Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพียงอยู่ด้วยกัน.....ในวันสุดท้าย ติดต่อทีมงาน

เพียงอยู่ด้วยกัน...ในวันสุดท้าย
:GTW


“รอเดี๋ยวนะที่รัก..”

ผมบอกเธอซึ่งนั่งรออยู่บนเก้าอี้รถเข็น หันหลังจะเดินไปปิดประตูรั้วบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงักและอดยิ้มให้กับความไม่เข้าท่าของตัวเองไม่ได้ ทำไมจะต้องวุ่นวายกับการปิดประตูรั้วบ้าน ในเมื่อประตูหน้าบ้านยังเปิดโล่งอยู่

มองดูนาฬิกาเวลา 7.42 น. เป็นเวลาเช้า แสงแดดวันนี้อบอุ่น ท้องฟ้าสดใสแต่งแต้มเมฆขาวบางเบาลอยฟ่องอยู่เหนือยอดหมู่ตึกอาคารบ้านเรือน เป็นเช้าที่สวยงามและสงบเยือกเย็น ถ้าไม่มองถนนหน้าบ้านซึ่งค่อนข้างสกปรกไปด้วยเศษขยะ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรมากมาย

ผมเดินมายังเก้าอี้รถเข็น ทรุดตัวลงเอาใบหน้าแนบเข่าผอมบางของเธอ ก่อนเงยหน้ามองด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความรักอันมากมายมหาศาลจนไม่ใส่ใจกับใบหน้าซูบซีดด้วยอาการเจ็บป่วยนั้น มองมองทะลุเข้าไปถึงตัวตนแท้จริงของเธอ ไม่ใช่รูปการภายนอกซึ่งอ่อนล้าสิ้นหวัง

เด็กสาวผมยาวตาเป็นประกายสดใสและรอยยิ้มกระจ่างสามารถสร้างสวนดอกไม้ขึ้นมาจนเต็มหัวใจยังคงอยู่ในตัวของเธอเสมอ แม้วันเวลาจะผ่านไปนานแสนนาน และการรอคอยไม่มีที่สิ้นสุด ผมก็ตามเธอจนเจอ

มือของเธอเลื่อนมาจับข้อมือของผม บีบเบาๆ อย่างปลอบโยน ผมหลับตา พยายามจดจำสัมผัสนั้นไว้ในหัวใจ

“ผมจะพาคุณไปเที่ยวให้รอบเมืองเลยวันนี้”

ผมบอกอย่างคนตั้งใจแน่วแน่ เธอยิ้มหม่นๆ หากประกายตายังคงดูแล้วอบอุ่นเต็มไปด้วยการให้กำลังใจเสมอ

“ฉันเคยตั้งใจว่าวันหนึ่งจะได้เดินเคียงคู่คุณ”

เธอบอกกับผมด้วยเสียงแผ่วเบา มือบอบบางขาวซีดบีบมือของผมแน่นเข้าเพื่อยืนยันคำพูดของเธอ

“เดินไปกับคุณที่ไหนก็ได้ เราจะไปเดินจับมือกันแล้วเดินไปด้วยกัน ทุกหนทุกแห่งที่เราต้องการ เหมือนที่คุณเคยฝัน แต่เสียดายว่าตอนนี้ฉันเดินไม่ได้แล้ว”

“ไม่เป็นไรที่รัก..วันนี้เราจะเดินด้วยกัน ผมจะพาคุณไปเอง เราจะจับมือกันเหมือนในความฝัน”

ผมบอกเธอแล้วลุกขึ้นยืนพลางจับมือขวาของเธอ หัวใจพองโตขึ้นมาทันที ใช่แล้ว..สัมผัสแบบนี้ล่ะที่ผมจดจำได้แม้จะเป็นเพียงความฝันก็ตาม ผมเคยเขียนบันทึกความทรงจำทั้งร้าวรานทั้งประทับใจที่มีต่อเธอ และเธอเพิ่งมีโอกาสอ่านเมื่อคืนนี้เอง

