้งสองเข้ามาในห้องรับแขก ซึ่งกั้นฉากไม้เป็นสัดส่วนชัดเจน และตกแต่งอย่างหรูหราในความเรียบง่ายของบ้านพักตากอากาศในชนบท สิมาซึ่งเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใครดูเหมือนจะทั้งตกใจและดีใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ด้วยอาการของลูกชายคนโต จึงได้ขอตัวไม่อยู่ร่วมสนทนา แต่ขึ้นไปเช็ดตัวและเฝ้าอยู่ข้างเตียง หลังจากบอกให้ลีชาเตรียมน้ำชากับของว่าง และดูแลเด็กๆ แทนเธอ

“ท่านมีลูกอีกคนแล้วหรือ” ลูเธียนเอ่ยทัก คงเพราะเห็นเด็กทารกผมดำที่พี่เลี้ยงสะพายหลังไว้

“ใช่ ลูกชาย ชื่ออาซิซ” ผู้เป็นบิดาตอบ “คลอดเมื่อเทศกาลเก็บเกี่ยวปีที่แล้ว เวลานี้ก็แปดเดือนได้”

“รู้สึกเหมือนครอบครัวท่านวุ่นวายขึ้นเยอะ” เป็นคำเปรยของมาลิอา ซึ่งปรายตาไปทางเด็กหญิงสองพี่น้องที่มาแอบเมียงมองหลังฉากพับ และพอรู้ตัวว่าผู้ใหญ่จับได้ก็วิ่งตึกตักหลบหายไป

“เด็กๆ เยอะก็อย่างนี้” ซิอ์บุลรับพร้อมกับยักไหล่

เขาอดนึกถึงวันเวลาที่ครอบครัวของเขายังมีสมาชิกน้อยจนเงียบเกินไปกว่านี้ไม่ได้ ...นาสิรายังเป็นเด็กเท่าฟาร์ฮานาห์ในเวลานี้ แต่กลับมีเพื่อนเล่นที่ไม่ใช่มนุษย์ ฟาร์ฮานาห์เองก็ยังเป็นเด็กทารก และยังไม่ได้มาอยู่กับพวกเขา อาเมียร์ตอนนั้นก็รับภาระหนักและจมจ่อมอยู่กับการหาทางช่วยเหลือผู้เป็นแม่เสียจนไม่ได้ใช้ชีวิตตามวัยยิ่งกว่าในตอนนี้ ส่วนสิมา...

เอาเถิด เวลานี้พวกเขาก็มีความสุข และหากลูเธียนกับมาลิอาแล้ว ทุกสิ่งจะเรียบร้อยดีไม่ใช่หรือ

“นาสิรากับฟาร์ฮานาห์ก็กำลังโต ลองอาซิซถึงวัยวิ่งเล่นด้วยอีกคนก็คงจะตึงตังกันทั้งบ้าน” เขาเปรยต่อ

“แต่ดูท่าทางท่านจะชอบให้เป็นอย่างนั้นนะ” พระมหาเถระตั้งข้อสังเกต

“ตอนเด็กๆ ข้าอยู่ตัวคนเดียวกับแม่ ไม่มีพี่น้อง ได้กลับมาอยู่กับสิมาอีกครั้ง มีลูกๆ พร้อมหน้าพร้อมตา เท่านี้ก็เป็นสุขแล้ว” อดีตนักรบบอก “ตอนนี้เหลือแต่เรื่องของอาเมียร์ หากเสร็จเรียบร้อยดี ข้าคงต้องคิดว่าจะอยู่ที่นี่ต่อได้ไหม หรือจะย้ายไปที่อื่นเลย”

“ข้าว่า...เรื่องนั้นคงต้องพูดกันยาวนะ” มาลิอาลงความเห็น “แต่เอาเถอะ นั่นเป็นเรื่องนอกเหนือความรับผิดชอบของพวกเรา เรื่องสำคัญในตอนนี้คือท่านจะให้เราทำอย่างไรกับทัมมุซ...หรืออาเมียร์ของท่านต่างหาก”

“จะสะกดพลัง และความทรงจำของเขาไว้อีกครั้งไหม” พระมหาเถระเสริม

“เรื่องพลัง...ข้าคิดว่าไม่มีเสียจะดีกว่า ส่วนเรื่องความทรงจำ...ก็แล้วแต่ทางเลือกของเขาเอง” ซิอ์บุลให้คำตอบช้าๆ “แต่ถึงอย่างไร ข้าคิดว่าคนควรเลือกและต้องเลือก ก็ควรจะเป็นอาเมียร์เองเท่านั้น”

