บันไดขั้นที่ศูนย์
ผมยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารสูงเสียดฟ้า สายตาจับจ้องผู้คนตัวกระจ้อยที่กำลังขวักไขว่อยู่เบื้องล่าง สายลมเย็นที่ไม่อาจทำให้ชื่นใจพัดผ่านใบหน้า แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้เหงื่อที่ผุดพรายอยู่ตามใบหน้าแห้งลงได้
กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าครุ่นคิดราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แต่สายตาที่ทอดมองลงไปกลับเหม่อลอยไร้จุดสนใจ
................................................
เมื่อนานมาแล้วมีเด็กชายตัวกระจ้อยถือกำเนิดขึ้นมาจากจุดนี้ ด้วยฐานะอันขัดสนทำให้ตั้งแต่จำความได้เขาก็เที่ยวเฝ้ามองใครต่อใครที่แตกต่างไปจากเขา
ทำไมเด็กบางคนถึงเกิดมามีพร้อมทุกอย่างอยู่ก่อนแล้ว ทำไมบางคนอยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง ในขณะที่เขาเองกลับไม่ใช่
เด็กชายมองดูตัวเองและผู้คนขวักไขว่ไปมา มันช่างว่างเปล่าและไร้แก่นสารเสียจนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของตัวเอง
ช่างเป็นที่ยืนที่ไร้แม้แต่คนจะอยากเหลียวแล
แต่นั่นเองกลับเป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยผลักดันให้เด็กชายเติบโตขึ้นพร้อมๆ กับความมุมานะเกินปกติ
...สักวันทุกอย่างจะดีขึ้น เขาจะต้องมีทุกอย่างที่อยากมี ได้ทุกอย่างที่อยากได้...
เด็กชายเฝ้าเพียรพยายาม อดทน ขวนขวายสิ่งต่างๆ เท่าที่กำลังทางบ้านและกำลังตัวเองจะหาให้ได้
...สิ่งจำเป็นสำหรับก้าวถัดไป...
เด็กชายเติบโตขึ้นในฐานะนักเรียนและนักศึกษาดีเด่นของสถาบัน และนั่นเองจึงทำให้เขาไม่ขัดสนเรื่องทุนเล่าเรียนอีกต่อไป
ครูบาอาจารย์ชื่นชม เพื่อนๆ รุมล้อม หนุ่มน้อยยิ้มอย่างมีความสุข
................................................
ชายหนุ่มพยายามหางานทำหลังจากเรียนจบด้วยคะแนนสูงลิบ แต่ภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นทำให้แม้แต่เด็กเรียนดีก็ยังเป็นไปได้ยากสำหรับการเข้าทำงานที่ไหนสักแห่ง
ภาพจินตนาการถึงรายได้มหาศาลเริ่มถอยห่างออกไป มันเล็กลง จางลง จนในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมรับค่าแรงอันน้อยนิดเพื่อกันตัวเองอดตาย
...อย่างน้อยมันก็ประกันได้ว่าจะมีรายได้ทุกเดือน ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ...
ชายหนุ่มทำงานอย่างขยันขันแข็งไม่สนใจว่าจะมีคนเห็นสิ่งที่ทำหรือไม่ เขาศึกษาทุกอย่างที่ทำได้เมื่อมีเวลาว่าง ไม่เกี่ยงงานที่เขาพอจำทำได้
................................................
วันเวลาผ่านไป ในขณะที่ชายหนุ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากขึ้น มากขึ้น เขากลายเป็นที่หมายปองของหลายองค์กร ซึ่งแน่นอนว่าชายหนุ่มเองต้องเลือกอะไรที่ดีที่สุดให้กับตนเอง
รายได้ไม่ขาดมือ สวัสดิการที่ดี เป็นสิ่งที่ควรเลือก คนบางคนมีพร้อมทุกอย่างตั้งแต่เกิด คนๆ นั้นยืนอยู่บนจุดสูงสุดตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว คนบางคนมีโอกาสที่ดีในการก้าวเดิน ไม่จำเป็นต้องเริ่มนับตั้งแต่ศูนย์
...แต่เขาไม่ใช่ เขาทำทุกอย่างด้วยตัวของตัวเอง...
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาได้ในสิ่งที่พึงได้ ความรู้สึกที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกแตกต่างจากที่ผ่านมา
แต่เพียงแค่นี้มันยังไม่ใช่ เพียงแค่นี้ยังไม่พอ ชายหนุ่มพยายามมากขึ้น มากขึ้น ไขว่คว้าทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
หน้าที่การงานเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มกลายเป็นที่รักใคร่ของผู้บริหาร ในขณะเดียวกันระยะห่างระหว่างเพื่อนฝูงและครอบครัวก็มากขึ้น
...การสูญเสียเป็นเรื่องธรรมดา การที่จะได้อะไรมาก็อาจจะจำเป็นต้องแลกอะไรไปบ้าง...