ผมจดจำความฝันนั้นได้ไม่เคยลืม ในค่ำคืนมืดมน ผมมองเห็นเธอเดินอยู่ไกลออกไปบนถนนสายเปล่าเปลี่ยว ความรู้สึกตอนนั้นทั้งห่วงทั้งอยากเจอ ผมวิ่งตามเธอเหมือนคนบ้ากว่าจะตามทัน  เธอหันมายิ้มอย่างดีใจ เราจับมือกันเดิน ผมไม่เคยลืมความรู้สึกในการได้จับมือคนที่แสนรักและโหยหามาไม่รู้วันเวลานานเพียงใด ในที่สุดผมก็ได้เจอเธอในความฝัน ได้จับมือเธอ ไม่มีสิ่งใดนอกจากเราสองคน

คืนนั้นผมตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองกำลังร้องไห้แบบไม่เสียดายน้ำตาเมื่อไม่สามารถดึงความฝันนั้นให้ยาวนานมากกว่านั้น หรือดึงเธอออกมาสุ่โลกแห่งความเป็นจริง

มันดูเป็นเรื่องเหมือนไม่มีอะไร แต่กับคนแสนพิเศษ คนที่เรารักแสนรักสุดชีวิตจิตใจการฝันแบบนั้นนับว่าทรงคุณค่ามากมายเกินพอต่อการบันทึกไว้ในลิ้นชักความทรงจำและเก็บเอามาระลึกถึงด้วยหัวใจที่มีความสุขแบบเหงาๆได้เสมอ

ผมกุมมือของเธออย่างทะนุถนอม มืออีกข้างเข็นรถไปอย่างช้าๆ ผมอยากทำให้ความฝันเป็นจริง

“หนาวไหม..”

ผมกระซิบด้วยอย่างเป็นห่วงเมื่อสัมผัสสายลมเย็นพัดผ่านมาตามทางแยกของถนนอันว่างเปล่า บริเวณสี่แยกสัญญาณไฟจราจรไม่ทำงานมาหลายวันแล้ว แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ในเมืองนี้ไม่มีใครอีกนอกจากเราสองคน ผมไม่ยอมย้ายออกไปแม้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมอยากอยู่กับเธอ ไม่มีเธอชีวิตก็เวิ้งว้างไร้ความหมาย ผมอยู่กับความเวิ้งว้างมานานเกินพอแล้ว

เธอสั่นหน้า พยายามหันมายิ้ม ผมก้มลงกอดจากด้านหลังแอบสูดดมกลิ่นหอมบางเบาจากเรือนผมของเธอ ระวังไม่ให้น้ำตาไหลลงไปเปรอะเปื้อนเส้นผมของเธอ ผมอยากหยุดเวลาให้อยู่นิ่งแบบนี้เหลือเกิน

แถวๆนั้นมีร้านอาหารอร่อยๆอยู่หลายร้าน ผมเคยหวังว่าวันหนึ่งจะพาเธอเข้าไปกินกัน มองตากัน พูดคุยกันตามประสา แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว เมืองนี้ถูกตัดกระแสไฟฟ้า ร้านอาหารไร้ผู้คน ผมมองเห็นสุนัขจรจัดสองสามตัวอยู่ในร้าน บางทีพวกมันอาจกำลังค้นหาของกิน ทำไมเจ้าของไม่นำพวกสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านี้ไปด้วยนะ ผมคิดในใจ ถึงมันจะเป็นสัตว์เลี้ยงก็ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยกันแบบนี้

สายลมยามเช้าสดชื่นเหลือเกิน แม้จะเป็นสายลมในเมืองอันรกร้างว่างเปล่าก็ตาม แต่หัวใจที่เต็มไปด้วยความรักก็ขับไล่ความอ้างว้างเงียบเหงานั้นไปได้จนหมดสิ้น ผมสงสัยว่าทำไมคนเราต้องมีความรัก แต่ในที่สุดผมก็พบว่าผมไม่จำเป็นต้องหาคำตอบนั้น บางทีมันอาจเหมือนต้นไม้ที่งอกงามเจริญเติบโตตามธรรมชาติของมัน ตามขั้นตอนของมัน เราเพียงรู้เท่านั้น