ดูเหมือนทั้งจอมเวทขาวและจอมเวทดำจะไม่คัดค้านข้อนั้น แม้ลูเธียนจะดูเหมือนมีเรื่องที่อยากพูดต่อ

และเป็นเช่นนั้นจริง

“ท่านทราบแล้วใช่ไหม ว่ามาดายอยู่ที่นี่”

อดีตนักรบพยักหน้าอย่างเคร่งเครียดขึ้นทันที

“และมันก็ควรจะตายไปแล้ว”

“ข้าก็คิดว่าควรจะเป็นอย่างนั้น มัน...ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้เลย” ชายวัยกลางคนรับ “มีอะไรเกี่ยวกับมันหรือ”

“ก่อนหน้านี้ อาเมียร์เคยแสดงอำนาจความมืดออกมาบ้างไหม”

“มีครั้งหนึ่ง” ซิอ์บุลตอบหลังจากคิดอยู่ไม่นาน “ตอนพวกโจรบุกหมู่บ้านที่เราอยู่ ข้าคิดว่าโจรคนหนึ่งตายเพราะคัมภีร์สำแดงพลังออกคุ้มครองอาเมียร์ ระเบิดคอของมันจากข้างใน”

“แล้ว...ในตอนนั้น อาเมียร์มีท่าทางแปลกไปหรือเปล่า” นักบวชหนุ่มดูเหมือนจะค่อยๆ เรียบเรียงคำถาม “เช่น...เย็นชาหรือโหดเหี้ยมผิดปรกติ หรือพูดอะไรแปลกๆ บ้างไหม”

“...ข้าคิดว่าไม่นะ” อดีตนักรบขมวดคิ้ว “ตอนที่ข้าพบเขากับศพ เขาดูเหมือนจะตกใจและกลัว แต่ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่มันถูกฆ่า ข้าไม่ได้อยู่กับเขา”

“มีครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวหรือ” ลูเธียนถามซ้ำ

“เท่าที่ข้าจำได้ มีอยู่เท่านั้น” ชายวัยกลางคนตัดสินใจถามกลับ “ทำไมหรือ”

มาลิอาหันไปมองพระมหาเถระชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นแทน

“ข้าหารือเรื่องนี้กับลูเธียนแล้ว และคิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ...อย่างที่ท่านรู้ ผู้มีโลหิตดำควรจะมีจิตภายในสองดวง อย่างท่านสิมาริเมส กับผู้ที่เกิดในฤกษ์แห่งคราสคนอื่นๆ รวมถึงตัวข้าเอง แต่ตลอดเวลาที่เราพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ข้าไม่อาจสัมผัสได้เลยว่าอาเมียร์มีจิตอีกดวงอยู่ด้วย”

“แต่นั่นอาจเป็นเพราะ...พิธีสังเวยเพื่อให้อาเมียร์เกิดขึ้นมาไม่สมบูรณ์แบบไม่ใช่หรือ” ซิอ์บุลคาดเดา “สิมาริเมสอีกคนบอกข้ามาอย่างนั้น และข้าก็ไม่คิดว่านางจะหลอกลวงด้วย”

“ข้าไม่คิดว่านางรู้ทั้งหมดหรอก” แม่มดดำแย้ง “เทพองค์นั้นไม่มีวันบอกความจริงทุกอย่างต่อลูกคนใดก็ตามแน่ๆ แต่เป็นไปได้...ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา อาเมียร์ยังไม่มีจิตอีกดวง หรือไม่อย่างนั้น มันก็ฉลาดพอที่จะซ่อนเร้นตัวเองมาตลอด เพื่อรอโอกาส...”

“โอกาส...งั้นเหรอ” อดีตนักรบรับคำ

“ข้าอาจจะคาดเดามากเกินไป แต่คิดว่าเป็นไปได้สูง” เด็กสาวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “...ว่าอาเมียร์มีจิตอีกด้านเหมือนกับพวกเรา เพียงแต่จิตนั้นแยกตัวไปอาศัยร่างอื่น ปิดซ่อนตนเองอย่างแนบเนียนมาอีกสี่ปี เพื่อดำเนินแผนการของมัน”

นัยน์ตาของซิอ์บุลเบิกกว้างขึ้นทันที...เมื่อนึกได้ถึงความเชื่อมโยงอันน่ากลัว

“อย่าบอกนะว่า...”


* * * * *

จากคุณ : Anithin
เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 54 11:49:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com