................................................
ด้วยความมุมานะเกินปกติของชายหนุ่มทำให้เขากลายเป็นผู้บริหารระดับสูงในเวลาไม่นาน กับสังคมในเวลานี้ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากที่เขาต้องคอยทักทายใครต่อใครทุกเช้า
...บัดนี้กลับกลายเป็นคนรอบกายที่ต้องคอยทักชายหนุ่มก่อน...
รอบกายเต็มไปด้วยสิ่งของฟุ่มเฟือยที่บางชิ้นชายหนุ่มซื้อมาด้วยความอยากเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่มีมาไม่เคยขาด
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้บุหนังอย่างดี เอนกายด้วยท่าทีที่สบายที่สุด สายตาเหม่อมองเพดาน
...ต้องสูงขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปอีก...
มือเอื้อมขึ้นไปไขว่คว้าสิ่งที่มองไม่เห็นในอากาศ หากแต่มันกลับเด่นชัดตรงหน้าชายหนุ่มนั่นเอง
................................................
เป็นระยะเวลาหลายปีแล้วกว่าที่บริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ ริ้วรอยยับย่นบนใบหน้าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชายชราต้องใช้ความพยายามขนาดไหนหลังจากที่เขาลาออกมาเพื่อทำธุรกิจของตนเอง
ชายชรากลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว บริษัทของเขากลายเป็นบริษัทที่เป็นที่จับตามองของเหล่านักธุรกิจและผู้หวังเก็งกำไร
บรรดาลูกน้องต่างนอบน้อม เพื่อนร่วมธุรกิจนับหน้าถือตาและให้ความยำเกรง สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดตั้งแต่ต้นบัดนี้กลายเป็นจริงแล้ว
................................................
ผมยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารสูงเสียดฟ้า สายตาจับจ้องผู้คนตัวกระจ้อยที่กำลังขวักไขว่อยู่เบื้องล่าง สายลมเย็นที่ไม่อาจทำให้ชื่นใจพัดผ่านใบหน้า แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำให้เหงื่อที่ผุดพรายอยู่ตามใบหน้าแห้งลงได้
กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าครุ่นคิดราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แต่สายตาที่ทอดมองลงไปกลับเหม่อลอยไร้จุดสนใจ
บนชั้นดาดฟ้านั้นว่างเปล่าไร้เงาใครอื่นนอกจากผม ช่างแตกต่างจากภาพเบื้องล่างอย่างสิ้นเชิงที่ถึงแม้จะสับสนวุ่นวายแต่ก็ไม่เคยเหงา
ในวันที่ผมคิดว่าผมมีพร้อมทุกอย่างแล้ว เมื่อมองกลับไปบนเส้นทางอันยาวไกลที่เดินผ่านมา ถึงจะเป็นเพียงบันไดห้าขั้น แต่ผมกลับต้องใช้ระยะเวลาทั้งชีวิตเพื่อแลกมันมา
ผมสูญเสียช่วงเวลาต่างๆ ไปจนหมดสิ้น
ผมตั้งใจเรียนเพื่อให้พ่อแม่ดีใจ เพื่อที่ครอบครัวเราจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายผมก็ไม่เคยกลับไปพบท่านทั้งสองอีกเลยจวบจนวันสุดท้าย
ผมอยากมีเพื่อนที่พร้อมจะเฮไหนเฮนั่น คุยกันปรึกษากันได้ทุกเรื่อง เป็นเพื่อนแบบที่เรียกกันว่าเพื่อนตาย
ผมอยากมีคนรักที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปที่ไหนก็ได้ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผมจนวันสุดท้ายของชีวิต
ผมเคยคิดว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดทั้งมวลจะช่วยให้มีความสุข จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและเป็นอย่างที่หวัง
แต่สุดท้ายแล้วในตอนนี้มันกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ผมเฉยเมยต่อคนสำคัญเหล่านั้นและทำให้เขาเจ็บช้ำมานับครั้งไม่ถ้วน
...สิ่งที่ต้องแลกมันมากมายเหลือเกิน...
ช่างเป็นบันไดขั้นสุดท้ายที่ทอดยาวไปสู่ความว่างเปล่า มันเป็นความเคว้งคว้างที่ไม่อาจบรรยาย ความหนาวที่ไม่อาจคลายได้ด้วยผ้าผืนหนา
น้ำตารินไหลกับภาพต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมาราวสายน้ำ
...และบัดนี้ สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าคือบันไดขั้นที่ศูนย์...
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ม.ค. 54 00:10:17
|
|
|
|