เหมือนที่ผมรู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่กับคนที่ผมรอคอยมาชั่วชีวิต ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

“อยากฟังเพลงไหม”

ผมถามอีกเมื่อผ่านร้านขายเครื่องเสียง

เธอหันไปมองครูหนึ่งแล้วส่ายหน้าอีกครั้งเอียงหัวแนบกับแขนของผม

“ไม่ดีกว่าค่ะ...ตอนนี้ฉันอยากอยู่กับคุณ ให้นานเท่านาน ไม่อยากเสียเวลาห่างคุณอีกแม้แต่นาทีเดียว”

“ผมจะไม่ห่างคุณอีกแล้ว จะไม่ขอห่างแม้แต่วินาทีเดียว”

ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านแม้จะพยายามระงับสติอารมณ์ไว้แล้วก็ตาม เวลาทุกนาทีมันมีค่ามากมายเหลือเกินในตอนนี้ ผมมองนาฬิกาอีกครั้ง

“ผมร้องเพลงให้ฟังแทนเอาไหม..”

“อย่าดีกว่าค่ะ”

“คุณไม่อยากฟัง”

“ก็เสียงคุณไม่ได้เรื่องนี่คะ”

แล้วพวกเราก็หัวเราะให้กัน ผมจัดผ้าคลุมใหล่ของเธอให้เข้าที่เข้าทาง ผมอยากให้เธอดูดีเสมอ ผมเข็นรถไปอย่างช้าๆระมัดระวังไม่ให้กระทบกะเทือน ความจริงเธอไม่ควรออกมาอยู่ข้างนอกรับลมแบบนี้

หมอบอกว่าอาการของเธอจะอยู่ได้ไม่กิน 3 วัน

แต่นี่เป็นวันที่เจ็ดแล้ว

ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งบันดาลใจให้หัวใจอันอ่อนล้าของเธอฝืนทนเต้นอยู่จนทุกวันนี้ เธออดทนอยู่เพื่อผมเท่านั้น อย่างน้อยก็ให้ยาวนานมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เท่าที่กำลังกายกำลังใจจะไปถึง เท่าที่แรงใจจะไขว่คว้า

หลังการจากกัน..ไปกับใครบางคน ราวตายจากกันไปเกือบยี่สิบปี ผมก็พบเธออีกครั้งอย่างไม่คาดฝัน ในสายตาคนอื่นเธอเป็นคนป่วยไม่มีทางรักษาและรอวันตาย  ผู้คนใกล้ตัวห่างหาย แต่กับผมแล้วเธอคือนางฟ้าของผมตลอดกาล เทพธิดาแห่งความรักผู้กลับมาหลังจากคิดว่าจะไม่มีโอกาสพบเจอกันอีกแล้ว

ผมไม่สนใจว่าโลกของเธอซึ่งก้าวอกมาเป็นอย่างไร ผมรู้เพียงแค่ว่าผมได้เธอกลับมาแล้ว ผมสละทุกอย่างนำตัวเธอออกมาจากโรงพยาบาลอันไร้ความหวัง มาอยู่กับผม  ในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง

สำหรับผมแล้วเธอยังคงเป็นเธอคนเดิม ความรู้เดิม ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนได้
เมื่อมีเธอผมไม่สนใจอย่างอื่นอีกแล้ว ผมผ่านวันเวลาอย่างขมขื่นเจ็บปวดราวอยู่ในห้วงฝันร้ายยาวนานมาเกินพอ ตอนนี้ขอเพียงเวลาสั้นๆกับคนที่ผมรักเท่านั้น ไม่มีอะไรจะต้องคิดมากมาย

เรามาหยุดอยู่สี่แยก สี่แยกอันเวิ้งว้างว้างเปล่าไร้ผู้คน พวกเขารีบร้อนออกจากเมืองจนเกินไป ผมยังพบเห็นของมีค่าหลายอย่างถูกทิ้งไว้ในร้านข้างทาง

“ที่รัก....”

ผมก้มลงกระซิบ เธอหลับตานิ่ง ผมใจหายวาบ ผวาไปซบตักของเธอ ความรู้สึกเย็นยะเยียบแผ่ซ่านจับขั้วหัวใจ ไม่..ต้องไม่ใช่ตอนนี้ที่รัก ได้โปรด...คราวนี้น้ำตาของผมไหลพรากอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้

ราวกับว่าเธอจะรับรู้ นัยน์ตาของเธอลืมขึ้นมาอย่างช้าๆแม้จะดูอ่อนล้ามากมายก็ตาม เธอพยายามยิ้มให้ผม ยกมือมาปาดน้ำตาของผมแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยิน

“อย่าร้องไห้สิคะ..ฉันยังอยู่กับคุณเสมอ”

ปากบอกคนอื่นไม่ให้ร้องไห้ แต่หางตาของเธอกลับปรากฎหยาดน้ำตาไหลริน ทั้งที่กำลังยิ้มบางๆ ผมฝืนยิ้มเช่นกัน ยกมือปาดน้ำตาของเธออกจากแก้มซูบซีดแผ่วเบา

“คุณเองก็อย่าร้องไห้”

“ฉันร้องให้ด้วยความดีใจที่ได้อยู่กับคุณ”

“ผมก็เหมือนกัน....”

“คุณอย่ามาทำเป็นลอกเลียนคำพูดฉันสิคะ”

ผมฟังแล้วยิ้ม มองท้องฟ้า มองดูนาฬิกาอีกครั้ง

“ช่วยดึงฉันลงจากรถเข็นนี่ทีได้ไหมคะ ฉันอยากกอดคุณให้มากกว่านี้”  

เธอขอร้องด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท่าทาง ผมรู้ว่าตอนนี้จะต้องตามใจเธอแล้ว

ผมอุ้มเธอลงมาจารถเข็น ผลักมันเคลื่อนหนีห่างไกลออกไป เราไม่จำเป็นต้องอาศัยมันอีกต่อไป

ผมนั่งโอบเธอไว้ในอ้อมแขน จัดท่านั่งให้สบายต่อเธอมากที่สุด เธออิงแอบแนบหน้าอกของผม หลับตา ไม่มีน้ำตาไหลอีกต่อไปแล้ว มีแต่รอยยิ้มของคนที่มีความสุขสงบ ผมก็ไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไป ผมจะร้องไห้ไปทำไมในเมื่อผมมีคนที่แสนรักโหยหามาทั้งชีวิตอยู่ในอ้อมแขนแบบนี้ ผมมีโอกาสซึ่งหลายคนไม่เคยได้รับ

“ฉันรักคุณ..”

เธอหลับตากระซิบแผ่ว ผมแนบจมูกข้างแก้มของเธอ ปากกระซิบข้างหู

“ที่รัก...ผมรักคุณสุดหัวใจ..หัวใจของเราเต้นไปพร้อมกัน จังหวะเดียวกัน ..จะอยูด้วยกันตลอดไปจนลมหายใจสุดท้าย”

ผมมองนาฬิกา

เวลา 8.30 น.

ผมกอดเธอแน่น แล้วหลับตา

**


บทส่งท้าย


รายงานข่าวการทดลองระเบีดฟิวชั่น-นิวตรอน ขนาดเล็กในเมือง XXX เมื่อเวลา 8.30 น. ของเวลาท้องถิ่น ประสบความสำเร็จ เมืองทั้งเมืองซึ่งถูกสงสัยว่ากำลังจะมีการระบาดของเชื้อโรคอันตรายหายไปในเสี้ยววินาที ไม่พบรายงานของผู้รอดชีวิต........


เพียงอยู่ด้วยกัน.....ในวันสุดท้าย..........................


The end

แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 54 17:01:04

แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 54 13:34:58

แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 54 13:28:42

แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 54 13:14:49

แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 54 13:11:58

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 54 12:34:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com